ร้อนๆ แบบนี้ หยุดเสาร์-อาทิตย์ทั้งที หาที่หลบร้อน ไปนั่งๆ นอนๆ เอาเท้าจุ่มน้ำกันเถอะ
แผนการเดินทาง
วันแรก : ร้านก๋วยเตี๋ยวต้มยำไข่ป้าจี๊ด - วัดถ้ำเสือ - มีนาคาเฟ่ - บังดุลโรตีมะพร้าวอ่อน - ไทรโยคโฟลทเทล
วันที่สอง : ช่องเขาขาด - อุทยานแห่งชาติเอราวัณ - ชมวิวสันเขื่อนศรีนครินทร์ - แวะกินข้าวริมทาง - ชิมขนมหวาน@คีรีมันตรา
ประมาณการค่าใช้จ่าย
ทริปนี้ไม่ได้จดรายละเอียดค่าใช้จ่ายไว้ แต่โดยรวมแล้วไม่เกิน 3,000 บาท/คน (ไม่รวมซื้อของฝากนะคะ)
เดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว ค่าน้ำมันประมาณ 800 บาท/คน + ค่าที่พัก 1,400 บาท/คน ที่เหลือเป็นค่าเข้าสถานที่ต่างๆ และค่าอาหาร
การเดินทางทั้งหมดพึ่งพา GPS จากกูเกิล แผนการเดินทางพร้อม งบประมาณพร้อม รถพร้อม คนพร้อม... Let's Go...
เราออกจากกรุงเทพฯ ประมาณ 6 โมงเช้า ไปถึงกาญจนบุรีประมาณ 8 โมงครึ่ง แวะกินมื้อเช้าที่
ร้านก๋วยเตี๋ยวต้มยำไข่ป้าจี๊ด (ร้านอยู่ทางไปวัดถ้ำเสือ มีรูปครกอยู่หน้าร้าน หาง่ายมาก)
ร้านนี้บอกเลยว่าเด็ด ก๋วยเตี๋ยวอร่อยไม่ต้องปรุง ร้านนี้นอกจากก๋วยเตี๋ยวแล้ว ยังมีเมนูอาหารตามสั่ง กับข้าวน่ากินอีกหลายอย่าง แต่ละเมนูน่าโดนทั้งน๊าน แต่เราไม่ได้สั่ง เสียดายมาก นอกจากอาหารแล้วยังมีกาแฟสดบริการด้วยนะคะ ใครไปวัดถ้ำเสือแนะนำร้านนี้เลยค่ะ รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน
อิ่มแล้วเดินทางต่อไป
วัดถ้ำเสือ กันเลย ไหว้พระเอาฤกษ์เอาชัย เป็นสิริมงคลกับการท่องเที่ยวทริปนี้กันก่อน วัดถ้ำเสือตั้งอยู่บนเนินเขา อำเภอท่าม่วง การขึ้นไปบนเขาที่ประดิษฐานหลวงพ่อชินประทานพร และพระเจดีย์ ทำได้ทั้งเดินขึ้นบันไดนาคด้านหน้า หรือสามารถซื้อตั๋วรถรางไฟฟ้านั่งไป-กลับ ราคา 15 บาท (เราเลือกขึ้นไปด้านบนด้วยรถราง และเดินกลับลงทางบันไดด้านข้าง เพื่อไปกราบสักการะพระประธานในบริเวณถ้ำด้านล่าง)
เมื่อขึ้นไปถึงบนเขาบริเวณวัด ด้านซ้ายติดกับบริเวณรถรางจะเป็นพระเจดีย์เกศแก้วปราสาท ส่วนด้านขวาคือ พระชินประทานพร พระพุทธรูปองค์ใหญ่ประดิษฐานอยู่กลางแจ้ง เราไปกราบพระก่อน แล้วค่อยขึ้นไปยังพระเจดีย์เกศแก้วปราสาท เพื่อนมัสการพระบรมสารีริกธาตุ ส่วนที่เป็นถ้ำสำหรับประดิษฐานพระประธานจะอยู่ด้านล่าง (บริเวณลานจอดรถ)
ทำบุญเป็นที่อิ่มอกอิ่มใจกันแล้ว เราก็แวะไปเติมความหวานกันที่
มีนาคาเฟ่ คาเฟ่ในกาญจนบุรี ที่กำลังเป็นที่นิยมอยู่ในตอนนี้
ร้านอยู่ห่างจากวัดถ้ำเสือไม่ไกล บรรยากาศร้านดีงามมาก ขนม, เครื่องดื่มอร่อย คุณภาพสมราคา วันที่เราไปคนเยอะมากๆ ถ้าจะถ่ายรูปวิวสวยๆ ต้องรอจังหวะกันหน่อย ไม่งั้นในรูปจะเต็มไปด้วยมวลมหาชน
สรุปถ้าชอบของหวาน และอยากนั่งชมวิวสวยๆ แนะนำว่าไม่ควรผ่านร้านนี้ [ร้านเปิด 08.30 น. - 19.00 น.]
ชีสเค้กโอริโอ้ 85 บาท/ชิ้น , กีวี่โซดา 60 บาท รสชาติคุ้มค่าแก่การรอคอย
ไปต่อกันที่
ต้นจามจุรียักษ์ อายุกว่าร้อยปี หนึ่งในสถานที่ unseen ของกาญจนบุรี (เข้าชมฟรี)
อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในตัวเมืองกาญจน์ คือ
สะพานข้ามแม่น้ำแคว หรือที่รู้จักกันดีในนามของเส้นทางรถไฟสายมรณะ ที่สร้างในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ปัจจุบันมีการยกย่องให้สะพานข้ามแม่น้ำแคว เป็นสัญลักษณ์แห่งสันติภาพ ปลายเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคมของทุกปีจะมีการจัดงานสัปดาห์สะพานข้ามแม่น้ำแคว เพื่อรำลึกถึงความสำคัญของการสร้างทางรถไฟสายนี้อีกด้วย
แวะเที่ยวเพลินในตัวเมืองกาจญน์ ดูเวลาอีกทีก็บ่ายคล้อย เราเลยมุ่งหน้าเข้าสู่ที่พัก แต่ระหว่างทางมีของอร่อยแนะนำค่ะ
บังดุลโรตีมะพร้าวอ่อนในตำนาน วันนี้ได้มาตำด้วยตัวเองแล้ว อร่อยจริง แป้งโรตีหนึบหนับ ไส้มะพร้าวอ่อนด้านใน ราดด้วยนมสด หอมๆ หวานๆ ร้านขายอยู่ในปั๊ม ปตท. มีป้ายบอกค่ะ (ไม่แน่ใจว่าร้านดั้งเดิม ที่เป็นรถพ่วงขายอยู่บริเวณหน้าน้ำตกไทรโยคยังขายอยู่หรือเปล่านะคะ)
ทริปนี้เราเลือกพักที่
ไทรโยคโฟลทเทล
ราคา 1,400 บาท/คน (2 คน / ห้อง) ถ้าพักเดี่ยวคิดเพิ่ม 500 บาท ราคานี้รวมอาหาร 2 มื้อ คือมื้อเย็น และมื้อเช้า อาหารเป็นแบบบุฟเฟ่ต์ มีบริการลากแพไปเล่นน้ำตก เวลา 16.00 น. ของทุกวัน (ที่พักอนุญาติให้นำเครื่องดื่มมาได้ มีน้ำแข็งจำหน่าย ไม่อนุญาติให้ทำอาหาร)
ถ้าชอบความสงบ ไม่วุ่นวาย วิวสวย ที่พักสะอาด บริการดี อาหารอร่อย... ที่นี่เลยค่ะ
ทางเข้าไม่ลำบาก มีที่จอดรถ ไปถึงแล้วเดินลงไปที่ท่าน้ำ (มีป้ายบอก) ทางรีสอร์ทจะส่งเรือไปรับ (แพอยู่เยื้องๆ กับท่าน้ำ ข้ามไปอึดใจเดียวถึง)
วิวระหว่างทางที่แพลากจากที่พักไปเล่นน้ำตก
***แนะนำสำหรับคนที่ไปครั้งแรกนะคะ แพที่ลากเป็นแพขนาดใหญ่ มีโต๊ะ, เก้าอี้ให้นั่ง เราจะอยู่บนแพลากประมาณ 2 ชม.
สามารถนำน้ำ, ขนม, อาหารไปรับประทานบนแพได้ ระหว่างจอดเล่นน้ำตก จะมีเรือยนต์ขายอาหารมาเทียบให้บริการ (ขายก๋วยเตี๋ยว, ส้มตำ, ขนมขบเคี้ยว)
จบวันแรกไปแบบฝันดี ฝันหวาน ดีงามทุกสิ่งอย่าง ตั้งแต่ที่เที่ยว ที่กิน ที่พัก
วันที่สอง หลังจากกินข้าวเช้าเรียบร้อยแล้ว เราก็เก็บสัมภาระ โบกมือลาไทรโยคโฟลทเทล โดยมีเรือจากรีสอร์ทพาข้ามฝั่งกลับไปขึ้นที่ท่าจอดรถ
เป้าหมายแรกวันนี้คือ
ช่องเขาขาด หรือที่เรียกกันอีกชื่อว่า “ช่องไฟนรก” ตั้งอยู่ภายในกองการเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานทหารพัฒนา
มีลานจอดรถ และร้านกาแฟให้บริการด้านใน (ส่วนของพิพิธภัณฑ์ เปิด 09.00 น. - 16.00 น.)
จากจุดนี้ไป หากต้องการเดินชมจนสุดทาง ต้องใช้เวลาเดิน ไป-กลับ ประมาณ 3 ชั่วโมง
แต่เราตั้งใจไปน้ำตกเอราวัณต่อ เลยไม่ได้เดินชมเส้นทาง เสียดายมาก ถ้ามีโอกาสก็จะกลับไปเที่ยวที่นี่แบบจัดเต็มแน่นอน
อุทยานแห่งชาติเอราวัณ ตั้งอยู่ในอำเภอศรีสวัสดิ์ มีทั้งหมด 7 ชั้น แต่ละชั้นมีลักษณะเป็นแอ่งน้ำที่สามารถลงเล่นน้ำได้
ค่าธรรมเนียมเข้าอุทยาน ผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก 50 บาท รถยนต์ 30 บาท
ตั้งแต่ชั้นที่ 2 เป็นต้นไป ไม่อนุญาติให้นำอาหาร และเครื่องดื่มขึ้นไปนะคะ แต่อนุโลมสำหรับน้ำดื่มให้นำขึ้นไปได้ แต่ต้องลงทะเบียน และมีค่ามัดจำขวดละ 20 บาท ก่อนกลับนำขวดมาคืน จะได้รับเงินมัดจำคืนค่ะ
น้ำสีสวยใส ไหลเย็น ปลาเยอะ บรรยากาศร่มรื่น แค่นั่งเอาเท้าจุ่มน้ำ ให้ปลาตอด เป็นสปาปลา ก็มีความสุขแล้วค่ะ
ออกจากน้ำตกเอราวัณ เราแวะขึ้นไปชมความงามบริเวณสันเขื่อนศรีนครินทร์
***ทางเขื่อนไม่อนุญาติให้จอดรถบริเวณสันเขื่อนนะคะ ต้องไปจอดรถที่ลานจอดรถ เจ้าหน้าที่จะประกาศเตือนเป็นระยะ
จากนั้นก็แวะกินข้าวร้านริมทางก่อนกลับเข้าตัวเมืองกาญจน์ จำชื่อร้านไม่ได้ อาหารน่าทานทุกจาน แต่รสชาติยังไม่ผ่าน
สถานที่สุดท้ายก่อนบ๊าย บายเมืองกาญจน์ เราไม่พลาดมาชิมของหวานร้านคีรีมันตรา ร้านอาหาร และคาเฟ่ท่ามกลางวิวธรรมชาติ
ราคาหลักร้อย วิวหลักล้าน... วิวดีงามขนาดไหน ขอให้ภาพบรรยายแทน
ในส่วนรสชาติขนมนั้น ชอบขนมปังชาไทยที่สุดแล้ว ขนมปังอบกรอบนอก นุ่มใน ราดมาด้วยครีมชาไทยเยิ้มๆ กินลืมอ้วนกันไปเลย
บ๊าย บาย กาญจนบุรี เอาไว้มีเวลาจะแวะมาหา (ของกิน) ใหม่นะจ๊ะ
[CR] รีวิวกาญจนบุรี 2561 ทริปสั้นๆ 1 คืน 2 วัน ไป "กาจญน์" เถอะ
แผนการเดินทาง
วันแรก : ร้านก๋วยเตี๋ยวต้มยำไข่ป้าจี๊ด - วัดถ้ำเสือ - มีนาคาเฟ่ - บังดุลโรตีมะพร้าวอ่อน - ไทรโยคโฟลทเทล
วันที่สอง : ช่องเขาขาด - อุทยานแห่งชาติเอราวัณ - ชมวิวสันเขื่อนศรีนครินทร์ - แวะกินข้าวริมทาง - ชิมขนมหวาน@คีรีมันตรา
ประมาณการค่าใช้จ่าย
ทริปนี้ไม่ได้จดรายละเอียดค่าใช้จ่ายไว้ แต่โดยรวมแล้วไม่เกิน 3,000 บาท/คน (ไม่รวมซื้อของฝากนะคะ)
เดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว ค่าน้ำมันประมาณ 800 บาท/คน + ค่าที่พัก 1,400 บาท/คน ที่เหลือเป็นค่าเข้าสถานที่ต่างๆ และค่าอาหาร
การเดินทางทั้งหมดพึ่งพา GPS จากกูเกิล แผนการเดินทางพร้อม งบประมาณพร้อม รถพร้อม คนพร้อม... Let's Go...
เราออกจากกรุงเทพฯ ประมาณ 6 โมงเช้า ไปถึงกาญจนบุรีประมาณ 8 โมงครึ่ง แวะกินมื้อเช้าที่ร้านก๋วยเตี๋ยวต้มยำไข่ป้าจี๊ด (ร้านอยู่ทางไปวัดถ้ำเสือ มีรูปครกอยู่หน้าร้าน หาง่ายมาก)
ร้านนี้บอกเลยว่าเด็ด ก๋วยเตี๋ยวอร่อยไม่ต้องปรุง ร้านนี้นอกจากก๋วยเตี๋ยวแล้ว ยังมีเมนูอาหารตามสั่ง กับข้าวน่ากินอีกหลายอย่าง แต่ละเมนูน่าโดนทั้งน๊าน แต่เราไม่ได้สั่ง เสียดายมาก นอกจากอาหารแล้วยังมีกาแฟสดบริการด้วยนะคะ ใครไปวัดถ้ำเสือแนะนำร้านนี้เลยค่ะ รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน
อิ่มแล้วเดินทางต่อไป วัดถ้ำเสือ กันเลย ไหว้พระเอาฤกษ์เอาชัย เป็นสิริมงคลกับการท่องเที่ยวทริปนี้กันก่อน วัดถ้ำเสือตั้งอยู่บนเนินเขา อำเภอท่าม่วง การขึ้นไปบนเขาที่ประดิษฐานหลวงพ่อชินประทานพร และพระเจดีย์ ทำได้ทั้งเดินขึ้นบันไดนาคด้านหน้า หรือสามารถซื้อตั๋วรถรางไฟฟ้านั่งไป-กลับ ราคา 15 บาท (เราเลือกขึ้นไปด้านบนด้วยรถราง และเดินกลับลงทางบันไดด้านข้าง เพื่อไปกราบสักการะพระประธานในบริเวณถ้ำด้านล่าง)
เมื่อขึ้นไปถึงบนเขาบริเวณวัด ด้านซ้ายติดกับบริเวณรถรางจะเป็นพระเจดีย์เกศแก้วปราสาท ส่วนด้านขวาคือ พระชินประทานพร พระพุทธรูปองค์ใหญ่ประดิษฐานอยู่กลางแจ้ง เราไปกราบพระก่อน แล้วค่อยขึ้นไปยังพระเจดีย์เกศแก้วปราสาท เพื่อนมัสการพระบรมสารีริกธาตุ ส่วนที่เป็นถ้ำสำหรับประดิษฐานพระประธานจะอยู่ด้านล่าง (บริเวณลานจอดรถ)
ทำบุญเป็นที่อิ่มอกอิ่มใจกันแล้ว เราก็แวะไปเติมความหวานกันที่ มีนาคาเฟ่ คาเฟ่ในกาญจนบุรี ที่กำลังเป็นที่นิยมอยู่ในตอนนี้
ร้านอยู่ห่างจากวัดถ้ำเสือไม่ไกล บรรยากาศร้านดีงามมาก ขนม, เครื่องดื่มอร่อย คุณภาพสมราคา วันที่เราไปคนเยอะมากๆ ถ้าจะถ่ายรูปวิวสวยๆ ต้องรอจังหวะกันหน่อย ไม่งั้นในรูปจะเต็มไปด้วยมวลมหาชน
สรุปถ้าชอบของหวาน และอยากนั่งชมวิวสวยๆ แนะนำว่าไม่ควรผ่านร้านนี้ [ร้านเปิด 08.30 น. - 19.00 น.]
ชีสเค้กโอริโอ้ 85 บาท/ชิ้น , กีวี่โซดา 60 บาท รสชาติคุ้มค่าแก่การรอคอย
ไปต่อกันที่ ต้นจามจุรียักษ์ อายุกว่าร้อยปี หนึ่งในสถานที่ unseen ของกาญจนบุรี (เข้าชมฟรี)
อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในตัวเมืองกาญจน์ คือ สะพานข้ามแม่น้ำแคว หรือที่รู้จักกันดีในนามของเส้นทางรถไฟสายมรณะ ที่สร้างในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ปัจจุบันมีการยกย่องให้สะพานข้ามแม่น้ำแคว เป็นสัญลักษณ์แห่งสันติภาพ ปลายเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคมของทุกปีจะมีการจัดงานสัปดาห์สะพานข้ามแม่น้ำแคว เพื่อรำลึกถึงความสำคัญของการสร้างทางรถไฟสายนี้อีกด้วย
แวะเที่ยวเพลินในตัวเมืองกาจญน์ ดูเวลาอีกทีก็บ่ายคล้อย เราเลยมุ่งหน้าเข้าสู่ที่พัก แต่ระหว่างทางมีของอร่อยแนะนำค่ะ
บังดุลโรตีมะพร้าวอ่อนในตำนาน วันนี้ได้มาตำด้วยตัวเองแล้ว อร่อยจริง แป้งโรตีหนึบหนับ ไส้มะพร้าวอ่อนด้านใน ราดด้วยนมสด หอมๆ หวานๆ ร้านขายอยู่ในปั๊ม ปตท. มีป้ายบอกค่ะ (ไม่แน่ใจว่าร้านดั้งเดิม ที่เป็นรถพ่วงขายอยู่บริเวณหน้าน้ำตกไทรโยคยังขายอยู่หรือเปล่านะคะ)
ทริปนี้เราเลือกพักที่ ไทรโยคโฟลทเทล
ราคา 1,400 บาท/คน (2 คน / ห้อง) ถ้าพักเดี่ยวคิดเพิ่ม 500 บาท ราคานี้รวมอาหาร 2 มื้อ คือมื้อเย็น และมื้อเช้า อาหารเป็นแบบบุฟเฟ่ต์ มีบริการลากแพไปเล่นน้ำตก เวลา 16.00 น. ของทุกวัน (ที่พักอนุญาติให้นำเครื่องดื่มมาได้ มีน้ำแข็งจำหน่าย ไม่อนุญาติให้ทำอาหาร)
ถ้าชอบความสงบ ไม่วุ่นวาย วิวสวย ที่พักสะอาด บริการดี อาหารอร่อย... ที่นี่เลยค่ะ
ทางเข้าไม่ลำบาก มีที่จอดรถ ไปถึงแล้วเดินลงไปที่ท่าน้ำ (มีป้ายบอก) ทางรีสอร์ทจะส่งเรือไปรับ (แพอยู่เยื้องๆ กับท่าน้ำ ข้ามไปอึดใจเดียวถึง)
วิวระหว่างทางที่แพลากจากที่พักไปเล่นน้ำตก
***แนะนำสำหรับคนที่ไปครั้งแรกนะคะ แพที่ลากเป็นแพขนาดใหญ่ มีโต๊ะ, เก้าอี้ให้นั่ง เราจะอยู่บนแพลากประมาณ 2 ชม.
สามารถนำน้ำ, ขนม, อาหารไปรับประทานบนแพได้ ระหว่างจอดเล่นน้ำตก จะมีเรือยนต์ขายอาหารมาเทียบให้บริการ (ขายก๋วยเตี๋ยว, ส้มตำ, ขนมขบเคี้ยว)
จบวันแรกไปแบบฝันดี ฝันหวาน ดีงามทุกสิ่งอย่าง ตั้งแต่ที่เที่ยว ที่กิน ที่พัก
วันที่สอง หลังจากกินข้าวเช้าเรียบร้อยแล้ว เราก็เก็บสัมภาระ โบกมือลาไทรโยคโฟลทเทล โดยมีเรือจากรีสอร์ทพาข้ามฝั่งกลับไปขึ้นที่ท่าจอดรถ
เป้าหมายแรกวันนี้คือ ช่องเขาขาด หรือที่เรียกกันอีกชื่อว่า “ช่องไฟนรก” ตั้งอยู่ภายในกองการเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานทหารพัฒนา
มีลานจอดรถ และร้านกาแฟให้บริการด้านใน (ส่วนของพิพิธภัณฑ์ เปิด 09.00 น. - 16.00 น.)
จากจุดนี้ไป หากต้องการเดินชมจนสุดทาง ต้องใช้เวลาเดิน ไป-กลับ ประมาณ 3 ชั่วโมง
แต่เราตั้งใจไปน้ำตกเอราวัณต่อ เลยไม่ได้เดินชมเส้นทาง เสียดายมาก ถ้ามีโอกาสก็จะกลับไปเที่ยวที่นี่แบบจัดเต็มแน่นอน
อุทยานแห่งชาติเอราวัณ ตั้งอยู่ในอำเภอศรีสวัสดิ์ มีทั้งหมด 7 ชั้น แต่ละชั้นมีลักษณะเป็นแอ่งน้ำที่สามารถลงเล่นน้ำได้
ค่าธรรมเนียมเข้าอุทยาน ผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก 50 บาท รถยนต์ 30 บาท
ตั้งแต่ชั้นที่ 2 เป็นต้นไป ไม่อนุญาติให้นำอาหาร และเครื่องดื่มขึ้นไปนะคะ แต่อนุโลมสำหรับน้ำดื่มให้นำขึ้นไปได้ แต่ต้องลงทะเบียน และมีค่ามัดจำขวดละ 20 บาท ก่อนกลับนำขวดมาคืน จะได้รับเงินมัดจำคืนค่ะ
น้ำสีสวยใส ไหลเย็น ปลาเยอะ บรรยากาศร่มรื่น แค่นั่งเอาเท้าจุ่มน้ำ ให้ปลาตอด เป็นสปาปลา ก็มีความสุขแล้วค่ะ
ออกจากน้ำตกเอราวัณ เราแวะขึ้นไปชมความงามบริเวณสันเขื่อนศรีนครินทร์
***ทางเขื่อนไม่อนุญาติให้จอดรถบริเวณสันเขื่อนนะคะ ต้องไปจอดรถที่ลานจอดรถ เจ้าหน้าที่จะประกาศเตือนเป็นระยะ
จากนั้นก็แวะกินข้าวร้านริมทางก่อนกลับเข้าตัวเมืองกาญจน์ จำชื่อร้านไม่ได้ อาหารน่าทานทุกจาน แต่รสชาติยังไม่ผ่าน
สถานที่สุดท้ายก่อนบ๊าย บายเมืองกาญจน์ เราไม่พลาดมาชิมของหวานร้านคีรีมันตรา ร้านอาหาร และคาเฟ่ท่ามกลางวิวธรรมชาติ
ราคาหลักร้อย วิวหลักล้าน... วิวดีงามขนาดไหน ขอให้ภาพบรรยายแทน
ในส่วนรสชาติขนมนั้น ชอบขนมปังชาไทยที่สุดแล้ว ขนมปังอบกรอบนอก นุ่มใน ราดมาด้วยครีมชาไทยเยิ้มๆ กินลืมอ้วนกันไปเลย