ดูลิงก์ของทุกตอน (ที่เขียนเสร็จแล้ว) ได้ตามด้านล่างเลยค่ะ
+.+.+ลุยเดี่ยวเที่ยวตอนตกกงาน 72 วัน จาก USA ถึง PERU+.+.+
https://ppantip.com/topic/37467736
นักเดินทางหลายคนบอกว่า “จุดหมายไม่ได้สำคัญ แต่ระหว่าทางนั้นต่างหากที่สำคัญกว่า” วันนี้รู้สึกลึกซึ้งถึงคำพูดนี้เลย ไม่ได้หมายความว่าระหว่างทางมีอะไรที่น่าสนใจ แต่มันถึงจุดที่ว่า ชั้นจะตาย “ระหว่างทาง” ก่อนถึงจุดหมายปลายทางหรือเปล่า
ก่อนที่จะไป Chichicastenango ก็ดูรีวิวมาพอควรว่าต้องไปยังไง แต่มันจะมี article เกี่ยวกับรถที่ใช้เดินทางมากมาย แน่นอนว่าส่วนมากเป็นทางลบ แต่เราก็ไม่ค่อยได้สนใจกับเรื่องพวกนั้นมาก เพราะคิดเสมอว่า “นานาจิตตัง” บางคนอาจมองเรื่องเรื่องหนึ่งเป็นเรื่องหนักหนา แต่บางคนกลับชิวกับเรื่องนั้น เราเลยไม่ได้เก็บมาใส่ใจจนกระทั่งวันที่เราต้องเดินทางไป Chichicastenango จริงๆ
รถ Chicken Bus จาก Guatemala City ไป Chichicastenango อยู่ที่ 41 Calle Zone 8 เราออกจากที่พัก (ใกล้กับ Monja Blanca) แล้วนั่งรถ Transmetro สาย 12 จาก Plaza Barrios ไปลงที่ Santa Cecilia ราคาเพียง Q1 เท่านั้น แต่ถ้าใครอยากนั่ง Taxi เราว่า idea price ในความคิดเราคือ 4 km ประมาณ Q25 แต่ถ้าพูดสเปนได้น่าจะได้ถูกกว่านี้
พอออกจากสถานีรถ (คล้ายๆ กับ BRT บ้านเรา) แล้ว ให้เดินทางไปทางซ้าย ดูว่ามันใช่ Zone 8 หรือเปล่า จากนั้นก็เดินไปหาถนน 41 Calle แล้วเดินตามทางไปเรื่อยๆ จะเห็นรถ Chicken Bus เรียงรายตลอดถนน ส่วนรถที่ไป Chichicastenango จะอยู่สุดท้าย (บางทีอาจไม่ต้องเดินถึงสุด หากรถเค้าออกจากท่ามาแล้วเค้าก็จะตะโกน ไม่ก็กระโดดลงมาถามเลยว่าจะไปไหน)
อันนี้คือหน้าตา Chicken Bus
ข้างในจะดูคลาสิกหน่อยๆ
ด้านนอกรถ ด้านในรถให้ความรู้สึก Latin America มาก คลาสิกสุดๆ ถ้าไม่ได้มานั่งนี่คงเสียใจมากๆ เด็กติดรถก็ Active มากๆ เห็นการลงไป Approach คนเพื่อให้ขึ้นรถแล้วรู้สึกว่าตำราการเป็นพนักงานขายที่เคยเทรนมาทั้งหมดควรฉีกทิ้งไปเลย!!! นี่สิเจ๋งจริง เราชื่นชมกับความเป็น Chicken Bus อยู่พักใหญ่ จนรถเริ่มเลี้ยวออกนอกเมือง แม่เจ้าโว้ย!!! ปาดขวา แซงซ้าย เบียดคันโน้น จี้ตูดคันนี้ นี่มันเทรนการขับมาจากสถาบันเดียวกับสาย 8 บ้านเราหรือเปล่า?????
ชีวิตเริ่มแย่ลงเรื่อยๆ เมื่อถึงช่วงที่ถนนขึ้นลงเขาและคดเคี้ยว การเข้าโค้งชนิดที่คนขับเองกำพวงมาลัยสองมือ แล้วเอียงตัวตามการหักโค้งจนตัวขนานกับพื้น หรือตอนเลี้ยวขวาต้องเอามืออีกข้างยันกระจกไว้เพื่อทรงตัวเองไม่ให้เหวี่ยงไปตามแรงเลี้ยว ถ้าคนขับขนาดนี้ แล้วคนนั่งจะเป็นยังไง? คนนั่งนี่เกร็งบั้นท้าย เกร็งแขนจนชาไปหมด พอเกร็งไม่อยู่ก็กองไปรวมกันด้านหนึ่ง ถึงตรงนี้คือ ที่เค้ารีวิวมามันไม่เกินจริงเลย ขับได้.......มากจริงๆ
ใช้ชีวิตอยู่บนรถที่ไม่รู้ว่าจะตายหรือจะรอดมาประมาณ 3 ชั่วโมง เราก็มาถึงที่หมาย (อย่างไม่น่าเชื่อ) พอเดินลงจากรถอย่างไม่รู้ว่าจริงๆ ต้องลงตรงไหน แต่คิดว่าลงแล้วเดินเองน่าจะหายใจได้เต็มปอดได้มากกว่า พอลงปุ๊บ เฮ้ย! นี่ชั้นมาเดินอยู่คลองถม หรือบ้านหม้อใช่มั๊ย?
พอเดินไปเรื่อย อ๋อๆๆ ชั้นรีบลงไปเองจริงๆ คือถ้าไปอีกหน่อยมันจะเริ่มเป็นดงขายของแล้ว แล้วรู้สึกได้ถึงการตั้งใจขายให้ต่างชาติ ของทุกร้านเริ่มเหมือนๆ กัน ส่วนราคาก็ลองต่อแบบไม่ตั้งใจ ต่อไปครึ่งนึงก็ยอมขาย!!!
แต่พอเดินเข้าไปในตลาดช่วงที่มีหลังคาคลุมแล้วดูทึมๆ ตรงนั้นจะเหมือนขายให้คน Local มากกว่า ส่วนราคาไม่กล้าถาม เพราะเพิ่งซื้อจากด้านนอกมา ถ้าด้านในถูกกว่ามาก อาจจะช้ำใจถึงขั้นทำใจเที่ยวต่อไม่ไหว (เวอร์ไปหน่อย)
ส่วนอีกมุมของตลาดก็จะเป็นมุมขายส่ง Display ไม่สวย แต่ถ้าใครต้องซื้อของกลับไปฝากเยอะๆ ราคาน่าจะสวยอยู่
เดินไปประมาณสองชั่วโมงเราก็ตัดสินใจเดินออก เพราะจริงๆ ตลาดแบบนี้ไม่ใช่แนวของเรา ที่มาเพราะอยากเป็นลูกกตัญญูซื้อไปฝากให้แม่ แต่พอถามราคาแล้วจากที่คิดจะซื้อเสื้อ ซื้อแค่เข็มขัดแล้วกัน เล่นเปิดราค่าเสื้อมาที่ Q2000 ประมาณหนึ่งหมื่น เรานี่ต่อไม่ถูกเลย จะต่อเหลือ 500 บาทก็กลัวเค้าจะขาย!!!
ขากลับไม่ได้ขึ้นต้นสาย สภาพรถนี่ถ้าบอกว่าเป็นผัวเมียกันได้ก็ไม่ได้เวอร์เกินไป เพราะมันแน่นจนไม่รู้จะแน่นยังไง เก้าอี้ที่ควรนั่งสองคนก็นั่งสามคน ที่ยืนระหว่างแถวไม่มี รถเหวี่ยงไม่ต้องกลัวจะไถลไปกองกัน เพราะมันแน่นจนขยับไปไหนไม่ได้ กลับมาถึง Guatemala City เราก็เดินไปหาตั๋วรถสำหรับไป El Salvador พรุ่งนี้ เราไปที่บริษัท Galgos International ก่อนเพราะใกล้สุดและตั๋วถูกสุด แต่คนขายคุยกับเราไม่รู้เรื่อง!!! คุยไปคุยมา 10 กว่านาทีแล้วพบว่าพรุ่งนี้ไม่มีรถจ้า!! คราวนี้เลยไป Pullmantur ที่ราคาค่อนข้างบาดใจและบาดกระเป๋าตังค์ ไปถึงพบว่ามันปิดอีก Holiday Inn เลยบอกว่ามาซื้อพรุ่งนี้เช้าก่อนรถออกก็ได้ มาประมาณก่อน 6 โมงเช้าหน่อยๆ เมื่อ Holiday Inn พูดขนาดนี้เราก็มั่นใจแล้วก็นั่งกินข้าวร้านข้างๆ ไปเลยละกัน เห็น Review ใน Tripadvisor ค่อนข้างดี แต่เอาจริง เราว่างั้นๆ ราคาก็แสนแพง
พอกินเสร็จครั้งจะนั่งแท็กซี่กลับก็เสียดายเงิน ระยะทาง 4 กม. นิดๆ เดินเอาละกัน ฟ้าก็ยังไม่มืดไม่น่าจะมีอะไร
เดินๆ ไป รู้สึกว่าแถวที่เดินมันเป็นเหมือนถนนออฟฟิศ พอเป็นวันอาทิตย์มันเลยเงียบ แม้แต่สตาร์บัคส์ยังปิด!!!
พอฟ้าเริ่มมืดคราวนี้ก็เริ่มจ้ำๆๆๆ เดินไปเดินมา เอ๊ะ ทำไมชั้นมาโผล่ที่แพรีสได้ล่ะ!!! (มโนไปเรื่อยๆ)
ถึงที่พักแล้วเราก็เตรียมตัวหาข้อมูล ถ้าพรุ่งนี้ Pullmantur ไม่มีรถเราจะต้องทำยังไงต่อไป? จะนั่งรถไปลงชายแดนตรงไปไหนแล้วไปยังไงต่อ หาๆ ได้ครึ่งทางตาก็ปิดจ้า หลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้ตัวเลย
[CR] +.+.+ลุยเดี่ยวเที่ยวตอนตกกงาน จาก USA ถึง PERU+.+.+ (DAY25: CHICHICASTENANGO (GUATEMALA))
+.+.+ลุยเดี่ยวเที่ยวตอนตกกงาน 72 วัน จาก USA ถึง PERU+.+.+
https://ppantip.com/topic/37467736
นักเดินทางหลายคนบอกว่า “จุดหมายไม่ได้สำคัญ แต่ระหว่าทางนั้นต่างหากที่สำคัญกว่า” วันนี้รู้สึกลึกซึ้งถึงคำพูดนี้เลย ไม่ได้หมายความว่าระหว่างทางมีอะไรที่น่าสนใจ แต่มันถึงจุดที่ว่า ชั้นจะตาย “ระหว่างทาง” ก่อนถึงจุดหมายปลายทางหรือเปล่า
ก่อนที่จะไป Chichicastenango ก็ดูรีวิวมาพอควรว่าต้องไปยังไง แต่มันจะมี article เกี่ยวกับรถที่ใช้เดินทางมากมาย แน่นอนว่าส่วนมากเป็นทางลบ แต่เราก็ไม่ค่อยได้สนใจกับเรื่องพวกนั้นมาก เพราะคิดเสมอว่า “นานาจิตตัง” บางคนอาจมองเรื่องเรื่องหนึ่งเป็นเรื่องหนักหนา แต่บางคนกลับชิวกับเรื่องนั้น เราเลยไม่ได้เก็บมาใส่ใจจนกระทั่งวันที่เราต้องเดินทางไป Chichicastenango จริงๆ
รถ Chicken Bus จาก Guatemala City ไป Chichicastenango อยู่ที่ 41 Calle Zone 8 เราออกจากที่พัก (ใกล้กับ Monja Blanca) แล้วนั่งรถ Transmetro สาย 12 จาก Plaza Barrios ไปลงที่ Santa Cecilia ราคาเพียง Q1 เท่านั้น แต่ถ้าใครอยากนั่ง Taxi เราว่า idea price ในความคิดเราคือ 4 km ประมาณ Q25 แต่ถ้าพูดสเปนได้น่าจะได้ถูกกว่านี้
พอออกจากสถานีรถ (คล้ายๆ กับ BRT บ้านเรา) แล้ว ให้เดินทางไปทางซ้าย ดูว่ามันใช่ Zone 8 หรือเปล่า จากนั้นก็เดินไปหาถนน 41 Calle แล้วเดินตามทางไปเรื่อยๆ จะเห็นรถ Chicken Bus เรียงรายตลอดถนน ส่วนรถที่ไป Chichicastenango จะอยู่สุดท้าย (บางทีอาจไม่ต้องเดินถึงสุด หากรถเค้าออกจากท่ามาแล้วเค้าก็จะตะโกน ไม่ก็กระโดดลงมาถามเลยว่าจะไปไหน)
อันนี้คือหน้าตา Chicken Bus
ข้างในจะดูคลาสิกหน่อยๆ
ด้านนอกรถ ด้านในรถให้ความรู้สึก Latin America มาก คลาสิกสุดๆ ถ้าไม่ได้มานั่งนี่คงเสียใจมากๆ เด็กติดรถก็ Active มากๆ เห็นการลงไป Approach คนเพื่อให้ขึ้นรถแล้วรู้สึกว่าตำราการเป็นพนักงานขายที่เคยเทรนมาทั้งหมดควรฉีกทิ้งไปเลย!!! นี่สิเจ๋งจริง เราชื่นชมกับความเป็น Chicken Bus อยู่พักใหญ่ จนรถเริ่มเลี้ยวออกนอกเมือง แม่เจ้าโว้ย!!! ปาดขวา แซงซ้าย เบียดคันโน้น จี้ตูดคันนี้ นี่มันเทรนการขับมาจากสถาบันเดียวกับสาย 8 บ้านเราหรือเปล่า?????
ชีวิตเริ่มแย่ลงเรื่อยๆ เมื่อถึงช่วงที่ถนนขึ้นลงเขาและคดเคี้ยว การเข้าโค้งชนิดที่คนขับเองกำพวงมาลัยสองมือ แล้วเอียงตัวตามการหักโค้งจนตัวขนานกับพื้น หรือตอนเลี้ยวขวาต้องเอามืออีกข้างยันกระจกไว้เพื่อทรงตัวเองไม่ให้เหวี่ยงไปตามแรงเลี้ยว ถ้าคนขับขนาดนี้ แล้วคนนั่งจะเป็นยังไง? คนนั่งนี่เกร็งบั้นท้าย เกร็งแขนจนชาไปหมด พอเกร็งไม่อยู่ก็กองไปรวมกันด้านหนึ่ง ถึงตรงนี้คือ ที่เค้ารีวิวมามันไม่เกินจริงเลย ขับได้.......มากจริงๆ
ใช้ชีวิตอยู่บนรถที่ไม่รู้ว่าจะตายหรือจะรอดมาประมาณ 3 ชั่วโมง เราก็มาถึงที่หมาย (อย่างไม่น่าเชื่อ) พอเดินลงจากรถอย่างไม่รู้ว่าจริงๆ ต้องลงตรงไหน แต่คิดว่าลงแล้วเดินเองน่าจะหายใจได้เต็มปอดได้มากกว่า พอลงปุ๊บ เฮ้ย! นี่ชั้นมาเดินอยู่คลองถม หรือบ้านหม้อใช่มั๊ย?
พอเดินไปเรื่อย อ๋อๆๆ ชั้นรีบลงไปเองจริงๆ คือถ้าไปอีกหน่อยมันจะเริ่มเป็นดงขายของแล้ว แล้วรู้สึกได้ถึงการตั้งใจขายให้ต่างชาติ ของทุกร้านเริ่มเหมือนๆ กัน ส่วนราคาก็ลองต่อแบบไม่ตั้งใจ ต่อไปครึ่งนึงก็ยอมขาย!!!
แต่พอเดินเข้าไปในตลาดช่วงที่มีหลังคาคลุมแล้วดูทึมๆ ตรงนั้นจะเหมือนขายให้คน Local มากกว่า ส่วนราคาไม่กล้าถาม เพราะเพิ่งซื้อจากด้านนอกมา ถ้าด้านในถูกกว่ามาก อาจจะช้ำใจถึงขั้นทำใจเที่ยวต่อไม่ไหว (เวอร์ไปหน่อย)
ส่วนอีกมุมของตลาดก็จะเป็นมุมขายส่ง Display ไม่สวย แต่ถ้าใครต้องซื้อของกลับไปฝากเยอะๆ ราคาน่าจะสวยอยู่
เดินไปประมาณสองชั่วโมงเราก็ตัดสินใจเดินออก เพราะจริงๆ ตลาดแบบนี้ไม่ใช่แนวของเรา ที่มาเพราะอยากเป็นลูกกตัญญูซื้อไปฝากให้แม่ แต่พอถามราคาแล้วจากที่คิดจะซื้อเสื้อ ซื้อแค่เข็มขัดแล้วกัน เล่นเปิดราค่าเสื้อมาที่ Q2000 ประมาณหนึ่งหมื่น เรานี่ต่อไม่ถูกเลย จะต่อเหลือ 500 บาทก็กลัวเค้าจะขาย!!!
ขากลับไม่ได้ขึ้นต้นสาย สภาพรถนี่ถ้าบอกว่าเป็นผัวเมียกันได้ก็ไม่ได้เวอร์เกินไป เพราะมันแน่นจนไม่รู้จะแน่นยังไง เก้าอี้ที่ควรนั่งสองคนก็นั่งสามคน ที่ยืนระหว่างแถวไม่มี รถเหวี่ยงไม่ต้องกลัวจะไถลไปกองกัน เพราะมันแน่นจนขยับไปไหนไม่ได้ กลับมาถึง Guatemala City เราก็เดินไปหาตั๋วรถสำหรับไป El Salvador พรุ่งนี้ เราไปที่บริษัท Galgos International ก่อนเพราะใกล้สุดและตั๋วถูกสุด แต่คนขายคุยกับเราไม่รู้เรื่อง!!! คุยไปคุยมา 10 กว่านาทีแล้วพบว่าพรุ่งนี้ไม่มีรถจ้า!! คราวนี้เลยไป Pullmantur ที่ราคาค่อนข้างบาดใจและบาดกระเป๋าตังค์ ไปถึงพบว่ามันปิดอีก Holiday Inn เลยบอกว่ามาซื้อพรุ่งนี้เช้าก่อนรถออกก็ได้ มาประมาณก่อน 6 โมงเช้าหน่อยๆ เมื่อ Holiday Inn พูดขนาดนี้เราก็มั่นใจแล้วก็นั่งกินข้าวร้านข้างๆ ไปเลยละกัน เห็น Review ใน Tripadvisor ค่อนข้างดี แต่เอาจริง เราว่างั้นๆ ราคาก็แสนแพง
พอกินเสร็จครั้งจะนั่งแท็กซี่กลับก็เสียดายเงิน ระยะทาง 4 กม. นิดๆ เดินเอาละกัน ฟ้าก็ยังไม่มืดไม่น่าจะมีอะไร
เดินๆ ไป รู้สึกว่าแถวที่เดินมันเป็นเหมือนถนนออฟฟิศ พอเป็นวันอาทิตย์มันเลยเงียบ แม้แต่สตาร์บัคส์ยังปิด!!!
พอฟ้าเริ่มมืดคราวนี้ก็เริ่มจ้ำๆๆๆ เดินไปเดินมา เอ๊ะ ทำไมชั้นมาโผล่ที่แพรีสได้ล่ะ!!! (มโนไปเรื่อยๆ)
ถึงที่พักแล้วเราก็เตรียมตัวหาข้อมูล ถ้าพรุ่งนี้ Pullmantur ไม่มีรถเราจะต้องทำยังไงต่อไป? จะนั่งรถไปลงชายแดนตรงไปไหนแล้วไปยังไงต่อ หาๆ ได้ครึ่งทางตาก็ปิดจ้า หลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้ตัวเลย