Bcp (Game Change)

กระทู้สนทนา
ก่อนอื่นต้องออกตัวก่อนว่าผมเพิ่งมาสนใจธุรกิจกลุ่มบางจาก โดยช่วงกลางๆปีที่แล้วจากเพื่อนในวงการที่ให้ข้อมูลมาพักนึง ส่วนตัวเคยมี Bcpg ช่วง Ipo แต่ตอนนี้ได้นำเงินทุนและกำไรไปรวมไว้ใน Bcp ตัวเดียว

เริ่มแรกผมคุ้นเคยคำว่าบางจาก ...จากการเป็นโรงกลั่นน้ำมันระดับธรรมดาของประเทศ ถ้าเทียบจากเทคโนโลยีการกลั่นใหญ่ๆของ Top และ Sprc ซึ่งใช้เทคโนโลยีใหม่กว่า และเนื่องจากธุรกิจมีลักษณะเป็นวัฏจักร ...ถ้าราคาน้ำมันไม่มาจริงๆผมคงตัดการลงทุนหุ้นกลุ่มนี้ไป

คำถามก็คืออะไรคือความน่าสนใจต่อการลงทุน คงต้องย้อนกลับไปสมัยช่วงราคาน้ำมัน Crash จากระดับ 100$ ลงมาต่ำกว่า 50$ ช่วงนั้นจำได้ว่าวอร์เรน บัฟเฟตต์ มีการลดสัดส่วนกลุ่มพลังต้นน้ำอย่างการสำรวจขุดเจาะ เป็นกลุ่มกลางน้ำอย่างโรงกลั่นแทน โดยเฉพาะการลงทุนใน Psx หรือบางคนอาจจะคุ้นตาจากป้ายเครื่องหมายการค้า Phillips66 เหตุผลในตอนนั้นคงเป็นเรื่องความเสี่ยงของธุรกิจต้นน้ำที่มีความผันผวน แต่ธุรกิจโรงกลั่นคือได้แน่ๆจากกำไรในการกลั่น ส่วน Stock Gain/Loss เป็นเรื่องชั่วคราวในการเก็งกำไร [ความพิเศษของโรงกลั่น คือได้แน่ๆไม่เหมือนการสำรวจและขุดเจาะที่มีความเสี่ยงและการแข่งขันด้านเทคโนโลยีและต้นทุนสูงกว่า]

1 กลับมาถึงโรงกลั่นบางจากเมื่อเข้าไปเจาะไส้ในจากการไม่เคยได้ติดตาม พบว่าข้อมูลโรงกลั่นธรรมดาเปลี่ยนเป็นแบบ Complex ในปลายปี 2552 จากโครงการ Pqi ทำให้กำลังการผลิตเพิ่มจาก 6 หมื่นเป็นระดับ 1 แสนบาร์เรลต่อวันในช่วงนั้น ก่อนที่จะมีการปรับปรุงและอัพเกรดจนกระทั่งสามารถใช้กำลังผลิตได้เกิน 1.2 แสนได้ในปีก่อน ประเด็นสำคัญคือการทำโครงการ 3E เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทำให้ธุรกิจโรงกลั่นมีกำลังการผลิตสูงขึ้นอีกราว 2 หมื่น เป็นระดับ 1.4 แสน (หรือเกือบ 17%) โครงการจะพัฒนาส่วนประกอบไปเรื่อยๆให้เสร็จภายในปี 2565

มีการเปลี่ยนชื่อจาก "บางจากปิโตรเลียม" เป็น "บางจากคอร์ปอเรชั่น" ...หากใครสังเกต คำว่า "ปิโตรเลียม" มันเป็นสารประกอบที่มีส่วนของ คาร์บอนและกำมะถัน ซึ่งเป็นโทษและมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและมนุษย์ ...ความตั้งใจของกลุ่มจึงพยายามให้ความสำคัญต่อความเป็น "สีเขียว" ซึ่งเป็นสีที่ทดแทนและให้ความรู้สึกในทางธรรมชาติมากกว่า นโยบายที่ออกมาภายหลังจากการเปลี่ยนชื่อ กลุ่มบางจากเลยเน้นไปที่ความเป็นกรีนหรืออะไรที่เป็นสีเขียว หรือทำอะไรเพื่อปรับปรุงภาพลักษณ์เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม รวมถึงการมุ่งเน้นการใช้ประโยชน์จากผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่เป็นเทรนด์ในปัจจุบัน

2 กลุ่มธุรกิจไฟฟ้าสีเขียว ...ผู้บุกเบิกและพัฒนาโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ นอกจากเราจะคุ้นเคยกับ ดร.วันดี จาก Spcg บางจากก็เป็นกลุ่มแรกๆในการพัฒนาและบุกเบิกการใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ที่เป็นจุดเด่นของประเทศไทย ดังนั้นหากเป็นการพูดถึงการพัฒนา Solar Roof ที่อยู่ในเทรนด์ของโรงงานอุตสาหกรรมที่จะมีการลงทุนติดตั้งมากขึ้น กลุ่มบางจากถือว่ามีความได้เปรียบไม่น้อยกว่าคู่แข่งในการพัฒนา Solar Roof ...สำหรับโครงการพลังงานลมที่หย่อนเงินลงทุน 1 พันล้าน คงเป็นการชิมลางและเป็นการบุกเบิกพลังงานประเภทอื่นๆ และไฮไลท์ของปีก่อนคงเป็นการลงเงินทุนก้อนใหญ่ระดับ 1 หมื่นล้านไปกับ Geothermal ที่สามารถสร้างกระแสเงินสดให้กับบริษัทราว 8 ร้อยล้าน [นักลงทุนต้องดูเพิ่มเกี่ยวกับค่าตัดจำหน่าย บริษัทคาดว่าจะอยู่ระดับ 3-4 ร้อยล้าน ในงบจึงอาจเห็นส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนในอินโดฯประมาณ 4-5 ร้อยล้าน] ...แต่โครงการในอินโดฯมีจุดเด่นที่การพัฒนา MW ที่เพิ่มขึ้น ก็จะทำให้สิทธิในสัมปทานถูกยึดระยะเวลาออกไปเช่นกัน (ค่าตัดจำหน่ายก็จะถูกคิดใหม่ด้วย) ส่วนนี้เป็นจุดเด่นในการลงทุนครั้งนี้
       -ส่วนที่นักลงทุนควรติดตามสำหรับธุรกิจไฟฟ้า คือการซื้อสินทรัพย์จาก SunEdison ที่ปัจจุบันยื่นล้มละลายไปแล้ว เท่าที่ทราบการพัฒนาโรงไฟฟ้าที่ญี่ปุ่นอีกกว่า 1 ร้อย MW คาดว่าจะไปตกหรือเริ่ม COD ในปี 2562 เป็นส่วนใหญ่ ตัวเลข Ebitda ตาม Tris Rating ของ Bcpg ในอนาคตจะเพิ่มขึ้นอีกราว 1 พันล้านเป็น 4 พันล้านภายใน 2 ปีข้างหน้า (ปัจจุบัน Ebitda โรงไฟฟ้าอยู่ที่ 3 พันล้าน) อ้างอิง https://www.trisrating.com/files/1715/0996/5769/BCP142-e.pdf

3 กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ ...กำลังการผลิตไบโอเอทานอลราว 8 แสนลิตร/วัน และไบโอดีเซลราว 8 แสนลิตร/วัน กลุ่มมีเป้าหมายเพิ่มกำลังการผลิตไปแตะระดับ 1 ล้านลิตร/วันทั้งคู่ ข้อมูลอ้างอิง http://www.bbgigroup.com/th/about ตอนนี้ในงบมี Ebitda ระหว่าง 530 ล้าน (โตจากปีก่อน 60%) ...ลักษณะธุรกิจจะคล้ายๆ Ggc และ Ea ในส่วนของของผลิตภัณฑ์ไบโอดีเซล และอนาคตถ้าเทรนด์พลาสติกจากวัตถุดิบธรรมชาติได้รับการตอบรับ หรือความต้องการผลิตภัณฑ์ทางยาและเครื่องสำอางมีเข้ามา กลุ่มธุรกิจ Ipo หน้าใหม่ตัวนี้ ...จะเป็นธุรกิจที่มารองรับกับความต้องการทางด้านดังกล่าวด้วย กลุ่มบางจากตั้งเป้าหมายภายใน 2565 จะมี Ebitda เพิ่มขึ้นจากสัดส่วน 3-4% เป็น 9% หรือโตเท่าตัวเลยทีเดียว
       -ผลิตภัณฑ์เช่นไบโอดีเซล อาจขึ้นอยู่กับนโยบาลของรัฐในการเพิ่มหรือลดสัดส่วนการนำน้ำมันปาล์มมาผสมกับน้ำมันหลัก เช่น 3% 5% 7% ยิ่งผสมมากธุรกิจยิ่งขายได้มาก (ความเสี่ยง Stock Gain/Loss ก็มีครับ)

4 กลุ่มธุรกิจตลาด บางคนเรียกปั้มน้ำมัน มินิมาร์เก็ต กาแฟ ร้านเปลี่ยนถ่ายน้ำมัน คาร์แคร์ หรือรวมเรียกว่ากลุ่มธุรกิจค้าปลีก ...บางคนอาจมองว่า Ebitda 2.3 พันล้านดูไม่ค่อยน่าสนใจ แถมต่ำกว่าปี 2559 ที่ทำได้ 2.5 พันล้าน ...เหตุผลเบื้องต้นคงเป็นเพราะการแข่งขันทางด้านนี้ค่อนข้างรุนแรงในการทำให้คนมาใช้บริการของตน จึงต้องมีการทำโปรโมชั่น มีการสะสมไมล์ แลกของแลกแต้ม ให้ส่วนลด ฯลฯ แต่มันคือหัวใจหนึ่งในการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดที่กลุ่มบางจากกำลังกินแชร์ในตลาดเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
       -ใครเคยสังเกตปั้มของบางจากเมื่อ 10 ปีที่แล้วเทียบกับใน 2 ปีหลัง ทำให้รู้ว่าปั้มน้ำมันก็สามารถปรับปรุงให้กลายเป็น Community Mall ย่อมๆ เหมือนเราเห็นตามจุดพักรถใหญ่ๆ หรือตามทางด่วนที่มีร้านค้าปลีก คาร์แคร์ Co-Working Space ซึ่งในอนาคตอาจเห็น ชาร์จสเตชั่น(ไฟฟ้า) ธนาคาร ตลาดชุมชน(Otop) หรือร้านอาหารดังๆมาเช่าพื้นที่ของปั้มเพิ่มมากขึ้น
       -นอกจากเพิ่มจำนวนปั้มน้ำมัน ธุรกิจอย่าง Spar & Inthanin ก็เข้า Concept หนึ่งในการลงทุน ถ้าธุรกิจสามารถขยายสาขาได้ สามารถขายแฟรนไชส์ได้ หากทำสำเร็จขึ้นมา ย่อมสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจเดิมๆได้เป็นจำนวนไม่ใช่น้อย ...กับเป้าหมายส่วนแบ่ง Ebitda 20% ใน 5 ปี หรือเกือบ 5 พันล้าน (เป้าหมายเกือบเทียบเท่าธุรกิจโรงไฟฟ้า) คงต้องจับตาว่าจะมีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน

5 ธุรกิจใหม่ ...ส่วนนี้หลายๆคนคงไม่คาดหวังกับธุรกิจขุดเจาะและสำรวจที่รอวันปิดตัว แต่ที่น่าสนใจคือการเข้าไปลงทุนในเหมืองลิเทียม เพื่อให้มีสิทธิขาย 2,500 ตัน/ปี เหมืองนี้มีต้นทุนตันละราว 9 หมื่นบาท ถ้าราคาอีก 2-3 ปีไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นเหรียญ US($) ก็อาจเห็นกระแสเงินเข้าบริษัทได้ราว 2 แสนบาท/ตัน ...เป้าหมาย 5 ปี กับ Ebitda ราว 1.5 พันล้าน คงต้องติดตามภายหลังจากเหมืองเริ่มเปิดดำเนินการ (อีก 2 ปี)

งบลงทุน 1.13 แสนล้านในช่วง 5 ปี ...กับบริษัทที่มีประวัติมายาวนาน P/E ปัจจุบัน 9-10 เท่า ด้วย Market Cap ไม่สูงเพียง 5 หมื่นล้าน ประวัติผู้บริหารมีความน่าเชื่อถือและความคิดทันสมัย(ปรับตัวจากธุรกิจเดิมๆ และมองอนาคตไว้ชัดเจน) ...ในอนาคตมีโอกาสเป็นไปได้ที่กลุ่มบางจาก อาจจะหลุดพ้นจากฉายา "น้ำมันตราเต่า" ก็ได้ครับ

ปล.  *ความเสี่ยงอันใกล้ 1 การปิดซ่อมโรงกลั่นใหญ่ใน Q2 และ 2 การพิจารณาปรับสูตรราคาน้ำมันของ กบง.
       **ผมไม่รับผิดชอบเรื่องการขาดทุนจากการเก็งกำไร และเทคนิคใดๆ ผู้อ่านกำหนดจุดซื้อจุดขายเอง
       ***ความเสี่ยงเรื่องราคาน้ำมัน ผู้ลงทุนต้องพิจารณาว่าน้ำมันราคาในระดับปัจจุบันถึงจุด Peak แล้วหรือไม่ เพราะการลงทุนในช่วง Peak ของกลุ่มพลังงานอาจได้ไม่คุ้มเสีย

ข้อมูลอ้างอิงอื่นๆ
-ถามตอบ http://investor-th.bangchak.co.th/faq.html
-แผนการเติบโต 2565 http://newsletter.bangchak.co.th/th/fy2017/
-เหมืองลิเทียม http://lithiumamericas.com/companies/cauchari-olaroz/
-ค่าปลีกและอื่นๆ
Facebook https://www.facebook.com/Bangchak/
Spar https://www.facebook.com/SPARThailand/
Inthanin https://www.facebook.com/inthanincoffee/
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่