ห้องเพลง**คนรากหญ้า** ๒๙ เดือน ๓ จุลศักราช ๑๓๗๙ โกษาปาน....เวทย์มนต์ทหารไทย....แฟชั่นฝรั่งเศส cnck

ซีรี่ย์ บุพเพสันนิวาส ใกล้จะจบตอนแล้ว วันนี้ห้องเพลงฯ ขอนำเสนอตอนสำคัญตอนหนึ่ง

ในประวัติศาสตร์ไทย คือเมื่อครั้ง สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ส่งคณะทูต

ไปเจริญสัมพันธไมตรีกับพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ของฝรั่งเศส  โดยมี

ออกพระวิสุทสุนทร ต่อมาได้เลื่อนเป็น พระยาโกษาธิบดี (ปาน) เป็นราชทูต

หลวงกัลยาราชไมตรี เป็น อุปทูต  และ ขุนศรีวิสารวาจา (พระเอกในเรื่อง) เป็นตรีทูต



ช่วงเดินทางจากไทย เกือบถึง ฝรั่งเศส กำปั่นของคณะทูตไทยไปติดอยู่ในวังน้ำวนถึง 3 วัน

ผู้คนทั้งหมดในเรือต่างร้องไห้ คิดว่าไม่รอดแล้ว เพราะคณะทูตชุดแรกที่ไปก็เรือล่มไปไม่ถึงฝรั่งเศส

แต่พระวิสุทสุนทร (ต่อไปขอเรียกว่า โกษาปาน เพราะจำง่ายดี) ยังมีสติอยู่

จึงปรึกษาอาจารย์ตนที่มาด้วยว่าจะแก้ไขอย่างไรดี


อาจารย์ก็ตอบว่า อย่าห่วง เดี๋ยวจัดการให้ ว่าแล้วอาจารย์ก็เตรียมเครื่องสักการะเทวดาพร้อมอ่านมนต์วิเศษ

ปาฏิหารย์มีจริง เรือลอยออกจากวังน้ำวนอย่างเหลือเชื่อ คณะทูตจึงได้เข้าเฝ้าพระเจ้าหลุยส์ที่ 14



พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ทรงถาม โกษาปาน ว่า ระหว่างเดินทางมาพบอุปสรรคอันใดหรือไม่

โกษาปาน จึงเล่าเรื่องที่เรือตกไปในวังน้ำวน แต่ด้วยมนตราวิเศษและพระบารมีของสองกษัตริย์ทำให้รอดมาได้

พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ฟังแล้วคิดว่า พระเจ้าแผ่นดินกรุงอโยธยา มีบุญญาบารมีเสมอพระองค์

จึงเลื่อมใสและพระราชทานรางวัลให้คณะทูตเป็นอันมาก



พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ได้ฟัง โกษาปาน อวดอิทธิฤทธิ์แล้ว ก็อย่าโชว์เทคโนโลยี่ของฝั่งตนบ้าง

จึงจัดทหารแม่นปืนมา 500 คนโชว์การยิงให้ โกษาปาน ดูพร้อมถามว่า

ทหารที่แม่นปืนที่กรุงศรี ฯ ยิงแม่นและมีมากเท่านี้หรือไม่ (เจตนาข่มนิดๆ)

โกษาปาน ก็ตอบว่า ทหารแบบนี้ทางกรุงศรี ฯ ไม่ใช้หรอก ของเราใช้แต่ทหารที่มีวิชาอาคม

พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ออกจะเคือง จึงถามอีกว่า


พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ......  ที่ว่ามีวิชาอาคมเป็นอย่างไร ?

โกษาปาน................. เอาเป็นว่า พลแม่นปืน 500 นายที่โชว์เมื่อกี้ ยิงทหารที่ติดตามเรามาไม่ระคายผิวล่ะกัน

พระเจ้าหลุยส์ที่ 14........งั้นขอลองหน่อย





รุ่งขึ้น อาจารย์โกษาปานพร้อมทหารอีก 16 คน นั่งรวมกันอยู่ที่แท่น ทำพิธีลงอาคมเสร็จ ร้องให้ทหารฝรั่งเศสยิง

ทหารแม่นปืนฝรั่งเศสเริ่มต้นยิง แต่ยิงยังไงก็ยิงไม่ออก ช่วงหลังแม้ยิงออกแต่ก็ไม่ระคายผิวทหารไทย

ทำความประหลาดใจให้คนดูทั้งหมด พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ตรัสสรรเสริญความสามารถของทหารไทยเป็นอันมาก


แต่ช้าก่อน !!! เรื่องนี้มีเบื้องหลัง

บทความข้างล่างต่อไปนี้ ย่อบางส่วนมาจากเรื่องสั้น "ลองของ" ของ ม.ร.ว คึกฤทธิ์ ปราโมช


เช้าวันนัดท้ายิง ขุนนางฝรั่งเศสชื่อ เดอ ซินยอร์ เดอ กรองด์ เมล์นิล ซึ่งเป็นผู้ใกล้ชิดพระเจ้าหลุยส์ที่ 14

ได้เข้ามาสั่งผู้บังคับการกองทหารฝรั่งเศสว่า

เช้านี้ที่นัดยิงให้หาวิธีอะไรก็ได้ที่ต้องไม่ทำอันตรายทหารไทย เพราะถ้าเกิดพลาดทำร้ายทหารไทย

ได้รับบาดเจ็บหรือล้มตาย ราชไมตรีก็จะเสียไป อีกทั้งนานาประเทศก็จะรุมด่าประเทศเรา

หาว่าทำร้ายทูต ทำให้เสื่อมเสียเกียรติยศพระเจ้าแผ่นดินของเรา




ผู้บังคับการพลแม่นปืน แก้เกมส์โดยการสั่งทหารทั้งหมดทำเป็นใส่ดินปืนลงไป แต่แท้จริงแล้ว

ไม่ได้ใส่ เมื่อถึงคราวยิงจริงๆจึงปรากฏเสียงเหมือนยิงไม่ออก คนก็ตบมือกันเกรียวกราว

ผู้บังคับการอยากทำให้สมจริงกว่านี้ เที่ยวสองจึงสั่งให้พลปืนใส่ดินปืนเพียง หนึ่งในแปด ของปกติ

เมื่อยิงคราวนี้เสียงดังกัมปนาท แต่ก็ไม่ระคายผิวทหารไทยอีกตามเคย

พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ตัดชื่นชมเป็นอันมาก


มาถึงตรงนี้ คนอาจจะคิดว่าทหารไทยไม่เก่งจริง

แต่คืนนั้นมีทหารในสังกัดกองปืนที่ยิงทหารไทยเมื่อเช้าชื่อ จัง ริสเกอะตูท์ นั่งคุยกับเพื่อนทหารในร้านเหล้าแห่งหนึ่ง

ถึงเรื่องที่ยิงทหารไทยไม่เข้า เพื่อนก็ตอบว่า

"อ้าว !!! ก็ท่านผู้การเล่นแท็กติกไม่ให้ทำอะไรทหารไทย งง อะไรหว่า.."

จัง ริสเกอะตูท์ ตอบว่า

เออ !! ท่านผู้การสั่ง แต่ตรูไม่ได้ทำตามนะโว้ย เพราะตรูรู้สึกว่าทำแบบนี้จะเสียเกียรติยศกองทัพฝรั่งเศส

ตรูเลยใส่เต็มๆ กะเอาให้ร่วงหมด ยอมถูกลงโทษภายหลังก็ยอม

แต่เฮ้ย...ทำไมกระสุนของตรูเหมือนของคนอื่น ไม่ระคายผิวมันเลยว่ะ แกว่า

ทหารยูเดีย (อยุธยา) นี่มันเป็นมนุษย์ เทวดา หรือ ปีศาจ กันแน่ ?


มาถึงตรงนี้ อยากถามเพื่อนที่มาอ่านว่า "เชื่อว่าทหารไทยมีอิทธิฤทธิ์จริงหรือไม่ ?"




คณะโกษาปานอยู่ที่ฝรั่งเศสประมาณ 7 เดือน ด้วยการแต่งตัวที่เป็นเอกลักษณ์ของไทย

ซึ่งต่างจากของฝรั่งเศสอย่างสิ้นเชิง ทำให้ช่วงเวลานั้นเกิดแฟชั่นเสื้อผ้าตามแบบชุดคณะทูตไทย

โดยเฉพาะ ลอมพอก (หมวกขุนนางไทย ลักษณะทรงสูง) เป็นที่นิยมมากในช่วงนั้น


แม้แต่ผู้หญิงก็ยังมีชุดที่เรียกว่า ชุดสยาม คือเลียนแบบลายผ้าที่ทูตเราใส่

(รูปและข้อความนี้คัดมาจากคุณ ศรีสรรเพชญ์ ล็อกอินดังในห้องสมุด ผู้ชำนาญประวัติศาสตร์ไทย)



ป.ล การทูตสมัยพระนารายณ์ครั้งนี้ มีส่วนคล้ายคลึงกับ การที่ ล้นเกล้ารัชกาลที่ ๕ ผูกสัมพันธไมตรีกับรัสเซีย

เพื่อคานอำนาจฝรั่งเศสและอังกฤษ เพียงแต่สมัยพระนารายณ์ เราต้องผูกสัมพันธ์ ฝรั่งเศส

เพื่อคานอำนาจ ฮอลันดา และ อังกฤษ


ป.ล ๒ เมื่อ โกษาปาน กลับมาเมืองไทย ก็ร่วมมือกับ พระเพทราชา รัฐประหารพระนารายณ์ ฯ

แต่บั้นปลายก็ถูก พระเพทราชา แกล้งทำโทษจนเสียชีวิต

ป.ล ๓ โกษาปาน มีศักดิ์เป็นเทียด (พ่อของทวด) ของ

สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ปฐมกษัตริย์ แห่งราชวงค์จักรี


ป.ล ๔ รูปบางรูปไม่ตรงกับเนื้อหา จขกท ขออภัยด้วย

ป.ล ๕ ลอมพอก เป็นต้นแบบของ ชฎา และ มงกุฎ ในเวลาต่อมา

ป.ล ๖ ต่อไปถ้าไปงานเทศกาลรื่นเริง มีการใส่หมวกทรงสูง อย่าเรียกว่า "หมวกปาร์ตี้"

แต่ให้เรียกว่า "ลอมพอก" เท่ห์ดีออก !!!

ป.ล ๗ เนื้อหาบางส่วนจากหนังสือ เกร็ดประวัติศาสตร์กรุงศรีอยุธยา ของ ลำจุญ ฮวบเจริญ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่