พระยศปางแต่งตั้ง เวียงสถาน
ลพบุรีโบราณ ราชนั้น
แถวสถลอัญจลทวาร วังราช
ป้อมเปรียบปราการกั้น ก่อกั้งสีมา ฯ
ดุสิตปราสาทสร้อย สมพุทธ
สูงเทริดธารมารุต ช่อชั้น
พรหมพักตรฉัตรเฉลิมสุด เสาวภาคย์
นาคพะพานพดหลั้น เลียบเลื้อยลงมา ฯ
ท่อนหนึ่งจากโคลงเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนารายณ์มหาราช แต่งโดยหลวงศรีมโหสถ
อ่านเพิ่มเติมได้จากhttp://www.homelittlegirl.com/index.php?action=printpage;topic=7608.0
สมัยยังเด็ก "หนอนแบกเป้" เรียนสายวิทยาศาสตร์ค่ะ เรียนต่อป.ตรีก็สายวิทยาศาสตร์ประยุกต์ แต่ตั้งแต่เด็กมีงานอดิเรกร่วมกับคุณแม่คืออ่านหนังสือ และแม่ลูกชอบงานเขียนเรื่องท่องเที่ยว ประวัติศาสตร์ นิทาน
เพราะชอบเที่ยว บวกกับชอบอ่านนิทาน ตำนานและประวัติศาสตร์ พอครั้งหนึ่งเมื่อนานโพ้นนนนน ว่างจัดเพราะงานประจำที่ทำได้หยุดเสาร์อาทิตย์ และวันหยุดอื่นๆรวมถึงพักร้อนก็เยอะมาก เพราะเป็นบริษัทฝรั่ง ก็เลยไปลงเรียนหลักสูตรมัคคุเทศก์ภาษาอังกฤษค่ะ เพราะคิดว่าต้องถูกจริตแน่ๆ แถมได้ฝึกภาษาอีก เมื่อเกือบยี่สิบปีก่อนค่าเรียนก็ราวสองหมื่นบาท เป็นหลักสูตรหกเดือนเรียนเฉพาะเสาร์อาทิตย์ ผู้เรียนต้องจบปริญาตรี (ได้ทุกสาขา) เมื่อเรียนจบและสอบผ่านจะได้บัตรมัคคุเทศก์สีเงิน (ภาษาอังกฤษ) สามารถรับงานเป็นไกด์ในไทยและนำทัวร์ออกต่างประเทศได้ถูกกฎหมาย
ตอนเรียนในช่วงหกเดือนนั้น พวกเราต้องเรียนทั้งในห้องและออกทริปค่ะ สนุกสนานกันมาก ในระหว่างออกทริปก็จะมีการสอบพากย์ เป็นการบรรยายให้ลูกทัวร์(สมมติ)ฟัง เราออกกันหลายทริปมาก ภาคกลาง สายเหนือ และสายอีสาน
หนอนฯเองหลงใหลในความรุ่งเรืองยุคสมเด็จพระนารายณ์มากค่ะ ยิ่งเรื่องเล่าของท่านโกษาปาน ว่าท่านปากเป็นเอก เป็นราชทูตชื่อก้องในประวัติศาสตร์ของไทย (แม่หนอนฯเป็นFCท่าน)
พอถึงเวลาที่เราต้องออกทริปไปลพบุรี จำได้ว่าตัวเองตื่นเต้นมาก "ครู" และมัคคุเทศก์ต้นแบบของพวกเราท่านก็จบมาจากคณะโบราณคดี ม.ศิลปากร ความรู้ท่านแน่นเอี๊ยด แถมความเป็นไกด์ผู้ชำนาญ เวลาท่านเล่าอะไร พวกนักเรียนไกด์อย่างเราล้วนแต่ตาโต หัวสมองลอยล่อง จินตนาการฟูฟ่อง
เดินผ่านประตูวังที่มีขอบโค้งสวย ท่านก็เล่าว่ามีที่มานะ พอเดินไปจ้องตามกำแพงที่มีเจาะช่องเอาไว้ ท่านก็ว่าลองคิดดูว่าในสมัยก่อนไม่มีไฟฟ้าใช้ ในวังจะงดงามมลังเมลืองแค่ไหน เมื่อมีการจุดตะเกียง คบไฟให้แสงวับวามและพริ้วไหวในยามต้องสายลม
พวกเราได้เห็นความก้าวหน้าของยุคทอง ทั้งท่อน้ำ ทั้งน้ำพุ จินตนาการถึงวันที่มีการเลี้ยงรับรองเหล่าแขกเมือง แล้วยังชุดที่ขุนนางยุคนั้นใส่ ที่ไม่เหมือนยุดไหนๆ สิบสองท้องพระคลังที่พวกเราจินตนาการถึงความมั่งคั่ง ตึกพระเจ้าเหา พระที่นั่งสุทธาสวรรย์ที่บันทึกของชาวฝรั่งเศสกล่าวไว้ว่า “พระที่นั่งองค์นี้ตั้งอยู่ในพระราชอุทยานที่ร่มรื่น ทรงปลูกพรรณไม้ต่างๆ ด้วยพระองค์เอง หลังคาพระที่นั่งมุงด้วยกระเบื้องเคลือบสีเหลือง ที่มุมทั้งสี่ มีสระน้ำใหญ่สี่สระ เป็นที่สรงสนานของพระเจ้าแผ่นดิน” อันเป็นสถานที่สวรรคต เมื่อ 11 กรกฎาคม พ.ศ.2231
ตอนนั้นเราก็นึก ช่วงที่ประชวรหนักเหล่าขุนนางและข้าราชบริพารจะเป็นอย่างไรกันบ้างหนอ พระเพทราชาท่านคงเตรียมตัว ฟอลคอนก็ด้วย หลายคนคงมีหนาวๆเสียวสันหลังหรืออาจเสียวคอหอย เพราะงานนี้ต้องมีหัวหลุดจากบ่าหลายคนอยู่
และเมื่อ"ครู" พาพวกเรามาถึงพระที่นั่งดุสิตสวรรค์ธัญญมหาปราสาท ในสภาพของโบราณสถาน หากท่านก็บรรยายได้ราวกับเราเป็นผู้อยู่ในยุดของ
จดหมายเหตุทูตฝรั่งเศส ที่บันทึกไว้ว่า “ตามผนังประดับด้วยกระจกเงา ซึ่งนำมาจากฝรั่งเศส เพดานแบ่งเป็นช่องสี่เหลี่ยมจัตุรัส 4 ช่อง ประดับด้วยลายดอกไม้ทองคำ และแก้วผลึกที่ได้มาจากเมืองจีนงดงามมาก”
โดยเฉพาะตรงกลางท้องพระโรงที่มีสีหบัญชร ซึ่งเป็นที่เสด็จออกของสมเด็จพระนารายณ์ ตอนนั้นจำได้ว่ามีภาพแสดงเหตุการณ์รับราชทูต
ซึ่งตามละคร และเอกสารบันทึกของทางฝรั่งเศส เขียนไว้ว่าการถวายพระราชสาส์นนั้น กระทำกันที่วังหลวงที่อยุธยาค่ะ
แต่คณะทูตมีการไปเข้าเฝ้าที่ลพบุรีหลายครั้ง และมีการลงนามเรื่องการค้าที่ลพบุรีด้วย
ครูของพวกเรา ท่านก็เล่าเสียจนเหล่าลูกศิษย์นักเรียนไกด์ตาโต ลุ้นตัวโก่ง ลุ้นเหมือนคอนสแตนติน ฟอลคอนเมื่อคืนเลยค่ะ
เอ๊ะ หรือว่าลุ้นเหมือนตอนแม่นายรอลุ้น รอฟังจากปากท่านออกญาโหราธิบดี
ตอนขุนหลวงมีรับสั่งตอบต่อคณะราชทูต ผู้แสดงก็เล่นได้ดีมากได้ใจสุดๆ และนึกย้อนกลับไปถึงบันทึกของ"บาทหลวงตาชารด์" ที่ว่า
“ จากการให้เหตุผลที่ว่านี้ ชี้ให้เราตระหนักในพระปรีชาญาณของพระมหากษัตริย์องค์นี้ได้เป็นอย่างดีว่า ทั้งๆที่มิได้ทรงรอบรู้วิทยาการทางภาคพื้นยุโรป ก็ทรงสามารถแสดงออกซึ่งเหตุผลอันเต็มไปด้วยพลังและความแจ่มแจ้ง เป็นที่รับฟังได้ตามนัยแห่งปรัชญาของผู้นอกศาสนาคริสตัง ”
ยอมรับจริงๆว่าดาราที่แสดงในเรื่องนี้ล้วนมากฝีมือ หนอนฯหลงรักไปทั่วทุกตัวละคร รักยันไก่ของนายจ้อยเขาเลยล่ะค่ะ
ตอนเป็นนักเรียนไกด์ หนอนฯขยันเรียนมาก แทบจะไม่เคยขาดเรียน แถมด้วยเป็นติวเตอร์ให้เพื่อนๆด้วย
พอเรียนจบ สอบได้บัตรไกด์ปุ๊ป ก็ไปลงชื่อสมัครงานไกด์อิสระไว้กับสมาคมมัคคุเทศก์อาชีพ จำได้ว่ารับมาสองงานค่ะ
งานแรกพากลุ่มทัวร์ไปพัทยา ส่วนงานที่สองเป็นงานที่ทางคณะเศรษฐศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์แจ้งมาว่าต้องการไกด์ต้นแบบ ให้กับโครงการอบรมมัคคุเทศก์ท้องถิ่นของเขตลพบุรี ตอนนั้นจำได้ว่าเพื่อนร่วมรุ่นส่ายหน้าและผลักติวเตอร์ของรุ่นส่งไปให้เขา
ติวเตอร์เหงื่อแตก แต่ต้องรับงาน ว่าแล้วก็ลากเพื่อนขับรถออกไปรื้อฟื้นวิชาตามเส้นทางที่ได้รับมอบหมายมา และจุดหมายคือวังนารายณ์
จำได้ว่า วิชาได้มาจาก"ครู"เท่าไหร่ รวมทั้งลีลาท่าทางของท่านที่เราเคยประทับใจ หนอนฯก็งัดมาใช้ทั้งหมด และผ่านวันที่เราต้องเป็น"มัคคุเทศก์ต้นแบบ" มาได้อย่างไม่อายใคร
ในมุมของอดีตนักเรียนไกด์ ที่เป็นแฟนคำสาปฟาโรห์ รักยุคทองของสมเด็จพระนารายณ์ และได้อ่านบุพเพฯของคุณรอมแพงตั้งแต่ตีพิมพ์ครั้งแรก ยอมรับเลยค่ะว่าตั้งตารอดูฉากถวายพระราชสาส์นมากๆ ยิ่งได้ติดตามมาตลอดทุกตอนและทึ่งซาบซึ้งมากกับฉากขุนหลวง vs พระเพทราชา ที่เป็นที่กล่าวขวัญสนั่นเมือง ก็ยิ่งตั้งตารอคอยฉากถวายพระราชสาส์นด้วยใจจดจ่อ
ขอบอกด้วยความชื่นชมว่า ทำได้ดีเหลือเกินค่ะ เหมือนกับที่หนอนฯเคยเรียน เคยได้ฟังครูเล่าตอนเป็นนักเรียนไกด์ ว่าเหตุการณ์ขณะนั้นสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นอย่างไร ทำไมฟอลคอนถึงได้มีท่าทางอย่างนั้นในรูปเขียน
ต้องขอเรียนก่อนว่า หนอนฯ เป็นคนที่ไม่ดูละครไทย(แบบตั้งใจดู) ในชีวิตไม่เคยดูละครเรื่องไหนจบเลย เพราะในวัยเรียนคุณแม่ไม่อนุญาตให้ดูทีวีในวันที่วันรุ่งขึ้นต้องไปโรงเรียนค่ะ พอเข้ามหาวิทยาลัยไปอยู่หอพักของม.เขาก็ห้ามมีทีวีในห้อง ก็เลยเป็นคนไม่ติดทีวีจนเป็นผู้ใหญ่จนใกล้จะแก่อยู่รอมร่อ
เพิ่งจะมาเสียประวัติติดละครงอมแงมก็เรื่องบุพเพฯนี้เป็นเรื่องแรก สัปดาห์ก่อนต้องไปทำงานที่ต่างประเทศ เวปช่องสามล่มดูสดไม่ได้ ต้องถอดใจไปรอดูย้อนหลัง แต่เคืองมากที่ห้องบางขุนพรมเขามีกระทู้ดูสด เราก็อดดูได้แต่อ่านคอมเม้นท์ที่คนอื่นเขาได้ดูทีวีกัน มันช่างหงุดหงิดงุ่นง่านนักล่ะค่ะ
คืนนี้ก็ขอรอ"ออเจ้า"อีก คง
มากหลายฉาก
แถมท้ายอีกนิด
ที่เคยเรียนมานั้น ตอนขุนหลวงท่านประชวรหนักมากแล้ว ทรงมีความห่วงใยในข้าราชบริพารด้วยเกรงว่าจะไม่พ้นอาญาจากพระเพทราชา จึงได้นิมนต์พระชั้นผู้ใหญ่มา และให้เบิกของใช้จากสิบสองท้องพระคลังเพื่อใช้ในการบวชเพื่อหนีตายให้แก่ข้าราชบริพาร แต่ด้วยเป็นเขตวังไม่ใช่วัดจะทำการบวชไม่ได้ จึงมีพระราชอุทิศวังของท่านให้เป็นวัดเสีย เพื่อที่พระราชาคณะจะสามารถใช้เป็นสถานที่บวชให้ข้าราชบริพารได้ เหล่าข้าราชบริพารที่บวชหนีตายก็ได้แต่ห่มผ้าเหลืองรอดชีวิตออกจากวังไปได้ มีเพียงพระปีย์ที่ไม่ยอมหนีไป จะอยู่รับใช้
หนอนฯจำได้ว่า"ครู"ของหนอนฯเล่าได้มันส์มาก ประมาณว่าขุนหลวงท่านประชวรหนักเพียบแล้ว พระปีย์ก็ดื้อรั้นด้วยจงรักภักดี ขุนหลวงจึงมีรับสั่งแผ่วเบา (คิดแบบว่าคนป่วยหนักพูด) ประมาณว่า "งั้นก็ตายพร้อมกับกูแล้วกันนะอ้ายเตี้ย "
หนอนฯเชื่อนะ ว่าถ้ามีฉากนี้ด้วย เห็นทีว่าน้ำตาต้องท่วมเมืองแน่ๆ เพราะทุกคนในเรื่องเล่นดีเหลือเกิน เมื่อคืนพระปีย์คุณเก่ง ออกมานี่มันโดนใจมาก ฉากขับเสภาก็ไพเราะเหลือเกินค่ะ
คืนนี้จะเตรียมอะไรไว้กินพร้อมแม่นายดี เห็นว่าทองหยิบมาแรง
อันนี้แถมค่ะ อ่านแล้วได้ความรู้เรื่องการส่งทูตไปฝรั่งเศส
http://narumonportfolio.blogspot.com/2013/09/blog-post.html
... ฉากนี้ที่รอคอย ... (การถวายพระราชสาส์น ในมุมของอดีตนักเรียนมัคคุเทศก์)
ลพบุรีโบราณ ราชนั้น
แถวสถลอัญจลทวาร วังราช
ป้อมเปรียบปราการกั้น ก่อกั้งสีมา ฯ
ดุสิตปราสาทสร้อย สมพุทธ
สูงเทริดธารมารุต ช่อชั้น
พรหมพักตรฉัตรเฉลิมสุด เสาวภาคย์
นาคพะพานพดหลั้น เลียบเลื้อยลงมา ฯ
อ่านเพิ่มเติมได้จากhttp://www.homelittlegirl.com/index.php?action=printpage;topic=7608.0
สมัยยังเด็ก "หนอนแบกเป้" เรียนสายวิทยาศาสตร์ค่ะ เรียนต่อป.ตรีก็สายวิทยาศาสตร์ประยุกต์ แต่ตั้งแต่เด็กมีงานอดิเรกร่วมกับคุณแม่คืออ่านหนังสือ และแม่ลูกชอบงานเขียนเรื่องท่องเที่ยว ประวัติศาสตร์ นิทาน
เพราะชอบเที่ยว บวกกับชอบอ่านนิทาน ตำนานและประวัติศาสตร์ พอครั้งหนึ่งเมื่อนานโพ้นนนนน ว่างจัดเพราะงานประจำที่ทำได้หยุดเสาร์อาทิตย์ และวันหยุดอื่นๆรวมถึงพักร้อนก็เยอะมาก เพราะเป็นบริษัทฝรั่ง ก็เลยไปลงเรียนหลักสูตรมัคคุเทศก์ภาษาอังกฤษค่ะ เพราะคิดว่าต้องถูกจริตแน่ๆ แถมได้ฝึกภาษาอีก เมื่อเกือบยี่สิบปีก่อนค่าเรียนก็ราวสองหมื่นบาท เป็นหลักสูตรหกเดือนเรียนเฉพาะเสาร์อาทิตย์ ผู้เรียนต้องจบปริญาตรี (ได้ทุกสาขา) เมื่อเรียนจบและสอบผ่านจะได้บัตรมัคคุเทศก์สีเงิน (ภาษาอังกฤษ) สามารถรับงานเป็นไกด์ในไทยและนำทัวร์ออกต่างประเทศได้ถูกกฎหมาย
ตอนเรียนในช่วงหกเดือนนั้น พวกเราต้องเรียนทั้งในห้องและออกทริปค่ะ สนุกสนานกันมาก ในระหว่างออกทริปก็จะมีการสอบพากย์ เป็นการบรรยายให้ลูกทัวร์(สมมติ)ฟัง เราออกกันหลายทริปมาก ภาคกลาง สายเหนือ และสายอีสาน
หนอนฯเองหลงใหลในความรุ่งเรืองยุคสมเด็จพระนารายณ์มากค่ะ ยิ่งเรื่องเล่าของท่านโกษาปาน ว่าท่านปากเป็นเอก เป็นราชทูตชื่อก้องในประวัติศาสตร์ของไทย (แม่หนอนฯเป็นFCท่าน)
พอถึงเวลาที่เราต้องออกทริปไปลพบุรี จำได้ว่าตัวเองตื่นเต้นมาก "ครู" และมัคคุเทศก์ต้นแบบของพวกเราท่านก็จบมาจากคณะโบราณคดี ม.ศิลปากร ความรู้ท่านแน่นเอี๊ยด แถมความเป็นไกด์ผู้ชำนาญ เวลาท่านเล่าอะไร พวกนักเรียนไกด์อย่างเราล้วนแต่ตาโต หัวสมองลอยล่อง จินตนาการฟูฟ่อง
เดินผ่านประตูวังที่มีขอบโค้งสวย ท่านก็เล่าว่ามีที่มานะ พอเดินไปจ้องตามกำแพงที่มีเจาะช่องเอาไว้ ท่านก็ว่าลองคิดดูว่าในสมัยก่อนไม่มีไฟฟ้าใช้ ในวังจะงดงามมลังเมลืองแค่ไหน เมื่อมีการจุดตะเกียง คบไฟให้แสงวับวามและพริ้วไหวในยามต้องสายลม
พวกเราได้เห็นความก้าวหน้าของยุคทอง ทั้งท่อน้ำ ทั้งน้ำพุ จินตนาการถึงวันที่มีการเลี้ยงรับรองเหล่าแขกเมือง แล้วยังชุดที่ขุนนางยุคนั้นใส่ ที่ไม่เหมือนยุดไหนๆ สิบสองท้องพระคลังที่พวกเราจินตนาการถึงความมั่งคั่ง ตึกพระเจ้าเหา พระที่นั่งสุทธาสวรรย์ที่บันทึกของชาวฝรั่งเศสกล่าวไว้ว่า “พระที่นั่งองค์นี้ตั้งอยู่ในพระราชอุทยานที่ร่มรื่น ทรงปลูกพรรณไม้ต่างๆ ด้วยพระองค์เอง หลังคาพระที่นั่งมุงด้วยกระเบื้องเคลือบสีเหลือง ที่มุมทั้งสี่ มีสระน้ำใหญ่สี่สระ เป็นที่สรงสนานของพระเจ้าแผ่นดิน” อันเป็นสถานที่สวรรคต เมื่อ 11 กรกฎาคม พ.ศ.2231
ตอนนั้นเราก็นึก ช่วงที่ประชวรหนักเหล่าขุนนางและข้าราชบริพารจะเป็นอย่างไรกันบ้างหนอ พระเพทราชาท่านคงเตรียมตัว ฟอลคอนก็ด้วย หลายคนคงมีหนาวๆเสียวสันหลังหรืออาจเสียวคอหอย เพราะงานนี้ต้องมีหัวหลุดจากบ่าหลายคนอยู่
และเมื่อ"ครู" พาพวกเรามาถึงพระที่นั่งดุสิตสวรรค์ธัญญมหาปราสาท ในสภาพของโบราณสถาน หากท่านก็บรรยายได้ราวกับเราเป็นผู้อยู่ในยุดของ จดหมายเหตุทูตฝรั่งเศส ที่บันทึกไว้ว่า “ตามผนังประดับด้วยกระจกเงา ซึ่งนำมาจากฝรั่งเศส เพดานแบ่งเป็นช่องสี่เหลี่ยมจัตุรัส 4 ช่อง ประดับด้วยลายดอกไม้ทองคำ และแก้วผลึกที่ได้มาจากเมืองจีนงดงามมาก”
โดยเฉพาะตรงกลางท้องพระโรงที่มีสีหบัญชร ซึ่งเป็นที่เสด็จออกของสมเด็จพระนารายณ์ ตอนนั้นจำได้ว่ามีภาพแสดงเหตุการณ์รับราชทูต
ซึ่งตามละคร และเอกสารบันทึกของทางฝรั่งเศส เขียนไว้ว่าการถวายพระราชสาส์นนั้น กระทำกันที่วังหลวงที่อยุธยาค่ะ
แต่คณะทูตมีการไปเข้าเฝ้าที่ลพบุรีหลายครั้ง และมีการลงนามเรื่องการค้าที่ลพบุรีด้วย
ครูของพวกเรา ท่านก็เล่าเสียจนเหล่าลูกศิษย์นักเรียนไกด์ตาโต ลุ้นตัวโก่ง ลุ้นเหมือนคอนสแตนติน ฟอลคอนเมื่อคืนเลยค่ะ
เอ๊ะ หรือว่าลุ้นเหมือนตอนแม่นายรอลุ้น รอฟังจากปากท่านออกญาโหราธิบดี
ตอนขุนหลวงมีรับสั่งตอบต่อคณะราชทูต ผู้แสดงก็เล่นได้ดีมากได้ใจสุดๆ และนึกย้อนกลับไปถึงบันทึกของ"บาทหลวงตาชารด์" ที่ว่า
“ จากการให้เหตุผลที่ว่านี้ ชี้ให้เราตระหนักในพระปรีชาญาณของพระมหากษัตริย์องค์นี้ได้เป็นอย่างดีว่า ทั้งๆที่มิได้ทรงรอบรู้วิทยาการทางภาคพื้นยุโรป ก็ทรงสามารถแสดงออกซึ่งเหตุผลอันเต็มไปด้วยพลังและความแจ่มแจ้ง เป็นที่รับฟังได้ตามนัยแห่งปรัชญาของผู้นอกศาสนาคริสตัง ”
ยอมรับจริงๆว่าดาราที่แสดงในเรื่องนี้ล้วนมากฝีมือ หนอนฯหลงรักไปทั่วทุกตัวละคร รักยันไก่ของนายจ้อยเขาเลยล่ะค่ะ
ตอนเป็นนักเรียนไกด์ หนอนฯขยันเรียนมาก แทบจะไม่เคยขาดเรียน แถมด้วยเป็นติวเตอร์ให้เพื่อนๆด้วย
พอเรียนจบ สอบได้บัตรไกด์ปุ๊ป ก็ไปลงชื่อสมัครงานไกด์อิสระไว้กับสมาคมมัคคุเทศก์อาชีพ จำได้ว่ารับมาสองงานค่ะ
งานแรกพากลุ่มทัวร์ไปพัทยา ส่วนงานที่สองเป็นงานที่ทางคณะเศรษฐศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์แจ้งมาว่าต้องการไกด์ต้นแบบ ให้กับโครงการอบรมมัคคุเทศก์ท้องถิ่นของเขตลพบุรี ตอนนั้นจำได้ว่าเพื่อนร่วมรุ่นส่ายหน้าและผลักติวเตอร์ของรุ่นส่งไปให้เขา
ติวเตอร์เหงื่อแตก แต่ต้องรับงาน ว่าแล้วก็ลากเพื่อนขับรถออกไปรื้อฟื้นวิชาตามเส้นทางที่ได้รับมอบหมายมา และจุดหมายคือวังนารายณ์
จำได้ว่า วิชาได้มาจาก"ครู"เท่าไหร่ รวมทั้งลีลาท่าทางของท่านที่เราเคยประทับใจ หนอนฯก็งัดมาใช้ทั้งหมด และผ่านวันที่เราต้องเป็น"มัคคุเทศก์ต้นแบบ" มาได้อย่างไม่อายใคร
ในมุมของอดีตนักเรียนไกด์ ที่เป็นแฟนคำสาปฟาโรห์ รักยุคทองของสมเด็จพระนารายณ์ และได้อ่านบุพเพฯของคุณรอมแพงตั้งแต่ตีพิมพ์ครั้งแรก ยอมรับเลยค่ะว่าตั้งตารอดูฉากถวายพระราชสาส์นมากๆ ยิ่งได้ติดตามมาตลอดทุกตอนและทึ่งซาบซึ้งมากกับฉากขุนหลวง vs พระเพทราชา ที่เป็นที่กล่าวขวัญสนั่นเมือง ก็ยิ่งตั้งตารอคอยฉากถวายพระราชสาส์นด้วยใจจดจ่อ
ขอบอกด้วยความชื่นชมว่า ทำได้ดีเหลือเกินค่ะ เหมือนกับที่หนอนฯเคยเรียน เคยได้ฟังครูเล่าตอนเป็นนักเรียนไกด์ ว่าเหตุการณ์ขณะนั้นสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นอย่างไร ทำไมฟอลคอนถึงได้มีท่าทางอย่างนั้นในรูปเขียน
ต้องขอเรียนก่อนว่า หนอนฯ เป็นคนที่ไม่ดูละครไทย(แบบตั้งใจดู) ในชีวิตไม่เคยดูละครเรื่องไหนจบเลย เพราะในวัยเรียนคุณแม่ไม่อนุญาตให้ดูทีวีในวันที่วันรุ่งขึ้นต้องไปโรงเรียนค่ะ พอเข้ามหาวิทยาลัยไปอยู่หอพักของม.เขาก็ห้ามมีทีวีในห้อง ก็เลยเป็นคนไม่ติดทีวีจนเป็นผู้ใหญ่จนใกล้จะแก่อยู่รอมร่อ
เพิ่งจะมาเสียประวัติติดละครงอมแงมก็เรื่องบุพเพฯนี้เป็นเรื่องแรก สัปดาห์ก่อนต้องไปทำงานที่ต่างประเทศ เวปช่องสามล่มดูสดไม่ได้ ต้องถอดใจไปรอดูย้อนหลัง แต่เคืองมากที่ห้องบางขุนพรมเขามีกระทู้ดูสด เราก็อดดูได้แต่อ่านคอมเม้นท์ที่คนอื่นเขาได้ดูทีวีกัน มันช่างหงุดหงิดงุ่นง่านนักล่ะค่ะ
คืนนี้ก็ขอรอ"ออเจ้า"อีก คงมากหลายฉาก
แถมท้ายอีกนิด
ที่เคยเรียนมานั้น ตอนขุนหลวงท่านประชวรหนักมากแล้ว ทรงมีความห่วงใยในข้าราชบริพารด้วยเกรงว่าจะไม่พ้นอาญาจากพระเพทราชา จึงได้นิมนต์พระชั้นผู้ใหญ่มา และให้เบิกของใช้จากสิบสองท้องพระคลังเพื่อใช้ในการบวชเพื่อหนีตายให้แก่ข้าราชบริพาร แต่ด้วยเป็นเขตวังไม่ใช่วัดจะทำการบวชไม่ได้ จึงมีพระราชอุทิศวังของท่านให้เป็นวัดเสีย เพื่อที่พระราชาคณะจะสามารถใช้เป็นสถานที่บวชให้ข้าราชบริพารได้ เหล่าข้าราชบริพารที่บวชหนีตายก็ได้แต่ห่มผ้าเหลืองรอดชีวิตออกจากวังไปได้ มีเพียงพระปีย์ที่ไม่ยอมหนีไป จะอยู่รับใช้
หนอนฯจำได้ว่า"ครู"ของหนอนฯเล่าได้มันส์มาก ประมาณว่าขุนหลวงท่านประชวรหนักเพียบแล้ว พระปีย์ก็ดื้อรั้นด้วยจงรักภักดี ขุนหลวงจึงมีรับสั่งแผ่วเบา (คิดแบบว่าคนป่วยหนักพูด) ประมาณว่า "งั้นก็ตายพร้อมกับกูแล้วกันนะอ้ายเตี้ย "
หนอนฯเชื่อนะ ว่าถ้ามีฉากนี้ด้วย เห็นทีว่าน้ำตาต้องท่วมเมืองแน่ๆ เพราะทุกคนในเรื่องเล่นดีเหลือเกิน เมื่อคืนพระปีย์คุณเก่ง ออกมานี่มันโดนใจมาก ฉากขับเสภาก็ไพเราะเหลือเกินค่ะ
คืนนี้จะเตรียมอะไรไว้กินพร้อมแม่นายดี เห็นว่าทองหยิบมาแรง
อันนี้แถมค่ะ อ่านแล้วได้ความรู้เรื่องการส่งทูตไปฝรั่งเศส
http://narumonportfolio.blogspot.com/2013/09/blog-post.html