🇹🇭👍~มาลาริน~ไม่เคยทำให้ผิดหวัง...ส่งออกไทย ก.พ.61 ขยายตัวดี แม้ฐานสูง ตลาดญี่ปุ่นโต 41% สูงเป็นประวัติการณ์


ส่งออกไทย ก.พ.61 ขยายตัวดี แม้ฐานสูง ตลาดญี่ปุ่นโต 41% สูงเป็นประวัติการณ์




การส่งออกสินค้าไทยในเดือนก.พ. 2561 ยังขยายตัวได้ดีที่ร้อยละ 10.3 YoY แม้ว่าจะมีปัจจัยเรื่องฐานที่สูงจากการเหลื่อมเดือนของเทศกาลตรุษจีน (Lunar New Year) แต่ได้อานิสงส์จากการฟื้นตัวที่ต่อเนื่องของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าและวัฏจักรสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ โดยตลาดส่งออกที่ขยายตัวสูงได้แก่ ญี่ปุ่น อินเดีย โอเชียเนีย และสหภาพยุโรป (28)

อย่างไรก็ดี แม้การส่งออกสินค้าไทยในช่วง 2 เดือนแรกจะขยายตัวสูงต่อเนื่อง แต่ด้วยหลายปัจจัยท้าทายที่ยังต้องติดตามในช่วงที่เหลือของปี 2561 ทำให้ศูนย์วิจัยกสิกรไทยยังคงประมาณการอัตราการขยายตัวของมูลค่าส่งออกสินค้าไทยในปี 2561 ไว้ที่ร้อยละ 4.5 YoY (กรอบที่ร้อยละ 2.0-7.0) เพื่อรอประเมินภาพการค้าโลกและพลวัตรของมาตรการกีดกันการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับนานาประเทศ ต่อการส่งออกสินค้าไทยต่อไปอีกสักระยะ

ส่งออกเดือนก.พ. 2561 โตต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 12 แม้มีปัจจัยเรื่องฐานสูง


ข้อมูลการค้าระหว่างประเทศของไทยในเดือนก.พ. 2561 ยังสะท้อนภาพอุปสงค์ต่างประเทศที่ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่อง แม้ในเดือนที่ผ่านมา จะมีปัจจัยเรื่องฐานที่สูงจากการเหลื่อมเดือนระหว่างปี 2560 และปี 2561 ของเทศกาลตรุษจีน แต่การส่งออกสินค้าของไทยยังขยายตัวได้ดีที่ร้อยละ 10.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือคิดเป็นมูลค่า 20,365.2 ล้านดอลลาร์ฯ โดยปัจจัยที่สนับสนุนการส่งออกในเดือนก.พ. 2561 หลักๆ แล้ว ยังมาจากโมเมนตัมการฟื้นตัวที่เข้มแข็งและต่อเนื่องของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ ยูโรโซน จีน และญี่ปุ่น ซึ่งช่วยหนุนความต้องการสินค้าไทยทั้งทางตรงและทางอ้อมผ่านห่วงโซ่อุปทานการผลิต (Supply chain) นอกจากนี้ ยังได้อานิสงส์จากปัจจัยบวกอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น

1. การส่งออกข้าวที่ขยายตัวสูงต่อเนื่องจากเดือนก่อน ตามการส่งมอบข้าวจากการซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) กับบังกลาเทศและอินโดนีเซีย รวมถึงคำสั่งซื้อข้าวไทยที่เพิ่มขึ้นจากประเทศในทวีปแอฟริกา เช่น เบนิน แอฟริกาใต้ อังโกลา โตโก ฯลฯ

2. การส่งออกรถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบที่ในเดือนก.พ. ขยายตัวสูงถึงร้อยละ 17.8 YoY จากการส่งออกรถยนต์นั่ง และรถปิคอัพ/รถบัส/รถบรรทุกไปยังตลาดโอเชียเนีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ รวมถึงการส่งออกอุปกรณ์และส่วนประกอบรถยนต์ไปตลาดญี่ปุ่นที่กลับมาขยายตัวสูง

หากพิจารณาในด้านตลาดส่งออก พบว่า การส่งออกสินค้าไทยไปตลาดญี่ปุ่นเติบโตสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ร้อยละ 41.1 YoY หรือคิดเป็นมูลค่า 2,408.5 ล้านดอลลาร์ฯ โดยเป็นผลมาจากการส่งออกที่เพิ่มขึ้นมากในหมวดสินค้ายานพาหนะอื่นๆ และส่วนประกอบ รวมถึงสินค้าในหมวดอากาศยาน ยานอวกาศ และส่วนประกอบ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้การส่งออกสินค้าไทยไปญี่ปุ่นขยายตัวสูงมากเพียงแค่ครั้งเดียว (One-off)

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยยังคงมุมมองต่อภาพการส่งออกสินค้าไทยในช่วงไตรมาสที่ 1/2561 (ม.ค.-มี.ค.) ว่าจะขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการฟื้นตัวที่ต่อเนื่องของเศรษฐกิจโลกและวัฏจักรสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ยังเป็นแรงหนุนสำคัญของการส่งออกสินค้าไทย ในขณะที่มาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ ที่ประกาศออกมาในช่วงเดือนมี.ค. 2561 อย่างการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าเหล็กและอะลูมิเนียม ที่ร้อยละ 25 และร้อยละ 10 จากคู่ค้าเกือบทุกประเทศ ยกเว้นแคนาดาและเม็กซิโก โดยใช้เหตุผลด้านความมั่นคงของประเทศตามมาตรา 232 (Section 232 of the Trade Expansion Act of 1962) ยังไม่ส่งผลกระทบทางลบต่อการส่งออกสินค้าไทยในช่วงไตรมาสแรกของปี



http://www.thansettakij.com/content/270481



ส่งออกไทยเดือนก.พ.61 โต 10.3% มั่นใจทั้งปียังขยายตัว 8%






-21 มี.ค.61-นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยตัวเลขส่งออกของไทยในเดือนกุมภาพันธ์ว่า ขยายตัวต่อเนื่อง 10.3% เป็นเดือนที่ 2 คิดเป็นมูลค่า 20,365 ล้านดอลาร์สหรัฐ หรือขยายตัว 13.8% สูงสุดในรอบ 7 ปีนับตั้งแต่ปี 2555 แต่หากดูภาพการส่งออกในรูปเงินบาทลดลงเป็นครั้งแรก 0.6% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน มีมูลค่า 643,706 ล้านบาท ผลกระทบจากค่าเงินบาทแข็งค่า

ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 19,557 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 16.0% ส่งผลให้การค้าไทยเกินดุล 808 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ทั้งนี้ การส่งออกที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องเป็นผลมาจากตลาดส่งออก โดยเฉพาะสหรัฐ เอเชียใต้ อาเซียน(5) และตลาด CLMV มีการขยายตัวได้ดี

นอกจากนี้ ยังกระจายการเติบโตไปสู่ตลาดศักยภาพ และตลาดใหม่อื่นๆ ด้วย เช่น ลาตินอเมริกา ตะวันออกกลาง รวมไปถึงการส่งออกในกลุ่มสินค้าก็มีการเติบโต โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรขยายตัวเป็นเดือนที่ 16 ที่ขยายตัว 0.3% โดยสินค้าที่ขยายตัว ได้แก่ ข้าว น้ำมันปาล์ม ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง และไก่สดแช่แข็งและแปรรูป ส่วนสินค้าที่หดตัว ได้แก่ ยางพาราคา ผลมาจากราคาเป็นหลักและการส่งออกหดตัวในทุกตลาด น้ำตาลทราย และอาหารทะเลแช่แข็ง กระป๋องและแปรรูป

ส่วนสินค้ากลุ่มอุตสาหกรรมขยายตัวเป็นเดือนที่ 12 ขยายตัว 11.5% สินค้าที่ขายตัว ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ขณะที่สินค้าที่ส่งออกลดลง ได้แก่ ทองคำ โดยเฉพาะส่งออกไปตลาดสวิตเซอร์แลนด์ ฮ่องกง เกาหลีใต้ แผงวงจรไฟฟ้า ส่งออกหดตัวในตลาด ฮ่องกง ฟิลิปปินส์ เป็นต้น

ทั้งนี้ตลาดส่งออกสำคัญขยายตัวดีทุกตลาด โดยตลาดหลักขยายตัว 18.8% อาทิ ตลาด ญี่ปุ่น ขยายตัว 41.1% ซึ่งการส่งออกสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่วนการส่งออกไปสหรัฐ ยุโรป ก็ยังคงขยายตัว ขณะที่การส่งออกไปตลาดศักยภาพ ยังขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง 7.8% โดยมีสาเหตุสำคัญจากการขยายตัวสูงจากการส่งออกไปตลาดอินเดีย และการส่งออกไป จีน CLMV ด้านตลาดศักยภาพระดับรอง ฟื้นตัวในเกณฑ์สูง 15.1 % โดยการส่งออกไปรัสเซีย และ CIS

อย่างไรก็ดี เป้าหมายการส่งออกทั้งปียังคงเป้า 8% มูลค่าอยู่ที่ 255,630 ล้านดอลลาร์สหรัฐมั่นใจว่าจะสามารถขยายตัวได้ตามเป้าหมาย แม้ขณะนี้ ค่าเงินบาทจะส่งผลกระทบต่อรายได้ของผู้ส่งออกในรูปของค่าเงินบาท แต่ในรูปเงินเหรียญสหรัฐนั้นยังคงเติบโตอยู่ โดยหลังจากนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องติดตามอย่างใกล้ชิดและหามาตรการเข้าดูแล ทั้งนี้ เป้าหมายการส่งออกอยู่ภายใต้สมมติฐานค่าเงินบาทเฉลี่ย 32--34 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และราคาน้ำมันดิบอยู่ที่ 55-65 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาเรลล์ โดยการส่งออกได้ตามเป้าหมาย มูลค่าการส่งออกต่อเดือนทั้งปีเฉลี่ยอยู่ที่ 21,412 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่หลังจากนี้หากการส่งออกต่อเดือนเฉลี่ยอยู่ที่ 21,516 ล้านดอลาร์สหรัฐ การส่งออกก็ยังโตได้ตามเป้าที่ตั้งไว้

http://www.thansettakij.com/content/270246


ส่งออกเดือนก.พ. 2561 โตต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 12

ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 19,557 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 16.0%

ส่งผลให้การค้าไทยเกินดุล 808 ล้านดอลลาร์สหรัฐ


แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่