อายุ 25 ความใฝ่ฝัน ของผม อยากมีรถยนต์ สักคัน แล้วผมมอง ว่า อายุก็วัยกลางคนแล้ว ตอนนี้ก็โสดอยู่คนเดียว น่าจะ มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเก็บสะสมเงินมาดาวน์รถ 60,000บาท (ความคิดผมในขณะนั้น ยังไงก็ต้อง มีรถยนต์) เลยตัดสินใจออกรถ ISUZU แคป 1.9 s ราคา 595,000 บาท ดอกเบี้ย 2.89 ผ่อน 8,050 บาท ขับไปทำงาน สะดวกกว่าเมื่อก่อนจริงๆ จะไปที่ไหนก็สะดวก หาญาติๆ หรือกลับบ้านภูมิลำเนาก็สะดวกสบาย ก็เลยตัดสินใจออกรถยนต์
ตอนนี้ ผมอายุ 26 ปี แล้ว เงินเดือน 15,200 บาท ผ่อนรถ มา 11 งวดแล้ว เงินเดือนขนาดนี้ เงินเดือนชนเดือน สำหรับการมีรถยนต์ ช่วงเดือนแรกที่ออรถยนต์ กลื่นไม่เข้าคลายไม่ออก เครียด มากๆ 3 เดือนแรก มีแต่ความทุกข์ใจ อาหาร มาม่า กับข้าวต้มอร่อยที่สุด ใช้เงินกับการกิน ต่อเดือน ให้พอ 1,500 บาทต่อเดือนซึ้งมองไป 6 ปีถ้าเป็นอยู่ แบบนี้ ก็ ไม่ไหวแน่ อนาคตก็อยากจะมีครอบครัว ก็อยากลองคิดวิธีหาเงินเพิ่มไปอีก
มาดูปัญหาค่าใช้จ่ายปีที่ผ่านมาครับ
เงิน 15,200 บาท
1.ค่าห้องเช่า 900
2. ค่าน้ำ 100 (ค่าไฟฟรี ไม่ค่อยได้อยู่ห้อง)
3.ค่าโทรศัพท์ 600
4.ค่ากิน - เบตล็ด 2,000
5 ค่ำน้ำมัน 3,000
6.ค่าผ่อนรถ 8,050
รวม 14,650 บาท เหลือ 550 บาท ( แต่บางเดือนก็ไม่เหลือ) และไหนจะค่าประกันชั้น 1 รถยนต์อีก
ขี้แตก หนี้หัวโต (คิดในใจ) ออกรถมาแล้วก็ต้องดูแล และ ทำให้ถึงที่สุด
ผมก็ลองศึกษาหาข้อมูล เลยไปเจอ ข้อมูลหนึ่งมา ที่น่าสนใจมากคือ ขับรถรับส่งนักเรียนความคิดในหัวคือ เออ ดีเหมือนกัน ได้เงินทุกๆ เดือนและทันที่ ต้นเดือนก็ไป ติดต่อสถานศึกษา ที่ไม่ไกล จาก ที่ทำงาน สรุปว่า ได้..ขับรถรับส่ง นักเรียนแน่นอนเพราะรถรับส่งที่ขับวิ่งประจำจะขอหยุดวิ่งเพราะ ทำไม่ไหวมันเหนื่อย ผมมาคิดวิเคราะห์อีก ตอนนี้เงินก็ไม่พอ ที่จะทำโครงหลังคา ราวๆ 18,000 บาท และ ป้ายทะเบี่ยนสีฟ้า อีกกี่พันไม่ทราบ... ทางด้านผู้อำนวยการ ระบุ ว่า ให้ผมรับ นักเรียน จำนวน 18 คน ซึ้ง นักเรียน 18 คนนี้ อยู่เส้นทาง เดี่ยวกับที่ผมไปทำงานตอนเช้าๆ ก็มีใบเอกสารของนักเรียนที่จะขึ้นรถ บ้านไหน ที่ไหน ค่ารถเท่าไร ผมก็ ต้องตลึงเลย มีคร่าวๆ ดังนี้
เก็บค่ารถนักเรียนแต่ละคน 600 -800-900 ตามระยะทาง
นักเรียน 13 คน 900 บาท รวม 11,700 บาท
นักเรียน 4 คน 800 บาท รวม2,400 บาท
นักเรียน 1 คน 600 บาท รวม 600 บาท
ผมก็ นำ จำนวนเงิน มาบวกกัน ได้เท่ากับ 14,700 บาท จะมีเงินเหลือเก็บ และส่งให้พ่อแม่ใช้ได้อีก ผมก็มีเงินกินใช้ต่อเดือนแบบสบาย
อันดับแรกเลยคือ ต้อง เอารถยนต์ไปขึ้นไฟเน้นท์ แต่ในใจ ก็ จะเป็นธนาคารออมสิน รถแลกเงิน) กู้ 20,000 บาท แล้วจะผ่อนชำระเป็นเดือน เงินกู้นี้ จะไปติดต่อธนาคาร สิ้นเดือนที่ธนาคารออมสิน (ต้องไปคุยกับทางสินเชื่อ) เป็นคนไม่เคยกู้ ไม่รู้เรื่องอะไรเลย
อันดดับสอง คิดอีกว่า ถ้านักเรียน ไม่ยอมจ่ายค่ารถ ทุกๆเดือนละ ... จะมีมาตรการแก้ไขอย่างไร
อันดับสาม ค่าเสือมสภาพรถ ก็ต้องยอมรับไปตามการใช้งาน เพราะปกติใช้ทุกวันอยู่แล้ว แต่ถ้ามีนักเรียนขึ้นมาด้วย รถก็ใช้งานหนัก ขึ้นไปอีก ระยะทาง 70 กิโลเมตร ค่าน้ำมันคงบวกเพิ่มแน่นอน ก็ต้องยอม
ก็หวังว่า ปีนี้ จะพอ สบายๆ กว่าปี ที่ผ่านมา
บางที่ คิดในใจว่า ถ้าไม่ออกรถ แต่มีเงินเก็บ 7-10 ปี ก็ อยู่แบบนี้ สภาพเดิมๆ มีเงินเก็บเยอะไม่ได้ ลงขวด หมด เที่ยว บ่อย เงินก็หมด แต่ตอนมีรถยนต์ มันจะบังคับให้เราประหยัดโดยอัตโนมัติ ก็จริงอย่างเขาว่า ตอนมีรถ อะไรๆก็เปลี่ยนไป ไม่เข้าร้านอาหาร ไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย
อยากจะ บอกว่า หาก ใครจะตัดสินใจซื้อรถยนต์มา ก็ควรคิดให้ดีดี ถ้าออกรถยนต์มาเพื่อหารายได้หาเงินเพิ่มก็สมควรออก แต่หากซื้อรถยนต์มา แล้วขับมาทำงาน ก็ควรดู ความจำเป็น ที่จะสมควรออกรถยนต์ดีมั้ย
ปีนี้ผมก็หวัง อย่างเดียว ว่า การขับรถรับส่ง นักเรียน มันจะทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น แต่ก็ ต้องทน อีก หน่อย 2 เดือน ก็เปิดเทอม สิ่งสำคัญตอนนี้คือ สภาพจิตใจเริ่มดีขึ้น พอจะเห็นความหวัง เห็นความสว่าง มีรายได้ที่เพิ่มขึ้น...
มีอะไร สงสัย ถามได้ครับ ยินดีตอบทุกคน ขอบคุณที่ อ่านจบ..
ประสบการณ์ซื้อรถยนต์ของมนุษย์เงินเดือน
ตอนนี้ ผมอายุ 26 ปี แล้ว เงินเดือน 15,200 บาท ผ่อนรถ มา 11 งวดแล้ว เงินเดือนขนาดนี้ เงินเดือนชนเดือน สำหรับการมีรถยนต์ ช่วงเดือนแรกที่ออรถยนต์ กลื่นไม่เข้าคลายไม่ออก เครียด มากๆ 3 เดือนแรก มีแต่ความทุกข์ใจ อาหาร มาม่า กับข้าวต้มอร่อยที่สุด ใช้เงินกับการกิน ต่อเดือน ให้พอ 1,500 บาทต่อเดือนซึ้งมองไป 6 ปีถ้าเป็นอยู่ แบบนี้ ก็ ไม่ไหวแน่ อนาคตก็อยากจะมีครอบครัว ก็อยากลองคิดวิธีหาเงินเพิ่มไปอีก
มาดูปัญหาค่าใช้จ่ายปีที่ผ่านมาครับ
เงิน 15,200 บาท
1.ค่าห้องเช่า 900
2. ค่าน้ำ 100 (ค่าไฟฟรี ไม่ค่อยได้อยู่ห้อง)
3.ค่าโทรศัพท์ 600
4.ค่ากิน - เบตล็ด 2,000
5 ค่ำน้ำมัน 3,000
6.ค่าผ่อนรถ 8,050
รวม 14,650 บาท เหลือ 550 บาท ( แต่บางเดือนก็ไม่เหลือ) และไหนจะค่าประกันชั้น 1 รถยนต์อีก
ขี้แตก หนี้หัวโต (คิดในใจ) ออกรถมาแล้วก็ต้องดูแล และ ทำให้ถึงที่สุด
ผมก็ลองศึกษาหาข้อมูล เลยไปเจอ ข้อมูลหนึ่งมา ที่น่าสนใจมากคือ ขับรถรับส่งนักเรียนความคิดในหัวคือ เออ ดีเหมือนกัน ได้เงินทุกๆ เดือนและทันที่ ต้นเดือนก็ไป ติดต่อสถานศึกษา ที่ไม่ไกล จาก ที่ทำงาน สรุปว่า ได้..ขับรถรับส่ง นักเรียนแน่นอนเพราะรถรับส่งที่ขับวิ่งประจำจะขอหยุดวิ่งเพราะ ทำไม่ไหวมันเหนื่อย ผมมาคิดวิเคราะห์อีก ตอนนี้เงินก็ไม่พอ ที่จะทำโครงหลังคา ราวๆ 18,000 บาท และ ป้ายทะเบี่ยนสีฟ้า อีกกี่พันไม่ทราบ... ทางด้านผู้อำนวยการ ระบุ ว่า ให้ผมรับ นักเรียน จำนวน 18 คน ซึ้ง นักเรียน 18 คนนี้ อยู่เส้นทาง เดี่ยวกับที่ผมไปทำงานตอนเช้าๆ ก็มีใบเอกสารของนักเรียนที่จะขึ้นรถ บ้านไหน ที่ไหน ค่ารถเท่าไร ผมก็ ต้องตลึงเลย มีคร่าวๆ ดังนี้
เก็บค่ารถนักเรียนแต่ละคน 600 -800-900 ตามระยะทาง
นักเรียน 13 คน 900 บาท รวม 11,700 บาท
นักเรียน 4 คน 800 บาท รวม2,400 บาท
นักเรียน 1 คน 600 บาท รวม 600 บาท
ผมก็ นำ จำนวนเงิน มาบวกกัน ได้เท่ากับ 14,700 บาท จะมีเงินเหลือเก็บ และส่งให้พ่อแม่ใช้ได้อีก ผมก็มีเงินกินใช้ต่อเดือนแบบสบาย
อันดับแรกเลยคือ ต้อง เอารถยนต์ไปขึ้นไฟเน้นท์ แต่ในใจ ก็ จะเป็นธนาคารออมสิน รถแลกเงิน) กู้ 20,000 บาท แล้วจะผ่อนชำระเป็นเดือน เงินกู้นี้ จะไปติดต่อธนาคาร สิ้นเดือนที่ธนาคารออมสิน (ต้องไปคุยกับทางสินเชื่อ) เป็นคนไม่เคยกู้ ไม่รู้เรื่องอะไรเลย
อันดดับสอง คิดอีกว่า ถ้านักเรียน ไม่ยอมจ่ายค่ารถ ทุกๆเดือนละ ... จะมีมาตรการแก้ไขอย่างไร
อันดับสาม ค่าเสือมสภาพรถ ก็ต้องยอมรับไปตามการใช้งาน เพราะปกติใช้ทุกวันอยู่แล้ว แต่ถ้ามีนักเรียนขึ้นมาด้วย รถก็ใช้งานหนัก ขึ้นไปอีก ระยะทาง 70 กิโลเมตร ค่าน้ำมันคงบวกเพิ่มแน่นอน ก็ต้องยอม
ก็หวังว่า ปีนี้ จะพอ สบายๆ กว่าปี ที่ผ่านมา
บางที่ คิดในใจว่า ถ้าไม่ออกรถ แต่มีเงินเก็บ 7-10 ปี ก็ อยู่แบบนี้ สภาพเดิมๆ มีเงินเก็บเยอะไม่ได้ ลงขวด หมด เที่ยว บ่อย เงินก็หมด แต่ตอนมีรถยนต์ มันจะบังคับให้เราประหยัดโดยอัตโนมัติ ก็จริงอย่างเขาว่า ตอนมีรถ อะไรๆก็เปลี่ยนไป ไม่เข้าร้านอาหาร ไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย
อยากจะ บอกว่า หาก ใครจะตัดสินใจซื้อรถยนต์มา ก็ควรคิดให้ดีดี ถ้าออกรถยนต์มาเพื่อหารายได้หาเงินเพิ่มก็สมควรออก แต่หากซื้อรถยนต์มา แล้วขับมาทำงาน ก็ควรดู ความจำเป็น ที่จะสมควรออกรถยนต์ดีมั้ย
ปีนี้ผมก็หวัง อย่างเดียว ว่า การขับรถรับส่ง นักเรียน มันจะทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น แต่ก็ ต้องทน อีก หน่อย 2 เดือน ก็เปิดเทอม สิ่งสำคัญตอนนี้คือ สภาพจิตใจเริ่มดีขึ้น พอจะเห็นความหวัง เห็นความสว่าง มีรายได้ที่เพิ่มขึ้น...
มีอะไร สงสัย ถามได้ครับ ยินดีตอบทุกคน ขอบคุณที่ อ่านจบ..