สวัสดีค่ะทุกคน
เราเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 4 อยู่มหาวิทยาลัยหนึ่ง
เนื่องจากปี 2017 ที่ผ่านมา เราได้มีโอกาสไปสหรัฐอเมริกา โดยมีญาติที่อยู่ที่สหรัฐฯ เป็นคนชวนไปค่ะ
เราจึงอยากนำเอาประสบการณ์การการขอวีซ่าท่องเที่ยวและการผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองมาบอกเล่าค่ะ
เพราะการขอครั้งนี้ทำให้เรารู้สึกว่าใครๆ ก็ไปได้ ถ้าตั้งใจและจริงใจค่ะ
ผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วยนะคะทุกคน เนื่องจากผ่านมาเป็นระยะเวลานาน อาจจำได้บ้างไม่ได้บ้าง 5555
อย่างที่ทราบกันดีว่าการขอวีซ่าสหรัฐฯ เป็นอะไรที่ ยากและน่ากังวลอย่างมาก เราเองก็เป็นหนึ่งในนั้นค่ะ
เราเป็นคนที่ไม่เคยไปต่างประเทศมาก่อน ดังนั้นความมั่นใจและความสามารถในการทำเอกสารต่าง ๆ ค่อนข้างเป็นศูนย์เลยค่ะ
แต่ด้วยความไม่รู้ เราจึงเริ่มต้นที่การค้นหาในกูลเกิ้ลเลยค่ะ โดยเว็บที่ให้ความรู้และความมั่นใจนั้นกับเรา มีดังนี้ค่ะ
http://www.ustraveldocs.com/th_th/th-niv-visaapply.asp
http://www.ustraveldocs.com/th_th/th-niv-typeb1b2.asp
https://2baht.com/usa-visa-howto/
http://www.jobsamerica.co.th/knowledge/formvisa.html
http://www.jobsamerica.co.th/download/ds_160_step_by_step_guide_thai.pdf
https://ppantip.com/topic/35021980
สำหรับเราแล้วนั้น เราได้เว็บพวกนี้เป็นตัวหลักในการกรอกข้อมูลลงใน DS-160 เพื่อขอวีซ่าสหรัฐอเมริกาค่ะ
โดยขั้นตอนในการขอวีซ่าสหรัฐฯ มีดังนี้ค่ะ
1.เตรียมข้อมูลและเอกสารในการกรอกแบบฟอร์ม DS-160 ค่ะ
โดยข้อมูลที่จะต้องเตรียมไว้มีดังนี้ค่ะ (เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมดนะคะ)
- ข้อมูลส่วนตัวตนเอง ตั้งแต่ ชื่อ-นามสกุล(ทั้งภาษาอังกฤษและไทยค่ะ) ชื่อที่เคยใช้ สถานที่เกิด วันเกิด เลขประจำตัวประชาชน ที่อยู่บ้านและที่อยู่ที่ติดต่อสะดวก เบอร์โทรศัพท์ อีเมล์ เลขที่Passport อาทิ AA1234556 โดยอายุเหลือไม่ต่ำกว่า 6 เดือน ประเทศที่ออกหนังสือเดินทางให้และเมืองที่ทำหนังสือเดินทาง วันที่ออกและหมดอายุหนังสือเดินทาง และเลขเล่มPassportของเรา ซึ่งเป็นหมายเลขใต้บาร์โคดหลังหนังสือเดินทางของเราค่ะ
- ประเภทวีซ่าที่ขอ เราก็ต้องดูว่าเราไปวีซ่าอะไร อย่างวีซ่าท่องเที่ยวก็จะเป็น วีซ่าเยี่ยมเยียน B-1/B-2 ค่ะ วันที่จะเดินทางไปสหรัฐฯ และจำนวนระยะเวลาที่จะไป (1เดือน หรือ 20 วัน อื่นๆ )
- ที่อยู่ที่จะพักที่สหรัฐฯ โดยของเราจะเป็นที่อยู่ญาติที่ชวนเราไปค่ะ อันนี้ก็ต้องสอบถามไปยังญาติก่อนนะคะเพื่อที่เวลากรอกข้อมูลจะไปเป็นไปอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่ บ้านเลขที่ ถนน เมือง รัฐและ Zip Code หรือรหัสไปรษณีย์
- ข้อมูลของคนที่จะเป็นสปอนเซอร์ หรือผู้ออกค่าใช้จ่ายให้เราไป โดยเราเอาพี่สาวแม่เป็นสปอนเซอร์ ฉะนั้น จึงต้องเตรียม ชื่อ-นามสกุลเป็นภาษาอังกฤษ เบอร์โทรศัพท์ และอีเมล์ ของสปอนเซอร์
- ข้อมูลของญาติที่อยู่ที่สหรัฐฯ ได้แก่ ชื่อ-นามสกุล ชื่อบริษัที่ญาติทำงาน(ไม่รู้ไม่เป็นไร) ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ อีเมล์(มีหรือไม่ก็ได้)
- ข้อมูลพ่อแม่ของเรา ได้แก่ ชื่อ-นามสกุลเป็นภาษาอังกฤษ วันเดือนปีเกิด
- ข้อมูลมหาวิทายาลัยหรือโรงเรียน ได้แก่ ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ ของสถานศึกษา
- ถ่ายรูปวีซ่า และขอไฟล์รูป เพื่ออัปโหลดในแบบฟอร์มกันค่ะ
2.กรอกแบบฟอร์ม DS-160 ออนไลน์ เพื่อขอวีซ่า ผ่านเว็บนี้ค่ะ
https://ceac.state.gov/genniv/
จะขึ้นดังนี้ค่ะ
โดยหน้าแรก หากเราคิดว่าเราไม่เข้าใจภาษาอังกฤษมากและอยากมั่นใจว่าจะกรอกถูกต้อง เราจะต้องเลือกภาษาที่มุมบนขวาเป็นภาษาไทยก่อนค่ะ
เมื่อเราเลือกแล้วนั้น เราจะสามารถดูคำแปลต่างๆ โดยการเอาเมาส์ไปชี้ที่ข้อความนั้นๆ ค่ะ
และต่อไปให้เราเลือกสถานที่ที่เราจะเข้าไปสัมภาษณ์วีซ่าค่ะ โดยประเทศไทยมีสองที่ได้แก่ กรุงเทพฯ และเชียงใหม่ ค่ะ
เมื่อเราเลือกสถานที่เรียบร้อย หน้าเว็บจะมีการรีหน้าเว็บใหม่ค่ะ ไม่ต้องตกใจค่ะ หลังจากนั้นเราก็กรอกรหัสที่ขึ้นในกรอบด้านล่างช่องเลือกสถานที่ได้เลยค่ะ
เมื่อเรากรอกรหัสเรียบร้อย เราก็กดเริ่มกรอกใบสมัครได้เลยค่ะ โดยกดไปที่
START AN APPLICATION
ส่วนตัวเลือกอื่นๆ ด้านล่างจะเป็นการอัปโหลดใบสมัครที่เราเคยกรอกไว้แล้ว และเซฟลงเครื่อง(UPLOAD AN APPLICATION)
กับเรียกดูใบสมัครที่เรากรอกไว้แล้ว โดยการเข้าระบบเลขใบสมัครและคำตอบของคำถาม Security ค่ะ (RETRIEVE AN APPLICATION)
เมื่อกดเข้าไปแล้วจะขึ้นดังนี้ค่ะ
จากในรูปคือเราต้องจด เลขที่ใบสมัครไว้นะคะ เพราะเวลาที่เราอยู่ใน
ระบบนานเกินไป หรือกรอกไม่เสร็จในครั้งเดียวและจะกรอกต่อในภายหลัง
เราต้องใช้
เลขใบสมัคร และ
5 ตัวอักษรของนามสกุล กับ
ปีเกิดค่ะ
โดยเราสามารถเลือกคำถามที่เราคิดว่าเราจะจำได้มากที่สุด ของเราเราเลือกเป็นเมืองที่พ่อกับแม่พบกันค่ะ เพราะมันคือบ้านเกิดเราในปัจจุบัน
(ในรูป เราเขียนว่าคำถามใช้ในการเข้าระบบครั้งต่อไป อันนี้ไม่ใช่นะคะแต่ใช้ตามที่เราบอกข้างบนแทนค่ะ)
เมื่อเสร็จแล้ว เราก็กด Continue ได้เลยค่ะ
แล้วก็เริ่มกรอกข้อมูลส่วนตัวได้เลยค่ะ สามารถดูวิธีกรอกได้อย่างเว็บต่างๆ ที่เราแนบได้เลยค่ะ
วิธีเข้าระบบเพื่อกรอกข้อมูลครั้งต่อไป ต้องทำตามขั้นแรกเลยค่ะ นั่นคือ กรอกสถานที่ที่เราจะไปสัมภาษณ์และรหัส
หลังจากนั้นกดไปที่ RETRIEVE AN APPLICATION ใช้
เลขใบสมัคร และ
5 ตัวอักษรของนามสกุล กับ
ปีเกิด ดังในรูปนี้ค่ะ
คำเตือนในการกรอก
- กรอกข้อมูลตามจริง
- จดเลขใบสมัคร ห้ามหาย!
- ต้องมั่นใจว่าเป็นคำตอบที่ถูกต้อง
- อย่าใช้เวลาในการกรอกนานเกินไป เพราะมีเวลาจำกัดไม่เกิน 75 นาที
เคล็ดลับของเราในการกรอก
- ในหมวดข้อมูลครอบครัว คำถาม Do you have any immediate relatives, not including parents, in the United Sates?
ตอบว่า “Yes” หรือ “No” ถ้าเรามี
ญาติใกล้ชิด อาศัยอยู่ในสหรัฐฯ หรือไม่
“ญาติใกล้ชิด” หมายถึง คู่หมั้นคู่สมรส (สามี/ภรรยา) บุตร (บุตรชาย/บุตรหญิง) และ/หรือ พี่น้อง (พี่น้องชาย/พี่น้องหญิง)
“ญาติใกล้ชิด” ไม่ได้รวมถึงบิดามารดา ถ้าตอบว่า “Yes” เราต้องให้รายละเอียดเพิ่มเติม
และคลิก “Add Another” เพื่อเพิ่มรายละเอียดเกี่ยวกับญาติใกล้ชิดที่มีมากกว่าหนึ่งคนที่อยู่ในสหรัฐฯ
ของเราตอบ ว่า No เนื่องจาก ญาติที่เราจะไปอยู่ด้วยไม่ใช่ ญาติใกล้ชิดตามที่หนังสือคู่มือได้บอกไว้
อันนี้สำคัญนะคะ ถ้าเราไม่ได้มีญาติใกล้ชิดแบบที่เขานิยามไว้ แต่ดันตอบ Yes ไป เพราะคิดว่าเป็นญาติใกล้ชิด โดยใช้ความรู้สึก
คำถามนี้จะกลายเป็นคำถามที่ยืดยาวเลยค่ะ 5555555555555
- ในหมวดข้อมูลครอบครัว คำถาม Do you have any other relatives in the United State?
เราตอบ Yes เพราะมีญาติ คนอื่นๆ อยู่ในสหรัฐฯ ด้วย คือ ตอบในกรณีที่เรามีญาติ นอกเหนือจากญาติที่ชวนเราไปเที่ยวค่ะ
- ในหมวดประวัติการทำงาน/การศึกษา/การฝึกงาน ในช่อง Briefly Describe your Duties เรากรอกว่า
เราเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 3 ในสาขาวิชา XXXXXXXXXXXXX คณะ XXXXXXXXXXXXXXX มหาวิทยาลัย XXXXXXXXXXXXX
ปล. เราคิดว่าชั้นปีและการกรอกมหาลัยมีความสำคัญในการสร้างความน่าเชื่อถือนะคะ ถ้าเป็นปีที่ 4 เราอาจจะไม่ต้องกรอกชั้นปีไปก็ได้ค่ะ
เราคิดว่า ในส่วนนี้คือตอนไปสัมภาษณ์ก็ต้องตอบดีๆ ค่ะ ตอบในแง่ที่เราจะไม่เข้าข่ายเป็นแรงงานต่างด้าวในบ้านเขา
หนีวีซ่า ไม่ไปแอบทำงาน ไปไม่กลับทำนองนี้ค่ะ ห้ามไปวีซ่าผิดประเภทนะคะ ทุกคน เพราะจับได้มีผลต่อการขอในอนาคตค่ะ
คือ
ถ้าเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 4 ก็ควรไปทำก่อนที่จะจบการศึกษาหรือก่อนปิดเทอมสุดท้ายค่ะ แต่ถ้าเป็นปีอื่นก็ลุยไปเลยค่ะ
- ในหมวด Security and Background Information ในตอบ
No ทุกข้อไปเลยค่ะ ถ้าตอบ Yes ไปนี่คือ จบไปเลยค่ะ 55
- ในข้อที่ถามว่า Did anyone assist you in filling out this application? คือมีใครช่วยกรอกรึเปล่า
เราตอบว่า No ค่ะ เราคิดว่าอันนี้ก็มีผลนะคะ อารมณ์ประมาณว่าขนาดแบบฟอร์มนี้ยังให้คนอื่นช่วยเลย บลาๆ
ทั้งที่เราเองก็ถามพ่อ ถามญาติหรือดูจากเว็บต่างๆ บ้าง แต่เราก็ไม่ถึงกับใครมาช่วยกรอกค่ะ ฉะนั้นแล้วไม่ต้องใส่ไปค่ะ
3.อัปโหลดรูปละบันทึก (Save) ใบ Confirmation
เราต้องอัปโหลดไฟล์รูปให้ได้ตามมาตรฐานของเขาค่ะ เมื่ออัปโหลดเรียบร้อย เราก็จะได้หน้า Confirmation
โดยเป็นใบแสดงสิ่งที่เรากรอกไปทั้งหมด และมีบาร์โค้ดที่จะใช้ในวันสัมภาษณ์
ซึ่งจะมีสามตัวเลือกข้างล่าง 3 อย่าง นั่นคือ
- ปริ้นท์ใบ Confirmation : เพื่อนำไปใช้ในวันสัมภาษณ์ ต้องปริ้นท์เลเซอร์ เพื่อให้ความละเอียดกับบาร์โค้ด ถ้าไม่ละเอียด บาร์โค้ดไม่ชัด ใช้ไม่ได้นะคะ
- ปริ้นท์ใบสมัคร : เพื่อใช้ทวนความจำว่าเราตอบอะไรไปบ้าง ตอนไปสัมภาษณ์จะได้ตอบตรงกัน ถ้าไม่มีเครื่องปริ้นท์ก็ถ่ายภาพหน้าจอไว้เลยค่ะ
- ส่งใบ Confirmation ไปยังอีเมล์ของเรา : เพื่อที่เราเก็บเอาไว้กันสูญหาย กันตายค่ะคุณผู้ชม
หรือส่งไปยังอีเมล์ ในกรณีที่เราไม่พร้อมปริ้นท์ใบ Confirmation ค่ะ เพราะเราไม่มีเครื่องปริ้นท์คุณภาพในบ้านเลยค่ะ 555
สำคัญ
- ใบ Confirmation จะเป็นใบที่เราต้องนำไปใช้ในวันสัมภาษณ์ค่ะ เราจะไม่ใช้ใบสมัครในวันนั้นนะคะ
4.ชำระเงินและจองวันสัมภาษณ์ค่ะ
เข้าไปที่เว็บนี้ค่ะ
http://www.ustraveldocs.com/th/
เขาจะถามว่าเราสมัครเป็บครั้งแรกรึเปล่า เราก็ตอบ Yes แล้วกดเปลี่ยนภาษาเป็นภาษาไทยที่มุมบนขวา
หน้าต่อไป ก็ถามว่า"ท่านต้องการยื่นคำร้องขอวีซ่าชั่วคราว หรือ วีซ่าถาวร"
เราตอบ วีซ่าชั่วคราวนะคะ เนื่องจากเป็นวีซ่าท่องเที่ยวเจ้าค่ะ
หลังจากนั้นเราก็กดไปที่
ทางเลือกชำระค่าธรรมเนียมวีซ่า ทางช่องฝั่งซ้ายเพื่ออ่านรายละเอียดค่ะ
แล้วก็กดเข้าไปที่
เข้าสู่ระบบ มุมบนซ้ายค่ะ หลังจากนั้นกดที่
ผู้ใช้ใหม่
หลังจากนั้นเมื่อเข้าระบบไปแล้ว ก็เลือก เลือก “การสมัครขอวีซ่าใหม่/นัดสัมภาษณ์วีซ่า” ที่ด้านซ้ายมือของหน้าจอ ดำเนินการตามขั้นตอน เลือกชนิดวีซ่า สถานที่ยื่นคำร้องวีซ่า ประเภทวีซ่า จากนั้นกดที่ Click here for all payment options
แล้วก็จะได้หน้านี้มาค่ะ
เราก็เอาข้อมูลตรงนี้ไปกรอกในแบบฟอร์มการชำระค่าธรรมเนียม
http://www.ustraveldocs.com/th_th/BAYDepositSlip.pdf
หลังจากชำระเงินเรียบร้อย ก็เข้าระบบไปกรอกหมายเลยใบเสร็จ ในช่อง Receipt Number กันค่ะ
หลังจากนั้นก็รอ วันทำการถัดไป หลัง 12:00 น. และจะมีอีเมลล์ส่งมาว่า
Receipt number XX has been activated and you can now schedule an appointment at
http://www.ustraveldocs.com/th
จึงจะสามารถจองวันเข้าสัมภาษณ์ได้ค่ะ
สำคัญ
- เราจะต้องนำใบชำระเงินไปในวันสัมภาษณ์ค่ะ
นักเรียนนักศึกษาทำวีซ่าท่องเที่ยวสหรัฐฯ 10 ปี ไม่ยาก ถ้ามีญาติ!
เราเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 4 อยู่มหาวิทยาลัยหนึ่ง
เนื่องจากปี 2017 ที่ผ่านมา เราได้มีโอกาสไปสหรัฐอเมริกา โดยมีญาติที่อยู่ที่สหรัฐฯ เป็นคนชวนไปค่ะ
เราจึงอยากนำเอาประสบการณ์การการขอวีซ่าท่องเที่ยวและการผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองมาบอกเล่าค่ะ
เพราะการขอครั้งนี้ทำให้เรารู้สึกว่าใครๆ ก็ไปได้ ถ้าตั้งใจและจริงใจค่ะ
ผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วยนะคะทุกคน เนื่องจากผ่านมาเป็นระยะเวลานาน อาจจำได้บ้างไม่ได้บ้าง 5555
อย่างที่ทราบกันดีว่าการขอวีซ่าสหรัฐฯ เป็นอะไรที่ ยากและน่ากังวลอย่างมาก เราเองก็เป็นหนึ่งในนั้นค่ะ
เราเป็นคนที่ไม่เคยไปต่างประเทศมาก่อน ดังนั้นความมั่นใจและความสามารถในการทำเอกสารต่าง ๆ ค่อนข้างเป็นศูนย์เลยค่ะ
แต่ด้วยความไม่รู้ เราจึงเริ่มต้นที่การค้นหาในกูลเกิ้ลเลยค่ะ โดยเว็บที่ให้ความรู้และความมั่นใจนั้นกับเรา มีดังนี้ค่ะ
http://www.ustraveldocs.com/th_th/th-niv-visaapply.asp
http://www.ustraveldocs.com/th_th/th-niv-typeb1b2.asp
https://2baht.com/usa-visa-howto/
http://www.jobsamerica.co.th/knowledge/formvisa.html
http://www.jobsamerica.co.th/download/ds_160_step_by_step_guide_thai.pdf
https://ppantip.com/topic/35021980
สำหรับเราแล้วนั้น เราได้เว็บพวกนี้เป็นตัวหลักในการกรอกข้อมูลลงใน DS-160 เพื่อขอวีซ่าสหรัฐอเมริกาค่ะ
โดยขั้นตอนในการขอวีซ่าสหรัฐฯ มีดังนี้ค่ะ
1.เตรียมข้อมูลและเอกสารในการกรอกแบบฟอร์ม DS-160 ค่ะ
โดยข้อมูลที่จะต้องเตรียมไว้มีดังนี้ค่ะ (เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมดนะคะ)
- ข้อมูลส่วนตัวตนเอง ตั้งแต่ ชื่อ-นามสกุล(ทั้งภาษาอังกฤษและไทยค่ะ) ชื่อที่เคยใช้ สถานที่เกิด วันเกิด เลขประจำตัวประชาชน ที่อยู่บ้านและที่อยู่ที่ติดต่อสะดวก เบอร์โทรศัพท์ อีเมล์ เลขที่Passport อาทิ AA1234556 โดยอายุเหลือไม่ต่ำกว่า 6 เดือน ประเทศที่ออกหนังสือเดินทางให้และเมืองที่ทำหนังสือเดินทาง วันที่ออกและหมดอายุหนังสือเดินทาง และเลขเล่มPassportของเรา ซึ่งเป็นหมายเลขใต้บาร์โคดหลังหนังสือเดินทางของเราค่ะ
- ประเภทวีซ่าที่ขอ เราก็ต้องดูว่าเราไปวีซ่าอะไร อย่างวีซ่าท่องเที่ยวก็จะเป็น วีซ่าเยี่ยมเยียน B-1/B-2 ค่ะ วันที่จะเดินทางไปสหรัฐฯ และจำนวนระยะเวลาที่จะไป (1เดือน หรือ 20 วัน อื่นๆ )
- ที่อยู่ที่จะพักที่สหรัฐฯ โดยของเราจะเป็นที่อยู่ญาติที่ชวนเราไปค่ะ อันนี้ก็ต้องสอบถามไปยังญาติก่อนนะคะเพื่อที่เวลากรอกข้อมูลจะไปเป็นไปอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่ บ้านเลขที่ ถนน เมือง รัฐและ Zip Code หรือรหัสไปรษณีย์
- ข้อมูลของคนที่จะเป็นสปอนเซอร์ หรือผู้ออกค่าใช้จ่ายให้เราไป โดยเราเอาพี่สาวแม่เป็นสปอนเซอร์ ฉะนั้น จึงต้องเตรียม ชื่อ-นามสกุลเป็นภาษาอังกฤษ เบอร์โทรศัพท์ และอีเมล์ ของสปอนเซอร์
- ข้อมูลของญาติที่อยู่ที่สหรัฐฯ ได้แก่ ชื่อ-นามสกุล ชื่อบริษัที่ญาติทำงาน(ไม่รู้ไม่เป็นไร) ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ อีเมล์(มีหรือไม่ก็ได้)
- ข้อมูลพ่อแม่ของเรา ได้แก่ ชื่อ-นามสกุลเป็นภาษาอังกฤษ วันเดือนปีเกิด
- ข้อมูลมหาวิทายาลัยหรือโรงเรียน ได้แก่ ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ ของสถานศึกษา
- ถ่ายรูปวีซ่า และขอไฟล์รูป เพื่ออัปโหลดในแบบฟอร์มกันค่ะ
2.กรอกแบบฟอร์ม DS-160 ออนไลน์ เพื่อขอวีซ่า ผ่านเว็บนี้ค่ะ
https://ceac.state.gov/genniv/
จะขึ้นดังนี้ค่ะ
โดยหน้าแรก หากเราคิดว่าเราไม่เข้าใจภาษาอังกฤษมากและอยากมั่นใจว่าจะกรอกถูกต้อง เราจะต้องเลือกภาษาที่มุมบนขวาเป็นภาษาไทยก่อนค่ะ
เมื่อเราเลือกแล้วนั้น เราจะสามารถดูคำแปลต่างๆ โดยการเอาเมาส์ไปชี้ที่ข้อความนั้นๆ ค่ะ
และต่อไปให้เราเลือกสถานที่ที่เราจะเข้าไปสัมภาษณ์วีซ่าค่ะ โดยประเทศไทยมีสองที่ได้แก่ กรุงเทพฯ และเชียงใหม่ ค่ะ
เมื่อเราเลือกสถานที่เรียบร้อย หน้าเว็บจะมีการรีหน้าเว็บใหม่ค่ะ ไม่ต้องตกใจค่ะ หลังจากนั้นเราก็กรอกรหัสที่ขึ้นในกรอบด้านล่างช่องเลือกสถานที่ได้เลยค่ะ
เมื่อเรากรอกรหัสเรียบร้อย เราก็กดเริ่มกรอกใบสมัครได้เลยค่ะ โดยกดไปที่ START AN APPLICATION
ส่วนตัวเลือกอื่นๆ ด้านล่างจะเป็นการอัปโหลดใบสมัครที่เราเคยกรอกไว้แล้ว และเซฟลงเครื่อง(UPLOAD AN APPLICATION)
กับเรียกดูใบสมัครที่เรากรอกไว้แล้ว โดยการเข้าระบบเลขใบสมัครและคำตอบของคำถาม Security ค่ะ (RETRIEVE AN APPLICATION)
เมื่อกดเข้าไปแล้วจะขึ้นดังนี้ค่ะ
จากในรูปคือเราต้องจด เลขที่ใบสมัครไว้นะคะ เพราะเวลาที่เราอยู่ในระบบนานเกินไป หรือกรอกไม่เสร็จในครั้งเดียวและจะกรอกต่อในภายหลัง
เราต้องใช้ เลขใบสมัคร และ5 ตัวอักษรของนามสกุล กับปีเกิดค่ะ
โดยเราสามารถเลือกคำถามที่เราคิดว่าเราจะจำได้มากที่สุด ของเราเราเลือกเป็นเมืองที่พ่อกับแม่พบกันค่ะ เพราะมันคือบ้านเกิดเราในปัจจุบัน
(ในรูป เราเขียนว่าคำถามใช้ในการเข้าระบบครั้งต่อไป อันนี้ไม่ใช่นะคะแต่ใช้ตามที่เราบอกข้างบนแทนค่ะ)
เมื่อเสร็จแล้ว เราก็กด Continue ได้เลยค่ะ
แล้วก็เริ่มกรอกข้อมูลส่วนตัวได้เลยค่ะ สามารถดูวิธีกรอกได้อย่างเว็บต่างๆ ที่เราแนบได้เลยค่ะ
วิธีเข้าระบบเพื่อกรอกข้อมูลครั้งต่อไป ต้องทำตามขั้นแรกเลยค่ะ นั่นคือ กรอกสถานที่ที่เราจะไปสัมภาษณ์และรหัส
หลังจากนั้นกดไปที่ RETRIEVE AN APPLICATION ใช้ เลขใบสมัคร และ5 ตัวอักษรของนามสกุล กับปีเกิด ดังในรูปนี้ค่ะ
คำเตือนในการกรอก
- กรอกข้อมูลตามจริง
- จดเลขใบสมัคร ห้ามหาย!
- ต้องมั่นใจว่าเป็นคำตอบที่ถูกต้อง
- อย่าใช้เวลาในการกรอกนานเกินไป เพราะมีเวลาจำกัดไม่เกิน 75 นาที
เคล็ดลับของเราในการกรอก
- ในหมวดข้อมูลครอบครัว คำถาม Do you have any immediate relatives, not including parents, in the United Sates?
ตอบว่า “Yes” หรือ “No” ถ้าเรามีญาติใกล้ชิด อาศัยอยู่ในสหรัฐฯ หรือไม่
“ญาติใกล้ชิด” หมายถึง คู่หมั้นคู่สมรส (สามี/ภรรยา) บุตร (บุตรชาย/บุตรหญิง) และ/หรือ พี่น้อง (พี่น้องชาย/พี่น้องหญิง)
“ญาติใกล้ชิด” ไม่ได้รวมถึงบิดามารดา ถ้าตอบว่า “Yes” เราต้องให้รายละเอียดเพิ่มเติม
และคลิก “Add Another” เพื่อเพิ่มรายละเอียดเกี่ยวกับญาติใกล้ชิดที่มีมากกว่าหนึ่งคนที่อยู่ในสหรัฐฯ
ของเราตอบ ว่า No เนื่องจาก ญาติที่เราจะไปอยู่ด้วยไม่ใช่ ญาติใกล้ชิดตามที่หนังสือคู่มือได้บอกไว้
อันนี้สำคัญนะคะ ถ้าเราไม่ได้มีญาติใกล้ชิดแบบที่เขานิยามไว้ แต่ดันตอบ Yes ไป เพราะคิดว่าเป็นญาติใกล้ชิด โดยใช้ความรู้สึก
คำถามนี้จะกลายเป็นคำถามที่ยืดยาวเลยค่ะ 5555555555555
- ในหมวดข้อมูลครอบครัว คำถาม Do you have any other relatives in the United State?
เราตอบ Yes เพราะมีญาติ คนอื่นๆ อยู่ในสหรัฐฯ ด้วย คือ ตอบในกรณีที่เรามีญาติ นอกเหนือจากญาติที่ชวนเราไปเที่ยวค่ะ
- ในหมวดประวัติการทำงาน/การศึกษา/การฝึกงาน ในช่อง Briefly Describe your Duties เรากรอกว่า
เราเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 3 ในสาขาวิชา XXXXXXXXXXXXX คณะ XXXXXXXXXXXXXXX มหาวิทยาลัย XXXXXXXXXXXXX
ปล. เราคิดว่าชั้นปีและการกรอกมหาลัยมีความสำคัญในการสร้างความน่าเชื่อถือนะคะ ถ้าเป็นปีที่ 4 เราอาจจะไม่ต้องกรอกชั้นปีไปก็ได้ค่ะ
เราคิดว่า ในส่วนนี้คือตอนไปสัมภาษณ์ก็ต้องตอบดีๆ ค่ะ ตอบในแง่ที่เราจะไม่เข้าข่ายเป็นแรงงานต่างด้าวในบ้านเขา
หนีวีซ่า ไม่ไปแอบทำงาน ไปไม่กลับทำนองนี้ค่ะ ห้ามไปวีซ่าผิดประเภทนะคะ ทุกคน เพราะจับได้มีผลต่อการขอในอนาคตค่ะ
คือ ถ้าเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 4 ก็ควรไปทำก่อนที่จะจบการศึกษาหรือก่อนปิดเทอมสุดท้ายค่ะ แต่ถ้าเป็นปีอื่นก็ลุยไปเลยค่ะ
- ในหมวด Security and Background Information ในตอบ No ทุกข้อไปเลยค่ะ ถ้าตอบ Yes ไปนี่คือ จบไปเลยค่ะ 55
- ในข้อที่ถามว่า Did anyone assist you in filling out this application? คือมีใครช่วยกรอกรึเปล่า
เราตอบว่า No ค่ะ เราคิดว่าอันนี้ก็มีผลนะคะ อารมณ์ประมาณว่าขนาดแบบฟอร์มนี้ยังให้คนอื่นช่วยเลย บลาๆ
ทั้งที่เราเองก็ถามพ่อ ถามญาติหรือดูจากเว็บต่างๆ บ้าง แต่เราก็ไม่ถึงกับใครมาช่วยกรอกค่ะ ฉะนั้นแล้วไม่ต้องใส่ไปค่ะ
3.อัปโหลดรูปละบันทึก (Save) ใบ Confirmation
เราต้องอัปโหลดไฟล์รูปให้ได้ตามมาตรฐานของเขาค่ะ เมื่ออัปโหลดเรียบร้อย เราก็จะได้หน้า Confirmation
โดยเป็นใบแสดงสิ่งที่เรากรอกไปทั้งหมด และมีบาร์โค้ดที่จะใช้ในวันสัมภาษณ์
ซึ่งจะมีสามตัวเลือกข้างล่าง 3 อย่าง นั่นคือ
- ปริ้นท์ใบ Confirmation : เพื่อนำไปใช้ในวันสัมภาษณ์ ต้องปริ้นท์เลเซอร์ เพื่อให้ความละเอียดกับบาร์โค้ด ถ้าไม่ละเอียด บาร์โค้ดไม่ชัด ใช้ไม่ได้นะคะ
- ปริ้นท์ใบสมัคร : เพื่อใช้ทวนความจำว่าเราตอบอะไรไปบ้าง ตอนไปสัมภาษณ์จะได้ตอบตรงกัน ถ้าไม่มีเครื่องปริ้นท์ก็ถ่ายภาพหน้าจอไว้เลยค่ะ
- ส่งใบ Confirmation ไปยังอีเมล์ของเรา : เพื่อที่เราเก็บเอาไว้กันสูญหาย กันตายค่ะคุณผู้ชม
หรือส่งไปยังอีเมล์ ในกรณีที่เราไม่พร้อมปริ้นท์ใบ Confirmation ค่ะ เพราะเราไม่มีเครื่องปริ้นท์คุณภาพในบ้านเลยค่ะ 555
สำคัญ
- ใบ Confirmation จะเป็นใบที่เราต้องนำไปใช้ในวันสัมภาษณ์ค่ะ เราจะไม่ใช้ใบสมัครในวันนั้นนะคะ
4.ชำระเงินและจองวันสัมภาษณ์ค่ะ
เข้าไปที่เว็บนี้ค่ะ http://www.ustraveldocs.com/th/
เขาจะถามว่าเราสมัครเป็บครั้งแรกรึเปล่า เราก็ตอบ Yes แล้วกดเปลี่ยนภาษาเป็นภาษาไทยที่มุมบนขวา
หน้าต่อไป ก็ถามว่า"ท่านต้องการยื่นคำร้องขอวีซ่าชั่วคราว หรือ วีซ่าถาวร"
เราตอบ วีซ่าชั่วคราวนะคะ เนื่องจากเป็นวีซ่าท่องเที่ยวเจ้าค่ะ
หลังจากนั้นเราก็กดไปที่ ทางเลือกชำระค่าธรรมเนียมวีซ่า ทางช่องฝั่งซ้ายเพื่ออ่านรายละเอียดค่ะ
แล้วก็กดเข้าไปที่ เข้าสู่ระบบ มุมบนซ้ายค่ะ หลังจากนั้นกดที่ ผู้ใช้ใหม่
หลังจากนั้นเมื่อเข้าระบบไปแล้ว ก็เลือก เลือก “การสมัครขอวีซ่าใหม่/นัดสัมภาษณ์วีซ่า” ที่ด้านซ้ายมือของหน้าจอ ดำเนินการตามขั้นตอน เลือกชนิดวีซ่า สถานที่ยื่นคำร้องวีซ่า ประเภทวีซ่า จากนั้นกดที่ Click here for all payment options
แล้วก็จะได้หน้านี้มาค่ะ
เราก็เอาข้อมูลตรงนี้ไปกรอกในแบบฟอร์มการชำระค่าธรรมเนียม
http://www.ustraveldocs.com/th_th/BAYDepositSlip.pdf
หลังจากชำระเงินเรียบร้อย ก็เข้าระบบไปกรอกหมายเลยใบเสร็จ ในช่อง Receipt Number กันค่ะ
หลังจากนั้นก็รอ วันทำการถัดไป หลัง 12:00 น. และจะมีอีเมลล์ส่งมาว่า
Receipt number XX has been activated and you can now schedule an appointment at http://www.ustraveldocs.com/th
จึงจะสามารถจองวันเข้าสัมภาษณ์ได้ค่ะ
สำคัญ
- เราจะต้องนำใบชำระเงินไปในวันสัมภาษณ์ค่ะ