เริ่มแสดงให้เห็นแล้ว ทรัมป์แกกลัวเสียบัลลังก์รีบชิงโจมตีก่อน แต่ไม่ได้ผลหรอกนะ จีนโต้กลับจะหนาวว สุดท้ายก็เจรจา.. ขนาดเกาหลียังขู่จรวดกันไปมามีสงครามยิงจริงที่ไหน ปีที่แล้วหลอกเม่าทั่วโลกตกใจไปวันๆ เม่าเผลอทิ้งของเสร็จ ก็เจอดันนิวไฮ!! ส่วนเราเอเชีย ขอเชียร์จีนด้วยกัน จีนมหาอำนาจ กำลังซื้อมากที่สุดในโลก รายได้ท่องเที่ยวเราก็ได้จากจีน.. ต่อไปจีน เอเชียยิ่งใหญ่แบบนี้ แล้วพี่ไทยจะไปไหนได้ละครับ เพื่อนกันมีแต่ได้ๆๆๆ...

.............
สำนักวิจัย Center for Economics and Business Research (CEBR) ในกรุงลอนดอน ซึ่งมีชื่อเสียงในด้านการพยากรณ์ทางเศรษฐกิจได้แถลงผลการวิจัยเมื่อ 26 ธ.ค. 2017 โดยมีข้อสรุปสำคัญคือ เศรษฐกิจจีนจะมีขนาดใหญ่กว่าเศรษฐกิจสหรัฐ (วัดจากมูลค่า จีดีพี) ตั้งแต่ปี 2032 หรืออีกใน 14 ปี ข้างหน้า
นอกจากนั้นเราก็จะเห็นถึงความสำคัญ และความโดดเด่นที่ชัดเจนของทวีปเอเชียในเศรษฐกิจโลก กล่าวคือ จะมีประเทศเอเชียถึง 3 ประเทศ คือ จีน (ที่ 1) อินเดีย (ที่ 3) และญี่ปุ่น (ที่ 4) ซึ่งจะติดอันดับ 5 ประเทศ ที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก
สำหรับเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดของโลก 10 อันดับแรกนั้น ก็จะพบว่ามีประเทศเอเชีย ติดอันดับดังกล่าวถึง 5 ประเทศ (จีน, ญี่ปุ่น, อินเดีย, เกาหลีใต้ และ อินโดนีเซีย) ซึ่งประเทศที่ไต่อันดับมากที่สุด ในช่วง 2018-2032 คือ อินเดีย (จากที่ 7 เป็นที่ 3) เกาหลีใต้ (จากอันดับ 12 เป็นอันดับ 8) และ อินโดนีเซีย (จากอันดับ 16 เป็นอันดับ 10) ประเทศที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 11 คือ ออสเตรเลียซึ่งก็อยู่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเช่นกัน
ประเทศที่ความสำคัญทางเศรษฐกิจลดลงนั้น ได้แก่ประเทศพัฒนาแล้วทั้งหมด ซึ่งประเทศที่ตกอันดับมากที่สุดได้แก่ ฝรั่งเศส (จาก ที่ 5 เป็นที่ 9) อิตาลี (จากที่ 9 เป็นที่ 13) และแคนาดา(จากที่ 10 เป็นที่ 12)
นอกจากนั้น ผมมีข้อสังเกตว่าไม่มีการกล่าวถึงรัสเซีย ในเรื่องของขนาดของเศรษฐกิจเลย เพราะเศรษฐกิจของรัสเซียมีขนาดเล็กมาก (เล็กกว่าอิตาลี) ในขณะนี้
CEBE สรุปว่า “Russia’s economy is among those expected to perform least well between now and 2032” ซึ่งจะขัดกับความรู้สึกในเชิงของความมั่นคงระหว่างประเทศ และด้านการทหารว่ารัสเซียเป็นมหาอำนาจ แต่ในเชิงเศรษฐกิจโลกนั้น รัสเซียแทบจะไม่มีบทบาทเลยทั้งในปัจจุบันและในอนาคต
การที่เศรษฐกิจจีนจะมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และแซงหน้าสหรัฐในอีกไม่ถึง 15 ปีข้างหน้านั้น เป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะเมื่อมองในภาพรวมอีกมิติหนึ่งว่า เศรษฐกิจของทวีปเอเชียนั้นจะเป็นแกนนำหลักของเศรษฐกิจโลกอย่างสมบูรณ์แบบในอนาคตอันใกล้
แต่หากวัดจีดีพีโดยการคำนวณอำนาจซื้อจริง หรือที่เรียกว่า Purchasing power parity เอเชียอาจจะเข้าสู่สถานะดังกล่าวไปแล้ว เนื่องจากประเทศกำลังพัฒนานั้นมักจะมีจีดีพี คิดเป็นมูลค่าเงินดอลลาร์ต่ำกว่าอำนาจซื้อจริง เพราะในประเทศดังกล่าวราคาสินค้าและค่าบริการต่าง ๆ จะถูกกว่าประเทศพัฒนาแล้ว
หากประเมิน จีดีพีโดยใช้ PPP เป็นตัววัดแล้ว จีนและเอเชียนั้นเทียบเท่าหรือนำหน้าสหรัฐ และประเทศกลุ่ม จี 7 ไปแล้วในปัจจุบันไม่ต้องรอปี 2032 ด้วยซ้ำ

............ อ่านเพิ่มเติม ที่มา thaivi.org
สำนักวิจัยชื่อดังในอังกฤษบอก ..จีนจะแซงอเมริกา!! และ กลุ่มเอเชียจะขึ้นมาโดดเด่นในเวทีโลก!!
.............
สำนักวิจัย Center for Economics and Business Research (CEBR) ในกรุงลอนดอน ซึ่งมีชื่อเสียงในด้านการพยากรณ์ทางเศรษฐกิจได้แถลงผลการวิจัยเมื่อ 26 ธ.ค. 2017 โดยมีข้อสรุปสำคัญคือ เศรษฐกิจจีนจะมีขนาดใหญ่กว่าเศรษฐกิจสหรัฐ (วัดจากมูลค่า จีดีพี) ตั้งแต่ปี 2032 หรืออีกใน 14 ปี ข้างหน้า
นอกจากนั้นเราก็จะเห็นถึงความสำคัญ และความโดดเด่นที่ชัดเจนของทวีปเอเชียในเศรษฐกิจโลก กล่าวคือ จะมีประเทศเอเชียถึง 3 ประเทศ คือ จีน (ที่ 1) อินเดีย (ที่ 3) และญี่ปุ่น (ที่ 4) ซึ่งจะติดอันดับ 5 ประเทศ ที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก
สำหรับเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดของโลก 10 อันดับแรกนั้น ก็จะพบว่ามีประเทศเอเชีย ติดอันดับดังกล่าวถึง 5 ประเทศ (จีน, ญี่ปุ่น, อินเดีย, เกาหลีใต้ และ อินโดนีเซีย) ซึ่งประเทศที่ไต่อันดับมากที่สุด ในช่วง 2018-2032 คือ อินเดีย (จากที่ 7 เป็นที่ 3) เกาหลีใต้ (จากอันดับ 12 เป็นอันดับ 8) และ อินโดนีเซีย (จากอันดับ 16 เป็นอันดับ 10) ประเทศที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 11 คือ ออสเตรเลียซึ่งก็อยู่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเช่นกัน
ประเทศที่ความสำคัญทางเศรษฐกิจลดลงนั้น ได้แก่ประเทศพัฒนาแล้วทั้งหมด ซึ่งประเทศที่ตกอันดับมากที่สุดได้แก่ ฝรั่งเศส (จาก ที่ 5 เป็นที่ 9) อิตาลี (จากที่ 9 เป็นที่ 13) และแคนาดา(จากที่ 10 เป็นที่ 12)
นอกจากนั้น ผมมีข้อสังเกตว่าไม่มีการกล่าวถึงรัสเซีย ในเรื่องของขนาดของเศรษฐกิจเลย เพราะเศรษฐกิจของรัสเซียมีขนาดเล็กมาก (เล็กกว่าอิตาลี) ในขณะนี้
CEBE สรุปว่า “Russia’s economy is among those expected to perform least well between now and 2032” ซึ่งจะขัดกับความรู้สึกในเชิงของความมั่นคงระหว่างประเทศ และด้านการทหารว่ารัสเซียเป็นมหาอำนาจ แต่ในเชิงเศรษฐกิจโลกนั้น รัสเซียแทบจะไม่มีบทบาทเลยทั้งในปัจจุบันและในอนาคต
การที่เศรษฐกิจจีนจะมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และแซงหน้าสหรัฐในอีกไม่ถึง 15 ปีข้างหน้านั้น เป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะเมื่อมองในภาพรวมอีกมิติหนึ่งว่า เศรษฐกิจของทวีปเอเชียนั้นจะเป็นแกนนำหลักของเศรษฐกิจโลกอย่างสมบูรณ์แบบในอนาคตอันใกล้
แต่หากวัดจีดีพีโดยการคำนวณอำนาจซื้อจริง หรือที่เรียกว่า Purchasing power parity เอเชียอาจจะเข้าสู่สถานะดังกล่าวไปแล้ว เนื่องจากประเทศกำลังพัฒนานั้นมักจะมีจีดีพี คิดเป็นมูลค่าเงินดอลลาร์ต่ำกว่าอำนาจซื้อจริง เพราะในประเทศดังกล่าวราคาสินค้าและค่าบริการต่าง ๆ จะถูกกว่าประเทศพัฒนาแล้ว
หากประเมิน จีดีพีโดยใช้ PPP เป็นตัววัดแล้ว จีนและเอเชียนั้นเทียบเท่าหรือนำหน้าสหรัฐ และประเทศกลุ่ม จี 7 ไปแล้วในปัจจุบันไม่ต้องรอปี 2032 ด้วยซ้ำ