บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ IFEC แม้กำลังมีข่าวดี ๆ เกิดขึ้น แต่เป็นข่าวดีที่มาพร้อมข่าวร้าย
ข่าวดีคือ กำลังมีอัศวินม้าขาว เข้ามากอบกู้วิกฤตที่ยืดเยื้อมากว่า 1 ปี ข่าวร้ายคือ บริษัทจดทะเบียนแห่งนี้มีพฤติกรรมโกงกันสะบั้นหั่นแหลก จนกิจการแทบจะกลายเป็นซาก
พล.ต.บุญเลิศ แจ้งนพรัตน์ ประธานกรรมการตรวจสอบ IFEC ซึ่งประกาศจุดยืน ขออยู่เคียงข้างผู้ถือหุ้นรายย่อย เจ้าหนี้ และหน่วยงานรัฐที่กำกับดูแลตลาดหุ้น กำลังแสดงเป็นบทบาทเป็นพระเอก ช่วยให้ผู้ถือหุ้นบริษัทจดทะเบียนแห่งนี้ เริ่มเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์
และการออกมาเปิดโปงพฤติกรรมการทุจริตของผู้บริหาร IFEC ทำให้สาธารณชนเห็นตัวผู้ร้ายที่ชัดเจนขึ้น
นายวิชัย ถาวรวัฒนยงค์ อดีตประธานกรรมการ และ นายศุภนันท์ ฤทธิไพโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร IFEC ตกอยู่ในฐานะจำเลยของสังคม เพราะถูกพาดพิงถึงการบริหารงานที่ไม่โปร่งใส สร้างความเสียหายให้กับผู้ถือหุ้น
พฤติกรรมที่เข้าข่ายโกงเป็นไปในสารพัดรูปแบบ ทั้งการซื้อทรัพย์สินในราคาที่สูงเกินจริง การโยกย้ายเงินไปลงทุนในต่างประเทศที่ไม่อาจตรวจสอบได้ การปกปิดข้อมูลเจ้าหนี้ การผ่องถ่ายเงิน และการไล่ออกพนักงานที่ไม่ให้ความร่วมมือในธุรกรรมที่ส่อความไม่โปรงใส
ก่อนถูกแขวนป้ายเอสพี พักการซื้อขายตั้งแต่วันที่ 12 มกราคม 2560 ฐานะการดำเนินงานของ IFEC ยังดีอยู่ แม้จะมีหนี้สินจำนวนกว่า 8 พันล้านบาท แต่มีทรัพย์สินกว่า 12,000 ล้านบาทจึงไม่อยู่ในภาวะหนี้สินล้นพ้นตัว
แต่ช่วงเวลา 1 ปีเศษที่ผ่านมา ไม่มีใครรู้ว่า ฐานะการดำเนินงานล่าสุดของ IFEC เป็นอย่างไร ยิ่งมีการเปิดโปงการยักยอกทรัพย์สิน ยิ่งทำให้สถานการณ์ของบริษัท ฯ น่าเป็นห่วง
กระบวนการแก้ปัญหากำลังกระชับเข้ามาแล้ว โดยกรรมการฝั่งนายวิชัย ทยอยลาออก และการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการ IFEC ชุดใหม่กำลังจะตามมา ขณะที่ พล.ต.บุญเลิศ กลายเป็นความหวังของผู้ถือหุ้น ในฐานะหัวเรือใหญ่ที่จะคลี่คลายวิกฤตของบริษัท
นับจากนี้ IFEC น่าจะมีพัฒนาการในการฟื้นฟูฐานะการดำเนินงานที่ดีขึ้น หลังจากตกอยู่ในแดนสนธยามายาวนาน ภายใต้การครอบงำของนายวิชัย ซึ่งมีพฤติกรรมการบริหารที่ไม่สุจริต จนถูกสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวโทษไปแล้ว 2 คดี และน่าจะมีคดีหนักตามมาอีกนับไม่ถ้วน
ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นใน IFEC สะท้อนทั้งภาพที่ดีและภาพที่ร้ายของตลาดหุ้น โดยภาพที่ดีคือ การที่ประธานกรรมการตรวจสอบบริษัท ฯ ได้แสดงให้ถึงความตระหนักในบทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบ การตรวจสอบความไม่โปร่งใสการบริหารงานของจดทะเบียน คำนึงถึงการปกป้องผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่
และไม่เกรงใจหรือไว้หน้า ฝ่ายบริหารที่มีพฤติกรรมโกงผู้ถือหุ้น
ถ้ากรรมการตรวจสอบบริษัทจดทะเบียนทุกคน ตระหนักในบทบาทหน้าที่เหมือน พล.ต.บุญเลิศ นักลงทุนคงมีความมั่นใจการลงทุนในตลาดหุ้น ไม่ต้องกลัวว่าผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนโกง เพราะมีคนช่วยสอดส่องเป็นหูเป็นตาดูแลปกป้องผลประโยชน์แทนผู้ถือหุ้น
ส่วนภาพที่ร้ายคือ พฤติกรรมการทุจริตของผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน และเชื่อว่าคงจะไม่เกิดขึ้นเฉพาะ IFEC เท่านั้น แต่อาจเกิดขึ้นกับบริษัทจดทะเบียนอีกนับร้อยแห่ง
พฤติกรรมที่เลวร้ายของฝ่ายบริหาร IFEC ที่ถูกเปิดโปง จะเป็นเครื่องเตือนใจนักลงทุนให้ระวังตัว ไม่หลงทางเข้าไปซื้อหุ้นที่มีโจรสวมสูทเป็นผู้บริหาร
เพราะหากหลวมตัวเข้าไป จะน้ำตาตกเหมือนผู้ถือหุ้น IFEC จำนวน 3 หมื่นชีวิตที่ต้องหมดเนื้อหมดตัว
เรื่องดี-เรื่องร้าย ใน IFEC สุนันท์ ศรีจันทรา
ข่าวดีคือ กำลังมีอัศวินม้าขาว เข้ามากอบกู้วิกฤตที่ยืดเยื้อมากว่า 1 ปี ข่าวร้ายคือ บริษัทจดทะเบียนแห่งนี้มีพฤติกรรมโกงกันสะบั้นหั่นแหลก จนกิจการแทบจะกลายเป็นซาก
พล.ต.บุญเลิศ แจ้งนพรัตน์ ประธานกรรมการตรวจสอบ IFEC ซึ่งประกาศจุดยืน ขออยู่เคียงข้างผู้ถือหุ้นรายย่อย เจ้าหนี้ และหน่วยงานรัฐที่กำกับดูแลตลาดหุ้น กำลังแสดงเป็นบทบาทเป็นพระเอก ช่วยให้ผู้ถือหุ้นบริษัทจดทะเบียนแห่งนี้ เริ่มเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์
และการออกมาเปิดโปงพฤติกรรมการทุจริตของผู้บริหาร IFEC ทำให้สาธารณชนเห็นตัวผู้ร้ายที่ชัดเจนขึ้น
นายวิชัย ถาวรวัฒนยงค์ อดีตประธานกรรมการ และ นายศุภนันท์ ฤทธิไพโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร IFEC ตกอยู่ในฐานะจำเลยของสังคม เพราะถูกพาดพิงถึงการบริหารงานที่ไม่โปร่งใส สร้างความเสียหายให้กับผู้ถือหุ้น
พฤติกรรมที่เข้าข่ายโกงเป็นไปในสารพัดรูปแบบ ทั้งการซื้อทรัพย์สินในราคาที่สูงเกินจริง การโยกย้ายเงินไปลงทุนในต่างประเทศที่ไม่อาจตรวจสอบได้ การปกปิดข้อมูลเจ้าหนี้ การผ่องถ่ายเงิน และการไล่ออกพนักงานที่ไม่ให้ความร่วมมือในธุรกรรมที่ส่อความไม่โปรงใส
ก่อนถูกแขวนป้ายเอสพี พักการซื้อขายตั้งแต่วันที่ 12 มกราคม 2560 ฐานะการดำเนินงานของ IFEC ยังดีอยู่ แม้จะมีหนี้สินจำนวนกว่า 8 พันล้านบาท แต่มีทรัพย์สินกว่า 12,000 ล้านบาทจึงไม่อยู่ในภาวะหนี้สินล้นพ้นตัว
แต่ช่วงเวลา 1 ปีเศษที่ผ่านมา ไม่มีใครรู้ว่า ฐานะการดำเนินงานล่าสุดของ IFEC เป็นอย่างไร ยิ่งมีการเปิดโปงการยักยอกทรัพย์สิน ยิ่งทำให้สถานการณ์ของบริษัท ฯ น่าเป็นห่วง
กระบวนการแก้ปัญหากำลังกระชับเข้ามาแล้ว โดยกรรมการฝั่งนายวิชัย ทยอยลาออก และการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการ IFEC ชุดใหม่กำลังจะตามมา ขณะที่ พล.ต.บุญเลิศ กลายเป็นความหวังของผู้ถือหุ้น ในฐานะหัวเรือใหญ่ที่จะคลี่คลายวิกฤตของบริษัท
นับจากนี้ IFEC น่าจะมีพัฒนาการในการฟื้นฟูฐานะการดำเนินงานที่ดีขึ้น หลังจากตกอยู่ในแดนสนธยามายาวนาน ภายใต้การครอบงำของนายวิชัย ซึ่งมีพฤติกรรมการบริหารที่ไม่สุจริต จนถูกสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวโทษไปแล้ว 2 คดี และน่าจะมีคดีหนักตามมาอีกนับไม่ถ้วน
ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นใน IFEC สะท้อนทั้งภาพที่ดีและภาพที่ร้ายของตลาดหุ้น โดยภาพที่ดีคือ การที่ประธานกรรมการตรวจสอบบริษัท ฯ ได้แสดงให้ถึงความตระหนักในบทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบ การตรวจสอบความไม่โปร่งใสการบริหารงานของจดทะเบียน คำนึงถึงการปกป้องผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่
และไม่เกรงใจหรือไว้หน้า ฝ่ายบริหารที่มีพฤติกรรมโกงผู้ถือหุ้น
ถ้ากรรมการตรวจสอบบริษัทจดทะเบียนทุกคน ตระหนักในบทบาทหน้าที่เหมือน พล.ต.บุญเลิศ นักลงทุนคงมีความมั่นใจการลงทุนในตลาดหุ้น ไม่ต้องกลัวว่าผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนโกง เพราะมีคนช่วยสอดส่องเป็นหูเป็นตาดูแลปกป้องผลประโยชน์แทนผู้ถือหุ้น
ส่วนภาพที่ร้ายคือ พฤติกรรมการทุจริตของผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน และเชื่อว่าคงจะไม่เกิดขึ้นเฉพาะ IFEC เท่านั้น แต่อาจเกิดขึ้นกับบริษัทจดทะเบียนอีกนับร้อยแห่ง
พฤติกรรมที่เลวร้ายของฝ่ายบริหาร IFEC ที่ถูกเปิดโปง จะเป็นเครื่องเตือนใจนักลงทุนให้ระวังตัว ไม่หลงทางเข้าไปซื้อหุ้นที่มีโจรสวมสูทเป็นผู้บริหาร
เพราะหากหลวมตัวเข้าไป จะน้ำตาตกเหมือนผู้ถือหุ้น IFEC จำนวน 3 หมื่นชีวิตที่ต้องหมดเนื้อหมดตัว