สวัสดีครับชาวมอเตอร์ไซค์ทุกท่าน
ก่อนอื่นต้องขอเกริ่นนำก่อน อันที่จริงผมเคยขี่รถมอเตอร์ไซค์มาหลากหลายซีซีมาก หรือที่เรียกว่า big bike นั่นแหละครับ
เมื่อสิบปีที่แล้ว เริ่มขี่มอเตอร์ไซค์คันใหญ่ครั้งแรกด้วยขนาดเครื่อง 1300 cc และก็ตามมาด้วย 400, 500, 600, 1000, 1100 cc
ข้อดีของรถใหญ่พวกนี้คือ เท่ สบายตอนขี่บนถนน แต่อย่าให้ได้เจอรถติด เจอฝน วิ่งกันที่ความเร็ว 140 กม/ชม. นี่ยังเหลือๆ
แต่ครับแต่ รถวิ่งดีก็ต้องแปรผันตามกับค่าเซอร์วิสที่สูงมากๆ เช่นกัน สมัยตอนนั้นความคิดผมที่ซื้อคือ เอาไว้ขี่เที่ยวทางไกลอย่างเดียวจริงๆ
เพราะเอามาใช้ในชีวิตประจำวันรถมันหนักครับ
และแล้วความคิดผมก็เปลี่ยนไป เพราะตอนนั้นขายรถใหญ่ไปหมดแล้ว และได้มาซื้อ honda click เพราะต้องใช้งานในกรุงเทพ
ปรากฎว่าคลิกเป็นรถที่ขี่ดีมากๆๆๆๆ คันนึง ค่าเซอร์วิสนั่นนี่ ถุกแสนถูก ถ้าเทียบกับรถใหญ่ที่เราเคยใช้ ได้ใช้มาซักพักก็เข้าสู่หน้าหนาว
เลยมีความคิดจะขี่มอเตอร์ไซค์ไปเที่ยวหนาวที่เหนือ ช่วงปีใหม่ เพราะรถติด เอารถยนต์ไปก็ติด ปีนั้นผมขี่คลิกไปปแม่ฮ่องสอน
เลยได้ข้อสรุปกับตัวเองว่า เออรถเล็กๆ มันก็ไปถึงเหมือนกันนี่หว่า ค่าซ่อมบำรุงก็ถูกแสนถูก ประหยัดน้ำมันด้วย ติดอย่างเดียวตรงขี่ทางตรง ยาวๆ
ยิ่งถนนสายหลักด้วย เจอลมตีได้ เพราะรถมันเบา แต่ถ้าไม่ใช่ถนนสายหลักนี่ ขี่กันชิลเลย
แล้วผมก็มีความคิดอยากจะหารถมอเตอร์ไซค์มาอีกคัน โจทย์คือ ต้องสามารถใช้ในชีวิตประจำวันได้ ค่าซ่อมบำรุงไม่แพงมาก แอบประหยัดน้ำมันได้ก็ดี
วิ่งทางไกลที่ความเร็วซัก 100 ได้แบบสบายๆ เพราะคลิก บิดที่ 100 นี่มันก็สั่นแล้วครับ
จึงได้ซื้อ burgman 200 คันนี้มา คันนี้เป็นรถมือสองครับ เลขไมล์ที่ 30000 กม.
หลังจากซื้อมาได้ 1 เดือน ผมก็ขี่ไป 3 ครั้ง ขี่ตอนวันหยุด เสาร์ อาทิตย์ ครับ ล่อไป 6000 กม.
ล่าสุดที่ไปมาคือ กทม-หล่มสัก-น่าน-ดอยเสมอดาว-อุตรดิตถ์-กทม ระยะทางราว 1500 กม. ผมหมดค่าน้ำมัน e20 ไป 1100 บาท
โดยวิ่งที่ความเร็วปกติ 90-120 แต่ส่วนมากจะวิ่งประมาณ 90-110 อัตราบริโภคน้ำมันที่หน้าปัด 36.8 กม/ลิตร
ถือว่าค่าน้ำมันเป็นที่น่าพอใจมากๆๆๆๆๆๆ
ต่อไปเรามาดูข้อเสียมันเลย สำหรับความรู้สึกของผมล้วนๆ นะ
1. ค่าสายพาน ชุดส่งกำลังต่างๆ ค่อนข้างแพง เช่นสายพาน เส้นละ 1700 กว่าบาท ชามนี่ 5000 บาท ชุดเม็ด 6 เม็ด 1200 บาท
2. เวลารถเสียกลางทาง หรือเราจะเซอร์วิสช่างข้างนอก มักจะหาอะไหล่ ยาก ต้องเข้าใจว่ามันคือ suzuki ครับ และเป็นรถเกรดค่อนข้างพรีเมี่ยมด้วย
อะไหล่ทั่วๆ ไปค่อนข้างหายากนิดนึง
3. ไม่เหมาะใช้เป็นรถคันเดียวควรมีรถเล็กๆอีกซักคัน เพราะคันมันใหญ่ หนัก เหมาะเอาไว้ขี่เที่ยวทางไกลชิลๆ แต่ค่าเซอวิสไม่แพงมาก ประหยัดน้ำมัน
พูดถึงข้อเสียไปแล้ว ต่อไปมาพูดถึงข้อดีของมันกัน
1. จุของได้เยอะมากๆๆๆๆๆๆ ใต้เบาะ
2. รถหนัก 160 กก. แต่ประหยัดน้ำมันมากๆๆๆๆ ผมว่าประหยัดกว่า click ด้วยมั้งถ้าบิดที่ 100 กม/ชม
3. เพราะรถหนัก ข้อดีคือวิ่งบนถนนหลักสบายๆ แซงสิบล้อได้ชิลๆ
4. อะไหล่สิ้นเปลืองเว้นพวกชุดส่งกำลัง สามารถหาเทียบได้ เช่นผ้าเบรกหน้า เทียบได้ของ nova เปลี่ยนไป 80 บาท
5. ไมล์รถแข็งพอๆ กับรถยนต์ นั่นคือถ้าวิ่งที่ความเร็ว 100 กม/ชม มันเร็วพอๆ กับรถยนต์วิ่งที่เกือบ 100 เลย
ไม่ต้องไปเทียบกับคลิกที่วิ่งความเร็วที่ 100 กม/ชม เลย ทิ้งห่างเป็นทุ่งเลยละครับ
รายการอะไหล่ต่างๆ ที่ผมเปลี่ยนมานะครับ
1. ยาง irc หลัง ขอบ 12 เส้นละ 1500 บาท ยาง michelin หน้า ขอบ 13 เส้นละ 1500 บาท
2. สายพาน 1734 บาท รวม vat
3. ผ้าเบรกหลัง แพงหน่อย ประมาณ 700 บาท ราคาศูนย์นะครับ
4. ตุ้มถ่วงน้ำหนัก 6 เม็ด 1285 บาท รวม vat
5. น้ำมันเครื่องของซู ลิตรละ 96 บาท ใช้กี่ลิตรจำไม่ได้ครับ แต่ซื้อมา 2 ขวด ยังเหลือ กรองน้ำมันเครื่อง 40 บาท
6. น้ำมันเฟืองท้าย 100 cc ราคา 62 บาท
ในความคิดผมที่แพงมากมี ชุดชาม2ลูก 5000 บาท คลัทซ์ ประมาณ 7000 บาท แต่สามารถถอดเอาไปอัดคาร์บอนที่ร้านได้ถ้าคุณสามารถถอดไปเอง ค่าอัด ไม่เกิน 200 บาท สายพาน เส้นละ 1734 บาท มีแค่ 3 นี้แหละที่ผมว่าแพง แต่ถ้าเทียบกับ big bike ก็ถือว่ายังถูกนะผมว่า
อีกอย่างชุดชาม กับคลัทซ์ มันไม่ได้เสียกันบ่อยๆ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะ 100000 กม. มั้งครับ อยู่ที่เราบิดด้วยถ้าบิดถนอมๆ ไม่กระชากรอบมันก็อยู่กับเราได้นานครับ เพราะมันเป็นเกยร์ cvt คนที่ใช้รถยนต์เกียร์ cvt จะรู้ มันเหมือนจะอืดแต่พอมันไหลนี่ลอยตัวเลย แล้วอย่ากดคันเร่งแบบกระชากเพราะจะทำให้เกียร์พังไว หลักการเดียวกับรถยนต์เลย ค่อยๆ เร่ง แต่มันก็แรงพอตัวนะผมว่า
โดยรวมถือว่าประทับใจมาก กับรถคันนี้ จะใช้งานในเมืองก็พอได้ อาจหนักไปค่อนข้างมาก แต่ก็ยืนยันว่าพอได้
แต่ในเมืองผมจอดครับ ใช้ click แทน 555
สำหรับสายชิลถือว่าเหมาะมากๆ วิ่งกันที่ความเร็ว 100 กม/ชม สบายๆ แถมประหยัดน้ำมันมาก บิดกับเบรก เติมน้ำมันอย่างเดียว
ถ้าชอบความต่างแบบไม่ขี่ไม่อยากซ้ำใคร คันนี้เหมาะมากๆๆ ครับ
มารีวิว burgman200 หลังจากใช้งานมาได้ 6000 กม. ครับ
ก่อนอื่นต้องขอเกริ่นนำก่อน อันที่จริงผมเคยขี่รถมอเตอร์ไซค์มาหลากหลายซีซีมาก หรือที่เรียกว่า big bike นั่นแหละครับ
เมื่อสิบปีที่แล้ว เริ่มขี่มอเตอร์ไซค์คันใหญ่ครั้งแรกด้วยขนาดเครื่อง 1300 cc และก็ตามมาด้วย 400, 500, 600, 1000, 1100 cc
ข้อดีของรถใหญ่พวกนี้คือ เท่ สบายตอนขี่บนถนน แต่อย่าให้ได้เจอรถติด เจอฝน วิ่งกันที่ความเร็ว 140 กม/ชม. นี่ยังเหลือๆ
แต่ครับแต่ รถวิ่งดีก็ต้องแปรผันตามกับค่าเซอร์วิสที่สูงมากๆ เช่นกัน สมัยตอนนั้นความคิดผมที่ซื้อคือ เอาไว้ขี่เที่ยวทางไกลอย่างเดียวจริงๆ
เพราะเอามาใช้ในชีวิตประจำวันรถมันหนักครับ
และแล้วความคิดผมก็เปลี่ยนไป เพราะตอนนั้นขายรถใหญ่ไปหมดแล้ว และได้มาซื้อ honda click เพราะต้องใช้งานในกรุงเทพ
ปรากฎว่าคลิกเป็นรถที่ขี่ดีมากๆๆๆๆ คันนึง ค่าเซอร์วิสนั่นนี่ ถุกแสนถูก ถ้าเทียบกับรถใหญ่ที่เราเคยใช้ ได้ใช้มาซักพักก็เข้าสู่หน้าหนาว
เลยมีความคิดจะขี่มอเตอร์ไซค์ไปเที่ยวหนาวที่เหนือ ช่วงปีใหม่ เพราะรถติด เอารถยนต์ไปก็ติด ปีนั้นผมขี่คลิกไปปแม่ฮ่องสอน
เลยได้ข้อสรุปกับตัวเองว่า เออรถเล็กๆ มันก็ไปถึงเหมือนกันนี่หว่า ค่าซ่อมบำรุงก็ถูกแสนถูก ประหยัดน้ำมันด้วย ติดอย่างเดียวตรงขี่ทางตรง ยาวๆ
ยิ่งถนนสายหลักด้วย เจอลมตีได้ เพราะรถมันเบา แต่ถ้าไม่ใช่ถนนสายหลักนี่ ขี่กันชิลเลย
แล้วผมก็มีความคิดอยากจะหารถมอเตอร์ไซค์มาอีกคัน โจทย์คือ ต้องสามารถใช้ในชีวิตประจำวันได้ ค่าซ่อมบำรุงไม่แพงมาก แอบประหยัดน้ำมันได้ก็ดี
วิ่งทางไกลที่ความเร็วซัก 100 ได้แบบสบายๆ เพราะคลิก บิดที่ 100 นี่มันก็สั่นแล้วครับ
จึงได้ซื้อ burgman 200 คันนี้มา คันนี้เป็นรถมือสองครับ เลขไมล์ที่ 30000 กม.
หลังจากซื้อมาได้ 1 เดือน ผมก็ขี่ไป 3 ครั้ง ขี่ตอนวันหยุด เสาร์ อาทิตย์ ครับ ล่อไป 6000 กม.
ล่าสุดที่ไปมาคือ กทม-หล่มสัก-น่าน-ดอยเสมอดาว-อุตรดิตถ์-กทม ระยะทางราว 1500 กม. ผมหมดค่าน้ำมัน e20 ไป 1100 บาท
โดยวิ่งที่ความเร็วปกติ 90-120 แต่ส่วนมากจะวิ่งประมาณ 90-110 อัตราบริโภคน้ำมันที่หน้าปัด 36.8 กม/ลิตร
ถือว่าค่าน้ำมันเป็นที่น่าพอใจมากๆๆๆๆๆๆ
ต่อไปเรามาดูข้อเสียมันเลย สำหรับความรู้สึกของผมล้วนๆ นะ
1. ค่าสายพาน ชุดส่งกำลังต่างๆ ค่อนข้างแพง เช่นสายพาน เส้นละ 1700 กว่าบาท ชามนี่ 5000 บาท ชุดเม็ด 6 เม็ด 1200 บาท
2. เวลารถเสียกลางทาง หรือเราจะเซอร์วิสช่างข้างนอก มักจะหาอะไหล่ ยาก ต้องเข้าใจว่ามันคือ suzuki ครับ และเป็นรถเกรดค่อนข้างพรีเมี่ยมด้วย
อะไหล่ทั่วๆ ไปค่อนข้างหายากนิดนึง
3. ไม่เหมาะใช้เป็นรถคันเดียวควรมีรถเล็กๆอีกซักคัน เพราะคันมันใหญ่ หนัก เหมาะเอาไว้ขี่เที่ยวทางไกลชิลๆ แต่ค่าเซอวิสไม่แพงมาก ประหยัดน้ำมัน
พูดถึงข้อเสียไปแล้ว ต่อไปมาพูดถึงข้อดีของมันกัน
1. จุของได้เยอะมากๆๆๆๆๆๆ ใต้เบาะ
2. รถหนัก 160 กก. แต่ประหยัดน้ำมันมากๆๆๆๆ ผมว่าประหยัดกว่า click ด้วยมั้งถ้าบิดที่ 100 กม/ชม
3. เพราะรถหนัก ข้อดีคือวิ่งบนถนนหลักสบายๆ แซงสิบล้อได้ชิลๆ
4. อะไหล่สิ้นเปลืองเว้นพวกชุดส่งกำลัง สามารถหาเทียบได้ เช่นผ้าเบรกหน้า เทียบได้ของ nova เปลี่ยนไป 80 บาท
5. ไมล์รถแข็งพอๆ กับรถยนต์ นั่นคือถ้าวิ่งที่ความเร็ว 100 กม/ชม มันเร็วพอๆ กับรถยนต์วิ่งที่เกือบ 100 เลย
ไม่ต้องไปเทียบกับคลิกที่วิ่งความเร็วที่ 100 กม/ชม เลย ทิ้งห่างเป็นทุ่งเลยละครับ
รายการอะไหล่ต่างๆ ที่ผมเปลี่ยนมานะครับ
1. ยาง irc หลัง ขอบ 12 เส้นละ 1500 บาท ยาง michelin หน้า ขอบ 13 เส้นละ 1500 บาท
2. สายพาน 1734 บาท รวม vat
3. ผ้าเบรกหลัง แพงหน่อย ประมาณ 700 บาท ราคาศูนย์นะครับ
4. ตุ้มถ่วงน้ำหนัก 6 เม็ด 1285 บาท รวม vat
5. น้ำมันเครื่องของซู ลิตรละ 96 บาท ใช้กี่ลิตรจำไม่ได้ครับ แต่ซื้อมา 2 ขวด ยังเหลือ กรองน้ำมันเครื่อง 40 บาท
6. น้ำมันเฟืองท้าย 100 cc ราคา 62 บาท
ในความคิดผมที่แพงมากมี ชุดชาม2ลูก 5000 บาท คลัทซ์ ประมาณ 7000 บาท แต่สามารถถอดเอาไปอัดคาร์บอนที่ร้านได้ถ้าคุณสามารถถอดไปเอง ค่าอัด ไม่เกิน 200 บาท สายพาน เส้นละ 1734 บาท มีแค่ 3 นี้แหละที่ผมว่าแพง แต่ถ้าเทียบกับ big bike ก็ถือว่ายังถูกนะผมว่า
อีกอย่างชุดชาม กับคลัทซ์ มันไม่ได้เสียกันบ่อยๆ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะ 100000 กม. มั้งครับ อยู่ที่เราบิดด้วยถ้าบิดถนอมๆ ไม่กระชากรอบมันก็อยู่กับเราได้นานครับ เพราะมันเป็นเกยร์ cvt คนที่ใช้รถยนต์เกียร์ cvt จะรู้ มันเหมือนจะอืดแต่พอมันไหลนี่ลอยตัวเลย แล้วอย่ากดคันเร่งแบบกระชากเพราะจะทำให้เกียร์พังไว หลักการเดียวกับรถยนต์เลย ค่อยๆ เร่ง แต่มันก็แรงพอตัวนะผมว่า
โดยรวมถือว่าประทับใจมาก กับรถคันนี้ จะใช้งานในเมืองก็พอได้ อาจหนักไปค่อนข้างมาก แต่ก็ยืนยันว่าพอได้
แต่ในเมืองผมจอดครับ ใช้ click แทน 555
สำหรับสายชิลถือว่าเหมาะมากๆ วิ่งกันที่ความเร็ว 100 กม/ชม สบายๆ แถมประหยัดน้ำมันมาก บิดกับเบรก เติมน้ำมันอย่างเดียว
ถ้าชอบความต่างแบบไม่ขี่ไม่อยากซ้ำใคร คันนี้เหมาะมากๆๆ ครับ