[CR] +.+.+ลุยเดี่ยวเที่ยวตอนตกกงาน จาก USA ถึง PERU+.+.+ (DAY27: SANTA ANA VOLCANO (EL SALVADOR))

ดูลิงก์ของทุกตอน (ที่เขียนเสร็จแล้ว) ได้ตามด้านล่างเลยค่ะ
+.+.+ลุยเดี่ยวเที่ยวตอนตกกงาน 72 วัน จาก USA ถึง PERU+.+.+
https://ppantip.com/topic/37467736


อย่าเรียกว่าตื่น ต้องเรียกว่า “ขุด” ตัวเองออกจากเตียง เพราะวันนี้เราต้องไปปีนภูเขาไฟ (ลูกย่อมๆ ) กัน

จากข้อมูลที่ Guesthouse ให้มา เราต้องนั่งรถสาย 51D มาลงที่ Terminal เหมือนเดิม แล้วหารถ La Vencedora เพื่อไปถึงปากทางขึ้นภูเขาไฟ แต่มันมีข้อจำกัดที่ว่าเราจะเดินขึ้นเขาเองไม่ได้ ต้องมีไกด์ และไกด์มีวันละรอบคือ 11 โมง ส่วนรถสายนี้ก็มีเป็นรอบๆ เหมือนกัน คือ 7:30น. 9:30 น.จากนั้นก็เป็นเที่ยง เพราะฉะนั้นเที่ยวที่เราจะไปได้ทันเพียงเที่ยวเดียวคือรอบ 7:30 น. การออกมารอรถสาย 51D วันนี้ที่ผ่านไป 20 นาทีก็ไม่มา ทำให้เราเรียนรู้ว่า สายอะไรที่เขียนว่า Terminal ก็ไปๆ เหอะ มันผ่านหมด ไม่ต้องรอ 51D!

ถึงสถานีแล้วเดินวนหา เหมือนทุกคนชี้ถอยกลับมาด้านหลัง เพราะท่ารถสายนี้มันเป็นตึกบริษัทโดดๆ ใกล้ๆ กับ Super Seloctos (ซุปเปอร์มาร์เก็ต) พอเข้าไปแล้วก็ต่อแถวซื้อตั๋วราคา 0.91USD ตั๋วที่ได้มาหน้าตาก็เหมือนรถเมล์ทั่วไป จนถึงเวลารถก็ยังไม่ออก กว่าจะออกก็เกือบ 8 โมงแล้ว

เรานอนยาวๆ แบบไม่ลืมหูลืมตาดูทาง พอตื่นอีกทีเห็นป้าย Volcano แล้วก็มีป้ายโรงแรม El Tibet ที่เมื่อคืนคนอินเดียนบอกว่ามาเริ่มปีนที่ตรงนี้แหละ เราเลยรีบกระโดดลง แล้วไปถามคนแถวนั้น สรุปคือไม่มีใครให้เรารอตรงนี้หรือขึ้นเขาจากตรงนี้ ต้องเดินไปจนถึงทางเข้าอุทยาน ซึ่งห่างไปอีก 2 กม. กว่าๆ

ระยะนี้เป็นระยะเดินได้ แต่การเดินขึ้นเขาระยะนี้ แล้วมีเวลาจำกัดแค่ 1 ชั่วโมง บอกตัวเองเลยว่า ยังไงก็ไม่ทัน! ในช่วงหดหู่ของชีวิต ได้ยินเสียงรถมาจากด้านหลังรีบหันขวับไปมอง ถลกขากางเกง จิกปลายเท้า โชว์ขาอ่อน พร้อมโบกสะบัดผ้าเช็ดหน้า รถเลยผ่านไปอย่างไม่ไยดี แล้วเบรคเอี๊ยดห่างไปอีก 200 เมตร (รถน่าจะสะดุดความสวยแบบ Delay) เค้ายอมให้เราติดรถขึ้นไปที่หน้าอุทยาน แล้วจอดให้เราจ่ายเงินค่าเข้า USD3  แล้วเราต้องเดินขึ้นไปด้านบนเพื่อไปจ่ายเงินไกด์ แต่ก่อนถึงจะมีจุดชมวิวให้ถ่ายวิวสวยๆ

เสร็จแล้วเราก็เดินไปที่ซุ้มไกด์ได้เลย แต่ยังทำอะไรไม่ได้ต้องรอจน 10.45น. รอให้ไกด์มาบรีฟ แล้วไกด์น่ารักมาค่ะบรีฟเป็นภาษาสเปนอย่างยาว แล้วหัวดำตาตี่อย่างชั้นจะฟังออกมั๊ยคะ? รอค่ะ...รอให้พูดจนจบแล้วขอให้เค้าพูดอังกฤษอีกรอบ ไกด์ตอบมาอย่างทันควัน “ภาษาอังกฤษของผมแย่มาก” เอิ่ม....งั้นเอาแค่ Key Point ง่ายๆ เลยละกัน คำสรุปที่ได้มาคือ เราจะต้องจ่ายเงิน USD1 ค่าไกด์ แล้วเดี๋ยวจะเริ่มเดิน อ่า...ใจความสำคัญคือการจ่ายเงินแค่นี้นะ????

ตอนที่บรีฟนี่คือมีกัน 5 คน เค้าถามว่าจะเริ่มเดินจากตรงนี้หรือด้านล่าง ทุกคนก็พร้อมใจกันบอกว่าตรงนี้แหละ จะไปเริ่มทำไมด้านล่าง เดินๆ ไปก็เริ่มคุยกัน
คนลิทัวเนีย: “คนน้อยดีเน๊อะ 5 คนเอง เห็นรีวิวเค้าว่าคนเป็นร้อย
เรา: เมื่อวานคนอินเดียนก็บอกว่าเป็นร้อย หรือเพราะวันนี้ไม่ใช่วันหยุด?
สันนิฐานกับทริปที่ค่อนข้างไพรเวทกันไปต่างต่างนานา จากนั้นเราก็เริ่มเดินลงๆๆๆๆๆๆๆ เฮ้ย ภูเขาไฟบ้านไหนมันมีแต่ทางเดินลงอ่ะ เรานี่คิดในใจแต่คงดังมากไป ไปกระทบใจกลุ่มคนเมกันสูงอายุ
คนเมกัน: ทำไมมีแต่เดินลง ภูเขาไปดูด้านล่างเหรอ?
จนท: ตอนนี้เดินลงก่อน เดี๋ยวค่อยเดินขึ้น

เราเดินกันไปเรื่อยๆ จนเจอถนน!!!! แล้วเลี้ยวลงมาเจอ El Tibet จุดนี้ทุกคนยิ้มมุมปากพร้อมส่ายหัว
คนลิทัวเนีย: เมื่อเช้าก็มาที่นี่ ยังคิดอยู่เลยว่าใช่ที่นี่มั๊ย แล้วก็ขับต่อไป ถ้ารู้ว่าที่นี่จะได้จอดรอเลย
เรา: เมื่อเช้าก็ลงรถเมล์ผิด ลงตรงนี้เหมือนกัน แล้วคือต้องเดินขึ้นไปอีก 2 กม. เพื่อ?
คนเมกัน: พวกเราเซงกว่า เมื่อคืนเรานอนกันที่นี่ แล้วเราก็ขับรถกันขึ้นไปจอดข้างบน นี่ถ้าเดินจบแล้วก็ต้องเดินขึ้นไปเอารถอีก!!!
ทุกคนมี Story กับการที่เค้าพามาเริ่มเดินที่ El Tibet กันอย่างจริงจัง ตรงจุดนี้มันไม่ได้มีแค่เรา 5 คน แต่มีคนมาเยอะมากอย่างกับกรุ๊ปทัวร์ เท่าที่ดูๆ ไม่น่าต่ำกว่า 40 คน นอกจากไกด์แล้วยังมีตำรวจท่องเที่ยวตามเราไปด้วย และความผิดพลาดคือการแนะนำชื่อเล่นของตัวเองให้กับตำรวจท่องเที่ยว เพราะมันจำง่าย เรียกสะดวกเกินไป

จาก El Tibet จะเริ่มเดินขึ้นเขาประมาณ 15 นาที ก็จะมีถึงจุดจ่ายเงินอีก USD6 จริงๆ แล้วไม่เข้าใจว่าทำไมเราต้องไปจ่ายที่ USD3 ในเมืองตรวจตั๋วขึ้นเขาจริงๆ คือตรงนี้ เราว่าใครจะมาที่นี่ลองมาเนียนๆ ที่ El Tibet ตอนประมาณ 11 โมงดู อย่างมากน่าจะเสียแค่ค่าไกด์ ไม่ต้องเสีย USD3 ค่าเข้าด้านบน เราเดินตามหลังคนเมกัน 3 คน เค้าไม่ต้องเสีย เพราะอายุเกิน 60 ปี เราเลยเนียนๆ เกิน 60 ไปด้วย แต่เค้าไม่ยอมเชื่อ

เราเริ่มเดินขึ้นเขาตอนประมาณ 11 โมงครึ่ง แล้วปล่อยให้ทุกคนแซง (ตามสไตล์หนอนไต่เขา) พอเหนื่อย ขี้เกียจเดินก็ทำเป็นยกกล้องขึ้นมาถ่ายวิว แต่เอาจริงๆ ถือเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เพราะตอนขากลับหมอกลงจัดมาก มองไม่เห็นวิวอะไรเลย โชคดีที่ถ่ายตอนที่ขี้เกียจเดินช่วงขาขึ้น

ในช่วงเวลาที่คนอื่นขึ้นไปชื่นชมยอดภูเขาไฟกันหมดแล้ว เราก็.......มองเส้นทางชันๆ ที่บ่งบอกว่ามันใกล้จะถึงแล้วต่อไป

เราถึงด้านบนตอนประมาณบ่ายโมงสิบนาที ในขณะที่คนอื่นน่าจะถึงก่อนเราไม่ต่ำกว่า 20 นาที พอถึงแล้วจะรออะไร ถ่ายรูปสิคะ

จังหวะที่ขอให้คนเมกันถ่ายรูปให้ก็มีเสียงตะโกนมา “O, Watch your step!” พอกำลังลุกขึ้นมาแล้วเดินต่อไป “O, Don’t go there” เดี๋ยวๆ คนอื่นเค้าก็ไปกัน ทำไมชั้นจะไปไม่ได้??? “O, Be careful” จุดนี้อยากเปลี่ยนชื่อซะจริงๆ คนแถวนั้นรู้จักชั้นกันทุกคนแล้วมั๊ง เรามีเวลาสูดกำมะถันไม่ถึง 20 นาทีก็ถูกเรียกให้ลง แต่ไหนๆ ก็ขึ้นมาคนสุดท้าย ก็ขอลงเป็นคนสุดท้ายแล้วกัน

และเพราะลงเป็นคนสุดท้าย คุณตำรวจท่องเที่ยวเลยต้องมารอเราแบบห่างๆ อย่างห่วงๆ “Hey O, this way” พร้อมโบกไม้โบมือเรียก อีกสิบห้านาทีก็มาอีกระลอก “O, Follow the yellow rock” เจ้าค่ะ ดิฉันก็เดินก้มมองหาก้นหินสีเหลืองตลอดทางแหละค่ะ แต่ข้อเข่ามันไม่ดีเลยลงช้า “Hey, don’t go out from the route” โว้ยยยยย ชั้นสามสิบกว่า ไม่ใช่สามขวบนะเจ้าคะ!!! และสุดท้าย “เดินมาทางนี้” เดี๋ยวๆ ไอ้ที่เรียกให้ไปมันไม่ใช่ทางนะ “Shortcut น่ะ เดินมาทางนี้เลย” ทางปกติยังไม่รอด แล้ว shortcut จะลอดเหรอคะ? สุดท้ายจะทางปกติ หรือ shortcut เราก็ช้าอยู่ดี เค้าเลยทิ้งเราไปอย่างไม่ไยดี เราก็เดินต่อไปจนถึง El Tibet เจอคนเมกัน (เอารถเสร็จแล้ว) เรียกเราไปนั่งกินเบียร์ด้วยกัน เราเลยนั่งกินโค้กรอรถเมล์ เพราะรถเมล์มีเป็นรอบๆ รอบต่อไปคือ 4 โมงเย็น เราก็รอไปอีก 1 ชั่วโมงยาวๆ

ขากลับจ่ายอีก 0.9 เหรียญ แล้วพาตัวเองมาถึงในเมือง แรกๆ จะลงที่ Terminal แต่แบบไม่ละลงกลางทางแถวๆ ที่พักแล้วเดินเล่นชมเมืองก่อนแวะไปกินอาหารดีกว่า

สั่งแบบมั่วๆ แต่รสชาติก็ไม่แย่ ราคาก็ไม่แรงเกินไป

พรุ่งนี้คิดว่าจะไปไหนดี จะไป Flores อย่างที่ตั้งใจแต่แรก หรือจะเปลี่ยนไปชายหาดสีดำอย่าง Tungo ดีนะ
ชื่อสินค้า:   Santa Ana Volcano
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่