ฉากและชีวิต, Scene and Life (บุญส่ง นาคภู่, 2018) คะแนน B+
By Form Corleone
"เรื่องราวในชนบทที่ไม่สวยงามเหมือนฝันที่วาดไว้" ภาพยนตร์ของคุณสืบ (บุญส่ง นาคภู่) ส่วนใหญ่มักจะหยิบยกประเด็นปัญหาของคนชนบทมานำเสนอให้คนเมืองเข้าใจชีวิตของคนชนบทมากขึ้น หรือมองเห็นความแตกต่างในวิถีชีวิตและปัญหาที่คนชนบทพบเจอในมุมที่คนเมืองไม่มีทางได้ประสบเห็น เรื่องราวใน 'ฉากและชีวิต' เต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่ถูกสะท้อนออกมาผ่านเรื่องแต่งผสมเรื่องจริง ดำเนินเรื่องราวของผู้คนในชนบทอย่างเนิบช้า และนำเสนอให้แง่มุมของการตีความจากข้อความที่ตัวผู้กำกับต้องการนำเสนออย่างไม่ตรงไปตรงมามากนัก เนื้อเรื่องของภาพยนตร์เรื่องนี้จึงไม่อาจบอกเล่าได้เพียงหนึ่งย่อหน้า เพราะประเด็นต่างๆของคนชนบทนั้นกินความยาวและผสมปัญหามากมายซึ่งคงจะเยอะกว่าสิ่งที่หนังเพียงเลือกหยิบมานำเสนออย่างแน่นอน ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงเป็นเพียงเรื่องเล่าสะท้อนปัญหาให้เราตระหนักถึงผู้คนในดินแดนอันห่างไกลความเจริญและไม่หลงลืมรากเหง้าในความเป็นคนชนบทของคนที่มาตามหาความฝันในเมืองหลวง หรือมาหาเงินเพื่อส่งกลับไปให้คนในครอบครัว
สิ่งที่ชอบและโดดเด่นนอกจากเนื้อเรื่องและสาระประเด็นที่ตัวภาพยนตร์ต้องการมอบให้(ในความแตกต่างของภาพยนตร์ไทย) งานภาพของ 'ฉากและชีวิต' สามารถพาให้เราร่วมรับอารมณ์ความรู้สึกต่อผลกระทบต่างๆที่ตัวภาพยนตร์เลือกหยิบยกมาถ่ายทอดได้อย่างสวยงามผสมโทนของความเศร้าหมอง ความเรียบง่ายในวิธีจัดวางองค์ประกอบให้เรามองเห็นชีวิตชนบทในแบบที่เป็นไป ทั้งบริบทสภาพความเป็นอยู่ โรงเรียน บ้านเรือน หรือกระทั่งชีวิตผู้คน หลายๆฉากของภาพยนตร์เรื่องนี้สามารถสะท้อนปัญหาและพาเราร่วมกันตั้งคำถามต่อชีวิตคนชนบทที่ไม่ได้สวยงามหรือมีชีวิตสุขสบายอย่างที่ใครๆคิดกัน ยังมีผู้คนชนบทอีกมากมายที่ต้องดิ้นร้นเอาชีวิตรอดไปในหนึ่งวันโดยไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะต้องพบเจอกับอะไรบ้าง 'ชนบทจึงไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด' สิ่งต่างๆเหล่านี้จึงทำให้งานภาพและงานฉากสะท้อนชีวิตออกมาได้ตามชื่อเรื่องอย่างไม่ต้องสงสัย แม้ว่าบทภาพยนตร์หรือไดอะล็อกภายในเรื่องจะดูไม่ค่อยเป็นธรรมชาติอยู่ก็ตาม ความดีอีกส่วนหนึ่งคือ 'ฉากและชีวิต' เป็นทางเลือกในการเล่าเรื่องของวงการภาพยนตร์ไทย จึงต้องขอบคุณผู้กำกับและทีมงานที่พยายามเล่าเรื่องที่แตกต่าง พยายามผลิตผลงานทางเลือกให้คนรักการชมภาพยนตร์ได้เปิดมุมมองและต่อยอดความคิด เพราะเราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าภาพยนตร์แบบนี้คงไม่มีทางเลยที่จะได้กำไรมากมายหรืออาจจะขาดทุนด้วยซ้ำไป
อย่างไรก็ตาม เรามีห้วงเวลานึกถึงชีวิตในชนบทช่วงสมัยเด็กๆและวัยรุ่นก่อนจะเข้ามาเรียนในมหาลัยและทำงานในกรุงเทพฯ ความคิดอยากกลับไปพัฒนาบ้านเกิดตัวเองนั้นยังดำรงอยู่เสมอและยังอยากกลับไปใช้ชีวิตในชนบทอยู่เหมือนเดิม แม้ว่าชนบทที่เราอยู่จะไม่ได้โหดร้ายและน่าเศร้าใจเหมือนในเรื่อง แต่ก็มีส่วนที่ละม้ายและคล้ายอยู่ไม่ต่างกัน แง่มุมหนึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้จึงเปรียบเสมือนเครื่องมือบันทึกประวัติศาสตร์ของผู้คนในชนบทอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะส่วนหนึ่งตัวหนังเองได้ทำหน้าที่เก็บบันทึกความทรงจำและสถานที่อย่างตรงไปตรงมา ดังนั้นแล้ว 'ฉากและชีวิต' จึงได้ทำหน้าที่ในการบอกเล่าเรื่องราวชีวิตคนชนบทของประเทศไทย ทำให้เราตระหนักถึงชีวิตที่มีช่องว่างห่างกันมากเกินกว่าที่จะเชื่อมได้ถึง ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงเป็นเครื่องมือในการเชื่อมความห่างเหล่านั้นให้เราเข้าใจคนบ้านนอกในต่างถิ่นต่างที่มากยิ่งขึ้น แม้ว่าเราจะช่วยให้คนเหล่านี้มีชีวิตที่ดีขึ้นไปจากเดิมไม่ได้ แต่อย่างน้อยๆเรื่องราวของพวกเขาก็ได้ถูกบอกเล่าและถูกบันทึกเก็บไว้...ไม่ได้หายไปไหน...ในสังคมประเทศไทย...
ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์ครับ
ตัวอย่างหนัง
ดูรอบฉายที่เพจ
https://www.facebook.com/plapenfilmstudio/ หมดรอบฉายจากลิโด้ น่าจะไปฉายที่อื่นต่อครับ
ติดตามรีวิวภาพยนตร์ได้ที่
Page:
https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog:
http://moviesdelightclub.blogspot.com/
Review: ฉากและชีวิต, Scene and Life (บุญส่ง นาคภู่, 2018) เขียนโดย Form Corleone
By Form Corleone
"เรื่องราวในชนบทที่ไม่สวยงามเหมือนฝันที่วาดไว้" ภาพยนตร์ของคุณสืบ (บุญส่ง นาคภู่) ส่วนใหญ่มักจะหยิบยกประเด็นปัญหาของคนชนบทมานำเสนอให้คนเมืองเข้าใจชีวิตของคนชนบทมากขึ้น หรือมองเห็นความแตกต่างในวิถีชีวิตและปัญหาที่คนชนบทพบเจอในมุมที่คนเมืองไม่มีทางได้ประสบเห็น เรื่องราวใน 'ฉากและชีวิต' เต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่ถูกสะท้อนออกมาผ่านเรื่องแต่งผสมเรื่องจริง ดำเนินเรื่องราวของผู้คนในชนบทอย่างเนิบช้า และนำเสนอให้แง่มุมของการตีความจากข้อความที่ตัวผู้กำกับต้องการนำเสนออย่างไม่ตรงไปตรงมามากนัก เนื้อเรื่องของภาพยนตร์เรื่องนี้จึงไม่อาจบอกเล่าได้เพียงหนึ่งย่อหน้า เพราะประเด็นต่างๆของคนชนบทนั้นกินความยาวและผสมปัญหามากมายซึ่งคงจะเยอะกว่าสิ่งที่หนังเพียงเลือกหยิบมานำเสนออย่างแน่นอน ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงเป็นเพียงเรื่องเล่าสะท้อนปัญหาให้เราตระหนักถึงผู้คนในดินแดนอันห่างไกลความเจริญและไม่หลงลืมรากเหง้าในความเป็นคนชนบทของคนที่มาตามหาความฝันในเมืองหลวง หรือมาหาเงินเพื่อส่งกลับไปให้คนในครอบครัว
สิ่งที่ชอบและโดดเด่นนอกจากเนื้อเรื่องและสาระประเด็นที่ตัวภาพยนตร์ต้องการมอบให้(ในความแตกต่างของภาพยนตร์ไทย) งานภาพของ 'ฉากและชีวิต' สามารถพาให้เราร่วมรับอารมณ์ความรู้สึกต่อผลกระทบต่างๆที่ตัวภาพยนตร์เลือกหยิบยกมาถ่ายทอดได้อย่างสวยงามผสมโทนของความเศร้าหมอง ความเรียบง่ายในวิธีจัดวางองค์ประกอบให้เรามองเห็นชีวิตชนบทในแบบที่เป็นไป ทั้งบริบทสภาพความเป็นอยู่ โรงเรียน บ้านเรือน หรือกระทั่งชีวิตผู้คน หลายๆฉากของภาพยนตร์เรื่องนี้สามารถสะท้อนปัญหาและพาเราร่วมกันตั้งคำถามต่อชีวิตคนชนบทที่ไม่ได้สวยงามหรือมีชีวิตสุขสบายอย่างที่ใครๆคิดกัน ยังมีผู้คนชนบทอีกมากมายที่ต้องดิ้นร้นเอาชีวิตรอดไปในหนึ่งวันโดยไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะต้องพบเจอกับอะไรบ้าง 'ชนบทจึงไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด' สิ่งต่างๆเหล่านี้จึงทำให้งานภาพและงานฉากสะท้อนชีวิตออกมาได้ตามชื่อเรื่องอย่างไม่ต้องสงสัย แม้ว่าบทภาพยนตร์หรือไดอะล็อกภายในเรื่องจะดูไม่ค่อยเป็นธรรมชาติอยู่ก็ตาม ความดีอีกส่วนหนึ่งคือ 'ฉากและชีวิต' เป็นทางเลือกในการเล่าเรื่องของวงการภาพยนตร์ไทย จึงต้องขอบคุณผู้กำกับและทีมงานที่พยายามเล่าเรื่องที่แตกต่าง พยายามผลิตผลงานทางเลือกให้คนรักการชมภาพยนตร์ได้เปิดมุมมองและต่อยอดความคิด เพราะเราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าภาพยนตร์แบบนี้คงไม่มีทางเลยที่จะได้กำไรมากมายหรืออาจจะขาดทุนด้วยซ้ำไป
อย่างไรก็ตาม เรามีห้วงเวลานึกถึงชีวิตในชนบทช่วงสมัยเด็กๆและวัยรุ่นก่อนจะเข้ามาเรียนในมหาลัยและทำงานในกรุงเทพฯ ความคิดอยากกลับไปพัฒนาบ้านเกิดตัวเองนั้นยังดำรงอยู่เสมอและยังอยากกลับไปใช้ชีวิตในชนบทอยู่เหมือนเดิม แม้ว่าชนบทที่เราอยู่จะไม่ได้โหดร้ายและน่าเศร้าใจเหมือนในเรื่อง แต่ก็มีส่วนที่ละม้ายและคล้ายอยู่ไม่ต่างกัน แง่มุมหนึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้จึงเปรียบเสมือนเครื่องมือบันทึกประวัติศาสตร์ของผู้คนในชนบทอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะส่วนหนึ่งตัวหนังเองได้ทำหน้าที่เก็บบันทึกความทรงจำและสถานที่อย่างตรงไปตรงมา ดังนั้นแล้ว 'ฉากและชีวิต' จึงได้ทำหน้าที่ในการบอกเล่าเรื่องราวชีวิตคนชนบทของประเทศไทย ทำให้เราตระหนักถึงชีวิตที่มีช่องว่างห่างกันมากเกินกว่าที่จะเชื่อมได้ถึง ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงเป็นเครื่องมือในการเชื่อมความห่างเหล่านั้นให้เราเข้าใจคนบ้านนอกในต่างถิ่นต่างที่มากยิ่งขึ้น แม้ว่าเราจะช่วยให้คนเหล่านี้มีชีวิตที่ดีขึ้นไปจากเดิมไม่ได้ แต่อย่างน้อยๆเรื่องราวของพวกเขาก็ได้ถูกบอกเล่าและถูกบันทึกเก็บไว้...ไม่ได้หายไปไหน...ในสังคมประเทศไทย...
ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์ครับ
ตัวอย่างหนัง
ดูรอบฉายที่เพจ https://www.facebook.com/plapenfilmstudio/ หมดรอบฉายจากลิโด้ น่าจะไปฉายที่อื่นต่อครับ
ติดตามรีวิวภาพยนตร์ได้ที่
Page: https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog: http://moviesdelightclub.blogspot.com/