สวัสดีค่ะ วันนี้ขยันเป็นพิเศษ อัพอีกวันต่อเลยแล้วกัน
เช้าวันนี้เราก็ตื่นปกติ 7 โมง ไม่รีบเพราะมีเวลาครึ่งวันก่อนที่จะต้องไปบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยมนั้นเองค่ะ ก็อาบน้ำ หม่ำอาหารเช้าที่โรงแรมแล้วก็แพ็คแซนวิชเผื่อไว้หม่ำบนรถไฟ และจัดของรอ ไว้ตอนกลับจะได้แวะมาเอาของแล้วออกได้เลย
วันนี้เราจะไป Anne Frank House แล้วก็ไปดูบ้านที่เล็กที่สุด ออกจากที่พักแบบไม่รีบ เดินมุ่งหน้าไป Dam Square ก่อนเพราะเราจะไปแวะห้างที่ใหญ่ที่สุดของอัมสเตอร์ดัม นั่นก็คือ Magna Plaza นั่นเอง ซึ่งจะอยู่บลอคด้านหลังของ Royal Palace ถ้าเห็นห้างหน้า Dam Sq. นั่นคือคนละห้างกันนะจ๊ะ บรรยากาศยามเช้าก่อนออกจากห้องพัก เสียงระฆังก็จะดังทุกๆ ชั่วโมงเลย แต่โชคดีที่ไม่ดังตอนกลางคืน
ถึงแล้วห้าง Magna ที่บอก ข้างในก็จะเป็นของแบนรด์เนมทั่วไป เราก็จะเดินผ่านๆ นะ เพราะเช้ามา มาตั้งแต่ห้างเปิด บางร้านก็ยังไม่เปิดด้วยซ้ำ เหอะๆ
รีบเดินอย่างว่องไว เพราะห้างโล่งได้อีก เราก็ออกจากห้างแล้วก็เดินมาเรื่อยๆ จนถึง Anne Frank House ค่ะ สังเกตุได้ง่ายๆ ดูจากปริมาณคน ถ้าเห็นคนยืนเป้นกลุ่มใหญ่ๆ แถวยาวๆ นั่นก็แปลว่าใช่แล้วค่ะ ตอนแรกกะว่าจะเข้าไปเพราะเขาเปิดเป็นมิวเซี่ยม แต่มีคุณลุงคนนึงเดินผ่านมาแล้วเขาก็สะกิดแล้วบอกว่าบ้านที่แท้จริงไม่ใช่อันนี้นะ แต่ดูแถวสิ นั่นคือก่อนมิวเซี่ยมเปิด คือคนยาวได้อีกอ่ะ
Anne Frank House คือหลังนี้ ประตูเขียวๆ นี่
สำหรับ Anne Frank House นั้นจะเปิดให้ไปเข้าชมบ้านของเด็กผู้หญิงคนนึงที่ชื่อว่า แอนน์ แฟรงค์ ซึ่งเธอนั้นต้องใช้ชีวิตอยู่บนห้องใต้หลังคาในช่วงสงครามโลกครั้ง 2 โดยเธอใช้เวลาในการเขียนบันทึกบอกเล่าเรื่องราวระหว่างที่เธอหลบซ่อนตัวอยู่ที่ห้องใต้หลังคา เนื่องจากถูกพวกนาซีจับไล่เพื่อนำไปค่ายกักกันตัวเพราะเธอมีเชื้อสายยิว หลังจากการซ่อนตัวนาน 2 ปี เธอก็ถูกจับเข้าค่ายกักกันที่ แบร์เกิน-เบลเซิน ในประเทศเยอรมนี พร้อมกับครอบครัว และบันทึกของเธอถูกเขียนขึ้นระหว่าง 12 มิถุนายน พ.ศ. 2485 จนถึงวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2487 โดยได้ตีพิมพ์ออกเป็นหนังสือในหลายภาษารวมทั้งไทยด้วย ถ้าใครจะไปเราแนะนำว่าจองตั๋วออนไลน์ได้เลยดีกว่าค่ะ เพราะแถวยาวมากกกกก เราก็เลยไม่เข้าไป และบางช่วงตํ่วก็ขายหมดล่วงหน้าเลย เพราะเขารับจำนวนจำกัดต่อวันค่ะ เอาลิ้งค์มาฝากนะ http://www.annefrank.org/en/
บรรยากาศแถวๆ Anne Frank House
สำหรับใครที่อยากมีประสบการณ์นอน Boat house เขาก็มีบริการแบบเป็นโรงแรมนะ ถ้าไปกันหลายคนก้น่านอนอยู่ ดูชิลเว่อร์ ลองเสิดได้จากเวปไซด์จองที่พักทั่วไปได้เลยค่ะ แล้วเราก็เดินออกมา มุ่งหน้าไปกลับไปทางเดิมเพื่อจะไปบ้านที่เล็กที่สุด
และเราก็มาถึงแล้ว ซึ่งตอนนี้บ้านหลังนี้เขาเปิดเป็นร้านกาแฟค่ะ แต่ใครจะมาแนะนำว่าจองไว้ก่อนจะดีมาก เพราะร้านเล็ก แคบมากเว่อร์ จริงๆ
ลองเข้าไปดูได้ในลิ้งค์นี้นะค่ะ
หมดแล้ว กิจกรรมยามเช้าของเราในวันนี้ ก็กลับที่พักไปเอาของ แล้วก็ไป Grand Central Station กันเถอะ ระหว่างทางไปที่พัก ขอ 1 รูป
ตัดภาพมาเลยเน้อะ ตอนนี้นั่งอยู่บนรถไฟแล้วค่ะ เราจองตั๋วออนไลน์มาจากบ้านเลย เพราะกลัวตั๋วหมด เรานั่ง Thalys นะ ประมาณ 2 ชั่วโมง
สามารถจองตั๋วได้จากเวปนี้ค่ะ https://www.hispeed.nl/ ก็จะมีทั้งแบบต้องเปลี่ยนรถหรือนั่งยาวขึ้นอยู่กับเวลาค่ะ จะบอกว่ารถไฟในยุโรปทุกประเทศนี่ตรงเวลาเป๊ะ สมมุติว่าถ้ารถออก 9.31 ก็ตามเวลานั้นเลย เพราะฉะนั้นถ้าเดินทางด้วยรถไฟก็เผื่อเวลานึงนิดก็จะดีค่ะ กันหาชานชาลาไม่เจอ ไรงี้! บรรยากาศระหว่างทางที่นั่งไปบรัสเซลส์
และแล้วเราก็ถึงบรัสเซลส์ ไปที่พักแล้วเก็บของทำอะไรเรียบร้อยก็ออกมาเดินเล่นกันหน่อย
กำลังจะผ่านตรอกไปยัง Grand Place หรือ Grote Markt
มีความโชคดีมากที่มาเจอช่วงที่เขาจัด Flower Carpet พอดี ซึ่งงานจะเริ่มวันรุ่งขึ้น เป็นเวลา 3 วัน ในแต่ละปีเขาจะจัดไม่ตรงกันค่ะ ก็ลอง Google ดูนะถ้าใครสนใจจะไปดู แต่บอกว่าคุ้มมาก ยิ่งใหญ่ สวยงามที่สุด ที่สำคัญฟรี แต่คนเยอะหน่อยเท่านั้นเอง เราจะรอเอารูปวันพรุ่งนี้มาลงทีเดียวเลยละกัน อยากให้เห็นดอกไม้ ซึ่งแต่ละปีก็จะมี Theme แตกต่างกัน
กรุงบรัสเซลส์คือของหวานเยอะมาก ทั้งวาฟเฟิลที่เป็นของขึ้นชื่อของประเทศนี้เลย ไหนจะช็อคโกแลตใครที่ชอบสายดาร์กหน่อยก็จะชอบช๊อคโกแลตของประเทศนี้นะ ยังมีไอติม คุ๊กกี้ เครป เค็กเต็มไปหมดเลย เอารูปมาฝากด้วยนะ
เป็นช๊อคโกแลตที่ครีเอทีฟมาก
ร้านวาฟเฟิลนี่เรียงรายตลอดทาง ไม่มีขาดหาย
ก็จะเป็นแบบนี้ไปทั่วทั้งเมืองเลย
เดินไปเรื่อยๆ และแล้วเราก็มาถึง Manneken Pis ซึ่งเป็นภาษาดัตช์ค่ะ แปลว่า เด็กชายกำลังปัสสาวะ บางครั้งเรียกเป็นภาษาฝรั่งเศสว่า le Petit Julien แปลว่า จูเลียนน้อย
มีตำนานเล่าว่า รูปปั้นนี้เดิมสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 14 ด้วยหินแกะสลัก ในขณะนั้นบรัสเซลส์อยู่ท่ามกลางสงคราม และถูกฝ่ายตรงข้ามนำระเบิดมาวางไว้ที่กำแพงเมือง เด็กชายคนหนึ่งชื่อ จูเลียนสกี (Julianske) มาพบสายชนวนระเบิดกำลังติดไฟ จึงปัสสาวะรดเพื่อดับชนวนและป้องกันเมืองไว้ได้ ชาวเมืองจึงทำรูปแกะสลักนี้ไว้เพื่อระลึกถึงความกล้าหาญ ต่อมารูปสลักนี้ถูกขโมยสูญหายไปหลายครั้ง จึงถูกแทนที่รูปหล่อตัวปัจจุบัน ที่ออกแบบโดยเจอโรม ดูเกสนอย ในปี ค.ศ. 1618 ซึ่งตอนนี้เขาทำกรงมีที่ล๊อคเรียบร้อย
ในปัจจุบัน เทศบาลเมืองบรัสเซลส์ได้จัดเทศกาลเฉลิมฉลองต่าง ๆ บางช่วงจะมีการจัดเครื่องแต่งกายพื้นเมืองต่าง ๆ สวมให้กับรูปปั้นนี้ รวมถึงเครื่องแต่งกายวัฒนธรรมร่วมสมัยอย่าง เอลวิส เพรสลีย์ หรือมิกกี เมาส์ หรือแม้แต่เทศกาลของต่างชาติ โดยในช่วงเวลาปกติรูปปั้นนี้จะอยู่ในสภาพเปลือยกาย
หลังจากเยี่ยมชมเด็กน้อยกล้าหาญแล้วเราก็จะเดินลัดเลาะมาที่ Galeries Royales กันค่ะ ที่นี่ก็จะเป็นเหมือนห้างที่มีแบนรด์เนมขนาบสองข้างและร้านคาเฟ่
ยาวไป..
เราก็เดินๆๆๆ จนมาโผล่ที่ Béguinage church
พนักงานเรียกให้รีบเข้ามาเพราะกำลังจะปิดพอดี เขาบอกให้เดินลอดซุ้มนี้แล้จะมีโชคดี ข้างในเงียบและเย็นมาก
ออกจากโบสถ์เราก็เดินมุ่งหน้ากลับที่พัก ก็จะผ่านย่าน Shopping ที่เป็นแนว Street ซึ่งร้านส่วนใหญ่ก้ปิดหมดแล้ว เดินมาเรื่อยๆ ก็เห็นตึกนี้ เลยแวะเข้าไปดู เหมือนกันเป็นสถานที่ราชการ และก็ไม่มีคนเลย วันนี้เราจะลากันด้วยรูปนี้ละกันนะ เราจะกลับไปพักผ่อนและเตรียมตัวไปเที่ยว Brugge + Gent กันวันพรุ่งนี้

ปล. เที่ยวที่เบลเยี่ยมนี้ต้องระวังเรื่องกระเป๋าและของมีค่าหน่อยนะค่ะ

สำหรับรีวิวที่เที่ยวในวันอื่นๆ ของทริปนี้ติดตามได้ที่ลิ้งค์ข้างล่างนี้นะค่ะ
https://ppantip.com/topic/37500575 วันแรกเที่ยว Amsterdam
https://ppantip.com/topic/37507648 วันที่ 2 Zaanse Schans กับ Volendam
https://ppantip.com/topic/37533741 วันที่ 4 เที่ยว Bruges + Gent เมืองมรดกโลก
https://ppantip.com/topic/37573568 วันที่ 5 นั่งรถไฟตะลุย Luxembourg
https://ppantip.com/topic/37718956 เก็บตก วันที่ 5 Flower Carpet ที่ Brussels
https://ppantip.com/topic/37715596 วันที่ 6 เที่ยวโคโลจน์ ประเทศเยอรมนี เจออะไรบ้าง ต้องขยาย!!
https://ppantip.com/topic/37719102 วันสุดท้ายที่โคโลจน์ อะไรกันเนี๊ยะ!!