เราจะไม่พูดถึงเรื่องงานของคนอื่น เราจะพูดแค่งานของเรา งานของเราคือ แม่ลูกอ่อน full-time...(24hrs)
ใครๆก็พูดว่า โอ้ยย ดีจะตายนอนอยู่บ้านเลี้ยงลูก.. แหมอยากจะบอกว่ามันไม่ได้สบายอย่างที่คุณว่านะคะ
เราจะต้องคำนึงถึงอนาคตของลูกอยู่เสมอ จินตนาการ การคาดเดาสถาณการณ์หลายๆแบบ การสังเกตพฤติกรรม การพัฒนาการ วิธีรับมือกับการเปลี่ยนแปลง ความผิดปกติของลูกน้อย รวมไปถึงการใช้ชีวิตแบบคนปกติที่จะต้องกิน อาบน้ำ ขี้ ฉี่ไปด้วย ในสถาวะที่ต้องจำกัดทางการเงิน และพื้นที่
ใช่คะ.. งานมันไม่มีคนอื่นมากดดันมากนัก แต่ต้องกดดันตัวเองมาก เพราะเรากำลังเลี้ยง 1 ชีวิตให้เติบโตมาเป็นหน้าตา ขี้ปาก อนาคตของชาติ.. บางวันก็จะโดนกดดันทั้งวันทั้งทางตรง และทางอ้อม ใครๆก็บอกว่า อย่าใส่ใจ.. ก็พยามไม่ใส่ใจแล้วนะ แต่ถ้าโดนคนใกล้ชิด.. พูดเรื่องเดิมซ้ำๆทั้งวัน เป็นคุณสักวันก็คงจิตตก นี่ยังไม่รวมเวลาที่ลูกอยากเล่น อยากให้เราใส่ใจเวลาไม่พร้อม หรือลูกร้องไห้งอแงทั้งวัน
หนักกว่า คือ... เรายังมีสามีอีก สามีนั้นเป็น เรียกว่า บุพเพสันนิวาส หรือเจ้ากรรมนายเวรดี
วันๆกลับบ้านมืดมาก เรียกว่าอย่ากลับเลยดีกว่า เที่ยงคืน ตี1 ตี2
เดี๋ยวนี้มันฉลาดแล้วด้วย ปกตินอนด้วยกันคุณสามีจะต้องทนเสียงร้องของลูกทุกคืน โดนลูกถึบ นอนไม่เป็นสุข ตอนนี้เรียกให้มานอนในห้อง สามีบอก เค้าไม่อยากเข้าไปเดี๋ยวลูกตื่น.. เค้าทำนุ้นทำนี้อยู่
เวลาทำอะไร มันจะเรียกแต่เรา แกหาไม่เจออ่ะ แกไฟดับหรอ แกลูกเป็นไรอ่ะ แกๆ
ของอะไรที่จะเอาให้มันจะต้องประเคนให้ถึงที่ ไม่งั้นมันจะไม่เอาไป
โอเค... ไม่เป็นไร... อย่างน้อยมันก็ยังมีของดีอยู่บ้าง
วันอาทิตย์ วันแห่งครอบครัว วันเดียวที่คุณสามีหยุด
สามีป่วย สามีออกไปพบปะเจอเพื่อน สามีเอางานกลับมาทำ(รวมเป็นทำงาน7วัน)
เอาเป็นว่าน้อยมากที่คุณสามีจะมีเวลาเต็มวัน หรือมีเวลา "จริงๆ" ให้เรากับลูก
จากที่เล่ามานั้น สามีแทบไม่อยู่บ้านเลย แต่ของๆสามีนั้น.. กระจายทั่วบ้าน
กางเกงใน ถุงเท้า เสื้อผ้าใช้แล้ว ของที่กินเสร็จเก็บส่วนนึง ลืมส่วนนึง
อันนี้โมโหมาก! พอจิกให้ทำ ก็รำคาญ หงุดหงิด พอไม่พูดบ้านก็สกปรกมาก
เหมือนเลี้ยงลูก 2 คนอ่ะ ลูกอ่อนคนนึง มัธยมปลายคนนึง นี่จะไม่ใช่เมียล่ะ จะเป็นแม่ล่ะ!
สุดท้าย สิ่งที่ต้องการคือ อย่ามาดูถูกงานคนอื่นเลยค่ะ ว่ามันสบาย มันง่าย
ความกดดันมันคนละแบบ แต่ละคนรับความกดดันได้ไม่เท่ากัน
งานไหนหนักกว่า เบากว่า เอาอะไรวัด...
แม่คนอื่นทำไมทำได้ ทำไมเราทำไม่ได้ การให้ความสำคัญในแต่ละเรื่องอาจจะต่างกัน นี่คือ คหสต จ้าา
นี่ยังไม่รวมถึงลูกทำร้ายร่างกาย ดึงผม เอาหัวโขก กัดหัวนม
การปัดภาระวางแผนอนาคต วางแผนทางการเงิน การออมเงิน หรือการกดดันให้ทำงานหารายได้ที่บ้านนะ
ปล. ช่วงนี้อารมณ์ดีหน่อยๆ ก็จะมองโลกในแง่ดีหน่อย ช่วงไหนดาร์คๆ โปรดเข้าใจนิดนึงน้า
โพสแห่งการระบาย ของแม่ลูกอ่อน full time
ใครๆก็พูดว่า โอ้ยย ดีจะตายนอนอยู่บ้านเลี้ยงลูก.. แหมอยากจะบอกว่ามันไม่ได้สบายอย่างที่คุณว่านะคะ
เราจะต้องคำนึงถึงอนาคตของลูกอยู่เสมอ จินตนาการ การคาดเดาสถาณการณ์หลายๆแบบ การสังเกตพฤติกรรม การพัฒนาการ วิธีรับมือกับการเปลี่ยนแปลง ความผิดปกติของลูกน้อย รวมไปถึงการใช้ชีวิตแบบคนปกติที่จะต้องกิน อาบน้ำ ขี้ ฉี่ไปด้วย ในสถาวะที่ต้องจำกัดทางการเงิน และพื้นที่
ใช่คะ.. งานมันไม่มีคนอื่นมากดดันมากนัก แต่ต้องกดดันตัวเองมาก เพราะเรากำลังเลี้ยง 1 ชีวิตให้เติบโตมาเป็นหน้าตา ขี้ปาก อนาคตของชาติ.. บางวันก็จะโดนกดดันทั้งวันทั้งทางตรง และทางอ้อม ใครๆก็บอกว่า อย่าใส่ใจ.. ก็พยามไม่ใส่ใจแล้วนะ แต่ถ้าโดนคนใกล้ชิด.. พูดเรื่องเดิมซ้ำๆทั้งวัน เป็นคุณสักวันก็คงจิตตก นี่ยังไม่รวมเวลาที่ลูกอยากเล่น อยากให้เราใส่ใจเวลาไม่พร้อม หรือลูกร้องไห้งอแงทั้งวัน
หนักกว่า คือ... เรายังมีสามีอีก สามีนั้นเป็น เรียกว่า บุพเพสันนิวาส หรือเจ้ากรรมนายเวรดี
วันๆกลับบ้านมืดมาก เรียกว่าอย่ากลับเลยดีกว่า เที่ยงคืน ตี1 ตี2
เดี๋ยวนี้มันฉลาดแล้วด้วย ปกตินอนด้วยกันคุณสามีจะต้องทนเสียงร้องของลูกทุกคืน โดนลูกถึบ นอนไม่เป็นสุข ตอนนี้เรียกให้มานอนในห้อง สามีบอก เค้าไม่อยากเข้าไปเดี๋ยวลูกตื่น.. เค้าทำนุ้นทำนี้อยู่
เวลาทำอะไร มันจะเรียกแต่เรา แกหาไม่เจออ่ะ แกไฟดับหรอ แกลูกเป็นไรอ่ะ แกๆ
ของอะไรที่จะเอาให้มันจะต้องประเคนให้ถึงที่ ไม่งั้นมันจะไม่เอาไป
โอเค... ไม่เป็นไร... อย่างน้อยมันก็ยังมีของดีอยู่บ้าง
วันอาทิตย์ วันแห่งครอบครัว วันเดียวที่คุณสามีหยุด
สามีป่วย สามีออกไปพบปะเจอเพื่อน สามีเอางานกลับมาทำ(รวมเป็นทำงาน7วัน)
เอาเป็นว่าน้อยมากที่คุณสามีจะมีเวลาเต็มวัน หรือมีเวลา "จริงๆ" ให้เรากับลูก
จากที่เล่ามานั้น สามีแทบไม่อยู่บ้านเลย แต่ของๆสามีนั้น.. กระจายทั่วบ้าน
กางเกงใน ถุงเท้า เสื้อผ้าใช้แล้ว ของที่กินเสร็จเก็บส่วนนึง ลืมส่วนนึง
อันนี้โมโหมาก! พอจิกให้ทำ ก็รำคาญ หงุดหงิด พอไม่พูดบ้านก็สกปรกมาก
เหมือนเลี้ยงลูก 2 คนอ่ะ ลูกอ่อนคนนึง มัธยมปลายคนนึง นี่จะไม่ใช่เมียล่ะ จะเป็นแม่ล่ะ!
สุดท้าย สิ่งที่ต้องการคือ อย่ามาดูถูกงานคนอื่นเลยค่ะ ว่ามันสบาย มันง่าย
ความกดดันมันคนละแบบ แต่ละคนรับความกดดันได้ไม่เท่ากัน
งานไหนหนักกว่า เบากว่า เอาอะไรวัด...
แม่คนอื่นทำไมทำได้ ทำไมเราทำไม่ได้ การให้ความสำคัญในแต่ละเรื่องอาจจะต่างกัน นี่คือ คหสต จ้าา
นี่ยังไม่รวมถึงลูกทำร้ายร่างกาย ดึงผม เอาหัวโขก กัดหัวนม
การปัดภาระวางแผนอนาคต วางแผนทางการเงิน การออมเงิน หรือการกดดันให้ทำงานหารายได้ที่บ้านนะ
ปล. ช่วงนี้อารมณ์ดีหน่อยๆ ก็จะมองโลกในแง่ดีหน่อย ช่วงไหนดาร์คๆ โปรดเข้าใจนิดนึงน้า