ก่อนจะกลับไปบอลลีกขอชวนคุยส่งท้ายบอลทีมชาติ เอาความรู้สึกเราก่อนนะคะ
เรามีข้อสังเกตุอย่างหนึ่งว่าสื่อบางส่วนมีท่าทีไม่เป็นบวกกับโค้ชราเยวัชเท่าไหร่ ถ้าเทียบเป็นแกนกราฟมันก็จะวิ่งอยู่แถวติดลบ สูงสุดก็แตะเลขศูนย์ได้แค่นั้น นี่คือความรู้สึกจากการสังเกตุของเราเองตั้งแต่วันแรกที่แกมาทำงาน
แรกๆที่ราเยวัชมาทำทีมเราเข้าใจได้ว่าตอนนั้นนอกจากเกมรับที่แน่นขึ้นแล้วยังมองอะไรไม่ค่อยออก ยิ่งประจวบเหมาะกับการเปลี่ยนทรงบอลเป็นหนังคนละม้วนจากบอลเน้นบุกสวยงามมาเป็นเน้นรับไม่เสีย บุกไม่ได้ก็ไม่เสียไว้ก่อน นั่นเราก็เข้าใจได้ว่าแฟนๆทั่วไป อันนี้ดูจากลุงป้าย่ายายที่นั่งดูหน้าจออยู่ที่บ้านเค้ารู้สึกว่ามันแย่ลงเพราะเหมือนละคร ep.1 กับ 2 มันต่างกันมาก คนทั่วไปจะบ่นก็ไม่แปลกแต่ก็ได้ยินสื่อบ่นหนาหูว่าไร้อนาคตเราเลยงงว่าเค้าไม่รู้หรอว่าโจทย์แรกคือแก้เกมรับก่อน
ตัดมาที่คิงส์คัพเริ่มเห็นว่ามีการพยายามบุกมากขึ้นในนัดแรกแต่ก็ยังเน้นรัดกุมก่อนเพราะต้องการเข้าชิง เราก็ยังเห็นสื่อบ่น ในที่นี้คือเราเปิดคลื่นกีฬาในรถตลอด ผู้จัดรายการก็คอลัมนิสต์มีชื่อแต่ก็ยังแขวะแกเรื่อยๆคำพูดที่ใช้คือชอบย้ำว่า "ต่างกับโค้ชซิโก้ตรงไหน" "ตอนนั้นซิโก้ก็แบบนี้แล้วกลายเป็นแพะ" อันนี้ quote คำพูดมาให้เลยนะเดี๋ยวหาว่าบิด
เอาจริงๆนะคนเป็นสื่อพูดแบบนี้คือไม่ดีกับทั้งโค้ชในอดีตและคนปัจจุบันที่ยังอยู่ในหน้าที่เพราะถึงแม้ว่าระบบจัดตัวระบบเปลี่ยนตัวจะมาแนวเดียวกันแต่รายละเอียดการเล่นนี่ต่างกันแบบดูไม่เป็นยังรู้อ่ะ แล้วประเด็นที่มีปัญหาไม่ใช่แค่เรื่องผลงานรู้กันทั้งนั้นหรือเค้าแกล้งความจำเลอะเลือน งงในงง คือเรื่องโค้ชซิโก้ควรจบแล้วไงพอไปเขี่ยไฟมันก็ปะทุ แทนที่จะช่วยสร้างความชอบธรรมให้กลายเป็นไปซ้ำเติมแทนเพราะคนก็จะรื้อฟื้นเรื่องเก่าขึ้นมา
พอมานัดสองด้วยชื่อชั้นของสโลวาเกียด้วยผลที่ตามอยู่มันบีบให้เราต้องบุก ราเยวัชต้องออกจากเซฟโซนที่แกเคยอยู่ต้องให้ทีมเล่นเกมบุกซึ่งเกมรับเราก็ว่ายังทำได้ดีพอตัวนะคะ บุกก็ตามสภาพนักเตะออกอ่าวมั่งไรมั่ง ส่วนสามลูกที่เสียนี่ต้องยอมรับฝีเท้าและคลาสคู่แข่งรวมทั้งเข้าใจเลเวลนักเตะเราด้วย ถือว่าเสียแบบมีจุดอ่อนที่มองเห็นว่าต้องแก้แต่ก็ถือว่ายอมรับได้ว่าเค้าเหนือกว่าเราก็อ่อนกว่าเค้าจริงๆ สมควรได้
แต่ๆๆๆ นักข่าวกีฬา (บางท่าน) ก็เขียนกระทู้วิจารณ์ซึ่งวิจาร์ณแบบทำไมตอนโค้ชท่านเดิมเราไม่เคยอ่านแบบนี้เลย สอนบอลโค้ชเป็นฉากๆ นี่ไม่ดีนั่นไม่ดี ถ้ายังเป็นแบบนี้เราคงได้แค่นี้แหละ... จริงๆค่อนข้างผิดหวังแหละเพราะท่านนี้เราก็ชอบอยู่มาก ไม่ได้ผิดหวังที่วิจารณ์นะผิดหวังที่เลือกปฏิบัติ
ประเด็นของเราคือสื่อกีฬาบางคนทำงานแบบแฝงอคติจนเห็นชัดไป ตอนโค้ชท่านเดิมเหมือนสนิทสนมรู้จักกัน นอกสนามก็เรียกกันพี่น้องเจอกันบ่อยๆ พูดภาษาเดียวกันหรือแม้แต่มีผลประโยชน์ร่วมกันจากการได้เวลาทำข่าวเยอะ มีแฟนเซอร์วิสโชว์ซิกแพ็คแช่น้ำทำสกู๊ปนู่นนี่ได้เยอะเลยเงียบเป็นสากกะเบือกันหมดหรือเปล่า จำได้ว่านัดอิรักในตำนานที่เหลือ 9 คนนั่นหาบทวิจารณ์จากสื่อไทยแทบไม่มี มีแต่บ่นงึมงำเล็กๆและแก้แทนอีกหน่อยแล้วตบท้ายด้วยให้กำลังใจ ส่วนที่วิจารณ์ตรงๆมีแต่พวกพลีชีพในพันทิพกับบอร์ดบอลอื่นๆและก็คอลัมน์ของจอห์น เดอเด้น ที่เคยเขียนอวยมาก่อนด้วยซ้ำ
ส่วนโค้ชราเยวัชนี่คือไม่สนิทเค้าไม่ค่อยให้เกาะติดเขียนยังไงพูดไงก็ได้เค้าคงไม่รู้เรื่องเจอกันก็ไม่ได้พูดภาษาเดียวกันอยู่แล้วเลยใส่เต็มได้หรือว่าอะไร
เราไม่ได้ว่าว่าห้ามวิจารณ์ผลงานโค้ชนะคะ บทวิจารณ์ชอบอ่านแค่กำลังบอกว่าตอนโค้ชเดิมเหมือน 0 เขียน 1, 1 เขียน 2, -2 เขียน 0 แต่อีกคนคะแนนก็จะลงต่ำหน่อยๆ คล้ายๆจิตพิสัยไม่ดีโดยใช้ความสัมพันธ์นอกเหนือจากการเป็นโค้ชกับนักข่าวมาทำให้มีผล
ที่ชวนคุยนี่ก็เพราะเราพูดกันหลายประเด็นแล้วเรื่องบอลเหลือประเด็นเรื่องคนที่ต้องทำหน้าที่สื่อสาร ที่พูดนี่เพราะกลัวว่าพอใช้โค้ชไทยก็ไม่ค่อยกล้าวิจารณ์เพราะเกรงใจกันพอโค้ชนอกกลับพูดตรงได้ บอลทีมชาติจะติเพื่อก่อมันก็ต้องเสมอภาคถ้าอยากให้พัฒนาจริงๆ นี่พูดเผื่อนะสมมติในอนาคตได้โค้ชไทยมาอีกแล้วผลงานไม่ดีแล้วเงียบกันอีกเงี้ย มันก็ไม่ดีถูกมั้ย
เขียนมาจะหาว่าว่าอย่างเดียว ที่ขอชมก็ยกมาสองเพจละกันซึ่งไม่ใช่สื่อหลัก เพจแรกก็จอน จริงๆจอนก็เขียนให้สมาคมและเพจหลักอื่นๆอีกด้วยแต่บางงานที่เขียนส่วนตัวเค้าก็สื่อได้ดีนะคะ อาจจะออกแนวบวกนิดๆแต่อันที่ติตรงจุดก็มีให้เห็นแค่จะเน้นแบบไม่รุนแรง อีกอันก็เพจเกรียนบอลไทย อันนี้เหมือนเราๆแหละ กากก็ว่ากากดีก็ว่าดี บางทีก็แซะเอาฮาบ้างเอาจริงบ้าง
ส่วนท่านอื่นมีประเด็นไหนเกี่ยวกับสื่อมั้ยคะอยากฟัง
ชวนคุยเรื่องท่าทีของสื่อฟุตบอลไทยช่วงนี้
เรามีข้อสังเกตุอย่างหนึ่งว่าสื่อบางส่วนมีท่าทีไม่เป็นบวกกับโค้ชราเยวัชเท่าไหร่ ถ้าเทียบเป็นแกนกราฟมันก็จะวิ่งอยู่แถวติดลบ สูงสุดก็แตะเลขศูนย์ได้แค่นั้น นี่คือความรู้สึกจากการสังเกตุของเราเองตั้งแต่วันแรกที่แกมาทำงาน
แรกๆที่ราเยวัชมาทำทีมเราเข้าใจได้ว่าตอนนั้นนอกจากเกมรับที่แน่นขึ้นแล้วยังมองอะไรไม่ค่อยออก ยิ่งประจวบเหมาะกับการเปลี่ยนทรงบอลเป็นหนังคนละม้วนจากบอลเน้นบุกสวยงามมาเป็นเน้นรับไม่เสีย บุกไม่ได้ก็ไม่เสียไว้ก่อน นั่นเราก็เข้าใจได้ว่าแฟนๆทั่วไป อันนี้ดูจากลุงป้าย่ายายที่นั่งดูหน้าจออยู่ที่บ้านเค้ารู้สึกว่ามันแย่ลงเพราะเหมือนละคร ep.1 กับ 2 มันต่างกันมาก คนทั่วไปจะบ่นก็ไม่แปลกแต่ก็ได้ยินสื่อบ่นหนาหูว่าไร้อนาคตเราเลยงงว่าเค้าไม่รู้หรอว่าโจทย์แรกคือแก้เกมรับก่อน
ตัดมาที่คิงส์คัพเริ่มเห็นว่ามีการพยายามบุกมากขึ้นในนัดแรกแต่ก็ยังเน้นรัดกุมก่อนเพราะต้องการเข้าชิง เราก็ยังเห็นสื่อบ่น ในที่นี้คือเราเปิดคลื่นกีฬาในรถตลอด ผู้จัดรายการก็คอลัมนิสต์มีชื่อแต่ก็ยังแขวะแกเรื่อยๆคำพูดที่ใช้คือชอบย้ำว่า "ต่างกับโค้ชซิโก้ตรงไหน" "ตอนนั้นซิโก้ก็แบบนี้แล้วกลายเป็นแพะ" อันนี้ quote คำพูดมาให้เลยนะเดี๋ยวหาว่าบิด
เอาจริงๆนะคนเป็นสื่อพูดแบบนี้คือไม่ดีกับทั้งโค้ชในอดีตและคนปัจจุบันที่ยังอยู่ในหน้าที่เพราะถึงแม้ว่าระบบจัดตัวระบบเปลี่ยนตัวจะมาแนวเดียวกันแต่รายละเอียดการเล่นนี่ต่างกันแบบดูไม่เป็นยังรู้อ่ะ แล้วประเด็นที่มีปัญหาไม่ใช่แค่เรื่องผลงานรู้กันทั้งนั้นหรือเค้าแกล้งความจำเลอะเลือน งงในงง คือเรื่องโค้ชซิโก้ควรจบแล้วไงพอไปเขี่ยไฟมันก็ปะทุ แทนที่จะช่วยสร้างความชอบธรรมให้กลายเป็นไปซ้ำเติมแทนเพราะคนก็จะรื้อฟื้นเรื่องเก่าขึ้นมา
พอมานัดสองด้วยชื่อชั้นของสโลวาเกียด้วยผลที่ตามอยู่มันบีบให้เราต้องบุก ราเยวัชต้องออกจากเซฟโซนที่แกเคยอยู่ต้องให้ทีมเล่นเกมบุกซึ่งเกมรับเราก็ว่ายังทำได้ดีพอตัวนะคะ บุกก็ตามสภาพนักเตะออกอ่าวมั่งไรมั่ง ส่วนสามลูกที่เสียนี่ต้องยอมรับฝีเท้าและคลาสคู่แข่งรวมทั้งเข้าใจเลเวลนักเตะเราด้วย ถือว่าเสียแบบมีจุดอ่อนที่มองเห็นว่าต้องแก้แต่ก็ถือว่ายอมรับได้ว่าเค้าเหนือกว่าเราก็อ่อนกว่าเค้าจริงๆ สมควรได้
แต่ๆๆๆ นักข่าวกีฬา (บางท่าน) ก็เขียนกระทู้วิจารณ์ซึ่งวิจาร์ณแบบทำไมตอนโค้ชท่านเดิมเราไม่เคยอ่านแบบนี้เลย สอนบอลโค้ชเป็นฉากๆ นี่ไม่ดีนั่นไม่ดี ถ้ายังเป็นแบบนี้เราคงได้แค่นี้แหละ... จริงๆค่อนข้างผิดหวังแหละเพราะท่านนี้เราก็ชอบอยู่มาก ไม่ได้ผิดหวังที่วิจารณ์นะผิดหวังที่เลือกปฏิบัติ
ประเด็นของเราคือสื่อกีฬาบางคนทำงานแบบแฝงอคติจนเห็นชัดไป ตอนโค้ชท่านเดิมเหมือนสนิทสนมรู้จักกัน นอกสนามก็เรียกกันพี่น้องเจอกันบ่อยๆ พูดภาษาเดียวกันหรือแม้แต่มีผลประโยชน์ร่วมกันจากการได้เวลาทำข่าวเยอะ มีแฟนเซอร์วิสโชว์ซิกแพ็คแช่น้ำทำสกู๊ปนู่นนี่ได้เยอะเลยเงียบเป็นสากกะเบือกันหมดหรือเปล่า จำได้ว่านัดอิรักในตำนานที่เหลือ 9 คนนั่นหาบทวิจารณ์จากสื่อไทยแทบไม่มี มีแต่บ่นงึมงำเล็กๆและแก้แทนอีกหน่อยแล้วตบท้ายด้วยให้กำลังใจ ส่วนที่วิจารณ์ตรงๆมีแต่พวกพลีชีพในพันทิพกับบอร์ดบอลอื่นๆและก็คอลัมน์ของจอห์น เดอเด้น ที่เคยเขียนอวยมาก่อนด้วยซ้ำ
ส่วนโค้ชราเยวัชนี่คือไม่สนิทเค้าไม่ค่อยให้เกาะติดเขียนยังไงพูดไงก็ได้เค้าคงไม่รู้เรื่องเจอกันก็ไม่ได้พูดภาษาเดียวกันอยู่แล้วเลยใส่เต็มได้หรือว่าอะไร
เราไม่ได้ว่าว่าห้ามวิจารณ์ผลงานโค้ชนะคะ บทวิจารณ์ชอบอ่านแค่กำลังบอกว่าตอนโค้ชเดิมเหมือน 0 เขียน 1, 1 เขียน 2, -2 เขียน 0 แต่อีกคนคะแนนก็จะลงต่ำหน่อยๆ คล้ายๆจิตพิสัยไม่ดีโดยใช้ความสัมพันธ์นอกเหนือจากการเป็นโค้ชกับนักข่าวมาทำให้มีผล
ที่ชวนคุยนี่ก็เพราะเราพูดกันหลายประเด็นแล้วเรื่องบอลเหลือประเด็นเรื่องคนที่ต้องทำหน้าที่สื่อสาร ที่พูดนี่เพราะกลัวว่าพอใช้โค้ชไทยก็ไม่ค่อยกล้าวิจารณ์เพราะเกรงใจกันพอโค้ชนอกกลับพูดตรงได้ บอลทีมชาติจะติเพื่อก่อมันก็ต้องเสมอภาคถ้าอยากให้พัฒนาจริงๆ นี่พูดเผื่อนะสมมติในอนาคตได้โค้ชไทยมาอีกแล้วผลงานไม่ดีแล้วเงียบกันอีกเงี้ย มันก็ไม่ดีถูกมั้ย
เขียนมาจะหาว่าว่าอย่างเดียว ที่ขอชมก็ยกมาสองเพจละกันซึ่งไม่ใช่สื่อหลัก เพจแรกก็จอน จริงๆจอนก็เขียนให้สมาคมและเพจหลักอื่นๆอีกด้วยแต่บางงานที่เขียนส่วนตัวเค้าก็สื่อได้ดีนะคะ อาจจะออกแนวบวกนิดๆแต่อันที่ติตรงจุดก็มีให้เห็นแค่จะเน้นแบบไม่รุนแรง อีกอันก็เพจเกรียนบอลไทย อันนี้เหมือนเราๆแหละ กากก็ว่ากากดีก็ว่าดี บางทีก็แซะเอาฮาบ้างเอาจริงบ้าง
ส่วนท่านอื่นมีประเด็นไหนเกี่ยวกับสื่อมั้ยคะอยากฟัง