พิรุธเพียบ “อควาเรียมสงขลา” ผลาญ 1.4 พันล้าน 10 ปี สร้างไม่เสร็จ แฉ บ.รับเหมาอยู่ตึกซอมซ่อ ส่อปิดตัวไปแล้ว
โครงการก่อสร้างศูนย์ศึกษาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทะเลสาบสงขลา หรือ “อควาเรียมหอยสังข์” ในวิทยาลัยประมงติณสูลานนท์ ต.พะวง อ.เมือง จ.สงขลา(ภาพจากแฟ้ม)
ที่ปรึกษา รมว.ศธ. เผยผลสืบข้อเท็จจริง “อควาเรียมสงขลา” งบ 1,400 ล้าน 10 ปี สร้างไม่เสร็จ เบื้องต้นพบพิรุธจ่ายเงินล่วงหน้า - ขยายสัญญาก่อสร้าง เรียกค่าปรับหละหลวม ใช้งบซ้ำซ้อน ตัวอาคารมีปัญหาแน่ ซ้ำพบบริษัทรับเหมาอยู่ในตึกเล็กๆ และอาจปิดตัวไปแล้ว เตรียมรายงาน “หมอธี” ขอขยายเวลาสอบ
วันนี้ (5 เม.ย.) พล.ท.โกศล ประทุมชาติ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะรองประธานคณะกรรมการอำนวยการขับเคลื่อนแก้ปัญหาทุจริตของกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการแก้ปัญหา โครงการก่อสร้างศูนย์ศึกษาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทะเลสาบสงขลา จังหวัดสงขลา หรือ อควาเรียม ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ที่มีความล่าช้ามาเป็นเวลา 10 ปี แต่ยังไม่เสร็จ ว่า ตามที่คณะกรรมการสืบข้อเท็จจริง ที่มี นายการุณ สกุลประดิษฐ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธาน ได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบแล้วนั้น คณะกรรมการได้หารือร่วมกับคณะทำงานของตน พบว่า มีปัญหาหลายประเด็นที่ตรงกัน เช่น การจ่ายเงินล่วงหน้า จำนวน 125 ล้านบาท มีความจำเป็นหรือไม่ และการขอขยายเวลาจากเดิมต้องแล้วเสร็จภายในปี 2553 เป็นปี 2557 รวมถึงการแก้ไขสัญญา 6 ครั้ง ซึ่งต้องไปดูรายละเอียดว่ารัฐได้เปรียบจริงหรือไม่
นอกจากนี้ ยังมีประเด็นค่าปรับวันละ 8 หมื่นกว่าบาท ที่บริษัทจะต้องจ่ายให้กับ สอศ. กรณีที่สร้างไม่เสร็จตามสัญญา มีการดูรายละเอียดหรือไม่ และยังมีเรื่องที่ สอศ. ใช้งบประมาณเหลือจ่ายในปี 2558 จำนวน 126 ล้านบาท ปี 2559 จำนวน 42 ล้านบาท และในปี 2560 จำนวน 69 ล้านบาท เพื่อการปรับปรุงบริเวณภายนอกอาคาร ซึ่งมีบางอย่างซ้ำซ้อน
พล.ท.โกศล กล่าวอีกว่า ในส่วนของตัวอาคารน่าจะมีอะไรผิดปกติ และคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริงได้ส่งหนังสือถึงกรมบัญชีกลาง และ สอศ. เพื่อขอเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้ว จากนั้นจะดำเนินการศึกษาเอกสารตามข้อสังเกต ก่อนที่จะเชิญบุคคลที่เกี่ยวข้อง เช่น กรรมการตรวจรับ กรรมการควบคุมงาน วิศวกรที่ควบคุมงาน อดีตเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) เป็นต้น เข้ามาให้ข้อมูลในช่วงหลังสงกรานต์และจะรายงาน นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อขอขยายเวลาในการสืบข้อเท็จจริง จากเดิมที่ต้องดำเนินการสืบให้เสร็จภายใน 7 วัน ตามมาตรการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในระบบราชการ เนื่องจากเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมาแล้วเป็น 10 ปี และการขอเอกสารก็ต้องใช้เวลา อีกทั้งการลงลึกในรายละเอียดหากไม่ละเอียดจริงก็จะเป็นการกล่าวหากัน
นอกจากนี้ คณะกรรมการสืบข้อเท็จจริงได้ลงพื้นที่ตรวจสอบบริษัท ไทคอน จำกัด ที่รับงานก่อสร้างอควาเรียม พบว่า เป็นบริษัทที่อยู่ในตึกเล็กๆ และอาจปิดตัวไปแล้ว บริษัทนี้ยังประมูลงานสร้างบึงฉวาก จังหวัดสุพรรณบุรี มาก่อนด้วย
สำหรับโครงการก่อสร้างศูนย์ศึกษาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทะเลสาบสงขลา หรือ “อควาเรียมหอยสังข์” ตั้งอยู่ในพื้นที่วิทยาลัยประมงติณสูลานนท์ ต.พะวง อ.เมือง จ.สงขลา ถูกออกแบบให้เป็นสถาปัตยกรรมที่สวยงาม โดดเด่น เป็นรูปหอยสังข์ขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ริมทะเลสาบสงขลา โดยมีวัตถุประสงค์ใช้เป็นสถานที่จัดแสดงพันธุ์สัตว์น้ำ พันธุ์ไม้น้ำ และการเพาะขยายพันธุ์ที่มีความทันสมัย เป็นสถานที่ศึกษาวิจัย และจำลองระบบนิเวศทะเลสาบสงขลา ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2551 มีกำหนดแล้วเสร็จในปี 2554 แต่จนขณะนี้ยังไม่แล้วเสร็จ โดยในระยะแรกได้ใช้วงเงินไปแล้วประมาณ 835 ล้านบาท สร้างได้เฉพาะแค่ตัวอาคาร ในระยะที่ 2 ใช้งบประมาณ 269 ล้านบาท ทำระบบเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ระยะที่ 3 ใช้งบประมาณอีกกว่า 42 ล้านบาท และระยะที่ 4 ใช้งบประมาณไปกว่า 258 ล้านบาท รวมประมาณที่ได้ใช้ไปแล้วในขณะนี้กว่า 1,400 ล้านบาท
https://mgronline.com/onlinesection/detail/9610000034184
“บิ๊กตู่” ย้ำปัดอนุมัติสร้างบ้านพักตุลาการ ชงฝ่ายเกี่ยวข้องหาทางออกคืนสภาพเดิม
“สรรเสริญ” เผย “ประยุทธ์” รับรัฐเข้าใจความรู้สึก ปชช.มองเรื่องหวงแหนทรัพยากร หลังจี้ใช้ ม.44 ยกเลิกบ้านพักตุลาการบนดอย ชงฝ่ายเกี่ยวข้องหาทางออกคืนสภาพเดิม ย้ำ คสช.ไม่ได้อนุมัติ รับการดำเนินการถูกหลักราชการ
วันนี้ (6 เม.ย.) พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงโครงการก่อสร้างบ้านพักตุลาการที่ จ.เชียงใหม่ ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์และเรียกร้องให้ใช้มาตรา 44 สั่งยกเลิกโครงการ พร้อมทั้งคืนพื้นที่และฟื้นฟูสภาพป่าในบริเวณว่า รัฐบาลเห็นใจและเข้าใจถึงความรู้สึกของประชาชนในพื้นที่ ถือเป็นเรื่องดีที่คนในชุมชนรู้สึกหวงแหนและมีส่วนร่วมในการดูแลทรัพยากรธรรมชาติ
พล.ท.สรรเสริญกล่าวอีกว่า ขณะนี้นายกฯ ได้มอบหมายให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงการคลังในฐานะที่ดูแลที่ราชพัสดุ กระทรวงทรัพยากรฯ ที่ดูแลป่าไม้ ตลอดจนกระทรวงมหาดไทยที่ดูแลจังหวัดซึ่งรับผิดชอบพื้นที่โดยรวม รวมทั้งฝ่ายกฎหมายของ คสช.ไปพูดคุยหาทางออกที่เหมาะสมร่วมกับฝ่ายตุลาการ และส่งข้อเสนอแนะไปยังรัฐบาลเพื่อพิจารณาตัดสินใจต่อไป
“นายกฯ เน้นย้ำว่า เรื่องนี้มีแนวคิดเริ่มต้นมาหลายปีแล้ว และรัฐบาล คสช.ไม่ได้เป็นผู้อนุมัติ แต่เพิ่งมาก่อสร้างเป็นรูปเป็นร่างในช่วงนี้ โดยรัฐบาลจะเร่งแก้ปัญหาและจะพยายามปรับพื้นที่ให้กลับสู่สภาพเดิม ทุกฝ่ายจึงต้องหันหน้าพูดคุยกัน ผู้รับเหมาก็น่าเห็นใจเพราะต้องทำตามสัญญาก่อสร้าง” พล.ท.สรรเสริญกล่าว
สำหรับที่ดินที่ใช้ก่อสร้างบ้านพักตุลาการนี้ เดิมเป็นของกรมป่าไม้ แต่เนื่องจากมีสภาพเป็นป่าเสื่อมโทรม กองทัพภาคที่ 3 จึงขอใช้สถานที่เพื่อฝึกกำลังพล ต่อมาในปี 2500 กรมที่ดินได้ออกเอกสารหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง หรือ นสล.394/2500 จำนวน 23,787 ไร่ เพื่อให้กระทรวงกลาโหมใช้ในราชการ โดยกองทัพภาคที่ 3 ได้ไปขอขึ้นทะเบียนการใช้ประโยชน์กับกรมธนารักษ์
ปี 2540 สำนักอธิบดีผู้พิพากษาภาค 5 ได้ทำเรื่องขอแบ่งใช้ประโยชน์พื้นที่บางส่วน และกองทัพบกได้อนุมัติให้ใช้พื้นที่ 143 ไร่ได้ในปี 2547 โดยกองทัพได้ทำเรื่องส่งคืนพื้นที่ตามแปลงที่ดินนั้นให้กรมธนารักษ์ จากนั้นในปี 2549 กรมธนารักษ์ออกหนังสืออนุญาตให้ใช้ที่ดินราชพัสดุดังกล่าว และต่อมากระทรวงการคลังได้อนุมัติให้สำนักงานศาลยุติธรรมใช้พื้นที่ก่อสร้างที่ทำการศาลอุทธรณ์ภาค 5 บ้านพัก และอาคารชุดสำหรับข้าราชการตุลาการ ซึ่งทั้งหมดเป็นการดำเนินการที่ถูกต้องตามหลักเกณฑ์การปฏิบัติของทางราชการ
จากนั้นในปี 2556 เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 5 ได้รับงบประมาณ จึงเริ่มเปิดพื้นที่ก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ตามที่ได้กำหนดไว้
https://mgronline.com/politics/detail/9610000034319
ทุกเรื่องที่มีปัญหา มาโผล่ในยุคลุงตู่ทั้งนั้นค่ะ
จะไม่เรียกว่ายุคโปร่งใสได้อย่างไรคะ
ท่านทำงานคุ้มเกินคุ้มกับผลงานที่ได้แก้ปัญหามาตลอดที่ท่านเป็นผู้นำรัฐบาล
⌛🏛~มาลาริน~เข้าใจนะ...อควาเรียมสงขลา” ผลาญ 1.4 พันล้าน 10 ปี สร้างไม่เสร็จหรือบ้านพักตุลาการ ก็ไม่ได้เกิดในรัฐบาลลุงตู่
โครงการก่อสร้างศูนย์ศึกษาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทะเลสาบสงขลา หรือ “อควาเรียมหอยสังข์” ในวิทยาลัยประมงติณสูลานนท์ ต.พะวง อ.เมือง จ.สงขลา(ภาพจากแฟ้ม)
ที่ปรึกษา รมว.ศธ. เผยผลสืบข้อเท็จจริง “อควาเรียมสงขลา” งบ 1,400 ล้าน 10 ปี สร้างไม่เสร็จ เบื้องต้นพบพิรุธจ่ายเงินล่วงหน้า - ขยายสัญญาก่อสร้าง เรียกค่าปรับหละหลวม ใช้งบซ้ำซ้อน ตัวอาคารมีปัญหาแน่ ซ้ำพบบริษัทรับเหมาอยู่ในตึกเล็กๆ และอาจปิดตัวไปแล้ว เตรียมรายงาน “หมอธี” ขอขยายเวลาสอบ
วันนี้ (5 เม.ย.) พล.ท.โกศล ประทุมชาติ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะรองประธานคณะกรรมการอำนวยการขับเคลื่อนแก้ปัญหาทุจริตของกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการแก้ปัญหา โครงการก่อสร้างศูนย์ศึกษาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทะเลสาบสงขลา จังหวัดสงขลา หรือ อควาเรียม ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ที่มีความล่าช้ามาเป็นเวลา 10 ปี แต่ยังไม่เสร็จ ว่า ตามที่คณะกรรมการสืบข้อเท็จจริง ที่มี นายการุณ สกุลประดิษฐ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธาน ได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบแล้วนั้น คณะกรรมการได้หารือร่วมกับคณะทำงานของตน พบว่า มีปัญหาหลายประเด็นที่ตรงกัน เช่น การจ่ายเงินล่วงหน้า จำนวน 125 ล้านบาท มีความจำเป็นหรือไม่ และการขอขยายเวลาจากเดิมต้องแล้วเสร็จภายในปี 2553 เป็นปี 2557 รวมถึงการแก้ไขสัญญา 6 ครั้ง ซึ่งต้องไปดูรายละเอียดว่ารัฐได้เปรียบจริงหรือไม่
นอกจากนี้ ยังมีประเด็นค่าปรับวันละ 8 หมื่นกว่าบาท ที่บริษัทจะต้องจ่ายให้กับ สอศ. กรณีที่สร้างไม่เสร็จตามสัญญา มีการดูรายละเอียดหรือไม่ และยังมีเรื่องที่ สอศ. ใช้งบประมาณเหลือจ่ายในปี 2558 จำนวน 126 ล้านบาท ปี 2559 จำนวน 42 ล้านบาท และในปี 2560 จำนวน 69 ล้านบาท เพื่อการปรับปรุงบริเวณภายนอกอาคาร ซึ่งมีบางอย่างซ้ำซ้อน
พล.ท.โกศล กล่าวอีกว่า ในส่วนของตัวอาคารน่าจะมีอะไรผิดปกติ และคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริงได้ส่งหนังสือถึงกรมบัญชีกลาง และ สอศ. เพื่อขอเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้ว จากนั้นจะดำเนินการศึกษาเอกสารตามข้อสังเกต ก่อนที่จะเชิญบุคคลที่เกี่ยวข้อง เช่น กรรมการตรวจรับ กรรมการควบคุมงาน วิศวกรที่ควบคุมงาน อดีตเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) เป็นต้น เข้ามาให้ข้อมูลในช่วงหลังสงกรานต์และจะรายงาน นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อขอขยายเวลาในการสืบข้อเท็จจริง จากเดิมที่ต้องดำเนินการสืบให้เสร็จภายใน 7 วัน ตามมาตรการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในระบบราชการ เนื่องจากเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมาแล้วเป็น 10 ปี และการขอเอกสารก็ต้องใช้เวลา อีกทั้งการลงลึกในรายละเอียดหากไม่ละเอียดจริงก็จะเป็นการกล่าวหากัน
นอกจากนี้ คณะกรรมการสืบข้อเท็จจริงได้ลงพื้นที่ตรวจสอบบริษัท ไทคอน จำกัด ที่รับงานก่อสร้างอควาเรียม พบว่า เป็นบริษัทที่อยู่ในตึกเล็กๆ และอาจปิดตัวไปแล้ว บริษัทนี้ยังประมูลงานสร้างบึงฉวาก จังหวัดสุพรรณบุรี มาก่อนด้วย
สำหรับโครงการก่อสร้างศูนย์ศึกษาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทะเลสาบสงขลา หรือ “อควาเรียมหอยสังข์” ตั้งอยู่ในพื้นที่วิทยาลัยประมงติณสูลานนท์ ต.พะวง อ.เมือง จ.สงขลา ถูกออกแบบให้เป็นสถาปัตยกรรมที่สวยงาม โดดเด่น เป็นรูปหอยสังข์ขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ริมทะเลสาบสงขลา โดยมีวัตถุประสงค์ใช้เป็นสถานที่จัดแสดงพันธุ์สัตว์น้ำ พันธุ์ไม้น้ำ และการเพาะขยายพันธุ์ที่มีความทันสมัย เป็นสถานที่ศึกษาวิจัย และจำลองระบบนิเวศทะเลสาบสงขลา ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2551 มีกำหนดแล้วเสร็จในปี 2554 แต่จนขณะนี้ยังไม่แล้วเสร็จ โดยในระยะแรกได้ใช้วงเงินไปแล้วประมาณ 835 ล้านบาท สร้างได้เฉพาะแค่ตัวอาคาร ในระยะที่ 2 ใช้งบประมาณ 269 ล้านบาท ทำระบบเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ระยะที่ 3 ใช้งบประมาณอีกกว่า 42 ล้านบาท และระยะที่ 4 ใช้งบประมาณไปกว่า 258 ล้านบาท รวมประมาณที่ได้ใช้ไปแล้วในขณะนี้กว่า 1,400 ล้านบาท
https://mgronline.com/onlinesection/detail/9610000034184
“บิ๊กตู่” ย้ำปัดอนุมัติสร้างบ้านพักตุลาการ ชงฝ่ายเกี่ยวข้องหาทางออกคืนสภาพเดิม
“สรรเสริญ” เผย “ประยุทธ์” รับรัฐเข้าใจความรู้สึก ปชช.มองเรื่องหวงแหนทรัพยากร หลังจี้ใช้ ม.44 ยกเลิกบ้านพักตุลาการบนดอย ชงฝ่ายเกี่ยวข้องหาทางออกคืนสภาพเดิม ย้ำ คสช.ไม่ได้อนุมัติ รับการดำเนินการถูกหลักราชการ
วันนี้ (6 เม.ย.) พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงโครงการก่อสร้างบ้านพักตุลาการที่ จ.เชียงใหม่ ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์และเรียกร้องให้ใช้มาตรา 44 สั่งยกเลิกโครงการ พร้อมทั้งคืนพื้นที่และฟื้นฟูสภาพป่าในบริเวณว่า รัฐบาลเห็นใจและเข้าใจถึงความรู้สึกของประชาชนในพื้นที่ ถือเป็นเรื่องดีที่คนในชุมชนรู้สึกหวงแหนและมีส่วนร่วมในการดูแลทรัพยากรธรรมชาติ
พล.ท.สรรเสริญกล่าวอีกว่า ขณะนี้นายกฯ ได้มอบหมายให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงการคลังในฐานะที่ดูแลที่ราชพัสดุ กระทรวงทรัพยากรฯ ที่ดูแลป่าไม้ ตลอดจนกระทรวงมหาดไทยที่ดูแลจังหวัดซึ่งรับผิดชอบพื้นที่โดยรวม รวมทั้งฝ่ายกฎหมายของ คสช.ไปพูดคุยหาทางออกที่เหมาะสมร่วมกับฝ่ายตุลาการ และส่งข้อเสนอแนะไปยังรัฐบาลเพื่อพิจารณาตัดสินใจต่อไป
“นายกฯ เน้นย้ำว่า เรื่องนี้มีแนวคิดเริ่มต้นมาหลายปีแล้ว และรัฐบาล คสช.ไม่ได้เป็นผู้อนุมัติ แต่เพิ่งมาก่อสร้างเป็นรูปเป็นร่างในช่วงนี้ โดยรัฐบาลจะเร่งแก้ปัญหาและจะพยายามปรับพื้นที่ให้กลับสู่สภาพเดิม ทุกฝ่ายจึงต้องหันหน้าพูดคุยกัน ผู้รับเหมาก็น่าเห็นใจเพราะต้องทำตามสัญญาก่อสร้าง” พล.ท.สรรเสริญกล่าว
สำหรับที่ดินที่ใช้ก่อสร้างบ้านพักตุลาการนี้ เดิมเป็นของกรมป่าไม้ แต่เนื่องจากมีสภาพเป็นป่าเสื่อมโทรม กองทัพภาคที่ 3 จึงขอใช้สถานที่เพื่อฝึกกำลังพล ต่อมาในปี 2500 กรมที่ดินได้ออกเอกสารหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง หรือ นสล.394/2500 จำนวน 23,787 ไร่ เพื่อให้กระทรวงกลาโหมใช้ในราชการ โดยกองทัพภาคที่ 3 ได้ไปขอขึ้นทะเบียนการใช้ประโยชน์กับกรมธนารักษ์
ปี 2540 สำนักอธิบดีผู้พิพากษาภาค 5 ได้ทำเรื่องขอแบ่งใช้ประโยชน์พื้นที่บางส่วน และกองทัพบกได้อนุมัติให้ใช้พื้นที่ 143 ไร่ได้ในปี 2547 โดยกองทัพได้ทำเรื่องส่งคืนพื้นที่ตามแปลงที่ดินนั้นให้กรมธนารักษ์ จากนั้นในปี 2549 กรมธนารักษ์ออกหนังสืออนุญาตให้ใช้ที่ดินราชพัสดุดังกล่าว และต่อมากระทรวงการคลังได้อนุมัติให้สำนักงานศาลยุติธรรมใช้พื้นที่ก่อสร้างที่ทำการศาลอุทธรณ์ภาค 5 บ้านพัก และอาคารชุดสำหรับข้าราชการตุลาการ ซึ่งทั้งหมดเป็นการดำเนินการที่ถูกต้องตามหลักเกณฑ์การปฏิบัติของทางราชการ
จากนั้นในปี 2556 เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 5 ได้รับงบประมาณ จึงเริ่มเปิดพื้นที่ก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ตามที่ได้กำหนดไว้
https://mgronline.com/politics/detail/9610000034319
ทุกเรื่องที่มีปัญหา มาโผล่ในยุคลุงตู่ทั้งนั้นค่ะ
จะไม่เรียกว่ายุคโปร่งใสได้อย่างไรคะ
ท่านทำงานคุ้มเกินคุ้มกับผลงานที่ได้แก้ปัญหามาตลอดที่ท่านเป็นผู้นำรัฐบาล