ก่อนอื่นเลยต้องบอกว่าไม่เคยรีวิวที่เที่ยวที่ไหนมาก่อนเลย แต่มาคราวนี้ขอสักหน่อยก็แล้วกัน เพราะเห็นว่าประเทศอียิปต์ คนไทยยังไม่ค่อยมีใครกล้าไปด้วยตัวเองเท่าไหร่ ก็เลยอยากจะมาแชร์ประสบการณ์ให้เพื่อนๆทุกคนนะคะ
- เริ่มต้นด้วยการจองตั๋วก่อนเลย
บอกก่อนเลยว่าอียิปต์นี่เป็นประเทศที่ใฝ่ฝันมาบานมากว่าต้องไปเห็นปีรามิตกับตาตัวเองสักครั้ง อยากไปมากๆๆ
ว่าแล้ว Oman Air ก็ออกโปรโมชั่น เราก็ไม่รอช้าค่ะ จองด่วนๆ เราได้ค่าตั๋วมา 11,830 ซึ่งถือว่าถูกมากเท่าที่เคยเห็นมา
- ต่อกันด้วย Visa ค่ะ
การที่จะไปอียิปต์ ไม่มีการขอ Visa on arrival แล้วนะ ยกเลิกไปนานแล้วเหมือนกัน
เราต้องยื่นขอวีซ่าจากสถานทูตอียิปต์ในไทย ตั้งอยู่ที่อาคาร สรชัย ชั้น 31 ลง BTS เอกมัยแล้วเดินมา อาคารอยู่ใกล้กับปั๊มเชลล์
เอกสารที่ใช้ยื่น
1. แบบฟอร์มขอวีซ่าของอียิปต์
2. รูปถ่าย 2 นิ้ว
3. Bank guarantee เราสามารถไปขอที่ธนาคารได้แจ้งว่านำไปเพื่อขอวีซ่า มีค่าธรรมเนียม 100 บาท
4. หนังสือรับรองการทำงาน
5. ตั๋วเครื่องบิน + ที่พัก
6. ค่าธรรมเนียมการขอวีซ่า 2,100 บาท
ขั้นตอนการยื่นวีซ่าก็ไม่มีอะไรมากเลย ไปถึงสถานทูตก็ยื่นเอกสารให้เจ้าหน้าที่เช็คเอกสาร แนะนำให้ไปตอนเช้านะ แต่คนไม่เยอะอยู่แล้ว แปปเดียวก็เสร็จ
สามารถให้คนอื่นยื่นแทนกันได้นะค่ะ เจ้าหน้าที่จะไม่เก็บพาสปอร์ตไว้นะ จะให้นำพาสปอร์ตมาวันที่นัดรับวีซ่า ซึ่งต้องนำพาสปอร์ตมาให้ตอนเช้า และรับเล่มคืนตอนบ่ายสอง ใช้เวลาดำเนินการประมาณ 3 สัปดาห์ ของเราไปยื่นวันที่ 31 ม.ค. เค้านัดไปให้รับวีซ่าวันที่ 20 ก.พ. ค่ะ
=== Let 's the Journey begins ===
= 22 Feb 18 =
เรามาถึงสนามบินประมาณเที่ยงครึ่ง เพราะเดินทางกันทั้งหมด 9 คน และมีแม่ๆ และป้าๆ ขอติดตามมาด้วย เลยต้องขอเพื่อเวลาไว้หน่อย
มาถึงก็ทำการเช็คอิน โหลดกระเป๋าเรียบร้อย เดินทางโดยสายการบิน Oman Air ได้นั่งเครื่องใหม่ อิอิ Boeing 787-9 ดีงามมาก แฮร่
พร้อมมากๆๆ
พกอุปกรณ์ไปก็จะประมาณนี้
ใช้เวลาเดินทางจาก bkk - mct ประมาณ 6 ชั่วโมงครึ่ง ไปถึงมัตกัตเวลา หกโมงครึ่ง รอทรานสิทประมาณ 3 ชั่วโมงนิดๆๆ
จาก mct - cai ใช้เวลาอีกประมาณ 4 ชั่วโมงกว่าๆๆ ไฟล์ทเราดีเลย์ด้วย รวมๆแล้วก็5 ชั่วโมง
เครื่องจากมัตกัตไปไคโร คือเก่ามากๆๆ แอบตกใจนึดนึง เป็น Boeing 737 ที่นั่งเป็น 3:3 ไม่มีจอนะจ๊ะ นั่งหลับไปค่ะ ยาวๆๆ
และแล้วเราก็มาถึงค่ะ ไคโร อียิปต์จ๋า พี่มาแล้ว
ออกมาจากสนามบินก็จะงงๆ นิดนึง คือฝนตกค่ะ งงมาก เพราะเชคสภาพอากาศมา ไม่คิดว่าจะมีฝน แต่ฝนดันตก เราจ้างรถตู้มารับ โดยติดต่อผ่านนักเรียนไทยที่มาเรียนที่อียิปต์ แอบลุ้นอยู่เหมือนกันว่ารถตู้ที่มารับสภาพจะเก่าหรือใหม่ เพราะที่อ่านจากรีวิวมา คือรถยนต์ที่นี่เก่ามากๆ แต่ของเราโอเคค่ะ ถือว่าผ่าน
มาถึงที่ไคโรก็เป็นเวลาตี1กว่า ซึ่งเวลาที่นี่ช้ากว่าบ้านเราประมาณ 5 ชั่วโมง เหนื่อยและเพลียมาก อยากเข้าที่พักไวๆ
เราจองโรงแรม Barcelo Pyramids hotel
โรงแรมถือว่าโอเคมาก ประมาณ 4 ดาว ราคาก็โอเค ไม่แรงมาก เพราะมีผู้ใหญ่มาด้วย เลยขอจองดีๆหน่อย
ไม่ได้ถ่ายรูปห้องมาให้ดูเพราะมาถึงโรงแรมคือกระโดดหาเตียงเลยจ้า พี่ไม่ไหวแล้ว ขอนอนก่อน
อาหารเช้าก็จะประมาณนี้นะ มีขนมปัง กาแฟ เหมือนทั่วๆไป แต่จะมีอาหารอียิปต์ด้วย ซึ่งเรากินไม่เป็นเลย
มื้อเช้าก็ได้แค่ออมเล็ตกับน้ำส้ม รองท้องไป
= 23 Feb 18 =
หลังจากนั้นก็ออกเดินทางไปพีรามิตกันเลย
ค่าเข้าชมพีรามิตคนละ 120 ปอน หรือประมาณ 240 บาทไทย
วันที่ไปเป็นวันศุกร์ เด็กนักเรียนเยอะมาก แต่ เด็กที่นี่กล้าแสดงออกมาก เห็นว่าเราเป็นนักท่องเที่ยวพยายามที่จะเข้ามาคุยทักทาย
ใหญ่ยักษ์มหึมามาก น้ำตาจะไหล ได้เห็นแล้วพีรามิตของจริง ในใจก็นึกขำๆ จะมีดิเซ็ปติคอนออกมาเหมือนในหนังมั้ย มันใหญ่จริงๆๆ
พยายามปีนกันขึ้นไป เหนื่อยมาก
รอบๆพีรามิตจะมีพ่อค้า คนขายของมาเสนอโน่นนี่นั่นขายให้ ปฏิเสธรัวๆเลยค่ะ คนเยอะมากตรงนี้ แนะนำให้ระวังพวกของมีค่าด้วย จะมีคนมาถามจะขี่อูฐมั้ย นั่งรถม้ามั้ย เยอะแยะไปหมด มันก็จะวุ่นๆนิดนึงนะ
มาอียิปต์ทั้งทีก็ต้องขี่อูฐหน่อย จะพลาดได้ไง ของเราตกลงราคาได้ที่คนละ 100 ปอนเท่านั้น เห้ยถูกมาก จะพลาดได้ไงต้องจัดสิคะ โชคดีตรงที่ว่ามีคนพูดภาษาอาหรับได้ไปด้วยก็โล่งใจหน่อย ตกลงราคากันได้แล้วลุงเจ้าของอูฐก็พาน้องอูฐมาจอดตรงหน้าเลย ตอนแรกลุงจะขอเก็บเงินเลยจ้ะ แต่เราเซย์โนๆๆ งานจบค่อยจ่ายนะจ๊ะ
การขี่อูฐมันน่ากลัวกว่าที่คิดนะ เผาผลาญแคลลอรี่ไปได้เยอะมาก
ลุงที่ดูแลอูฐบอกว่าจะพาไปที่ที่วิวสวยที่สุด
น้องอูฐตัวนี้ชื่อ Chalie brown นะ
หลังจากภาระกิจขี่อูฐเสร็จเรียบร้อย เราก็นั่งรถไปดูสฟิงซ์
คนเยอะ ก็จะมีหัวคนติดมาด้วย
หลังจากถ่ายรูปกับสฟิงซ์จนพอใจแล้ว คนขับรถตู้เราก็พาเรามาแวะที่ร้านน้ำหอมอียิปต์
เจ้าของร้านบอกว่าเค้าผสมน้ำหอมเองไม่ใส่แอลกอฮอล ลักษณะน้ำหอมของอียิปต์จะคล้ายๆกับน้ำมัน
มีตัวเทสกลิ่นต่างๆมาให้ลอง
จัดมา 1 ชุด ราคาขวดละ 200ปอน ก็ 400 บาทไทย
ได้เวลากินข้าวเที่ยงกันแล้ว มาอียิปต์ก็ต้องลองอาหารพื้นบ้านบ้าง ซึ่งทุกคนยกเว้นเรา เอ็นจอยอีทติ้งกันมาก
ส่วนเราแทบจะกินอะไรไม่ได้เลย กินไม่เป็น
มื้อกลางวันเราหมดค่าข้าวไปประมาณ 1000กว่าปอน สำหรับ 10 คนซึ่งถือว่าถูกมากสั่งกันเต็มโต๊ะทั้งแพะ แกะ ไก่ เนื้อ อิ่มมาก
หน้าตาอาหารเป็นแบบนี้
ท้องอิ่มแล้วก็เดินทางต่อค่ะ ไปมัสยิดแห่งแรกของไคโร
ชื่อ มัสยิด Amr lbn Al Aas
ข้างในก็จะขลังๆนิดนึง เงียบสงบ เย็นสบาย
เสดแล้วไปกันต่อค่ะที่ตลาดข่าน อัลคัลลีลี่ หรือเรียกภาษาที่นี่เรียกว่าตลาด Hussain
ก่อนจะไปแวะตลาด เราแวะซื้อซิมการ์ดก่อนถูกตัดขาดจากโลกภายนอกมาเกือบวันแล้ว
เราซื้อของเครือข่าย Vodafone ค่ะ ได้อินเตอร์เนต 8 GB ใช้ได้ 8 วัน ราคา 150 ปอน
เก็บภาพระหว่างทางไปตลาดมาให้ดูค่ะ
รถที่นี่ขับกันได้น่ากลัวมาก บีบแตรกันตลอดเวลา ถนน3เลน เค้าขับกันเป็น6เลน
ถึงแล้วค่ะตลาดHussain
ของที่ขายที่นี่จะเป็นพวกเสื้อผ้า ของที่ระลึกต่างๆมากมาย เหมือนคล้ายๆสัมเพ็ง พารุรัดบ้านเรา
ราคาของที่นี่ต่อไปเลยค่ะ ถ้าเค้าบอกราคา 100 ต่อไปเลยเหลือสัก 40 นี่เหมือนเป็นช่วงเวลาที่เรามีความสุขมากๆ ช้อปปิ้งซื้อของฝากกันสนุกสนาน
= 24 Feb 18 =
วันนี้เราจะเดินทางออกต่างจังหวัดกันค่ะ จุดหมายของวันนี้อยู่ที่เมือง Matrouh อยู่ทางตอนเหนือของอียิปต์แต่เราจะแวะ Alaxandria ก่อน เพื่อแวะดูหอสมุดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ใช้เวลาเดินทางจากไคโรไปอเล็กซานเดรีย 3 ชั่วโมงค่ะ
ระหว่างทางมีไร่ส้ม เราก็จอดขอแวะเข้าไปถ่ายรูปสักนิดนึง อียิปต์เป็นประเทศที่แห้งแล้ง แต่เป็นประเทศเกษตรกรรม ผลไม้ที่นี่หวานมาก ลูกใหญ่มาก และถูกมากด้วย
และแล้วเราก็มาถึงค่ะ Montaza Palace Alaxandria
เป็นพระราชวังเก่าของอียิปต์ เมื่อก่อนอียิปต์มีกษัตริย์นะ แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว
ค่าเข้าสวนหน้าพระราชวังคนละ 35 ปอน แอบผิดหวังนิดนึง เข้าไปดูข้างในไม่ได้ ปิดปรับปรุง
ถ่ายรูปชิคๆ ชิวๆ ข้างนอกแล้วกัน
คนขับรถพาขับมาจุดถ่ายรูปอีกที่นึงเป็นสะพานสวยๆ
น้ำทะเลที่นี่สวยมาก ปลื้มมม
หลังจากเดินทางมาหลายชั่วโมง ขอแวะกินข้าวริมทะเล รับลมทะเลเย็นๆ สักหน่อยนะ ลมทะเลที่นี่ไม่เหนียวตัวเหมือนที่บ้านเรา
อาหารมื้อนี้เป็นพวกซีฟู้ด กุ้งย่าง ปลาหมึกย่าง ปลาย่าง ราคาก็ไม่แรงค่ะ พอสู้ไหว ประมาณ 1500 ปอน
แต่ถามว่าอร่อยมั้ย แนะนำว่ากินบ้านเราอร่อยกว่าเยอะ ไม่ว้าวเท่าไหร่
คาโบนาร่าชีสเยิ้มมาก ฟินตรงนี้
ปลาชุปแป้งทอด กุ้งชุปแป้งทอด
ร้านอาหารของเราอยู่ใกล้ป้อมปราการของซาลาฮุดดีน เป็นแม่ทัพใหญ่ที่มีชื่อเสียงในสมัยก่อนก็แวะไปถ่ายรูปสักหน่อย
เด็กน้อยน่ารักมาก ขอยืมมาถ่ายรูปด้วยหน่อยนะ
เสียใจมากไม่ได้เข้าหอสมุดที่ใหญ่ที่สุดในโลกเพราะปิดตั้งแต่เที่ยง กว่าเราจะไปถึงก็4โมงเย็นแล้ว อดเลย
ขอถ่ายรูปแค่ด้านหน้าก็ยังดี
สภาพบ้านเมืองของอเล็กซานเดรียแตกต่างจากไคโรมากๆ สะอาดกว่า คนขับรถมีระเบียบกว่า ไม่บีบแตร ที่สำคัญคนที่นี่หน้าตาดีกว่าที่ไคโรเยอะ แฮร่ๆ
ต่อๆ
https://ppantip.com/topic/37531777
[CR][SR] แชร์ประสบการณ์ เที่ยวอียิปต์ 22-1 มีนาคม 18
- เริ่มต้นด้วยการจองตั๋วก่อนเลย
บอกก่อนเลยว่าอียิปต์นี่เป็นประเทศที่ใฝ่ฝันมาบานมากว่าต้องไปเห็นปีรามิตกับตาตัวเองสักครั้ง อยากไปมากๆๆ
ว่าแล้ว Oman Air ก็ออกโปรโมชั่น เราก็ไม่รอช้าค่ะ จองด่วนๆ เราได้ค่าตั๋วมา 11,830 ซึ่งถือว่าถูกมากเท่าที่เคยเห็นมา
- ต่อกันด้วย Visa ค่ะ
การที่จะไปอียิปต์ ไม่มีการขอ Visa on arrival แล้วนะ ยกเลิกไปนานแล้วเหมือนกัน
เราต้องยื่นขอวีซ่าจากสถานทูตอียิปต์ในไทย ตั้งอยู่ที่อาคาร สรชัย ชั้น 31 ลง BTS เอกมัยแล้วเดินมา อาคารอยู่ใกล้กับปั๊มเชลล์
เอกสารที่ใช้ยื่น
1. แบบฟอร์มขอวีซ่าของอียิปต์
2. รูปถ่าย 2 นิ้ว
3. Bank guarantee เราสามารถไปขอที่ธนาคารได้แจ้งว่านำไปเพื่อขอวีซ่า มีค่าธรรมเนียม 100 บาท
4. หนังสือรับรองการทำงาน
5. ตั๋วเครื่องบิน + ที่พัก
6. ค่าธรรมเนียมการขอวีซ่า 2,100 บาท
ขั้นตอนการยื่นวีซ่าก็ไม่มีอะไรมากเลย ไปถึงสถานทูตก็ยื่นเอกสารให้เจ้าหน้าที่เช็คเอกสาร แนะนำให้ไปตอนเช้านะ แต่คนไม่เยอะอยู่แล้ว แปปเดียวก็เสร็จ
สามารถให้คนอื่นยื่นแทนกันได้นะค่ะ เจ้าหน้าที่จะไม่เก็บพาสปอร์ตไว้นะ จะให้นำพาสปอร์ตมาวันที่นัดรับวีซ่า ซึ่งต้องนำพาสปอร์ตมาให้ตอนเช้า และรับเล่มคืนตอนบ่ายสอง ใช้เวลาดำเนินการประมาณ 3 สัปดาห์ ของเราไปยื่นวันที่ 31 ม.ค. เค้านัดไปให้รับวีซ่าวันที่ 20 ก.พ. ค่ะ
=== Let 's the Journey begins ===
= 22 Feb 18 =
เรามาถึงสนามบินประมาณเที่ยงครึ่ง เพราะเดินทางกันทั้งหมด 9 คน และมีแม่ๆ และป้าๆ ขอติดตามมาด้วย เลยต้องขอเพื่อเวลาไว้หน่อย
มาถึงก็ทำการเช็คอิน โหลดกระเป๋าเรียบร้อย เดินทางโดยสายการบิน Oman Air ได้นั่งเครื่องใหม่ อิอิ Boeing 787-9 ดีงามมาก แฮร่
พร้อมมากๆๆ
พกอุปกรณ์ไปก็จะประมาณนี้
ใช้เวลาเดินทางจาก bkk - mct ประมาณ 6 ชั่วโมงครึ่ง ไปถึงมัตกัตเวลา หกโมงครึ่ง รอทรานสิทประมาณ 3 ชั่วโมงนิดๆๆ
จาก mct - cai ใช้เวลาอีกประมาณ 4 ชั่วโมงกว่าๆๆ ไฟล์ทเราดีเลย์ด้วย รวมๆแล้วก็5 ชั่วโมง
เครื่องจากมัตกัตไปไคโร คือเก่ามากๆๆ แอบตกใจนึดนึง เป็น Boeing 737 ที่นั่งเป็น 3:3 ไม่มีจอนะจ๊ะ นั่งหลับไปค่ะ ยาวๆๆ
และแล้วเราก็มาถึงค่ะ ไคโร อียิปต์จ๋า พี่มาแล้ว
ออกมาจากสนามบินก็จะงงๆ นิดนึง คือฝนตกค่ะ งงมาก เพราะเชคสภาพอากาศมา ไม่คิดว่าจะมีฝน แต่ฝนดันตก เราจ้างรถตู้มารับ โดยติดต่อผ่านนักเรียนไทยที่มาเรียนที่อียิปต์ แอบลุ้นอยู่เหมือนกันว่ารถตู้ที่มารับสภาพจะเก่าหรือใหม่ เพราะที่อ่านจากรีวิวมา คือรถยนต์ที่นี่เก่ามากๆ แต่ของเราโอเคค่ะ ถือว่าผ่าน
มาถึงที่ไคโรก็เป็นเวลาตี1กว่า ซึ่งเวลาที่นี่ช้ากว่าบ้านเราประมาณ 5 ชั่วโมง เหนื่อยและเพลียมาก อยากเข้าที่พักไวๆ
เราจองโรงแรม Barcelo Pyramids hotel
โรงแรมถือว่าโอเคมาก ประมาณ 4 ดาว ราคาก็โอเค ไม่แรงมาก เพราะมีผู้ใหญ่มาด้วย เลยขอจองดีๆหน่อย
ไม่ได้ถ่ายรูปห้องมาให้ดูเพราะมาถึงโรงแรมคือกระโดดหาเตียงเลยจ้า พี่ไม่ไหวแล้ว ขอนอนก่อน
อาหารเช้าก็จะประมาณนี้นะ มีขนมปัง กาแฟ เหมือนทั่วๆไป แต่จะมีอาหารอียิปต์ด้วย ซึ่งเรากินไม่เป็นเลย
มื้อเช้าก็ได้แค่ออมเล็ตกับน้ำส้ม รองท้องไป
= 23 Feb 18 =
หลังจากนั้นก็ออกเดินทางไปพีรามิตกันเลย
ค่าเข้าชมพีรามิตคนละ 120 ปอน หรือประมาณ 240 บาทไทย
วันที่ไปเป็นวันศุกร์ เด็กนักเรียนเยอะมาก แต่ เด็กที่นี่กล้าแสดงออกมาก เห็นว่าเราเป็นนักท่องเที่ยวพยายามที่จะเข้ามาคุยทักทาย
ใหญ่ยักษ์มหึมามาก น้ำตาจะไหล ได้เห็นแล้วพีรามิตของจริง ในใจก็นึกขำๆ จะมีดิเซ็ปติคอนออกมาเหมือนในหนังมั้ย มันใหญ่จริงๆๆ
พยายามปีนกันขึ้นไป เหนื่อยมาก
รอบๆพีรามิตจะมีพ่อค้า คนขายของมาเสนอโน่นนี่นั่นขายให้ ปฏิเสธรัวๆเลยค่ะ คนเยอะมากตรงนี้ แนะนำให้ระวังพวกของมีค่าด้วย จะมีคนมาถามจะขี่อูฐมั้ย นั่งรถม้ามั้ย เยอะแยะไปหมด มันก็จะวุ่นๆนิดนึงนะ
มาอียิปต์ทั้งทีก็ต้องขี่อูฐหน่อย จะพลาดได้ไง ของเราตกลงราคาได้ที่คนละ 100 ปอนเท่านั้น เห้ยถูกมาก จะพลาดได้ไงต้องจัดสิคะ โชคดีตรงที่ว่ามีคนพูดภาษาอาหรับได้ไปด้วยก็โล่งใจหน่อย ตกลงราคากันได้แล้วลุงเจ้าของอูฐก็พาน้องอูฐมาจอดตรงหน้าเลย ตอนแรกลุงจะขอเก็บเงินเลยจ้ะ แต่เราเซย์โนๆๆ งานจบค่อยจ่ายนะจ๊ะ
การขี่อูฐมันน่ากลัวกว่าที่คิดนะ เผาผลาญแคลลอรี่ไปได้เยอะมาก
ลุงที่ดูแลอูฐบอกว่าจะพาไปที่ที่วิวสวยที่สุด น้องอูฐตัวนี้ชื่อ Chalie brown นะ
หลังจากภาระกิจขี่อูฐเสร็จเรียบร้อย เราก็นั่งรถไปดูสฟิงซ์
คนเยอะ ก็จะมีหัวคนติดมาด้วย
หลังจากถ่ายรูปกับสฟิงซ์จนพอใจแล้ว คนขับรถตู้เราก็พาเรามาแวะที่ร้านน้ำหอมอียิปต์
เจ้าของร้านบอกว่าเค้าผสมน้ำหอมเองไม่ใส่แอลกอฮอล ลักษณะน้ำหอมของอียิปต์จะคล้ายๆกับน้ำมัน
มีตัวเทสกลิ่นต่างๆมาให้ลอง
จัดมา 1 ชุด ราคาขวดละ 200ปอน ก็ 400 บาทไทย
ได้เวลากินข้าวเที่ยงกันแล้ว มาอียิปต์ก็ต้องลองอาหารพื้นบ้านบ้าง ซึ่งทุกคนยกเว้นเรา เอ็นจอยอีทติ้งกันมาก
ส่วนเราแทบจะกินอะไรไม่ได้เลย กินไม่เป็น
มื้อกลางวันเราหมดค่าข้าวไปประมาณ 1000กว่าปอน สำหรับ 10 คนซึ่งถือว่าถูกมากสั่งกันเต็มโต๊ะทั้งแพะ แกะ ไก่ เนื้อ อิ่มมาก
หน้าตาอาหารเป็นแบบนี้
ท้องอิ่มแล้วก็เดินทางต่อค่ะ ไปมัสยิดแห่งแรกของไคโร
ชื่อ มัสยิด Amr lbn Al Aas
ข้างในก็จะขลังๆนิดนึง เงียบสงบ เย็นสบาย
เสดแล้วไปกันต่อค่ะที่ตลาดข่าน อัลคัลลีลี่ หรือเรียกภาษาที่นี่เรียกว่าตลาด Hussain
ก่อนจะไปแวะตลาด เราแวะซื้อซิมการ์ดก่อนถูกตัดขาดจากโลกภายนอกมาเกือบวันแล้ว
เราซื้อของเครือข่าย Vodafone ค่ะ ได้อินเตอร์เนต 8 GB ใช้ได้ 8 วัน ราคา 150 ปอน
เก็บภาพระหว่างทางไปตลาดมาให้ดูค่ะ
รถที่นี่ขับกันได้น่ากลัวมาก บีบแตรกันตลอดเวลา ถนน3เลน เค้าขับกันเป็น6เลน
ถึงแล้วค่ะตลาดHussain
ของที่ขายที่นี่จะเป็นพวกเสื้อผ้า ของที่ระลึกต่างๆมากมาย เหมือนคล้ายๆสัมเพ็ง พารุรัดบ้านเรา
ราคาของที่นี่ต่อไปเลยค่ะ ถ้าเค้าบอกราคา 100 ต่อไปเลยเหลือสัก 40 นี่เหมือนเป็นช่วงเวลาที่เรามีความสุขมากๆ ช้อปปิ้งซื้อของฝากกันสนุกสนาน
= 24 Feb 18 =
วันนี้เราจะเดินทางออกต่างจังหวัดกันค่ะ จุดหมายของวันนี้อยู่ที่เมือง Matrouh อยู่ทางตอนเหนือของอียิปต์แต่เราจะแวะ Alaxandria ก่อน เพื่อแวะดูหอสมุดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ใช้เวลาเดินทางจากไคโรไปอเล็กซานเดรีย 3 ชั่วโมงค่ะ
ระหว่างทางมีไร่ส้ม เราก็จอดขอแวะเข้าไปถ่ายรูปสักนิดนึง อียิปต์เป็นประเทศที่แห้งแล้ง แต่เป็นประเทศเกษตรกรรม ผลไม้ที่นี่หวานมาก ลูกใหญ่มาก และถูกมากด้วย
และแล้วเราก็มาถึงค่ะ Montaza Palace Alaxandria
เป็นพระราชวังเก่าของอียิปต์ เมื่อก่อนอียิปต์มีกษัตริย์นะ แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว
ค่าเข้าสวนหน้าพระราชวังคนละ 35 ปอน แอบผิดหวังนิดนึง เข้าไปดูข้างในไม่ได้ ปิดปรับปรุง
ถ่ายรูปชิคๆ ชิวๆ ข้างนอกแล้วกัน
คนขับรถพาขับมาจุดถ่ายรูปอีกที่นึงเป็นสะพานสวยๆ
น้ำทะเลที่นี่สวยมาก ปลื้มมม
หลังจากเดินทางมาหลายชั่วโมง ขอแวะกินข้าวริมทะเล รับลมทะเลเย็นๆ สักหน่อยนะ ลมทะเลที่นี่ไม่เหนียวตัวเหมือนที่บ้านเรา
อาหารมื้อนี้เป็นพวกซีฟู้ด กุ้งย่าง ปลาหมึกย่าง ปลาย่าง ราคาก็ไม่แรงค่ะ พอสู้ไหว ประมาณ 1500 ปอน
แต่ถามว่าอร่อยมั้ย แนะนำว่ากินบ้านเราอร่อยกว่าเยอะ ไม่ว้าวเท่าไหร่
คาโบนาร่าชีสเยิ้มมาก ฟินตรงนี้
ปลาชุปแป้งทอด กุ้งชุปแป้งทอด
ร้านอาหารของเราอยู่ใกล้ป้อมปราการของซาลาฮุดดีน เป็นแม่ทัพใหญ่ที่มีชื่อเสียงในสมัยก่อนก็แวะไปถ่ายรูปสักหน่อย
เด็กน้อยน่ารักมาก ขอยืมมาถ่ายรูปด้วยหน่อยนะ
เสียใจมากไม่ได้เข้าหอสมุดที่ใหญ่ที่สุดในโลกเพราะปิดตั้งแต่เที่ยง กว่าเราจะไปถึงก็4โมงเย็นแล้ว อดเลย
ขอถ่ายรูปแค่ด้านหน้าก็ยังดี
สภาพบ้านเมืองของอเล็กซานเดรียแตกต่างจากไคโรมากๆ สะอาดกว่า คนขับรถมีระเบียบกว่า ไม่บีบแตร ที่สำคัญคนที่นี่หน้าตาดีกว่าที่ไคโรเยอะ แฮร่ๆ
ต่อๆ https://ppantip.com/topic/37531777
**SR - Sponsored Review : ผู้เขียนรีวิวนี้ไม่ได้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง แต่มีผู้สนับสนุนสินค้าหรือบริการนี้ให้แก่ผู้เขียนรีวิว โดยที่ผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนอื่นใดในการเขียนรีวิว