อเมริกาภายใต้ “คนบ้า” จะน่ากลัวกว่าเดิม....

หลายคนอาจคิดว่าอเมริกาภายใต้ ทรัมป์ คงจะหมดอิทธิพลลง เพราะไปตัดงบประมาณที่เอาไว้เผยแพร่ soft power โดยเฉพาะพวกค่านิยมประชาธิปไตย (ที่ชอบอ้าง) อีกทั้งยังทำตัวแปลกจากที่เคย โดยการขึ้นภาษีพันธมิตรตัวเอง ทั้ง แคนนาดา เม็กซิโก หรือ ขู่จะะขึ้นภาษีพันธมิตรในยุโรป และที่ขาดไม่ได้ ขึ้นภาษี “จีน” คู่แข่งที่อเมริกากลัวที่สุด
 
นอกจากนี้ อเมริกายังทำเหมือนจะเข้าข้างรัสเซีย เหมือนจะขู่ยูเครนเพื่อแร่หายาก ซึ่งยูเครนที่ยอมเป็นหมากให้กับอเมริกา หวังว่าเขาจะมาช่วยทำให้ประเทศตัวเองให้เจริญก้าวหน้า แต่พอนโยบายเปลี่ยน ยูเครนก็เป็นเพียงหมากที่หมดหนทางต่อรอง เพราะหากอเมริกาไม่ช่วย คงจะแพ้สงครามหรือเสียเปรียบรัสเซียในการทำสงครามมากขึ้น

การที่อเมริกาลงมติสนับสนุนรัสเซีย นอกจากอเมริกาแล้วยังมีอิสราเอลอีกประเทศ เดาได้ว่า จุดยืนของทั้งสองคือหากรัสเซียใช้กำลังทหารรุกรานคนอื่นได้ พอถึงคราวที่อเมริกาจะทำบ้าง ก็ย่อมทำได้ แบบนี้ทำให้อเมริกาน่ากลัวกว่าเดิม เพราะอเมริกาจะกลับกลายเป็นอเมริกาแบบในห้วงสงครามเย็น ที่ทำได้ทุกอย่างเพื่อประโยชน์ของประเทศตัวเอง

เมื่อพิจารณาอเมริกากับจีน จุดเด่นของจีนที่อเมริกายังสู้ไม่ได้ตอนนี้คือ อำนาจการผลิตที่แท้จริง ด้วยจีนได้รับอานิสงฆ์จากเงินทุนและเทคโนโลยีของตะวันตกที่ไปตั้งโรงงานในจีน จนทำให้จีนซึมซับและพัฒนามาเป็นจีนในปัจจุบัน ในขณะที่อเมริกามัวแต่หลงระเริงกับอำนาจทางการเงินที่ตัวเองสร้างไว้ตั้งแต่ยุค 80 และใช้กลไกทางการเงินทำให้อเมริกามีกองทัพที่ใหญ่ที่สุด ทันสมัยที่สุด และมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี แต่เงินอเมริกาจะมีค่าจริงๆ ก็เมื่อส่งเงินนั้นไปให้บริษัทตัวเองในจีนผลิตสินค้าราคาถูก และดูดสินค้าเหล่านั้นด้วยเงินที่อเมริกาพิมพ์ได้เอง ส่วนจีนก็ได้ใช้เงินเหล่านี้และเงินที่ตัวเองหามาได้ไปซื้อทรัพยากรจากทั่วโลกมาใช้ผลิตสินค้า เรียกได้ว่าน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า และพอทั้งสองประเทศมาขัดแย้งกันเอง ก็เจ็บด้วยกันทั้งคู่
 
แต่จีนได้เปรียบอเมริกาที่จีนสามารถผลิตสินค้าได้เองเป็นจำนวนมากและราคาถูก ในขณะที่อำนาจทางการเงินของอเมริกานั้น มันเป็นเรื่องล่องลอยในอากาศ พอนานไป อำนาจเงินนั้นจะเสื่อมลง และสุดท้ายจีนก็จะแซงอเมริกาทางด้านเศรษฐกิจในที่สุด

ดังนั้น สิ่งที่จะทำให้อเมริกาชนะจีนได้ คือต้องชนะทางเศรษฐกิจ และแนวทางนั้นก็สะท้อนให้เห็นกับรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้ทรัมป์ ที่ชอบทำเหมือนเป็น “คนบ้า” ที่คาดเดาไม่ได้ แต่หากเราเปลี่ยนเลนส์ที่ใช้มองอเมริกา จาก Liberalism เปลี่ยนเป็น Realism เราจะเห็นว่า อเมริกา ก็ยังคงวัตถุประสงค์เดิม คือ การเอาชนะจีน เพียงแค่เปลี่ยนวิธีการ จากที่เคยใช้หลักประชาธิปไตย การค้าเสรี สิทธิมนุษยชน มาบังหน้า เปลี่ยนมาเป็นการใช้พลังอำนาจด้านต่างๆ ที่อเมริกามี เพื่อให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์ของตัวเอง โดยไม่ได้สนใจกรอบค่านิยมแบบ Liberalism เหมือนรัฐบาลที่มาจากพรรคเดโมแครต แต่การจะเปลี่ยนแบบหน้ามือมาเป็นหลังมือได้ ต้องใช้ “คนบ้า” เท่านั้น การทำตัวเป็น “ค้นบ้า” ของทรัมป์ อาจะเป็นแค่ละครที่สะท้อนนิสัยส่วนตัว เพื่อทำในสิ่งที่ขัดแย้งกับที่ผ่านมา และทำให้คาดเดาการกระทำได้ยากกว่าการทำตัวเป็น “ตำรวจโลก” เหมือนในอดีต

สิ่งที่ทรัมป์ทำ คือการแก้ไขปัญหาที่ไบเดนทำไม่ได้ อเมริกาอยากให้พันธมิตรในยุโรปพัฒนากองทัพให้เข้มแข็ง เพื่อจะได้แบ่งเบาอเมริกา และอเมริกาจะได้มุ่งความสนใจมาที่จีนอย่างเดียว แต่ที่ผ่านมาพันธมิตรในยุโรปก็เคยตัวกับการลงทุนด้านการทหารด้วยงบประมาณที่ไม่สูงมากนักมาหลายสิบปี ถึงแม้อเมริกาพยายามจะให้ยุโรปเพิ่มงบประมาณทางทหาร แต่ก็ชักช้า มัวแต่ดึงเกมไม่ทันใจ ยิ่งเวลาผ่านไป จีนก็จะเข้มแข็งขึ้น อเมริกาก็จะอ่อนแอลง ดังนั้น การมาของทรัมป์ทำเหมือนคนบ้า จะเป็นการบีบทางอ้อมให้ยุโรปพัฒนาตัวเองและช่วยแบ่งเบาอเมริกาในสมรภูมิยุโรป
 
การขึ้นภาษีสินค้าจากประเทศต่างๆ โดยเฉพาะแคนนาดา และเม็กซิโก โดยเฉพาะเม็กซิโก ซึ่งจีนได้มาลงทุนตั้งโรงงานผลิตเพื่อส่งสินค้ามาขายในสหรัฐฯ การขึ้นภาษีการค้าก็เป็นการทำให้จีนค้าขายได้น้อยลง แต่ผลกระทบที่เกิด คือ ราคาสินค้าก็จะแพงขึ้น ทรัมป์วางแผนแก้เกมระยะสั้นไว้ โดยการลดภาษีให้กับประชาชน ผนวกกับกลไกการขึ้นและลดดอกเบี้ย รวมทั้งการโจมตีหรือสนับสนุนคริปโต เพื่อลดเงินเฟ้อ และเมื่อรวมกับการโฆษณาชวนเชื่อที่กำลังทำอยู่ในสังคมอเมริกา ก็คงจะพอทำให้อเมริกาผ่านพ้นปัญหาเงินเฟ้อไปได้ นอกจากนี้ การใช้อำนาจเงินมากดดันประเทศต่างๆ จะส่งผลให้ประเทศเหล่านั้นต้องยอมมาลงทุนในอเมริกา รื้อฟื้นการจ้างงาน และสร้างอำนาจในการผลิตกลับมาใหม่ อาจจะไม่สามารถผลิตสินค้าได้ทุกอย่างเหมือนจีน แต่อเมริกาตั้งเป้าจะผลิตสินค้าที่สำคัญต่อเศรษฐกิจ การพัฒนาอุตสาหกรรม และเทคโนโลยี โดยจะทำให้อเมริกาลดการพึ่งพาจีนน้อยลง

ส่วนผลกระทบที่เกิดกับจีน นอกจากจะค้าขายได้น้อยลงแล้ว บริษัทของอเมริกาและประเทศอื่นๆ ที่อยู่ในจีนก็จะคำนวณว่าการขึ้นภาษีนั้น ส่งผลกระทบต่อการค้าขายมากน้อยเท่าไหร่ หากกระทบมากจนไม่คุ้มค่าที่จะผลิตสินค้าในจีน บริษัทเหล่านั้นก็จะย้ายฐานการผลิตไปที่อื่น หรือกลับไปที่สหรัฐฯ แบบนี้จะทำให้สหรัฐฯ เข้มแข็งขึ้นในขณะที่จีนอ่อนแอลง เพราะสินค้าขายได้น้อยลง ตลาดอเมริกาเป็นตลาดที่จีนได้กำไรมากที่สุด หากกำไรตรงนี้หายไป การผลิตก็จะลดลง กระทบต่อความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ และอำนาจอิทธิพลของจีนก็จะลดลงตามไปด้วย

ในเรื่องชื่อเสียงของอเมริกา มันเป็นเพียงแค่สิ่งที่อเมริกาเพียรพยายามสร้างขึ้นเพื่อใช้ในการครอบงำประเทศอื่น แต่จริงๆ แล้ว เรื่องระหว่างประเทศ ทุกประเทศล้วนคิดถึงประโยชน์ของตัวเองเป็นหลัก ทำแล้วได้ประโยชน์อะไร แล้วจะเสียอะไร คุ้มค่าแค่ไหน สุดท้ายแล้ว คุยกันที่ผลประโยชน์ ส่วนเรื่องอื่นๆ มองข้ามได้ถ้าได้ประโยชน์ร่วมกัน
 
สำหรับไทย ที่ผ่านมาก็ระแวงอเมริกาจะเข้ามาแทรกแซงการเมืองภายใน แต่ก็ออกตัวแรงไม่ได้เพราะเป็นประเทศเล็ก ในขณะที่จีนก็พยายามเหนี่ยวรั้งไทยไว้ไม่ให้หันไปหาอเมริกาเหมือนตอนสงครามเย็น  สิบกว่าปีที่ผ่านมา ไทยเข้าไปหาจีนเพราะถูกอเมริกากดดันด้วยข้ออ้างประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะหลังปี พ.ศ. 2557 ความจำเป็นทำให้ไทยหันไปหาจีนอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ข้อคิดเรื่องนี้มีอยู่ว่า หากจีนอยากจะให้ไทยเป็นพวกด้วยการลงทุนที่ต่ำ จีนทำได้คือทำให้ไทยต้องหันไปหาจีนเหมือนปี 2557 และหากเป็นเช่นนั้น คราวนี้ไทยคงจะต้องยอมรับเงื่อนไขที่จีนเรียกร้องอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
 
สถานการณ์ตอนนี้ของไทย เหมือนจะถูกบีบจากอเมริกา หากไปหาจีน และเมื่อนำมารวมกับการเมืองภายในที่ไม่มั่นคงของไทยแล้ว ดูเหมือนอาจจะเข้าทางจีน ที่พอถึงวันใดวันหนึ่ง เมื่อถึงเวลานั้นที่ไม่รู้จะมีหรือไม่ หรือว่าอีกนานเท่าไหร่ จีนไม่ต้องทำอะไร ไทยจะไปหาจีนเอง...

เอวัง...ด้วยประการฉะนี้

มโนขั้นสุด โปรใช้วิจารณญาณในการอ่าน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่