เกิดอะไรขึ้นเมื่อเจ็ดปีก่อน? มหากาพย์ตะกายจากปากหลุมของลิเวอร์พูล

กระทู้สนทนา

ช่วงนี้กระทู้คุณ style council ย้อนอดีต ผมช่วยย้อนไปวันที่ใจหายใจคว่ำที่สุดของแฟนเดอะค็อปอีกแรง

6 กพ 2007 จอร์จ ยิลเล็ต และ ทอม ฮิค เข้าซื้อหุ้นทั้งหมดของสโมสร - มูลค่าทั้งหมดที่จ่ายคือ 218.9 ล้านปอนด์ H&G สัญญาว่า สนามใหม่จะเริ่มก่อสร้างในหกสิบวัน เงินอีกก้อนสำหรับการซื้อขายนักเตะ และ เขาจะไม่เอาอย่าง "เกลเซอร์"
และเขาไม่เอาอย่างเกลเซอร์จริงๆ เกลเซอร์แม้จะเอาหนี้ทุ่มลงกับแมนยู แต่ก็ยังนำมาซึ่งความสำเร็จ ในทางกลับกัน เพียง 12 เดือนถัดมา สโมสรพบว่า H&G กู้เงิน 350 ล้านจาก Royal Bank of Scotland(RBS) และ Wachovia
105 ล้านถูกทุ่มใส่สโมสรทันที อีก 245 ล้านเป็นหนี้ของ Kop Holding บริษัทที่ถูกตั้งขึ้นเพื่อควบคุมลิเวอร์พูล - สโมสรมีหนี้สินจ่ายปีละ 30 ล้านปอนด์
งบลงทุนในนักเตะติดลบ - ราฟา เบนิเตซ ที่คว้าถ้วยได้ทุกปี ไม่เคยมีถ้วยอะไรติดมืออีกเลย นับจาก H&G เข้ามา

มีค 2008 - H&G ร้าวฉาน ยิลเลตต้องการถอนตัวจากดีลที่เขารู้ตัวแล้วว่าไปไม่รอด เขาไม่มีเงินทุนพอจะผลักดันในสโมสรประสบความสำเร็จ - เขาถอนตัวไม่ได้ ฮิคก็ไม่มีเงินพอจะมาซื้อหุ้นของเขาเหมือนกัน

วิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ ทำให้การเงินทั่วโลกตึงตัว บัดนี้ H&G พบว่าเขาอยู่ในกองหนี้ที่ไม่มีทางออก ไม่มีหนทางที่จะรีไฟแนนท์ และในเมืองก็เต็มไปด้วยเสียงก่นด่าและขับไล่ ตลอดปี 2009 ทั้งสองคนพยายามเอาตัวรอดออกจากหลุมที่ตัวเองขุด แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ

เมษา 2010 เมื่อถึงกำหนดชำระหนี้ RBS ยอมผ่อนปรนเป็นครั้งสุดท้าย RBS จะเลื่อนกำหนดชำระหนี้เป็น 10 ตค 2010 แลกกับ
- มาร์ติน บอสตัน ได้รับแต่งตั้งเป็นประธานบอร์ดเพื่อกำกับการขายกิจการ
- อำนาจในการแต่งตั้งบอร์ด จะไม่ใช่ของ H&G
- บอร์ด 5 คนจะเป็นตัวแทนของ H&G สองคน โดยอีกสามคนคือบอสตัน - คริสเตียน เพอร์สโลว์ และ เอียน อายร์
- H&G จะไม่ใช้สิทธิในฐานะเจ้าของขัดขวางกระบวนการขายกิจการ

มาร์ติน บอสตัน ประธานบอร์ดกำกับการขายกิจการ

30 กย 2010 เหลือผู้เสนอซื้อเพียงสองราย - ทั้งสองรายให้มูลค่าสโมสรใกล้เคียงกัน และไม่ว่าขายกิจการให้รายใด H&G จะไม่ได้เงินแม้แต่แดงเดียว*

จอร์น เฮนรี่จาก NESV และ ปีเตอร์ ลิม

5 ตค 2010
- H&G ที่รู้ตัวว่าตัวเองจะไม่ได้เงินซักแดงเดียว ส่งทนายความมาไล่ มาร์ติน บอสตันออกจากตำแหน่งประธานบอร์ด และไล่เอียน อายร์ และเพอร์สโลว์ออก รวมถึงตั้งลูกชายของตัวเองแทน
- มาร์ตินปรึกษากับที่ปรึกษาแล้วยืนยันว่าคำสั่งปลดบอร์ดเป็นโมฆะ
- บอร์ดประชุมตามปกติและลงมติขายกิจการให้ NESV ด้วยคะแนน 3-2

6 ตค H&G และ RBS นำเรื่องขึ้นฟ้องศาลในข้อพิพาทเกี่ยวกับการขายกิจการ
8 ตค ศาลสั่งห้าม H&G แก้ไขหรือยุ่งเกี่ยวกับกระบวนการขายกิจการ
11 ตค NESV กล่าวว่าอาจพิจารณาถอนดีล ถ้าทีมโดนตัดแต้ม(ขณะนั้นทีมอยู่อันดับ 17)
12 ตค H&G กล่าวอ้างว่า การประชุมบอร์ดในวันที่ 5 ไม่ครบองค์ประชุม ให้มติการขายกิจการเป็นโมฆะ(โดนปลดแล้วสองคน คนที่ตั้งใหม่วอร์คเอาท์)
13 ตค ศาลสั่งยกเลิกสถานะบอร์ดในวันที่ 5 ของ H&G - กระบวนการขายกิจการดำเนินต่อไป
13 ตค H&G ฟ้องศาลเท็กซัส ให้ยกเลิกคำสั่งขายกิจการ โดยมี RBS และ NESV เป็นจำเลย เรียกร้องความเสียหาย 1.6 พันล้านดอลลาห์
13 ตค 23.48 น กระบวนการซื้อขายกิจการหยุดชั่วคราว RBS และ NESV ไม่ต้องการละเมิดคำสั่งศาลซึ่งอาจกระทบต่อการลงทุนอื่นๆในอเมริกา
14 ตค เฮดฟันด์ Mill Financial เสนอจ่ายหนี้คืนให้ RBS แล้วเข้าครอบครองกิจการแทน H&G RBS ปฏิเสธ
Mill Financial เข้าพบบอร์ด EPL เพื่อขอเช็คคุณสมบัติการเป็นเจ้าของทีม EPL ปฏิเสธการเจรจา
ปีเตอร์ ลิม ถอนตัวจากสถานะผู้สนใจซื้อสโมสร
15 ตค - ถ้าเงินไม่ถึงมือ RBS ก่อน 16.20 สโมสรจะถูกควบคุมกิจการและตัด 9 แต้ม
11.50 จอร์น เฮนรี่ "เราจะสู้เพื่อเอาฮิค มิล และ ยิลเล็ตออกไป นี่เป็นการสู้ตายของพวกเขาแล้ว"
13.07 มาติน บอสตัน และ คริสเพอร์สโลว์ ไปยังสำนักงานกฏหมาย เตรียมลงนามขายกิจการ

13.09 ดัลลัส - ทีมกฏหมายของ NESV ยื่นอุทธรณ์คำร้องคุ้มครองชั่วคราวของศาลเท็กซัส
14.32 ศาลดัลลัสรับอุทธรณ์ คำร้องคุ้มครองชั่วคราวถูกยกเลิก- การขายกิจการดำเนินต่อไป
15.52 Deal Done! เงินถึงมือ RBS การย้ายกิจการสมบูรณ์