อย่างเช่นเรื่องสินสอด ผญ.มักจะอ้างข้อต่อสู้เวลามีคนมาโต้เถียงแล้วตัวเองกำลังจะแย่ว่า มันเป็นเรื่องแล้วแต่จะตกลงกัน เราว่ามันใช้ตรรกะนี้ไม่ได้ เพราะถ้าแล้วแต่จะตกลงกันจริงมันต้องมาจากคนสองคนเองไม่ใช่ให้คนอื่นมาคิดเรื่องที่ควรจะเป็นเรื่องคนสองคน ซึ่งเราคิดว่า ผญ.พุดแบบน้คือไม่มีประโยชน์เพราะไม่สามารถให้ฝ่ายผช. ไม่จ่ายอยู่แล้ว ยังไง ผญงก้ได้เปรียบเหมือนบังคบกลายๆ นี้ไม่รวมถึงว่าพอเวลาจริงๆ ผู้ใหญ่ฝ่ายชายจะกล้าพูดว่าไม่เอาสินสอดได้มั้ยรึเปล่า ยากมากที่จะกล้าพูดแบบนั้น
แต่ทีพอเรื่องที่มันเป็นเรื่องสองคนจริงๆ อย่าง งานบ้าน หรือใครจ่าย ผญ.ส่วนใหญ่มักจะพยายามเคลมผ่านการใช้คำพูด เช่น งานบ้านไม่ใช่หน้าที่ ผญ. ผช.ต้องช่วยด้วย ใครไม่ช่วย ผช. โบราณ กดขี่ ผญ. แต่ตัวเองชอบสินสอดโบราณเหมือนกันแต่เลือกจะไม่พูดว่าอะไรตัวเอง ไปเลือกใช้ว่าแล้วแต่จะตกลงกัน
ทำไมถึงไม่ใช้ตรรกะว่า แล้วแต่จะตกลงกัน กันเรื่องที่ควรจะเป็นเรื่องคนสองคนที่สุด อย่าง งานบ้าน ใครจ่าย เดตแรกใครเลี้ยง คือเรางงมากกับวิธีคิด ผญ. ทุกวันนี้เราว่า วิธีคิดของ ผญ.ทุกวันนี้คือภาพสะท้อนปัญหาสังคมไทยหลายๆ เลยเรื่องสองมาตราฐาน เรื่อง ความสนใจ กลบขยะไว้ใต้พรม ฯลฯ
ทำไมผญ.บางคนถึงอ้างเรื่องแล้วแต่จะตกลงกันกับเรื่องที่ตัวเองได้ประโยชน์แต่ไม่ใช้กับทุกเรื่อง?
แต่ทีพอเรื่องที่มันเป็นเรื่องสองคนจริงๆ อย่าง งานบ้าน หรือใครจ่าย ผญ.ส่วนใหญ่มักจะพยายามเคลมผ่านการใช้คำพูด เช่น งานบ้านไม่ใช่หน้าที่ ผญ. ผช.ต้องช่วยด้วย ใครไม่ช่วย ผช. โบราณ กดขี่ ผญ. แต่ตัวเองชอบสินสอดโบราณเหมือนกันแต่เลือกจะไม่พูดว่าอะไรตัวเอง ไปเลือกใช้ว่าแล้วแต่จะตกลงกัน
ทำไมถึงไม่ใช้ตรรกะว่า แล้วแต่จะตกลงกัน กันเรื่องที่ควรจะเป็นเรื่องคนสองคนที่สุด อย่าง งานบ้าน ใครจ่าย เดตแรกใครเลี้ยง คือเรางงมากกับวิธีคิด ผญ. ทุกวันนี้เราว่า วิธีคิดของ ผญ.ทุกวันนี้คือภาพสะท้อนปัญหาสังคมไทยหลายๆ เลยเรื่องสองมาตราฐาน เรื่อง ความสนใจ กลบขยะไว้ใต้พรม ฯลฯ