ตุ้กตาหมีของผม..

สวัสดีครับผมเพิ่งเขียนเรื่องนี้ เป็นเรื่องเแรก ในรูปแบบของนิยาย แต่ผมก็ไม่ใช่นักเขียนนิยายนะ ผมแค่อยากจะทำอะไรซักอย่างเพื่อระบายความรู้สึกของผมเฉยๆ ถ้าเยอะเกินไป หรือจัดหน้าไม่ดีผมก็ขอโทษด้วยนะครับ
------------------------------
Ch1 หนูสีเทากับหมาสีดำ
          มันเป็นอีกวันนึง วันที่น่าเบื่อ เป็นความคิดของเด็กมหาลัยเอกชนคนหนึ่ง นั่นคือผมเอง.. ใช่คับ มันน่าเบื่อมากสำหรับคนที่ไม่มีเป้าหมายอะไรเลยในชีวิต พยามยามจะใช้ชีวิต อยู่ไปวันๆ เรียนก็เบื่อ ความรักก็ไม่มี เกมก็งั้นๆ ไม่มีอะไรพิเศษ ผมเปิดแอพทินเดอร์ขึ้นมา ระหว่างที่นั่งรถตู้กลับบ้าน
       .. มันก็เป็นแค่ความคิดตลกๆ ที่คุยกับเพื่อนตอนที่อยู่ที่ไปนอนค้างบ้านของมัน “เล่นทินเดอร์ด้วยอ่อ ไอห่าคนนี้ก็เคยคุยกับกูนี่ สมเปรี้ยวไรเนี่ย” ผมพูดแบบขำๆกับเพื่อนของผม หลังจากวันนั้น ผมก็แค่พยายามจะหาไรทำแหละคับ ก้อเลยโหลดแอพทินเดอร์กลับมาเล่น
ในระหว่างที่ปัดหน้าจอในทินเดอร์หาสาวสวยๆที่ถูกใจก็ไม่ได้คาดหวังอะไรว่าจะได้คุยกับใครหรอก เพราะ เบื่อที่จะต้องแนะนำตัวเองกับทุกคนที่ได้คุย คนที่เล่นยุก็จะเข้าใจ แต่ทำไงได้ ก็มันเป็นวิถีของมันอะนะ
           พอเลื่อนไปเลื่อนมาก็เจอกับรูปตุ๊กตาหมี..แปลกดี แถมลงหลายรูปด้วย ผมคิดในใจ ก้อเลื่อนไปจนรูปสุดท้าย เห้ยสวยดีน่าหว่า (ก็ไม่สวยขนาดนั้นหรอก 5555 แค่รุ้สึกชอบคนตัวเล็กหน้าหมวยๆหน่อยแค่นั้น) ปัดไลค์ ดีกว่า
แล้วยุดีๆ ก้อขึ้นมาว่าแมตช์กันเฉยเลย !! ก้อเลิ่กลั่ก เอาไงดีวะ ทักดีรึป่าว แต่ก็เก็บคำถามเอาไว้ไม่ได้สนใจอะไร
           ในเย็นวันนั้นผมรีบไปโรงหนังหลังจากกลับบ้าน พยายามจะรีบหาโรงที่ใกล้ที่สุดเพื่อจะเซฟเวลา รีบกลับไปเล่นเกมกับเพื่อน เดี๋ยวพวกมันก้อบ่นอีก เราก็อยากมีเวลาที่อยากจะทำทุกอย่าง ผมซื้อตั๋ว รอเวลาเข้าฉาย ในตอนที่กำลังจะเดินเข้าไป ผมก็สัมผัสได้ว่าโทรศัพท์มันสั่น ใครวะ ผมคิดในใจ พอมาดูปรากฏว่า เป็นคนที่เพิ่งแมตช์ กันคนนั้นหนิ ... เห้ยเอาไงดีวะ ช่างมันก่อนดีกว่า ผมเลยตอบไปว่า แปปนะ ดูหนังก่อน เท่ปะ ออกตัวไปก่อนเลยว่าไม่ว่าง 555
          หลังดูหนังเสร็จ ความคิดก็ยังคาใจยุในหัว เราจะคุยอะไรกับเค้าดีวะ ผมเลยทักไป จนเราได้แนะนำตัวกันว่า ผมชื่ออะไรเค้าชื่ออะไร (เค้าชื่อ ยุ นะ ส่วนผมชื่อ ทีม บอกไว้เฉยๆ) ยุเป็นคนตลก พยามเล่นมุขแห้งตลอด ตลอดเวลาที่คุยกัน ผมชอบนะ มันตลกดี ทำให้มีรอยยิ้มเล็กๆที่มุมปากเรื่อยๆ ผมก้อถามไปเรื่อยว่าเค้าเรียนยุไหน ทำอะไร และก็ได้รู้ว่า เค้าชอบเลี้ยงหนูกับงูมากกก (ดีนะที่งูเค้าตายไปก่อนแล้วไม่งั้นก็คงหวั่นๆ) ส่วนผมชอบเลี้ยงหมา ก้อเลยพอคุยกันรู้เรื่องแหละมั้ง....
---------------------
Ch2 ได้เจอกันครั้งแรก
          พอเราได้คุยกันไปซักพัก ยุก้อถามผมว่า “ไปดูหนังกันมั้ย” ห้ะ ดูหนัง !! มันจะเร็วอะไรขนาดนั้นวะ ผมถามตัวเอง แต่ความจริงก็เขินๆเหมือนกันนะ ไอตัวเราเองก็ไม่ได้สัมผัส อะไรอย่างงี้มาเป็นปีๆแล้ว จนกลายเป็นไอเห่ย ที่เข้ากับผู้หญิงคนไหนไม่ได้แล้วมั้ง แต่ด้วยความที่ไม่มีอะไรจะเสีย เอาวะกล้าชวนก็กล้าไป.. ผมเริ่มเกิดความคาดหวังเล็กๆในใจผม
          ต่อจากนั้นเราก็นัดกันมาที่ เมกกะบางนา มันเป็นเรื่องตลกที่เอาเข้าจริงผมกลัวมาก มากที่สุด เค้าจะเป็นยังไง เหมือนกับในรูปรึเปล่า เค้าคาดหวังอะไรในตัวผมบ้าง เหมือนกับที่ผมคาดหวังในตัวเค้ามั้ย แล้วถ้าเค้าไม่ชอบผมล่ะ
        มันตีกันในหัวไปหมด แต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือ..ผมไปสายครับ ต้องโทษคนขับรถตู้เลยที่ไม่ยอมออกซักที กว่าจะได้ออกก้อคือเวลานัดแล้ว
เกร็ง เกร็งสุดๆ เจอกันครั้งแรกก็สายซะแล้วโดนแน่ๆ จะมองเหยียดกูปะเนี่ย จนพอเดินขึ้นบันไดเลื่อนขึ้นไปก็เจอยุ.. ยุเป็นคนผมยาวประบ่า ใส่แว่น สูง 162 หน้าเหมือนหนูตาย (ล้อเล่นนะ) จริงๆคือหน้าค่อนข้างดุนั้นแหละ แต่นั้นแหละเสป็คผมเลย แถมยังน่ารักกว่าในรูปอีก ชอบตั้งแต่แรกเห็นเลยมั้งเนี่ย
        * ออกตัวก่อนนะครับ ผมก็ไม่ได้หล่อนะ หน้าแก่ๆเหมือนคนไม่ดุแลผิวมากกว่า ใส่แว่น ผมหยักศก หน้าตากวนตีน สูง 168 หนักซัก63 มีดีแค่จมูกโด่งนิดหน่อย (มีมาโชว์แค่นี้แหละ)
          ด้วยความที่ว่ามันค่อนข้างเย็น และ ยุก็บอกว่าเค้าต้องกลับก่อน 1 ทุ่ม เพราะไม่อยากมีปัญหากับพ่อ เราก็เลยทำได้แค่กินข้าว และเดินดูของในห้างเฉยๆ... ผมเลือกที่จะให้ยุเป็นคนเลือกร้าน เพราะผมอยากรู้ว่าปกติผู้หญิงคนนี้กินอะไร แต่ก็เลือกยากเหมือนกันนะ เพราะยุก็คงเกรงใจผมแล้วผมก้อไม่มีท่าทีว่าจะเลือกอะไรด้วยแหละ ผมขอไม่บอกรายละเอียดอะไรมากเกี่ยวกับร้านละกัน แค่บอกว่ามันเป็นร้านเสต็กราคาไม่แพงมากในนั้นละกัน ผมขอถ่ายรูปยุตอนกินหลายรูปเลย น่ารักสุดๆ ฮ่าๆๆ
-----------------------
Ch3 นอนบนเตียง
          ด้วยความที่ผมไม่เคยไปเมกกะบางนาเลย เพราะบ้านยุแถวใจกลางเมืองมากกว่า ถ้าให้ต้องไปเที่ยวก้อไปแต่สยามแหละ แต่มันเที่ยวครั้งแรกเนาะผมก็อยากให้เค้าประทับใจนิดนึง
ยุเลยพาผมไปเดินหลังจากกินเสต็กกันแล้ว“มานี่เดวพาไปเดินในอีเกีย” ยุบอกผม
        ผมก็งงๆว่าไปทำไมวะ ไปดูเครื่องใช้ของใช้ในบ้านอะนะ แต่ก็ช่างมันเหอะ แค่มาเดตกับคนที่เราชอบจะที่ไหนก็ได้แหละ เราเดินผ่านเข้ามาอีเกีย จนถึงโซนที่นอน ตอนนั้นผมแปลกใจนะว่า เห้ย ยิ้มมีคนมานั่งมานอนเล่นจริงๆว่ะ
“เขินไรวะไม่ต้องอายหรอกใครๆก้อทำกัน” ยุบอกผม “แต่ให้นอนลงไปเนี่ยนะ เดวพนักงานก้อมาหิ้วปีกหรอก” ผมตอบกลับไป แต่ด้วยความที่ผมไม่รุ้จะเถียงไปทำไมผมก้อจำใจ นั่งผมด้วยด้วยความรุ้สึกเขินๆ แล้วยุก้อมานั่งด้วย ตอนนั้นผมรุ้สึกเขินมากมากขึ้นกว่าเดิมอีก เห้ยมันเรื่องจริงอะนะ คนแบบกูอะนะ จะมีโมเม้นต์แปลกๆน่ารักๆแบบนี้ ผู้หญิงคนนี้ยิ้มเจ๋งหว่ะ ผมยิ่งหลงเข้าไปอีก พอไปนั่งไปเล่นหลายๆเตียงเข้า ก้อเริ่มติดใจ ขึ้นไปนอนบ้าง เอาหมอนมาฟาดเล่นกันบ้าง จนรู้สึกว่าเดินออกเหอะ อายเค้า
        อีกอย่างผมว่ายุเป็นคนชอบตุ๊กตานะ เพราะพยายามจะเดินไปดูแทบจะทั้งแถบเลย จริงๆผมเองก็ชอบนะ แต่ตอนนี้ผมว่าผมชอบคนที่ถือตุ๊กตามากกว่า..
        เย็นแล้วยุต้องกลับบ้านแล้ว ผมรุ้สึกเสียดายที่ผมไม่ได้ดูหนังนะ จะได้มีเวลายุด้วยกันอีกหน่อย แต่ก็ดีเหมือนกันผมจะได้หาเรื่องชวนยุ มาเที่ยวอีก ทนรอจะเจอกันครั้งต่อไปไม่ไหวแล้วววว
---------------------
Ch4 เสียงของความเงียบ
           หลังจากกลับบ้านมาในวันนั้น ผมก้อพยายามทักยุไปหลายครั้ง แต่ยุก็ไม่ตอบผมซักทีเรื่องมันก็เหมือนคู่รักเด็กๆทั่วไปที่ถ้ามีใครรุ้สึกมากกว่า ก็จะเป็นคนที่ร้อนลน และพยายามหาว่าเค้าหายไปไหน ถ้าใครเข้าใจความรู้สึกของการรอได้จะเข้าใจ ว่ามันทรมานขนาดไหน กินข้าวไม่ลง เศร้า รุ้สึกเฟล ไม่อยากเล่นเกม ..
           ประมาณเป็นวันกว่ายุจะตอบ เค้าบอกว่าเค้ารุ้สึกอยากอยู่คนเดียว บอกว่าอารมณ์ไม่คงที่ ด้วยความที่เป็นคนที่ค่อนข้างเก็บตัว และก้อน่าจะมีอาการซึมเศร้าด้วย เพราะถูกบังคับจากครอบครัวมาตั้งแต่เด็ก ผมเข้าใจนะ จริงๆผมก็ไม่เข้าใจหรอกแต่ผมพยายามเข้าใจเพราะยังไง ผมก็จะไม่ทิ้งผู้หญิงคนนี้แน่ๆ ผมบอกกับตัวเอง
           เราไม่ได้คุยกันบ่อยเหมือนวันแรกๆนะ แต่ผมก็คิดว่าเป็นเรื่องทั่วไปสำหรับคนที่เริ่มต้นความสัมพันธ์ เราจะไปหาเรื่องคุย หรือ เอาตัวติดเค้าตลอดไม่ได้หรอก ถึงแม้ว่าเราจะติดเค้าขนาดไหน (ความจริงคือผมติดเค้ามากจนผมยังรำคาญตัวเอง) ผมว่าเรากำลังพยายามจะหาจุดที่มันพอดีกับความสัมพันธ์ของเรา ถึงยุจะตอบผมน้อยลง แต่ผมก็รุ้สึกได้ว่าเค้าก้อเริ่มรุ้สึกดีกับผมบ้างแหละ (มโนรึป่าว ?? อันนี้ผมบอกไม่ได้จริงๆคับ 5555) จนผมรุ้สึกว่าผมเริ่มเพ้อแปลกๆละ รู้สึกโรคจิต เลยแหละ
           เราคุยกันจนหาวันได้ว่าเราจะไปดุหนังกันวันไหน วันนั้นด้วยความที่ยุ บอกว่าเค้าจะไปมหาลัยเช้าอยู่แล้ว แล้วผมก็นอนบ้านเพื่อนผมดี ผมเลยตัดสินใจโดดเรียนรีบไปหายุ เลยดีกว่า <3
---------------------
Ch5 รอยแตกของเสียง
        ผมรีบ นั่งรถbts ให้ถึงที่ที่เรานัดกัน (คราวนี้เป็นสยามครับเราคุยว่าจะไปเที่ยวสลับกันตามความสะดวก) ผมสายอีกแล้ว โคตรเเย่ ให้ยุไปรออีกตามเคย ผมดีใจนะที่ผมได้เจอยุ แต่ผมไม่ค่อยชัวร์เท่าไหร่ว่ายุเค้าดีใจที่เจอผมรึเปล่า
          ผมไม่รู้นะเป็นเพราะอะไร อาจเป็นเพราะเซ้นส์ ของผมว่าเค้าดูมีเรื่องเครียดๆ หรือเป็นเพราะผมทำอะไรให้เค้าไม่พอใจอะไรบ้าง ผมพยายามมองข้ามมันไป แล้วเราก็ไปซื้อตั๋วหนังกัน (เรื่อง Ready player one ใครยังไม่ได้ดูไปหาดูเลยแนะนำว่าสนุกมาก)
        ..ผมต้องยอมรับจากใจเลยนะ ยิ้มโคตรเป็นช่วงเวลาที่อึดอัดเพราะผมก็ไม่รุ้จะพูดอะไร เค้าก้อไม่พูดอะไรเหมือนกัน เราแทบไม่ได้พูดอะไรกันเลย ตั้งแต่ช่วงก่อนเข้าโรงหนังถึงดูหนังจบ ผมยอมรับว่าเฟลมากๆ ที่ทำอะไรไม่ได้เลย เพราะ ผมไม่รุ้ว่าเค้าคิดอะไรหรือเครียดอะไรอยู่ ผมกลัวมาก ว่า ยุจะไม่พอใจแน่ๆ
          หลังจากนั้นเราก้อไปกินข้าวและเดินไปหาที่นั่งพัก ผมรู้สึกได้เลยว่าวันนี้มันจบแล้วล่ะ จบด้วยความอึดอัดที่ไม่มีใครพูดอะไรออกมาเลย
-----------------------
Ch6 ความสุขที่สุด
        ผมใช้เวลาที่เหลือประมาณ10นาทีสุดท้าย ขอโทษเรื่องวันนี้เรื่องความอึดอัดทั้งหมดในวันนี้ ผมกลัวว่ายุ จะทิ้งผมไปจริงๆนะ ผมกลัวจะต้องกลับไปยุคนเดียวอีก ผมไม่อยากอยู่คนเดียวอีกแล้ว ผมรุ้สึกว่าผมรักผู้หญิงคนนี้ แต่ผมกลัวว่ามันเร็วเกินไปกว่า ที่ ผมจะพูดคำว่ารักกับยุ เพราะ อีโก้ งี่เง่าของผม
        มันตลกมาก ที่เราเพิ่งจะมาคุยกันในช่วงสุดท้ายของวัน จนผมรวบรวมความกล้าถามยุไปว่า ขอจับมือได้มั้ย .. ยุตอบแบบแทบไม่ได้คิดเลยว่าได้ ผมโคตรดีใจดีใจมากๆ ไม่ได้จับมือคนที่รักมานานแค่ไหนแล้วเนี่ยยยยยย หุบยิ้มไม่ได้เลย เขินมากเขินสุดๆ แล้วยุก้อบอกว่ากลับกันได้แล้ว ยุจูงมือผมไปขึ้น bts ... โคตรมีความสุข
        ผมอาสาที่จะขอไปส่งยุที่อุดมสุข ยุเอาหูฟังข้างนึงของเค้า ส่งให้ผมฟังเพลงด้วยกัน (เพราะผมขออะนะ) โคตรติ่งวงญี่ปุ่นผมคิดอยู่ในหัวแล้วก้อสลับกับเพลงอังกฤษ ผมยอมรับตามตรงว่าผมจำได้แค่เพลงเดียว คือเพลง in my place ของ coldplay ตอนนั้นคือ ผมมองยุตลอดจนจำอย่างอื่นไม่ได้เลย
          ถึงสถานีแล้ว เราต้องแยกกันแล้ว ผมไม่อยากให้วันนี้จบเลย ก่อนแยกกันผมจับมือยุอีกรอบนึง แล้วบอกลา ดีใจจังที่มีชีวิตอยู่มาถึงวันนี้ (ขอเพ้อนิดนึง ก้อคนมันไม่หล่ออะ พอเจอคนถูกใจก็ต้องมีนิดนึงดิ วุ้)
---------------
Ch7 ตุ๊กตาหมี
        หลังจากกลับมา ยุก็ไม่ตอบผมอีกตามเคย ผมก็พยายามเข้าใจ แต่ถ้าคุณเสียเวลาอ่านมาถึงตรงนี้ คุณต้องเดาออกแน่ๆว่าผมจะ ร้อนลนขนาดไหน ยุ หายไปสองวัน ผมก็ พยายามทีกทุกวิธี จนยุ ตอบมาว่า ... เทคับ
————————————————

        ครับ.. นี่แหละเรื่องราวทั้งหมด ที่ผมอยากเล่า ยุทิ้งผมคับ ผมก็ไม่รุ้เหมือนกันว่าทำไม ผมสาบานต่ออะไรก็ได้ที่ผมเชื่อถือ ผมไม่รุ้จริงๆว่าเกิดอะไร ผมจำไม่ได้ว่าร้องไห้ไปกี่รอบ จนเขียนจนจบ คนอ่านอาจจะงงว่า เอ่า อะไรวะ คือเค้าเพิ่งทิ้งผมเมื่อวานคับ 5555
        ผมขอเคลียร์ใจก่อนนะครับ ผมไม่ได้เขียนเรื่องนี้เพื่ออ้อนวอนให้เค้ากลับมา แต่ผมไม่รู้จะคุยกับใครคับ ผมรู้สึกว่า ไม่มีใครที่ไหนรักผมเลย .. ครับผมเป็นโรคซึมเศร้า ผมเคยพยายามฆ่าตัวตาย มาแล้ว จากความรักครั้งก่อนๆ ซึ่งก้อหลายปีแล้ว ไม่ได้มีเจตนาให้ใครไปตามหาเค้าหรือมาสงสารผม ผมแค่อยากสื่อสารกับใครซักคน ผ่านเรื่องเล่าของผม
          ที่ผมต้องการจะบอกก็คือเราไม่มีทางรู้เลยว่าเราจะอยู่กับคนที่เรารักไปได้จนถึงวันไหน บางครั้งมันก็ไม่ได้เป็นไปตามความหวังของเรา คนที่มีความรัก ดูแลคนที่คุณรักนะคับ ผมไม่รู้เหมือนกันว่าจะอยู่ต่อไปยังไง ผมพยามไม่คิดมาก ผมถึงเสียเวลาเขียนเรื่องนี้ขึ้นมา
          สุดท้ายนี้ผมอยากบอกว่าถ้ายุ ได้มีโอกาสอ่าน เค้ารักยุนะ ขอโทษที่ไม่ได้บอกไป เค้าจะเก็บเรื่องดีๆขอเราตลอดไปนะ ขอบคุณเวลาที่อยู่ด้วยกันนะ เค้าจะอยู่ต่อไปนะ สู้ๆ ขอให้ยุเจอคนที่รักนะ บายคับ กินเหล้าสูบบุหรี่ให้มันน้อยๆหน่อย “กินยังกะฉลองอะ”
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่