วันนี้เพิ่งไปสัมภาษณ์วีซ่า B1/B2 มาค่ะ เราขอ B2 ค่ะไปเยี่ยมญาติค่ะ
ซึ่งป้าเราแท้ๆแต่งงานกับลุง (เป็นคนไทยและเข้าประเทศอย่างถูกกฏหมายทั้งคู่ค่ะ) เพราะว่าเพื่อนลุงก็เคยขอวีซ่าไปเยี่ยมได้มา 10 ค่ะก็ไม่มีปัญหาอะไร เราเป็นนักศึกษาค่ะ ก็คิดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไรเหมือนกัน ซึ่งในการกรอกชื่อคนรู้จักที่อเมริกาเรากรอกชื่อคุณลุงแล้วติ๊ก Relative ไปค่ะ เอกสารไม่ขอดูเลยซักใบเลยค่ะ
ข้ามมาบทสัมภาษณ์เลยนะคะ(เราพูดภาษาไทย)
กงสุล: สวัสดีครับ
เรา: สวัสดีค่ะ
กงสุล: ชื่ออะไรนะครับ
เรา: ____ ค่ะ
กงสุล: คุณจะไปอเมริกาทำไมครับ
เรา: ไปหาญาติและก็ไปเที่ยวกับญาติค่ะ
กงสุล: ญาติคุณที่กรอกมาในระบบใช่มั้ยครับชื่อ ____นะครับ
เรา: ใช่ค่ะ คุณลุงชื่อ ____ และคุณป้าชื่อ ____
กงสุล: ช่วยบอกความสัมพันธ์หน่อยครับ พร้อมยื่นใบแผนผังเครือญาติมาให้เราชี้ค่ะ เราด้วยความตื่นเต้นมากๆ เลยไม่ทันดูให้ทั่วแผ่นว่ามันมีทั้งฝ่ายพ่อและฝ่ายแม่ค่ะ ซึ่งเราชี้ฝ่ายแม่ไปค่ะ ตอนนั้นยังไม่รู้ตัวค่ะ เห็นคำว่าลุงตรงไหนก็ชี้ไปก่อน ตอนนั้นคิดว่ากงสุลคงไม่เข้าใจคำว่าลุงในภาษาไทยค่ะ แล้วมานึกขึ้นได้ว่าลุงไม่ใช่ญาติทางสายเลือดค่ะ มะกี้ที่ชี้ไปคือลุงที่เป็นพี่ชายของแม่นินา ตอนนั้นใจคอไม่ดีแล้วค่ะ เราคิดว่านี่อาจเป็นข้อหลักที่ทำให้เราถูกปฏิเสธค่ะ
เรา : พอนึกได้ว่ามะกี้ชี้ผิดลุง เลยบอกไปว่าคุณลุงคือสามีของป้าที่เป็นพี่สาวแท้ๆของแม่ค่ะ
กงสุล : แล้วลุงทำงานอะไรครับ
เรา : เป็น _____ อยู่บริษัท _____ ค่ะ
กงสุล: ลุงอยู่มากี่ปีแล้วครับ
เรา: คุณลุง 40 ปีค่ะ ส่วนคุณป้า 15 ปีค่ะ
กงสุล: คุณไปคนเดียวหรอ
เรา: ใช่ค่ะ โดยที่คุณลุงกับคุณป้าจะมารอที่สนามบินค่ะ
กงสุล: คุณไปกี่วันครับ
เรา: 8 วันค่ะ
กงสุล: ขอโทษด้วยนะครับ ผมไม่สามารถออกวีซ่าให้คุณได้ กรุณาอ่านในใบนี้นะครับ //พร้อมยื่นใบขาว
เราเลยคิดว่าน่าจะเป็นเพราะตอนชี้ใบแผนผังเครือญาติค่ะ จริงๆในการกรอก DS-160 เราควรกรอกชื่อป้าลงไปใช่มั้ยค่ะ ถามว่าทำไมถึงกรอกชื่อลุงไป เพราะป้าบอกค่ะว่าลุงอยู่มานาน มีเงินเดือนสูง เป็นเจ้าบ้าน ตอนเพื่อนลุงมาก็กรอกชื่อลุง ซึ่งเราก็เชื่อป้า เพราะคิดว่าป้าแต่งงานกับลุง ลุงก็คือญาติเราคนนึงค่ะ แต่ฝรั่งอาจไม่ได้คิดแบบนี้
อยากขอความเห็นว่าถ้าขอรอบ 2 โดยกรอกชื่อป้าลงไป และอธิบายเหตุการณ์ในวันนี้ที่โดนปฏิเสธจะพอมีโอกาสมั้ยคะ
ถูกปฏิเสธวีซ่าอเมริกา B-2 ค่ะ ช่วยวิเคราะห์หน่อยค่ะ
ซึ่งป้าเราแท้ๆแต่งงานกับลุง (เป็นคนไทยและเข้าประเทศอย่างถูกกฏหมายทั้งคู่ค่ะ) เพราะว่าเพื่อนลุงก็เคยขอวีซ่าไปเยี่ยมได้มา 10 ค่ะก็ไม่มีปัญหาอะไร เราเป็นนักศึกษาค่ะ ก็คิดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไรเหมือนกัน ซึ่งในการกรอกชื่อคนรู้จักที่อเมริกาเรากรอกชื่อคุณลุงแล้วติ๊ก Relative ไปค่ะ เอกสารไม่ขอดูเลยซักใบเลยค่ะ
ข้ามมาบทสัมภาษณ์เลยนะคะ(เราพูดภาษาไทย)
กงสุล: สวัสดีครับ
เรา: สวัสดีค่ะ
กงสุล: ชื่ออะไรนะครับ
เรา: ____ ค่ะ
กงสุล: คุณจะไปอเมริกาทำไมครับ
เรา: ไปหาญาติและก็ไปเที่ยวกับญาติค่ะ
กงสุล: ญาติคุณที่กรอกมาในระบบใช่มั้ยครับชื่อ ____นะครับ
เรา: ใช่ค่ะ คุณลุงชื่อ ____ และคุณป้าชื่อ ____
กงสุล: ช่วยบอกความสัมพันธ์หน่อยครับ พร้อมยื่นใบแผนผังเครือญาติมาให้เราชี้ค่ะ เราด้วยความตื่นเต้นมากๆ เลยไม่ทันดูให้ทั่วแผ่นว่ามันมีทั้งฝ่ายพ่อและฝ่ายแม่ค่ะ ซึ่งเราชี้ฝ่ายแม่ไปค่ะ ตอนนั้นยังไม่รู้ตัวค่ะ เห็นคำว่าลุงตรงไหนก็ชี้ไปก่อน ตอนนั้นคิดว่ากงสุลคงไม่เข้าใจคำว่าลุงในภาษาไทยค่ะ แล้วมานึกขึ้นได้ว่าลุงไม่ใช่ญาติทางสายเลือดค่ะ มะกี้ที่ชี้ไปคือลุงที่เป็นพี่ชายของแม่นินา ตอนนั้นใจคอไม่ดีแล้วค่ะ เราคิดว่านี่อาจเป็นข้อหลักที่ทำให้เราถูกปฏิเสธค่ะ
เรา : พอนึกได้ว่ามะกี้ชี้ผิดลุง เลยบอกไปว่าคุณลุงคือสามีของป้าที่เป็นพี่สาวแท้ๆของแม่ค่ะ
กงสุล : แล้วลุงทำงานอะไรครับ
เรา : เป็น _____ อยู่บริษัท _____ ค่ะ
กงสุล: ลุงอยู่มากี่ปีแล้วครับ
เรา: คุณลุง 40 ปีค่ะ ส่วนคุณป้า 15 ปีค่ะ
กงสุล: คุณไปคนเดียวหรอ
เรา: ใช่ค่ะ โดยที่คุณลุงกับคุณป้าจะมารอที่สนามบินค่ะ
กงสุล: คุณไปกี่วันครับ
เรา: 8 วันค่ะ
กงสุล: ขอโทษด้วยนะครับ ผมไม่สามารถออกวีซ่าให้คุณได้ กรุณาอ่านในใบนี้นะครับ //พร้อมยื่นใบขาว
เราเลยคิดว่าน่าจะเป็นเพราะตอนชี้ใบแผนผังเครือญาติค่ะ จริงๆในการกรอก DS-160 เราควรกรอกชื่อป้าลงไปใช่มั้ยค่ะ ถามว่าทำไมถึงกรอกชื่อลุงไป เพราะป้าบอกค่ะว่าลุงอยู่มานาน มีเงินเดือนสูง เป็นเจ้าบ้าน ตอนเพื่อนลุงมาก็กรอกชื่อลุง ซึ่งเราก็เชื่อป้า เพราะคิดว่าป้าแต่งงานกับลุง ลุงก็คือญาติเราคนนึงค่ะ แต่ฝรั่งอาจไม่ได้คิดแบบนี้
อยากขอความเห็นว่าถ้าขอรอบ 2 โดยกรอกชื่อป้าลงไป และอธิบายเหตุการณ์ในวันนี้ที่โดนปฏิเสธจะพอมีโอกาสมั้ยคะ