เมื่อวันเสาร์ที่ 31 มีนาคม 2561ที่ผ่านมาเป็นวันศรีบูรพา โดยปีนี้ครบรอบชาตกาล 113 ปี ทางกองทุนศรีบูรพาและสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทยจึงได้จัดงานรำลึกถึงศรีบูรพา (กุหลาบ สายประดิษฐ์) ขึ้นมา โดยจัดขึ้นที่บ้านศรีบูรพา (บ้านเลขที่ 35 ซอยราชวิถี 4) กรุงเทพมหานคร
โดยในงานกิจกรรมภาคเช้าทางคณะกรรมการจัดงานได้นิมนต์พระครูสังฆกิจพิมล (พระสุรศักดิ์ สุรญาโณ) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดชลประทาน แสดงธรรมเทศนา และถวายภัตตาหารเพลแก่พระสงฆ์ หลังจากนั้นผู้เข้าร่วมงานได้รับประทานอาหารกลางวันร่วมกัน
สำหรับบ้านศรีบูรพาหลังนี้ เป็นพิพิธภัณฑ์บ้านนักเขียนหลังแรก จากจำนวนทั้งหมด 2 หลังที่มีอยู่ในประเทศไทย (พิพิธภัณฑ์บ้านนักเขียนหลังที่ 2 คือบ้านของเสาว์ บุญเสนอ ผู้มอบที่ดินเพื่อทำเป็นที่ทำการของสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย ที่ซอยกรุงเทพ-นนท์ 31 บางซื่อ)
บ้านศรีบูรพานี้เป็นพิพิธภัณฑ์ส่วนตัวของนักเขียน เป็นที่อยู่ของศรีบูรพาเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ โดยที่ดินแปลงนี้ได้รับประทานจากพระองค์เจ้าวรรณไวทยากร ซึ่งถือว่าเป็นเจ้านายของศรีบูรพาเมื่อครั้งที่ได้ร่วมงานทำหนังสือพิมพ์ด้วยกัน โดยพระองค์วรรณฯ มอบบ้านพร้อมที่ดินหลังนี้ให้สำหรับเป็นเรือนหอของศรีบูรพา (กุหลาบ สายประดิษฐ์) กับจูเลียต (คุณชนิด สายประดิษฐ์) ภายในส่วนที่เป็นพิพิธภัณฑ์นักเขียนจะจัดแสดงหนังสือของศรีบูรพา รวมทั้งหนังสือต่างๆ ที่ศรีบูรพาเก็บสะสมไว้ มีโต๊ะทำงานของศรีบูรพา มีรูปภาพของศรีบูรพาจัดแสดงไว้ สำหรับท่านใดที่สนใจศึกษางานของศรีบูรพาก็สามารถเข้าไปชมพิพิธภัณฑ์ส่วนตัวของศรีบูรพาได้ แต่ตัวพิพิธภัณฑ์นี้ไม่ได้เปิดทุกวัน จะเปิดเฉพาะวันที่มีการจัดงาน หรือการเข้าเยี่ยมชมเป็นหมู่คณะที่มีการนัดหมายล่วงหน้าเท่านั้น
อาจารย์ชมัยภร แสงกระจ่าง เล่าให้ฟังว่า
-ศรีบูรพาเป็นนักเขียนคนแรกที่พูดถึงความเป็นสุภาพบุรุษในงานเขียน โดยเขียนถึงเป็นครั้งแรกในนวนิยายเรื่อง “เล่นกับไฟ” โดยกล่าวว่า “ผู้ใดเกิดมาเป็นสุภาพบุรุษ ผู้นั้นเกิดมาสำหรับคนอื่น”
-ช่วงที่ศรีบูรพาทำงานหนังสือพิมพ์เป็นช่วงที่ศรีบูรพารังสรรค์ผลงานออกมาเยอะที่สุด โดยงานของศรีบูรพาส่วนใหญ่เป็นงานที่มีลักษณะก้าวหน้าที่แสดงถึงความเสียสละ เห็นอกเห็นใจผู้อื่น ซึ่งมีทั้งงานสารคดี เรื่องสั้น และนวนิยาย
-ภาพของศรีบูรพาจึงเป็นภาพของนักคิดนักเขียน และนักหนังสือพิมพ์ที่ต่อสู้กับความไม่ถูกต้องในสังคมมาโดยตลอด
@@@@@@@@@@@
สำหรับกิจกรรมในช่วงบ่ายเป็นการอ่านบทกวีรำลึกถึงศรีบูรพาโดยผู้เข้าร่วมงาน เป็นบทกวีที่มีความหมายลึกซึ้งและทำให้ต้องคิดคำนึงถึงผลงานของศรีบูรพา
สำหรับการเสวนาในหัวข้อ “ความเป็นสุภาพบุรุษในงานของศรีบูรพา” มีผู้ร่วมเสวนาคือ อาจารย์ชมัยภร แสงกระจ่าง ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ , อาจารย์ธีรภาพ โลหิตกุล ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ , ตัวแทนนักเรียนจากโรงเรียนเทพศิรินทร์ 2 ท่าน , นักเรียนเก่าของเทพศิรินทร์ 1 ท่าน (ต้องขออภัยด้วยที่ผมไม่ทันได้จดชื่อจริงของคนรุ่นใหม่ทั้ง 3 ท่านนี้) โดยมีอาจารย์วโรบล ไทยภักดี เป็นผู้ดำเนินการเสวนา
โดยรายละเอีดยของการเสวนามีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้
(รายละเอียดจากการเสวนา ผมจดเป็นบันทึกช่วยจำย่อ (จดเลคเชอร์) แล้วจึงนำมาเรียบเรียงใหม่ โดยมีการคัดสรรตัดย่อเพื่อเขียนสรุปเป็นประเด็น ดังนั้นถ้ามีรายละเอียดประการใดที่ผิดพลาด หรือคาดเคลื่อนไปจากที่ท่านวิทยากรพูด ผมก็ต้องกราบขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ)
อาจารย์ชมัยภร แสงกระจ่าง
-ศรีบูรพาให้ความหมายของคำว่า “สุภาพบุรุษ” หมายถึงคนดี โดยอธิบายว่าเป็นคนดีที่มีบริบททางสังคม คือในสมัยก่อนเวลาที่พูดถึงผู้ดีหรือสุภาพบุรุษ คนทั่วไปจะหมายถึงคนชั้นสูง คนที่มีเกิดในตระกูลสูงศักดิ์ แต่ศรีบูรพาต้องการให้คำว่า ”ผู้ดี” เป็นคนดี ไม่ใช่คนชั้นสูงในสังคม ศรีบูรพาจึงสร้างคำว่า “สุภาพบุรุษ” ขึ้นมา เพื่อให้คนคิดดีและปฏิบัติดี
-ในงานเขียนของศรีบูรพา ตัวละครและพฤติกรรมของตัวละครจึงปรากฎว่าทำดีในทุกเรื่อง เป็นคนดีในสังคมที่ทำแต่ความดี เพราะต้องการบอกว่าคนที่ทำดีคือสุภาพบุรุษ เป็นแนวคิดที่อยู่ในใจของศรีบูรพามาตลอด
-งานของศรีบูรพาจึงทำให้เห็นบทบาทของคนดีในสังคมชัดเจนขึ้น โดยจะชูบทบาทของคนดี ให้ความคิดของการเป็นคนดี สร้างพลังของคนดีผ่านอะไรหลายๆ อย่างที่ออกมาจากพฤติกรรมของตัวละคร
-จึงกล่าวได้ว่า ตลอดชีวิตของศรีบูรพาจะเขียนแต่เรื่องการทำความดี เพราะว่าศรีบูรพาเป็นคนดีที่เป็นสุภาพบุรุษคนหนึ่งของสังคมไทย
อาจารย์ธีรภาพ โลหิตกุล
-ช่วงชีวิตของศรีบูรพาเป็นช่วงเวลาที่มีความหมายมาก ในสมัยนั้นคำว่า “ผู้ดี” มีอยู่มากมาย ศรีบูรพาจึงพยายามทำให้เห็นว่า “ผู้ดี” กับ “คนดี” นั้นต่างกัน
-จากในเรื่อง “ปราบพยศ” ของศรีบูรพา ผู้ดีจึงไม่ได้หมายถึงคนดีเสมอไป
-ศรีบูรพาเรียนจบจากโรงเรียนเทพศิรินทร์ เช่นเดียวกับอาจารย์ธีรภาพ โลหิตกุล ที่เป็นนักเรียนเทพศิรินทร์รุ่นน้องศรีบูรพา โดยคำขวัญของโรงเรียนเทพศิรินทร์กล่าวไว้ว่า “อย่าเป็นคนรกโลก” ซึ่งเป็นคำขวัญที่ความหมายมาก
-คำว่า “สุภาพบุรุษ” จึงหมายถึงคนที่ทำประโยชน์ให้แก่ผู้อื่น สุภาพบุรุษที่แท้จริงคือผู้ที่ดำรงตนอยู่เพื่อผู้อื่น
ตัวแทนนักเรียนจากโรงเรียนเทพศิรินทร์ (ผมขออนุญาตเขียนสรุปคำพูดของนักเรียนทั้ง 3 ท่านออกมาเป็นประเด็นเดียวกัน)
-ในสมัยก่อนคิดว่าคนที่เป็นสุภาพบุรุษคือคนที่เรียบร้อย แต่งตัวดี พูดจาสุภาพ แต่เมื่อได้มาอ่านงานของศรีบูรพาความคิดก็เปลี่ยนแปลงไป คือเริ่มเห็นว่าคนที่เรียกตัวเองว่าเป็นผู้ดี แต่ในใจเขาอาจจะไม่เคยคิดทำอะไรให้แก่คนอื่นเลยก็ได้
-หลังจากที่อ่านงานของศรีบูรพาแล้วจึงเข้าใจว่า ผู้ที่มีจิตใจช่วยเหลือผู้อื่นอยู่เสมอคือสุภาพบุรุษ และความหมายของสุภาพบุรุษกลายเป็นความหมายของนักเรียนเทพศิรินทร์ด้วย
-ดังนั้นจึงเข้าใจว่าความหมายของคำว่า “สุภาพบุรุษ” คือผู้ที่เสียสละเพื่อผู้อื่นอย่างแท้จริง
อาจารย์ชมัยภร แสงกระจ่าง
-ส่วนใหญ่เวลาคนคิดถึงศรีบูรพาคนจะนึกถึงเรื่อง “ข้างหลังภาพ” เป็นหลัก แต่จริงๆ แล้วมีเรื่องที่ดีๆ อีกหลายเรื่องที่ศรีบูรพาเขียนไว้ อย่างเช่นเรื่อง “ป่าในชีวิต” ที่คนส่วนใหญ่อาจจะไม่เคยได้อ่านกัน เรื่องนี้เขียนถึงนักบินหนุ่มคนหนึ่งที่โดนทางการจับกุม ที่เป็นเรื่องของ มรว.นิมิตรมงคล นวรัตน ผู้ที่เขียนเรื่อง “เมืองนิมิตร”
-และรวมเรื่องสั้นชุด “รับใช้ชีวิต” ที่สะท้อนถึงความเป็นสุภาพบุรุษ และสะท้อนความเห็นแก่ตัวของคนในสังคมได้เป็นอย่างดี
อาจารย์ธีรภาพ โลหิตกุล
-อยากให้คนรุ่นใหม่ได้อ่านงานของศรีบูรพาด้วย เพราะในยุคนี้คนในสังคมเอาแต่คิดถึงประโยชน์ส่วนตน ไม่ค่อยจะคิดถึงคนอื่นเลย
-นวนิยายเรื่อง “จนกว่าเราจะพบกันอีก” ในเรื่องนี้มีวรรณทองที่บอกว่า “ชีวิตที่ดีงามย่อมมีอยู่ และถูกใช้ไปเพื่อคนอื่นด้วย”
-เรื่องสั้น “ขอแรงหน่อยเถอะ” เป็นเรื่องของตัวละครที่ยากจนแต่รักศักดิ์ศรี เป็นสุภาพบุรุษที่ทำอะไรเพื่อผู้อื่นเสมอ
-ดังนั้นคำว่า “สุภาพบุรุษ” จึงมีความสำคัญต่อสังคมในยุคนี้มาก เพราะสมัยนี้คนต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างมีโลกส่วนตัวของตัวเอง ไม่คอยจะมีใครยอมเสียสละตนเพื่อผู้อื่นเลย
วัน “ศรีบูรพา” ครบรอบชาตกาล ๑๑๓ ปี
เมื่อวันเสาร์ที่ 31 มีนาคม 2561ที่ผ่านมาเป็นวันศรีบูรพา โดยปีนี้ครบรอบชาตกาล 113 ปี ทางกองทุนศรีบูรพาและสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทยจึงได้จัดงานรำลึกถึงศรีบูรพา (กุหลาบ สายประดิษฐ์) ขึ้นมา โดยจัดขึ้นที่บ้านศรีบูรพา (บ้านเลขที่ 35 ซอยราชวิถี 4) กรุงเทพมหานคร
โดยในงานกิจกรรมภาคเช้าทางคณะกรรมการจัดงานได้นิมนต์พระครูสังฆกิจพิมล (พระสุรศักดิ์ สุรญาโณ) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดชลประทาน แสดงธรรมเทศนา และถวายภัตตาหารเพลแก่พระสงฆ์ หลังจากนั้นผู้เข้าร่วมงานได้รับประทานอาหารกลางวันร่วมกัน
สำหรับบ้านศรีบูรพาหลังนี้ เป็นพิพิธภัณฑ์บ้านนักเขียนหลังแรก จากจำนวนทั้งหมด 2 หลังที่มีอยู่ในประเทศไทย (พิพิธภัณฑ์บ้านนักเขียนหลังที่ 2 คือบ้านของเสาว์ บุญเสนอ ผู้มอบที่ดินเพื่อทำเป็นที่ทำการของสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย ที่ซอยกรุงเทพ-นนท์ 31 บางซื่อ)
บ้านศรีบูรพานี้เป็นพิพิธภัณฑ์ส่วนตัวของนักเขียน เป็นที่อยู่ของศรีบูรพาเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ โดยที่ดินแปลงนี้ได้รับประทานจากพระองค์เจ้าวรรณไวทยากร ซึ่งถือว่าเป็นเจ้านายของศรีบูรพาเมื่อครั้งที่ได้ร่วมงานทำหนังสือพิมพ์ด้วยกัน โดยพระองค์วรรณฯ มอบบ้านพร้อมที่ดินหลังนี้ให้สำหรับเป็นเรือนหอของศรีบูรพา (กุหลาบ สายประดิษฐ์) กับจูเลียต (คุณชนิด สายประดิษฐ์) ภายในส่วนที่เป็นพิพิธภัณฑ์นักเขียนจะจัดแสดงหนังสือของศรีบูรพา รวมทั้งหนังสือต่างๆ ที่ศรีบูรพาเก็บสะสมไว้ มีโต๊ะทำงานของศรีบูรพา มีรูปภาพของศรีบูรพาจัดแสดงไว้ สำหรับท่านใดที่สนใจศึกษางานของศรีบูรพาก็สามารถเข้าไปชมพิพิธภัณฑ์ส่วนตัวของศรีบูรพาได้ แต่ตัวพิพิธภัณฑ์นี้ไม่ได้เปิดทุกวัน จะเปิดเฉพาะวันที่มีการจัดงาน หรือการเข้าเยี่ยมชมเป็นหมู่คณะที่มีการนัดหมายล่วงหน้าเท่านั้น
อาจารย์ชมัยภร แสงกระจ่าง เล่าให้ฟังว่า
-ศรีบูรพาเป็นนักเขียนคนแรกที่พูดถึงความเป็นสุภาพบุรุษในงานเขียน โดยเขียนถึงเป็นครั้งแรกในนวนิยายเรื่อง “เล่นกับไฟ” โดยกล่าวว่า “ผู้ใดเกิดมาเป็นสุภาพบุรุษ ผู้นั้นเกิดมาสำหรับคนอื่น”
-ช่วงที่ศรีบูรพาทำงานหนังสือพิมพ์เป็นช่วงที่ศรีบูรพารังสรรค์ผลงานออกมาเยอะที่สุด โดยงานของศรีบูรพาส่วนใหญ่เป็นงานที่มีลักษณะก้าวหน้าที่แสดงถึงความเสียสละ เห็นอกเห็นใจผู้อื่น ซึ่งมีทั้งงานสารคดี เรื่องสั้น และนวนิยาย
-ภาพของศรีบูรพาจึงเป็นภาพของนักคิดนักเขียน และนักหนังสือพิมพ์ที่ต่อสู้กับความไม่ถูกต้องในสังคมมาโดยตลอด
@@@@@@@@@@@
สำหรับกิจกรรมในช่วงบ่ายเป็นการอ่านบทกวีรำลึกถึงศรีบูรพาโดยผู้เข้าร่วมงาน เป็นบทกวีที่มีความหมายลึกซึ้งและทำให้ต้องคิดคำนึงถึงผลงานของศรีบูรพา
สำหรับการเสวนาในหัวข้อ “ความเป็นสุภาพบุรุษในงานของศรีบูรพา” มีผู้ร่วมเสวนาคือ อาจารย์ชมัยภร แสงกระจ่าง ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ , อาจารย์ธีรภาพ โลหิตกุล ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ , ตัวแทนนักเรียนจากโรงเรียนเทพศิรินทร์ 2 ท่าน , นักเรียนเก่าของเทพศิรินทร์ 1 ท่าน (ต้องขออภัยด้วยที่ผมไม่ทันได้จดชื่อจริงของคนรุ่นใหม่ทั้ง 3 ท่านนี้) โดยมีอาจารย์วโรบล ไทยภักดี เป็นผู้ดำเนินการเสวนา
โดยรายละเอีดยของการเสวนามีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้
(รายละเอียดจากการเสวนา ผมจดเป็นบันทึกช่วยจำย่อ (จดเลคเชอร์) แล้วจึงนำมาเรียบเรียงใหม่ โดยมีการคัดสรรตัดย่อเพื่อเขียนสรุปเป็นประเด็น ดังนั้นถ้ามีรายละเอียดประการใดที่ผิดพลาด หรือคาดเคลื่อนไปจากที่ท่านวิทยากรพูด ผมก็ต้องกราบขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ)
อาจารย์ชมัยภร แสงกระจ่าง
-ศรีบูรพาให้ความหมายของคำว่า “สุภาพบุรุษ” หมายถึงคนดี โดยอธิบายว่าเป็นคนดีที่มีบริบททางสังคม คือในสมัยก่อนเวลาที่พูดถึงผู้ดีหรือสุภาพบุรุษ คนทั่วไปจะหมายถึงคนชั้นสูง คนที่มีเกิดในตระกูลสูงศักดิ์ แต่ศรีบูรพาต้องการให้คำว่า ”ผู้ดี” เป็นคนดี ไม่ใช่คนชั้นสูงในสังคม ศรีบูรพาจึงสร้างคำว่า “สุภาพบุรุษ” ขึ้นมา เพื่อให้คนคิดดีและปฏิบัติดี
-ในงานเขียนของศรีบูรพา ตัวละครและพฤติกรรมของตัวละครจึงปรากฎว่าทำดีในทุกเรื่อง เป็นคนดีในสังคมที่ทำแต่ความดี เพราะต้องการบอกว่าคนที่ทำดีคือสุภาพบุรุษ เป็นแนวคิดที่อยู่ในใจของศรีบูรพามาตลอด
-งานของศรีบูรพาจึงทำให้เห็นบทบาทของคนดีในสังคมชัดเจนขึ้น โดยจะชูบทบาทของคนดี ให้ความคิดของการเป็นคนดี สร้างพลังของคนดีผ่านอะไรหลายๆ อย่างที่ออกมาจากพฤติกรรมของตัวละคร
-จึงกล่าวได้ว่า ตลอดชีวิตของศรีบูรพาจะเขียนแต่เรื่องการทำความดี เพราะว่าศรีบูรพาเป็นคนดีที่เป็นสุภาพบุรุษคนหนึ่งของสังคมไทย
อาจารย์ธีรภาพ โลหิตกุล
-ช่วงชีวิตของศรีบูรพาเป็นช่วงเวลาที่มีความหมายมาก ในสมัยนั้นคำว่า “ผู้ดี” มีอยู่มากมาย ศรีบูรพาจึงพยายามทำให้เห็นว่า “ผู้ดี” กับ “คนดี” นั้นต่างกัน
-จากในเรื่อง “ปราบพยศ” ของศรีบูรพา ผู้ดีจึงไม่ได้หมายถึงคนดีเสมอไป
-ศรีบูรพาเรียนจบจากโรงเรียนเทพศิรินทร์ เช่นเดียวกับอาจารย์ธีรภาพ โลหิตกุล ที่เป็นนักเรียนเทพศิรินทร์รุ่นน้องศรีบูรพา โดยคำขวัญของโรงเรียนเทพศิรินทร์กล่าวไว้ว่า “อย่าเป็นคนรกโลก” ซึ่งเป็นคำขวัญที่ความหมายมาก
-คำว่า “สุภาพบุรุษ” จึงหมายถึงคนที่ทำประโยชน์ให้แก่ผู้อื่น สุภาพบุรุษที่แท้จริงคือผู้ที่ดำรงตนอยู่เพื่อผู้อื่น
ตัวแทนนักเรียนจากโรงเรียนเทพศิรินทร์ (ผมขออนุญาตเขียนสรุปคำพูดของนักเรียนทั้ง 3 ท่านออกมาเป็นประเด็นเดียวกัน)
-ในสมัยก่อนคิดว่าคนที่เป็นสุภาพบุรุษคือคนที่เรียบร้อย แต่งตัวดี พูดจาสุภาพ แต่เมื่อได้มาอ่านงานของศรีบูรพาความคิดก็เปลี่ยนแปลงไป คือเริ่มเห็นว่าคนที่เรียกตัวเองว่าเป็นผู้ดี แต่ในใจเขาอาจจะไม่เคยคิดทำอะไรให้แก่คนอื่นเลยก็ได้
-หลังจากที่อ่านงานของศรีบูรพาแล้วจึงเข้าใจว่า ผู้ที่มีจิตใจช่วยเหลือผู้อื่นอยู่เสมอคือสุภาพบุรุษ และความหมายของสุภาพบุรุษกลายเป็นความหมายของนักเรียนเทพศิรินทร์ด้วย
-ดังนั้นจึงเข้าใจว่าความหมายของคำว่า “สุภาพบุรุษ” คือผู้ที่เสียสละเพื่อผู้อื่นอย่างแท้จริง
อาจารย์ชมัยภร แสงกระจ่าง
-ส่วนใหญ่เวลาคนคิดถึงศรีบูรพาคนจะนึกถึงเรื่อง “ข้างหลังภาพ” เป็นหลัก แต่จริงๆ แล้วมีเรื่องที่ดีๆ อีกหลายเรื่องที่ศรีบูรพาเขียนไว้ อย่างเช่นเรื่อง “ป่าในชีวิต” ที่คนส่วนใหญ่อาจจะไม่เคยได้อ่านกัน เรื่องนี้เขียนถึงนักบินหนุ่มคนหนึ่งที่โดนทางการจับกุม ที่เป็นเรื่องของ มรว.นิมิตรมงคล นวรัตน ผู้ที่เขียนเรื่อง “เมืองนิมิตร”
-และรวมเรื่องสั้นชุด “รับใช้ชีวิต” ที่สะท้อนถึงความเป็นสุภาพบุรุษ และสะท้อนความเห็นแก่ตัวของคนในสังคมได้เป็นอย่างดี
อาจารย์ธีรภาพ โลหิตกุล
-อยากให้คนรุ่นใหม่ได้อ่านงานของศรีบูรพาด้วย เพราะในยุคนี้คนในสังคมเอาแต่คิดถึงประโยชน์ส่วนตน ไม่ค่อยจะคิดถึงคนอื่นเลย
-นวนิยายเรื่อง “จนกว่าเราจะพบกันอีก” ในเรื่องนี้มีวรรณทองที่บอกว่า “ชีวิตที่ดีงามย่อมมีอยู่ และถูกใช้ไปเพื่อคนอื่นด้วย”
-เรื่องสั้น “ขอแรงหน่อยเถอะ” เป็นเรื่องของตัวละครที่ยากจนแต่รักศักดิ์ศรี เป็นสุภาพบุรุษที่ทำอะไรเพื่อผู้อื่นเสมอ
-ดังนั้นคำว่า “สุภาพบุรุษ” จึงมีความสำคัญต่อสังคมในยุคนี้มาก เพราะสมัยนี้คนต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างมีโลกส่วนตัวของตัวเอง ไม่คอยจะมีใครยอมเสียสละตนเพื่อผู้อื่นเลย