จีนไฟเขียวรับไก่แช่แข็งน้ำโขง ล็อตแรกในรอบ14ปีมูลค่า35ล้านบาท
28 มี.ค.61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ท่าเรือแม่น้ำโขงเชียงแสนแห่งที่ 2 นายนิวัติ สุธีมีชัยกุล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในพิธีปล่อยตู้คอนเทนเนอร์บรรจุผลิตภัณฑ์สัตว์ปีกเที่ยวปฐมฤกษ์ไปยังท่าเรือกวนเหล่ย ซึ่งเป็นเมืองท่าหน้าด่านในแม่น้ำโขงของประเทศจีน ตั้งอยู่มณฑลยูนนาน ประเทศจีน ห่างจาก อ.เชียงแสน ประมาณ 263 กิโลเมตร โดยมีนายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ นายเหริน ยี่เซิง กงสุลใหญ่ประเทศจีนประจำ จ.เชียงใหม่ นายแพทย์อนันต์ ศิริมงคลเกษม นายสมาคมผู้ผลิตไก่เพื่อส่งออกไทย นายพินิจ แก้วจิตคงทอง นายอำเภอเชียงแสน ผู้บริหารท่าเรือแห่งประเทศไทย พร้อมภาครัฐและเอกชน ประชาชน ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้พิธีจัดให้มีการปล่อยคาราวานสินค้าประเภทไก่แช่แข็งชุดแรกนับตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นมา เป็นเวลา 14 ปีมาแล้ว จำนวน 14 ตู้คอนเทนเนอร์ ตูละประมาณ 27 ตัน มูลค่ารวมกันทั้งหมดประมาณ 35 ล้านบาท โดยสินค้าไก่แช่แข็งดังกล่าวจะถูกขนส่งไปด้วยเรือสินค้าแม่น้ำโขง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรือสัญชาติจีน ที่ถูกออกแบบใหม่ให้ใช้บรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ห้องเย็นโดยเฉพาะ เพื่อนำไปขึ้นฝั่งที่ท่าเรือกวนเหล่ย และกระจายไปยังตลาดของจีนต่อไป ซึ่งพิธีเป็นไปด้วยความราบรื่นและสร้างความยินดีให้กับทุกฝ่าย เนื่องจากเป็นสินค้าที่ไม่เคยส่งออกในระบบไปยังประเทศจีนโดยตลอดมาเป็นเวลานาน
ขณะที่ตลาดจีนมีความต้องการสูงและกลุ่มผู้ค้าในประเทศไทยก็ต้องการการส่งออกไปยังจีนตอนใต้อย่างมากเช่นกัน ทำให้มีการเตรียมเรือสินค้าขนาดใหญ่รองรับคอนเทนเนอร์ห้องเย็นในแม่น้ำโขงอย่างคึกคัก โดยบางลำใหญ่โตกว่าเรือสินค้าที่เคยมี โดยมีน้ำหนักกว่า 874 ตัน ระวางบรรทุก 568 ตัน ยาว 61 เมตร กว้าง 9.50 เมตร กินน้ำลึกแค่ 2 เมตร สามารถบรรทุกคอนเทนเนอร์ได้ถึง 15 ตู้ แต่ช่วงฤดูแล้งนี้บรรทุกได้เฉลี่ยแค่ประมาณ 5-6 ตู้ โดยมีไว้รองรับสินค้าประเภทนี้โดยเฉพาะด้วย
นายนิวัติ กล่าวว่า อุตสาหกรรมไก่เนื้อเป็นสินค้าที่ถูกส่งออกที่มีมากกว่าร้อยละ 85 ในกลุ่มสินค้าปศุสัตว์ทั้งหมด ทำให้กรมปศุสัตว์ร่วมกับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมสัตว์ปีกและสมาคมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องพัฒนาคุณภาพมาตรฐานอย่างต่อเนื่องจนได้รับการยอมรับในระดับโลก และปัจจุบันประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกเนื้อไก่รายใหญ่อันดับ 3 ของโลก รองจากบราซิล และสหรัฐอเมริกาเท่านั้น หลายประเทศยัง อนุญาตให้โรงงานผลิตเนื้อไก่ดิบสดแช่แข็งและเนื้อไก่ปรุงสุกของไทยส่งออกไปสู่ตลาดโลกได้ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี สหภาพยุโรป รวมถึงกลุ่มประเทศอาเซียน สำหรับประเทศจีนนั้นเดิมไทยส่งออกสินค้า ประเภทนี้ไปมากแต่เนื่องจากในปี 2547 เกิดโรคไข้หวัดนกระบาดจึงได้หยุดส่งออกไปนานร่วม 10 กว่าปี กระทั่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีนโยบายส่งเสริมการส่งออกและกรมปศุสัตว์ได้เชิญคณะ ผู้เชี่ยวชาญจากประเทศจีนมาตรวจสอบการผลิตในโรงงานของไทยจำนวน 19 แห่งแล้วมีความพึงพอใจ จึงมีข้อตกลงในการกลับมาส่งออกอีกครั้งดังกล่าวซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างมาก
ทางด้านนายสัตวแพทย์สมชวน กล่าวว่า ทางการจีนได้รับรองโรงเชือดสัตว์ปีกในไทยแล้วจำนวน 7 แห่ง ทำให้ไทยสามารถส่งออกเนื้อสัตว์ปีกและผลิตภัณฑ์ไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทาง การได้เป็นครั้งแรก และนับจากนี้ก็จะมีการส่งออกต่อไปอย่างต่อเนื่องทำให้จะสร้างรายได้เข้าประเทศปีละกว่ามูลค่า 7,000 ล้านบาท แต่หากในอนาคตมีโรงงานที่ผ่านการประเมินและสามารถส่งออกได้ ครบทั้ง 19 แห่ง ก็จะสามารถสร้างรายได้ให้กับอุตสาหกรรมสัตว์ปีกของประเทศไทยประมาณ 20,000 ล้านบาทต่อปีต่อไป
ด้านศุลกากรเชียงแสนรายงานว่า ในปี 2558 สินค้าประเภทไก่แช่แข็งเป็นสินค้าส่งออกอันดับ 2 มีมูลค่า 2,585.14 ล้านบาท น้ำหนัก 35,400 ตัน และปี 2559 ขึ้นเป็นสินค้าส่งออกอันดับ 1 มีมูลค่า 3,137,832,621.00 บาท น้ำหนัก 40,955 ตัน ปี 2560 เป็นสินค้าส่งออกอันดับ 1 มีมูลค่า 1,852,600,063.32 ตัน น้ำหนัก 21,915 ตัน ขณะที่มีการส่งออกรวมผ่านด่านศุลกากรเชียงแสนในปี 2560 มูลค่า 14,431.26 ล้านบาท นำเข้า 899.90 บาท
http://www.naewna.com/local/329685
🐥🐤~มาลาริน~ว้าวว! น้องไก่พี่ไก่สัญชาติไทยออกเดินทางในลำนำโขงไปจีนในรอบ 14 ปี ตื่นเต้นมากๆค่ะ 🐔🐓🐔🐓
28 มี.ค.61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ท่าเรือแม่น้ำโขงเชียงแสนแห่งที่ 2 นายนิวัติ สุธีมีชัยกุล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในพิธีปล่อยตู้คอนเทนเนอร์บรรจุผลิตภัณฑ์สัตว์ปีกเที่ยวปฐมฤกษ์ไปยังท่าเรือกวนเหล่ย ซึ่งเป็นเมืองท่าหน้าด่านในแม่น้ำโขงของประเทศจีน ตั้งอยู่มณฑลยูนนาน ประเทศจีน ห่างจาก อ.เชียงแสน ประมาณ 263 กิโลเมตร โดยมีนายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ นายเหริน ยี่เซิง กงสุลใหญ่ประเทศจีนประจำ จ.เชียงใหม่ นายแพทย์อนันต์ ศิริมงคลเกษม นายสมาคมผู้ผลิตไก่เพื่อส่งออกไทย นายพินิจ แก้วจิตคงทอง นายอำเภอเชียงแสน ผู้บริหารท่าเรือแห่งประเทศไทย พร้อมภาครัฐและเอกชน ประชาชน ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้พิธีจัดให้มีการปล่อยคาราวานสินค้าประเภทไก่แช่แข็งชุดแรกนับตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นมา เป็นเวลา 14 ปีมาแล้ว จำนวน 14 ตู้คอนเทนเนอร์ ตูละประมาณ 27 ตัน มูลค่ารวมกันทั้งหมดประมาณ 35 ล้านบาท โดยสินค้าไก่แช่แข็งดังกล่าวจะถูกขนส่งไปด้วยเรือสินค้าแม่น้ำโขง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรือสัญชาติจีน ที่ถูกออกแบบใหม่ให้ใช้บรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ห้องเย็นโดยเฉพาะ เพื่อนำไปขึ้นฝั่งที่ท่าเรือกวนเหล่ย และกระจายไปยังตลาดของจีนต่อไป ซึ่งพิธีเป็นไปด้วยความราบรื่นและสร้างความยินดีให้กับทุกฝ่าย เนื่องจากเป็นสินค้าที่ไม่เคยส่งออกในระบบไปยังประเทศจีนโดยตลอดมาเป็นเวลานาน
ขณะที่ตลาดจีนมีความต้องการสูงและกลุ่มผู้ค้าในประเทศไทยก็ต้องการการส่งออกไปยังจีนตอนใต้อย่างมากเช่นกัน ทำให้มีการเตรียมเรือสินค้าขนาดใหญ่รองรับคอนเทนเนอร์ห้องเย็นในแม่น้ำโขงอย่างคึกคัก โดยบางลำใหญ่โตกว่าเรือสินค้าที่เคยมี โดยมีน้ำหนักกว่า 874 ตัน ระวางบรรทุก 568 ตัน ยาว 61 เมตร กว้าง 9.50 เมตร กินน้ำลึกแค่ 2 เมตร สามารถบรรทุกคอนเทนเนอร์ได้ถึง 15 ตู้ แต่ช่วงฤดูแล้งนี้บรรทุกได้เฉลี่ยแค่ประมาณ 5-6 ตู้ โดยมีไว้รองรับสินค้าประเภทนี้โดยเฉพาะด้วย
นายนิวัติ กล่าวว่า อุตสาหกรรมไก่เนื้อเป็นสินค้าที่ถูกส่งออกที่มีมากกว่าร้อยละ 85 ในกลุ่มสินค้าปศุสัตว์ทั้งหมด ทำให้กรมปศุสัตว์ร่วมกับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมสัตว์ปีกและสมาคมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องพัฒนาคุณภาพมาตรฐานอย่างต่อเนื่องจนได้รับการยอมรับในระดับโลก และปัจจุบันประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกเนื้อไก่รายใหญ่อันดับ 3 ของโลก รองจากบราซิล และสหรัฐอเมริกาเท่านั้น หลายประเทศยัง อนุญาตให้โรงงานผลิตเนื้อไก่ดิบสดแช่แข็งและเนื้อไก่ปรุงสุกของไทยส่งออกไปสู่ตลาดโลกได้ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี สหภาพยุโรป รวมถึงกลุ่มประเทศอาเซียน สำหรับประเทศจีนนั้นเดิมไทยส่งออกสินค้า ประเภทนี้ไปมากแต่เนื่องจากในปี 2547 เกิดโรคไข้หวัดนกระบาดจึงได้หยุดส่งออกไปนานร่วม 10 กว่าปี กระทั่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีนโยบายส่งเสริมการส่งออกและกรมปศุสัตว์ได้เชิญคณะ ผู้เชี่ยวชาญจากประเทศจีนมาตรวจสอบการผลิตในโรงงานของไทยจำนวน 19 แห่งแล้วมีความพึงพอใจ จึงมีข้อตกลงในการกลับมาส่งออกอีกครั้งดังกล่าวซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างมาก
ทางด้านนายสัตวแพทย์สมชวน กล่าวว่า ทางการจีนได้รับรองโรงเชือดสัตว์ปีกในไทยแล้วจำนวน 7 แห่ง ทำให้ไทยสามารถส่งออกเนื้อสัตว์ปีกและผลิตภัณฑ์ไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทาง การได้เป็นครั้งแรก และนับจากนี้ก็จะมีการส่งออกต่อไปอย่างต่อเนื่องทำให้จะสร้างรายได้เข้าประเทศปีละกว่ามูลค่า 7,000 ล้านบาท แต่หากในอนาคตมีโรงงานที่ผ่านการประเมินและสามารถส่งออกได้ ครบทั้ง 19 แห่ง ก็จะสามารถสร้างรายได้ให้กับอุตสาหกรรมสัตว์ปีกของประเทศไทยประมาณ 20,000 ล้านบาทต่อปีต่อไป
ด้านศุลกากรเชียงแสนรายงานว่า ในปี 2558 สินค้าประเภทไก่แช่แข็งเป็นสินค้าส่งออกอันดับ 2 มีมูลค่า 2,585.14 ล้านบาท น้ำหนัก 35,400 ตัน และปี 2559 ขึ้นเป็นสินค้าส่งออกอันดับ 1 มีมูลค่า 3,137,832,621.00 บาท น้ำหนัก 40,955 ตัน ปี 2560 เป็นสินค้าส่งออกอันดับ 1 มีมูลค่า 1,852,600,063.32 ตัน น้ำหนัก 21,915 ตัน ขณะที่มีการส่งออกรวมผ่านด่านศุลกากรเชียงแสนในปี 2560 มูลค่า 14,431.26 ล้านบาท นำเข้า 899.90 บาท
http://www.naewna.com/local/329685