เรียนผู้อ่านทุกท่าน ขอถือโอกาสสวัสดีปีใหม่ ตรุษจีน และสงกรานต์ไปเลยนะคะ 55555 เพิ่งจะมีโอกาสได้ลงมือเขียนกระทู้ เพราะคัมแบ็กของกัซก็มัวแต่จดจ่อกับการสตรีมปั่นวิวอะไรต่างๆ ประกอบกับไม่ว่างท้ายโปรโมต จนกู๊ดบายสเตจแล้วถึงได้มีจังหวะบ้าง เช่นเคยค่ะ เราก็จะรีวิวคัมแบ็กของกัซ คราวนี้คือมินิอัลบั้มที่ 8 'Eyes On You' เผื่อใครเพิ่งอ่านกระทู้ของเราเป็นครั้งแรกนะคะ ก็จะบอกไว้ก่อนว่าเราเป็นอากาเซ่ รีวิวด้วยมุมมองของเราเอง ไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญใดๆ สรุปคือรีวิวในฐานะแฟนเพลงและแฟนคลับค่ะ มีหัวข้อหลักได้แก่ 1. ภาพรวมอัลบั้ม 2. ไตเติ้ล 3. เพลงในอัลบั้ม
------------
1. ภาพรวมอัลบั้ม จะพูดถึงโปรดักชั่นโดยรวมและการโปรโมตนะคะ
A. คอนเซ็ปต์ เนื้อหา แนวเพลง การนำเสนอ
อัลบั้ม Eyes On You มีคอนเซ็ปต์ที่น่าสนใจค่ะ มีธีมชัดเจนเป็นเอกภาพ นั่นก็คือการเฝ้ามองคนที่เรารัก เพลงในอัลบั้มล้วนมีสารไปในทิศทางเดียวกัน ไม่ใช่แค่การมองผ่านๆ แต่เป็นการมองแบบพยายามทำความเข้าใจ มองอย่างใส่ใจ และเมื่อ "มอง" จึง "เห็น" คุณค่าสำคัญของอีกฝ่าย อาจฟังดูเป็นคอนเซ็ปต์ธรรมดานะคะ แต่เราว่าสเน่ห์ของการฟังดนตรีก็มีตรงที่ว่าเราสามารถตีความได้ลึกถึงมิติไหนก็ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของเราเอง (ที่จริงก็เป็นหลักทั่วไปของการเสพศิลปะ) เราอาจตีความเป็นเรื่องระหว่างคนรักชายหญิงทั่วไปก็ได้ จะตีความให้เป็นเรื่องของตัวเองก็ยังได้ เพราะ 'You' ใน 'Eyes On You' จะเป็นใครก็ได้ ใครจะเป็นคนมองหรือใครเป็นคนจะถูกมองก็แล้วแต่จะจินตนาการกันเอง ก็ถือว่าเปิดโอกาสให้ผู้คนที่หลากหลายสามารถเข้าถึงดนตรีได้แม้ว่าจะไม่ใช่แฟนคลับก็ตาม แต่แน่นอนเมื่อดูจุดประสงค์ของศิลปินแล้วก็คงต้องตีความอัลบั้มนี้ว่ากัซพยายามจะสื่อสารกับแฟนคลับและคนที่มีโอกาสจะเป็นแฟนคลับด้วย
เราชอบคอนเซ็ปต์นะคะ ยิ่งคนที่ติดตามกัซมาสักระยะน่าจะพอเข้าใจ อัลบั้มนี้มาถึงจุดที่เรียกว่า deep relationship แล้ว เห็นชัดเจนเลยว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่กัซพยายามนำเสนอตัวตนในเพลง เมื่อเทียบอัลบั้มแรกจากที่ทำเท่ต่อหน้าสาวใน Girls Girls Girls ไปจีบสาวใน A คลั่งไคล้สาวใน Stop Stop It ให้กำลังใจสาวๆ ใน Just Right จะเป็นบ้าเพราะสาวใน If You Do จากนั้นก็เริ่มพูดถึงมิตรภาพที่สอดแทรกเรื่องราวของทีมตัวเองและแฟนคลับที่กำลังต่อสู้ไปด้วยกันใน Fly, Hard Carry, Never Ever แล้วก็เข้าสู่โหมดชื่นชมวันที่สวยงามหลังจากผ่านพ้นอุปสรรคมาด้วยกันใน You Are และอัลบั้มล่าสุดนี้เพลง Look ก็เป็นตัวแทนบอกแฟนๆ ให้เฝ้ามองและเชื่อมั่นในตัวพวกเขา จะเห็นว่าสาระนั้นเปลี่ยนจากความรักแบบผิวเผินเป็นความผูกพันขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็ถ่ายทอดด้วยแนวเพลงที่ไม่หนักเกินไป ฟังแล้วอิ่มใจทุกเพลง รักษาระดับอารมณ์แบบ energetic & emotional ได้ดี
ถ้ารู้จัก GOT7 มาพอสมควรก็จะไม่แปลกใจว่าชื่ออัลบั้มมาจากไหน Eyes On You ก็ตรงกับคาแร็กเตอร์นักส่องของเด็กกัซทุกคนล่ะค่ะ แหม่ ศิลปินที่ไหนจะไม่สนใจฟีดแบ็กของตัวเอง แต่ศิลปินที่บอกว่าพวกเราก็เฝ้ามองคุณอยู่นะ เรารู้ เราเห็น เราก็พยายามเข้าใจคุณเหมือนกัน แถมยังเขียนเพลงออกมาเป็นอัลบั้มแบบนี้ เออ เราว่ามันก็เจ๋งดีนะคะ ส่องก็บอกว่าส่อง แร้วไงคัยแคร์ 55555 อาจฟังดูตลกนะคะ แต่สำหรับความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งจนกลายไปเป็นความผูกพันแล้วนั้นการมองและเห็นตัวตนของกันและกันมีความสำคัญมาก
เราชอบประโยคในเพลงไตเติ้ลที่ว่า "อยากหาตัวเองในดวงตานั้น" (คือนุนโซเกซอ นารึลชัดโกชีพอ) เราว่าประโยคนี้สะท้อนคอนเซ็ปต์ได้เห็นภาพลึกซึ้งมาก มันไม่ใช่แค่การมองดูเฉยๆ หรือมองตรงไหนก็ได้ แต่เป็นการมองสบตากัน เป็นสิ่งที่เรียกว่า eye contact เวลาที่เราสบตาใครเรามักจะเห็นเงาสะท้อนของตัวเองในดวงตาของอีกฝ่ายหนึ่ง ถ้าเหลือบมองแค่แว็บเดียวหรือมองคนละทีสองทีก็ไม่มีทางที่เราจะเห็นเงาสะท้อนของตัวเองแน่ๆ การมองเห็นเงาสะท้อนจะเกิดได้ก็ต่อเมื่อทั้งสองฝ่ายมองตาพร้อมกันนิ่งอยู่สักพัก
ประเด็นคือคนเราจะสบตากันมากน้อยแค่ไหนล่ะคะ ส่วนใหญ่กับคนที่ไม่สนิทสนมเรามักจะหลีกเลี่ยงการสบตาถูกไหมคะ เวลาที่เราไม่มั่นใจเราก็จะหลบตา อาจกลัวว่าสายตาจะเปิดเผยความรู้สึกนึกคิดหรือความอ่อนแอของเราออกไป อำนาจที่ไม่เท่าเทียมกันทำให้เราไม่สบตากัน ดังนั้นการจะสบตาเช่นนั้นได้คงต้องเป็นความเต็มใจของทั้งคู่ เป็นความรู้สึกที่เท่าเทียมกันทั้งสองฝ่าย เผยความจริงใจต่อกัน จะต้องเชื่อใจกันในระดับหนึ่ง เพราะการสบตาสามารถถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกอย่างที่คำพูดไม่อาจบรรยายได้ สำนวนที่ว่า 'มองตาก็รู้ใจ' นั้นมีอยู่จริง ไม่เชื่อลองไปสบตาหมาแมวที่บ้านดูก็ได้ค่ะ หรือจะลองสบตาตัวเองในกระจกดูก่อนก็ได้ แล้วลองไปสบตาคนไม่รู้จักดู คุณอาจจะเข้าใจว่าสายตาเป็นมิตร สายตาเย็นชา หรือสายตาท้าทายคืออะไร
จากคอนเซ็ปต์นี้ทำให้รู้เลยว่ากัซเป็นวงที่ละเอียดเรื่องความรู้สึกนะ พวกเขาเองก็ไม่ได้อยากเป็นแค่ผู้รับฝ่ายเดียว เขาอยากเป็นผู้ให้เหมือนกัน นั่นถึงจะเรียกว่าความสัมพันธ์แบบมิตรภาพ แต่การจะให้แล้วคนดีใจ คนให้เองก็ต้องรู้ก่อนว่าคนรับอยากได้อะไรถูกไหมคะ คิดว่าเจวายพีคงมีฝ่าย research and development อยู่นะคะ น่าจะฟังความคิดเห็นจากแฟนอยู่เหมือนกันถึงได้เห็นการพยายามปรับอะไรหลายอย่าง 55555 จำคอนเซ็ปต์แฟนมีต 4 ปีได้มั้ยคะ IGOT7 research วิจัยอากาเซ่น่ะค่ะ คิดว่าคงไม่ตั้งมาเล่นๆ
อีกอย่างที่ชอบสำหรับอัลบั้มนี้คือการเรียงเพลงค่ะ ปกติแล้วในอัลบั้มของกัซจะเรียงเพลงเร็วช้าสลับกัน สำหรับเรามันไม่ค่อยสมูธเท่าไหร่ที่ต้องปรับอารมณ์ขึ้นลงอย่างรวดเร็ว แต่ตั้งแต่อัลบั้ม 7 for 7 มาก็ดูจะเรียงเพลงตามอารมณ์(เรา)มากขึ้น แม้จะไม่ทั้งหมดแต่ก็นับว่ารันไปแล้วไม่สะดุด อัลบั้มนี้ขอยกให้ 고마워 เป็นเพลงปิดอัลบั้มดีเด่น เพลงที่จินยองแต่งเป็นเพลงเปิด/ปิดอัลบั้มยอดเยี่ยมสำหรับเราไปทั้งหมด (Coming Home คือเพลงเปิดอัลบั้มยอดเยี่ยมสำหรับเราค่ะ) ส่วนอารมณ์และแฟชั่นในอัลบั้มก็ทำออกมาได้ไม่เลวนะคะ ออกแนวเรโทรไม่ดูล้ำสมัยเกิน ภาพรวมก็ออกมาดีค่ะ สีสันสดใส โฟโต้บุ๊กดีงาม ถ่ายทอดความน่ารัก กวน เท่ไปพร้อมกัน ที่สำคัญคือออกมาหล่อดูดีทุกคน อันนี้ให้ผ่าน
อีกสิ่งหนึ่งที่เรารู้สึกคือระบบความคิดของกัซซึ่งถ่ายทอดออกมาในอัลบั้มนี้ พวกเขามีแนวคิดที่ค่อนข้างสมดุล ต้องการประสบความสำเร็จนะ มีความทะเยอทะยาน มีเป้าหมาย แต่ก็ไม่ได้ดันทุรังรีบร้อนจนบิดเบือนบีบคั้นตัวเองหรือใครมากเกินไป ศัพท์เทคนิคเรียกว่า self-compassion หรือความเมตตาเห็นอกเห็นใจต่อตนเอง ท่ามกลางสภาวะที่ยากลำบาก กดดัน แข่งขันสูง ควบคุมปัจจัยภายนอกได้ยาก แต่สิ่งที่กัซควบคุมได้คือวิธีคิด พวกเขามั่นใจในตัวเอง พยายามเป็นตัวของตัวเอง รับมือในสถานการณ์ที่ตกเป็นรองได้ดี ทุ่มเทเต็มที่แต่ก็ไม่ทำจนเกินกำลัง เข้าใจและยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น ชื่นชมกับเส้นทางและผลลัพธ์ด้วยความภูมิใจ เลือกใส่ใจคุณค่าของคนที่รักมากกว่า เห็นแล้วเรารู้สึกว่าความหวังยังมีอยู่เสมอ ไม่ใช่ตอนนี้ก็ในอนาคต ที่สำคัญคือเรายังมีกันและกัน ที่เราสแตนกัซเพราะเหตุนี้แหละค่ะ เหมือนอ่านหนังสือหรือดูหนัง เอาใจช่วยตัวเอกที่ประสบความสำเร็จไปหมดมันจะไปสนุกอะไร แต่แน่นอนใครจะไปเอาใจช่วยตัวเอกที่แสนห่วยแตก เราเชียร์เพราะเราเห็นศักยภาพในตัวพวกเขา จึงเอาใจช่วยว่าสักวันพวกเขาจะฝ่าฟันอุปสรรคและเอาชนะเป้าหมายได้ ตอนนี้เส้นเรื่องกำลังดำเนินอยู่ ก็ต้องลุ้นแบบนี้แหละค่ะถึงจะท้าทาย ไม่มีสปอยล์ซะด้วย ยกเว้นจะทะลุมิติเวลาไปดู 55555
มิหนำซ้ำเด็กกัซตั้งความหวังความฝันอะไรก็บอกให้แฟนได้รับรู้หมด อยากได้รางวัลก็บอก อยากได้รับการยอมรับก็บอก เราชื่นชมที่พวกเขาเปิดเผยจริงใจตรงไปตรงมา ไม่ต้องมาเหนียมว่าไม่อยากได้รางวัลแต่ที่จริงก็อยากได้ไรงี้ ความสัมพันธ์มันเลยจุดที่จะต้องปิดบังแล้วค่ะ ที่จริงกัซก็ไม่เคยปิดบังอะไรนะคะเรื่องความสำเร็จเนี่ย พวกเขารู้ตัวดีว่าความนิยมอยู่ในระดับไหน ดังในต่างประเทศมากกว่าในเกาหลีก็พูด อยากให้คนรู้จักมากกว่านี้ก็พูด ไปที่ไหนก็พยายามพูดเพื่อให้คนหันมาสนใจมากขึ้น ซึ่งเราก็เห็นด้วยค่ะ การโปรโมตตัวเองเป็นเรื่องที่ควรทำอยู่แล้ว เป็นพ่อค้าไม่ให้ขายของแล้วจะขายอะไร สำหรับการโปรโมตอัลบั้ม discography ของอัลบั้มนี้เขียนไว้ว่าเพื่อทำให้ผู้คนเปิดตาเปิดใจมอง GOT7 ก็สอดคล้องกับชื่ออัลบั้มและการผลักดันให้ไปออกวาไรตี้ในช่องกระแสหลักมากขึ้นด้วย
B. การโปรโมต
คราวนี้เจวายพีถือว่าทำได้ดีขึ้นนะคะ อย่างเรื่องที่ไปออกวาไรตี้ก่อนคัมแบ็ก มีแผน pre-release เพื่อให้แฟนเตรียมตัวสตรีม ไปโปรโมตในโรงเรียนศิลปะ ขึ้นรายการเพลงสามสัปดาห์ มีเควสกระตุ้นยอดวิว มีวาไรตี้พิเศษสนุกๆ มีการ์ตูนให้อ่าน ไปเป็นพรีเซ็นเตอร์ของแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับอย่างห้างชินเซกเยและเสื้อผ้าของอดิดาส ก็นับว่ามีพัฒนาการอยู่บ้าง แต่เราคิดว่าเจวายพีสามารถลงทุนได้มากกว่านี้อีก น่าเสียดายที่เวลากระชั้นชิดเพราะกัซต้องเตรียม World Tour และไหนจะทัวร์คอนเสิร์ตที่ญี่ปุ่นอีก แน่นอนล่ะ คอนเสิร์ตย่อมทำเงินได้มหาศาลกว่า แม้จะดีใจเรื่องเวิร์ลด์ทัวร์นะคะ แต่เราก็ยังอยากให้บริษัทให้ความสำคัญกับฐานแฟนอีกสักนิด นี่ก็คัมแบ็กที่สองแล้วที่กัซไม่ได้ไปออกรายการ After School Club ยิ่งครั้งนี้อยู่โปรโมตครบ 7 คน ไม่มีใครเจ็บป่วยเลยด้วย อยากให้ไปออกรายการด้วยกันอีกเยอะๆ
การโปรโมตในอุดมคติของเรานะคะ ควรปล่อยทีเซอร์อัลบั้มต่อด้วยผังคัมแบ็ก แทร็กลิสต์ ทีเซอร์ไตเติ้ล และอัลบั้มสปอยเลอร์ จากนั้นค่อยเปิดพรีอัลบั้มพร้อมกับข้อมูลในอัลบั้ม เราคิดว่าแบบนี้จะน่าซื้อกว่าอยู่ๆ ปล่อยแทร็กลิสต์มาก็ให้พรีอัลบั้มเลย บางทีการเปิดพรีเลยโดยไม่มีข้อมูลนั้นเราก็อยากเขย่าคอถามจริงๆ ว่าจะมั่นหน้าไปถึงไหน กัซมีแฟนเพลงเยอะนะคะ เราคนหนึ่งล่ะที่ให้ความสำคัญกับเพลงที่สุด ถ้าเพลงน่าสนใจ ศิลปินน่าสนใจ อัลบั้มน่าสนใจ การซื้อฮาร์ดอัลบั้มเพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึกก็เป็นทางเลือกที่เป็นไปได้ แต่อย่างหนึ่งที่ต้องขอบคุณคือไม่ปล่อยเบื้องหลังก่อนเอ็มวี ขอบคุณเจวายพีที่ไม่มั่นหน้าขนาดนั้นแล้วค่ะ
สำหรับการสตรีม เจวายพีควรคิดหาวิธีโน้มน้าวใจทำให้คนสตรีมเพลงมากขึ้น โดยเฉพาะใน platform ของเกาหลีที่แฟนต่างชาติเข้าไปสตรีมได้ลำบาก บริษัทควรจะจัดหาข้อมูลให้ จัดรางวัลพิเศษหรือแม้แต่จัดโปรโมชั่นขายโค้ดสตรีม/ดาวน์โหลดไปด้วยก็ไม่ใช่เรื่องน่าจะเกินกำลัง เพราะก็เคยให้โค้ดสตรีมของจีนี่มาพร้อมกับอัลบั้ม แต่หลังๆ ทำไมไม่ให้ก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน หากแฟนที่พรีอัลบั้มได้รับโค้ดสตรีมในแอพต่างๆ พร้อมกับการปล่อยอัลบั้มก็น่าจะดีมาก จะได้เข้าไปสตรีมได้ด้วย แล้วก็จะได้ไม่ต้องเปย์ซ้ำซ้อน ขอแค่เจวายพีช่วยกรุยทางให้หน่อยแฟนๆ ก็พร้อมจะช่วยกันอยู่แล้ว ดูอย่างคัมแบ็กนี้ก็สตรีมกันอย่างหนักหน่วงจนสามารถเข้าไปอยู่ในอันดับต้นๆ ของชาร์ตได้ เด็กๆ ดีใจขนาดใน รู้สึกมีกำลังใจขนาดไหนเราสามารถรับรู้ได้ บริษัทเป็นคนบอกข่าวเองด้วยซ้ำ เราหวังว่าคัมแบ็กหน้าจะมีพัฒนาการเรื่องการสตรีมมากกว่านี้ ควรมีรางวัลจูงใจสำหรับยอดสตรีมพอๆ กับยอดอัลบั้มเพื่อเข้าไซน์เช่นกัน
เราว่ากัซยังมีศักยภาพจะขยายตลาดในเกาหลีได้อีก เพียงแต่การโปรโมตยังไม่เอื้ออำนวยขนาดนั้น สมาชิกแต่ละคนยังไม่ได้มีโอกาสโชว์เสน่ห์ด้านต่างๆ ในสื่อกระแสหลักเลย วาไรตี้ก็ยังไปได้อีก ร้องเพลงก็ยังได้อีก เต้นก็ยังได้อีก แสดงละครก็ยังได้อีก พิธีกรก็ยังได้อีก ที่ดีหน่อยก็เห็นจะมีรายการวิทยุที่เริ่มเชิญไปเป็นสเปเชียลดีเจ แต่ถ้าให้ดีหากมีรายการวิทยุเป็นของตัวเองก็คงจะดีไม่น้อยเลย แต่จะมีวันนั้นหรือไม่ก็คงต้องแล้วแต่ว่าเจวายพีจะลงทุนเหมือนเอสเอ็มรึเปล่านะคะ สำหรับข้อคิดเห็นเรื่องการโปรโมตคัมแบ็กของเราก็น่าจะมีประมาณนี้แหละค่ะ
หัวข้อถัดไปต่อในคอมเม้นต์ จะค่อยๆ เขียนไปเช่นเคยค่ะ ใจเย็น
[GOT7] รีวิวอัลบั้ม Eyes On You ส่องอยู่นะจ๊ะ
------------
1. ภาพรวมอัลบั้ม จะพูดถึงโปรดักชั่นโดยรวมและการโปรโมตนะคะ
A. คอนเซ็ปต์ เนื้อหา แนวเพลง การนำเสนอ
อัลบั้ม Eyes On You มีคอนเซ็ปต์ที่น่าสนใจค่ะ มีธีมชัดเจนเป็นเอกภาพ นั่นก็คือการเฝ้ามองคนที่เรารัก เพลงในอัลบั้มล้วนมีสารไปในทิศทางเดียวกัน ไม่ใช่แค่การมองผ่านๆ แต่เป็นการมองแบบพยายามทำความเข้าใจ มองอย่างใส่ใจ และเมื่อ "มอง" จึง "เห็น" คุณค่าสำคัญของอีกฝ่าย อาจฟังดูเป็นคอนเซ็ปต์ธรรมดานะคะ แต่เราว่าสเน่ห์ของการฟังดนตรีก็มีตรงที่ว่าเราสามารถตีความได้ลึกถึงมิติไหนก็ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของเราเอง (ที่จริงก็เป็นหลักทั่วไปของการเสพศิลปะ) เราอาจตีความเป็นเรื่องระหว่างคนรักชายหญิงทั่วไปก็ได้ จะตีความให้เป็นเรื่องของตัวเองก็ยังได้ เพราะ 'You' ใน 'Eyes On You' จะเป็นใครก็ได้ ใครจะเป็นคนมองหรือใครเป็นคนจะถูกมองก็แล้วแต่จะจินตนาการกันเอง ก็ถือว่าเปิดโอกาสให้ผู้คนที่หลากหลายสามารถเข้าถึงดนตรีได้แม้ว่าจะไม่ใช่แฟนคลับก็ตาม แต่แน่นอนเมื่อดูจุดประสงค์ของศิลปินแล้วก็คงต้องตีความอัลบั้มนี้ว่ากัซพยายามจะสื่อสารกับแฟนคลับและคนที่มีโอกาสจะเป็นแฟนคลับด้วย
เราชอบคอนเซ็ปต์นะคะ ยิ่งคนที่ติดตามกัซมาสักระยะน่าจะพอเข้าใจ อัลบั้มนี้มาถึงจุดที่เรียกว่า deep relationship แล้ว เห็นชัดเจนเลยว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่กัซพยายามนำเสนอตัวตนในเพลง เมื่อเทียบอัลบั้มแรกจากที่ทำเท่ต่อหน้าสาวใน Girls Girls Girls ไปจีบสาวใน A คลั่งไคล้สาวใน Stop Stop It ให้กำลังใจสาวๆ ใน Just Right จะเป็นบ้าเพราะสาวใน If You Do จากนั้นก็เริ่มพูดถึงมิตรภาพที่สอดแทรกเรื่องราวของทีมตัวเองและแฟนคลับที่กำลังต่อสู้ไปด้วยกันใน Fly, Hard Carry, Never Ever แล้วก็เข้าสู่โหมดชื่นชมวันที่สวยงามหลังจากผ่านพ้นอุปสรรคมาด้วยกันใน You Are และอัลบั้มล่าสุดนี้เพลง Look ก็เป็นตัวแทนบอกแฟนๆ ให้เฝ้ามองและเชื่อมั่นในตัวพวกเขา จะเห็นว่าสาระนั้นเปลี่ยนจากความรักแบบผิวเผินเป็นความผูกพันขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็ถ่ายทอดด้วยแนวเพลงที่ไม่หนักเกินไป ฟังแล้วอิ่มใจทุกเพลง รักษาระดับอารมณ์แบบ energetic & emotional ได้ดี
ถ้ารู้จัก GOT7 มาพอสมควรก็จะไม่แปลกใจว่าชื่ออัลบั้มมาจากไหน Eyes On You ก็ตรงกับคาแร็กเตอร์นักส่องของเด็กกัซทุกคนล่ะค่ะ แหม่ ศิลปินที่ไหนจะไม่สนใจฟีดแบ็กของตัวเอง แต่ศิลปินที่บอกว่าพวกเราก็เฝ้ามองคุณอยู่นะ เรารู้ เราเห็น เราก็พยายามเข้าใจคุณเหมือนกัน แถมยังเขียนเพลงออกมาเป็นอัลบั้มแบบนี้ เออ เราว่ามันก็เจ๋งดีนะคะ ส่องก็บอกว่าส่อง แร้วไงคัยแคร์ 55555 อาจฟังดูตลกนะคะ แต่สำหรับความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งจนกลายไปเป็นความผูกพันแล้วนั้นการมองและเห็นตัวตนของกันและกันมีความสำคัญมาก
เราชอบประโยคในเพลงไตเติ้ลที่ว่า "อยากหาตัวเองในดวงตานั้น" (คือนุนโซเกซอ นารึลชัดโกชีพอ) เราว่าประโยคนี้สะท้อนคอนเซ็ปต์ได้เห็นภาพลึกซึ้งมาก มันไม่ใช่แค่การมองดูเฉยๆ หรือมองตรงไหนก็ได้ แต่เป็นการมองสบตากัน เป็นสิ่งที่เรียกว่า eye contact เวลาที่เราสบตาใครเรามักจะเห็นเงาสะท้อนของตัวเองในดวงตาของอีกฝ่ายหนึ่ง ถ้าเหลือบมองแค่แว็บเดียวหรือมองคนละทีสองทีก็ไม่มีทางที่เราจะเห็นเงาสะท้อนของตัวเองแน่ๆ การมองเห็นเงาสะท้อนจะเกิดได้ก็ต่อเมื่อทั้งสองฝ่ายมองตาพร้อมกันนิ่งอยู่สักพัก
ประเด็นคือคนเราจะสบตากันมากน้อยแค่ไหนล่ะคะ ส่วนใหญ่กับคนที่ไม่สนิทสนมเรามักจะหลีกเลี่ยงการสบตาถูกไหมคะ เวลาที่เราไม่มั่นใจเราก็จะหลบตา อาจกลัวว่าสายตาจะเปิดเผยความรู้สึกนึกคิดหรือความอ่อนแอของเราออกไป อำนาจที่ไม่เท่าเทียมกันทำให้เราไม่สบตากัน ดังนั้นการจะสบตาเช่นนั้นได้คงต้องเป็นความเต็มใจของทั้งคู่ เป็นความรู้สึกที่เท่าเทียมกันทั้งสองฝ่าย เผยความจริงใจต่อกัน จะต้องเชื่อใจกันในระดับหนึ่ง เพราะการสบตาสามารถถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกอย่างที่คำพูดไม่อาจบรรยายได้ สำนวนที่ว่า 'มองตาก็รู้ใจ' นั้นมีอยู่จริง ไม่เชื่อลองไปสบตาหมาแมวที่บ้านดูก็ได้ค่ะ หรือจะลองสบตาตัวเองในกระจกดูก่อนก็ได้ แล้วลองไปสบตาคนไม่รู้จักดู คุณอาจจะเข้าใจว่าสายตาเป็นมิตร สายตาเย็นชา หรือสายตาท้าทายคืออะไร
จากคอนเซ็ปต์นี้ทำให้รู้เลยว่ากัซเป็นวงที่ละเอียดเรื่องความรู้สึกนะ พวกเขาเองก็ไม่ได้อยากเป็นแค่ผู้รับฝ่ายเดียว เขาอยากเป็นผู้ให้เหมือนกัน นั่นถึงจะเรียกว่าความสัมพันธ์แบบมิตรภาพ แต่การจะให้แล้วคนดีใจ คนให้เองก็ต้องรู้ก่อนว่าคนรับอยากได้อะไรถูกไหมคะ คิดว่าเจวายพีคงมีฝ่าย research and development อยู่นะคะ น่าจะฟังความคิดเห็นจากแฟนอยู่เหมือนกันถึงได้เห็นการพยายามปรับอะไรหลายอย่าง 55555 จำคอนเซ็ปต์แฟนมีต 4 ปีได้มั้ยคะ IGOT7 research วิจัยอากาเซ่น่ะค่ะ คิดว่าคงไม่ตั้งมาเล่นๆ
อีกอย่างที่ชอบสำหรับอัลบั้มนี้คือการเรียงเพลงค่ะ ปกติแล้วในอัลบั้มของกัซจะเรียงเพลงเร็วช้าสลับกัน สำหรับเรามันไม่ค่อยสมูธเท่าไหร่ที่ต้องปรับอารมณ์ขึ้นลงอย่างรวดเร็ว แต่ตั้งแต่อัลบั้ม 7 for 7 มาก็ดูจะเรียงเพลงตามอารมณ์(เรา)มากขึ้น แม้จะไม่ทั้งหมดแต่ก็นับว่ารันไปแล้วไม่สะดุด อัลบั้มนี้ขอยกให้ 고마워 เป็นเพลงปิดอัลบั้มดีเด่น เพลงที่จินยองแต่งเป็นเพลงเปิด/ปิดอัลบั้มยอดเยี่ยมสำหรับเราไปทั้งหมด (Coming Home คือเพลงเปิดอัลบั้มยอดเยี่ยมสำหรับเราค่ะ) ส่วนอารมณ์และแฟชั่นในอัลบั้มก็ทำออกมาได้ไม่เลวนะคะ ออกแนวเรโทรไม่ดูล้ำสมัยเกิน ภาพรวมก็ออกมาดีค่ะ สีสันสดใส โฟโต้บุ๊กดีงาม ถ่ายทอดความน่ารัก กวน เท่ไปพร้อมกัน ที่สำคัญคือออกมาหล่อดูดีทุกคน อันนี้ให้ผ่าน
อีกสิ่งหนึ่งที่เรารู้สึกคือระบบความคิดของกัซซึ่งถ่ายทอดออกมาในอัลบั้มนี้ พวกเขามีแนวคิดที่ค่อนข้างสมดุล ต้องการประสบความสำเร็จนะ มีความทะเยอทะยาน มีเป้าหมาย แต่ก็ไม่ได้ดันทุรังรีบร้อนจนบิดเบือนบีบคั้นตัวเองหรือใครมากเกินไป ศัพท์เทคนิคเรียกว่า self-compassion หรือความเมตตาเห็นอกเห็นใจต่อตนเอง ท่ามกลางสภาวะที่ยากลำบาก กดดัน แข่งขันสูง ควบคุมปัจจัยภายนอกได้ยาก แต่สิ่งที่กัซควบคุมได้คือวิธีคิด พวกเขามั่นใจในตัวเอง พยายามเป็นตัวของตัวเอง รับมือในสถานการณ์ที่ตกเป็นรองได้ดี ทุ่มเทเต็มที่แต่ก็ไม่ทำจนเกินกำลัง เข้าใจและยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น ชื่นชมกับเส้นทางและผลลัพธ์ด้วยความภูมิใจ เลือกใส่ใจคุณค่าของคนที่รักมากกว่า เห็นแล้วเรารู้สึกว่าความหวังยังมีอยู่เสมอ ไม่ใช่ตอนนี้ก็ในอนาคต ที่สำคัญคือเรายังมีกันและกัน ที่เราสแตนกัซเพราะเหตุนี้แหละค่ะ เหมือนอ่านหนังสือหรือดูหนัง เอาใจช่วยตัวเอกที่ประสบความสำเร็จไปหมดมันจะไปสนุกอะไร แต่แน่นอนใครจะไปเอาใจช่วยตัวเอกที่แสนห่วยแตก เราเชียร์เพราะเราเห็นศักยภาพในตัวพวกเขา จึงเอาใจช่วยว่าสักวันพวกเขาจะฝ่าฟันอุปสรรคและเอาชนะเป้าหมายได้ ตอนนี้เส้นเรื่องกำลังดำเนินอยู่ ก็ต้องลุ้นแบบนี้แหละค่ะถึงจะท้าทาย ไม่มีสปอยล์ซะด้วย ยกเว้นจะทะลุมิติเวลาไปดู 55555
มิหนำซ้ำเด็กกัซตั้งความหวังความฝันอะไรก็บอกให้แฟนได้รับรู้หมด อยากได้รางวัลก็บอก อยากได้รับการยอมรับก็บอก เราชื่นชมที่พวกเขาเปิดเผยจริงใจตรงไปตรงมา ไม่ต้องมาเหนียมว่าไม่อยากได้รางวัลแต่ที่จริงก็อยากได้ไรงี้ ความสัมพันธ์มันเลยจุดที่จะต้องปิดบังแล้วค่ะ ที่จริงกัซก็ไม่เคยปิดบังอะไรนะคะเรื่องความสำเร็จเนี่ย พวกเขารู้ตัวดีว่าความนิยมอยู่ในระดับไหน ดังในต่างประเทศมากกว่าในเกาหลีก็พูด อยากให้คนรู้จักมากกว่านี้ก็พูด ไปที่ไหนก็พยายามพูดเพื่อให้คนหันมาสนใจมากขึ้น ซึ่งเราก็เห็นด้วยค่ะ การโปรโมตตัวเองเป็นเรื่องที่ควรทำอยู่แล้ว เป็นพ่อค้าไม่ให้ขายของแล้วจะขายอะไร สำหรับการโปรโมตอัลบั้ม discography ของอัลบั้มนี้เขียนไว้ว่าเพื่อทำให้ผู้คนเปิดตาเปิดใจมอง GOT7 ก็สอดคล้องกับชื่ออัลบั้มและการผลักดันให้ไปออกวาไรตี้ในช่องกระแสหลักมากขึ้นด้วย
B. การโปรโมต
คราวนี้เจวายพีถือว่าทำได้ดีขึ้นนะคะ อย่างเรื่องที่ไปออกวาไรตี้ก่อนคัมแบ็ก มีแผน pre-release เพื่อให้แฟนเตรียมตัวสตรีม ไปโปรโมตในโรงเรียนศิลปะ ขึ้นรายการเพลงสามสัปดาห์ มีเควสกระตุ้นยอดวิว มีวาไรตี้พิเศษสนุกๆ มีการ์ตูนให้อ่าน ไปเป็นพรีเซ็นเตอร์ของแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับอย่างห้างชินเซกเยและเสื้อผ้าของอดิดาส ก็นับว่ามีพัฒนาการอยู่บ้าง แต่เราคิดว่าเจวายพีสามารถลงทุนได้มากกว่านี้อีก น่าเสียดายที่เวลากระชั้นชิดเพราะกัซต้องเตรียม World Tour และไหนจะทัวร์คอนเสิร์ตที่ญี่ปุ่นอีก แน่นอนล่ะ คอนเสิร์ตย่อมทำเงินได้มหาศาลกว่า แม้จะดีใจเรื่องเวิร์ลด์ทัวร์นะคะ แต่เราก็ยังอยากให้บริษัทให้ความสำคัญกับฐานแฟนอีกสักนิด นี่ก็คัมแบ็กที่สองแล้วที่กัซไม่ได้ไปออกรายการ After School Club ยิ่งครั้งนี้อยู่โปรโมตครบ 7 คน ไม่มีใครเจ็บป่วยเลยด้วย อยากให้ไปออกรายการด้วยกันอีกเยอะๆ
การโปรโมตในอุดมคติของเรานะคะ ควรปล่อยทีเซอร์อัลบั้มต่อด้วยผังคัมแบ็ก แทร็กลิสต์ ทีเซอร์ไตเติ้ล และอัลบั้มสปอยเลอร์ จากนั้นค่อยเปิดพรีอัลบั้มพร้อมกับข้อมูลในอัลบั้ม เราคิดว่าแบบนี้จะน่าซื้อกว่าอยู่ๆ ปล่อยแทร็กลิสต์มาก็ให้พรีอัลบั้มเลย บางทีการเปิดพรีเลยโดยไม่มีข้อมูลนั้นเราก็อยากเขย่าคอถามจริงๆ ว่าจะมั่นหน้าไปถึงไหน กัซมีแฟนเพลงเยอะนะคะ เราคนหนึ่งล่ะที่ให้ความสำคัญกับเพลงที่สุด ถ้าเพลงน่าสนใจ ศิลปินน่าสนใจ อัลบั้มน่าสนใจ การซื้อฮาร์ดอัลบั้มเพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึกก็เป็นทางเลือกที่เป็นไปได้ แต่อย่างหนึ่งที่ต้องขอบคุณคือไม่ปล่อยเบื้องหลังก่อนเอ็มวี ขอบคุณเจวายพีที่ไม่มั่นหน้าขนาดนั้นแล้วค่ะ
สำหรับการสตรีม เจวายพีควรคิดหาวิธีโน้มน้าวใจทำให้คนสตรีมเพลงมากขึ้น โดยเฉพาะใน platform ของเกาหลีที่แฟนต่างชาติเข้าไปสตรีมได้ลำบาก บริษัทควรจะจัดหาข้อมูลให้ จัดรางวัลพิเศษหรือแม้แต่จัดโปรโมชั่นขายโค้ดสตรีม/ดาวน์โหลดไปด้วยก็ไม่ใช่เรื่องน่าจะเกินกำลัง เพราะก็เคยให้โค้ดสตรีมของจีนี่มาพร้อมกับอัลบั้ม แต่หลังๆ ทำไมไม่ให้ก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน หากแฟนที่พรีอัลบั้มได้รับโค้ดสตรีมในแอพต่างๆ พร้อมกับการปล่อยอัลบั้มก็น่าจะดีมาก จะได้เข้าไปสตรีมได้ด้วย แล้วก็จะได้ไม่ต้องเปย์ซ้ำซ้อน ขอแค่เจวายพีช่วยกรุยทางให้หน่อยแฟนๆ ก็พร้อมจะช่วยกันอยู่แล้ว ดูอย่างคัมแบ็กนี้ก็สตรีมกันอย่างหนักหน่วงจนสามารถเข้าไปอยู่ในอันดับต้นๆ ของชาร์ตได้ เด็กๆ ดีใจขนาดใน รู้สึกมีกำลังใจขนาดไหนเราสามารถรับรู้ได้ บริษัทเป็นคนบอกข่าวเองด้วยซ้ำ เราหวังว่าคัมแบ็กหน้าจะมีพัฒนาการเรื่องการสตรีมมากกว่านี้ ควรมีรางวัลจูงใจสำหรับยอดสตรีมพอๆ กับยอดอัลบั้มเพื่อเข้าไซน์เช่นกัน
เราว่ากัซยังมีศักยภาพจะขยายตลาดในเกาหลีได้อีก เพียงแต่การโปรโมตยังไม่เอื้ออำนวยขนาดนั้น สมาชิกแต่ละคนยังไม่ได้มีโอกาสโชว์เสน่ห์ด้านต่างๆ ในสื่อกระแสหลักเลย วาไรตี้ก็ยังไปได้อีก ร้องเพลงก็ยังได้อีก เต้นก็ยังได้อีก แสดงละครก็ยังได้อีก พิธีกรก็ยังได้อีก ที่ดีหน่อยก็เห็นจะมีรายการวิทยุที่เริ่มเชิญไปเป็นสเปเชียลดีเจ แต่ถ้าให้ดีหากมีรายการวิทยุเป็นของตัวเองก็คงจะดีไม่น้อยเลย แต่จะมีวันนั้นหรือไม่ก็คงต้องแล้วแต่ว่าเจวายพีจะลงทุนเหมือนเอสเอ็มรึเปล่านะคะ สำหรับข้อคิดเห็นเรื่องการโปรโมตคัมแบ็กของเราก็น่าจะมีประมาณนี้แหละค่ะ
หัวข้อถัดไปต่อในคอมเม้นต์ จะค่อยๆ เขียนไปเช่นเคยค่ะ ใจเย็น