มีบทความดีๆ น่าอ่าน มาแนะนำและเป็นกำลังใจให้กับคนที่พยายามทำตามความฝันของตัวเอง

บทความที่จะนำมาให้อ่านนี้ เป็นบทความของ นิตยาสาร the standard ที่สัมภาษณ์ เป๊ก ผลิตโชค หลังถอดหน้ากาก
หลายๆคนในห้องนี้น่าจะรู้จัก หน้ากากจิงโจ้ หรือ เป๊ก ผลิตโชค กันบ้างแล้ว แต่อาจมีบางคนไม่ทราบว่ากว่าที่ เป๊ก ผลิตโชค จะมาถึงจุดนี้ต้องผ่านอะไรมาบ้าง ในเส้นทางการเป็นนักร้องกว่า 20 ปี ทั้งการอดทนฝึกฝนกว่า 7-8 ปี การเลือกที่จะอยู่กับคุณพ่อที่เมืองไทย เพื่อที่จะได้ทำตามความฝันในการเป๊กนักร้อง หรือข่าวต่างๆที่ถูกยัดเยียดใส่ให้เค้า

อยากให้คนที่เข้ามาอ่านบทความนี้ มีกำลังใจการทำตามความฝันของตัวเอง ไม่ย่อท้อตออุปสรรคต่างๆ เพราะความสำเร็จเราคิดว่าไม่ใช่แค่มีความสามารถเพียงอย่างเดียว ต้องอาศัยเวลา โอกาสและเวที ที่เราจะได้พิสูจน์ตัวเอง ลองมาดูเรื่องราวของเป๊กกันว่ากว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ต้องผ่านอะไรมาบ้าง จากบทสัมภาษณ์บางส่วน
credit จากนิตยาสาร The standard
the standard issue 02 อ่านแบบเต็มๆได้ที่[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ทุกวันนี้หลายๆ คนคิดว่าเป๊กประสบความสำเร็จได้แบบชั่วข้ามคืนหลังถอดหน้ากากจิงโจ้ ในรายการ The Mask Singer แต่จริงๆ แล้วเรารู้มาว่าเป๊กเองก็ผ่านความลำบากมาหลายอย่างกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้

     ถ้านับจริงๆ ต้องเริ่มตั้งแต่ม.2 ที่เริ่มมาเป็นศิลปินฝึกหัดที่แกรมมี่ ช่วงนั้นเหนื่อยมากนะ ทุกวันหลังจากเลิกเรียน 4-5 โมงเย็น ผมต้องนั่งแท็กซี่จากสุขาภิบาล 3 ไปถนนอโศกที่รถติดมาก กว่าจะถึงก็ 2-3 ทุ่ม เรียนร้องเพลง เรียนเต้นถึงเที่ยงคืน กลับบ้าน ตื่นเช้าไปเรียนต่อ อย่างที่บอกว่าผมเป็นคนชอบทำกิจกรรม ชอบเล่นกีฬา ชอบไปเที่ยวกับเพื่อน ก็ต้องทิ้งไปเกือบทั้งหมด ใช้ชีวิตแบบนี้อยู่ 7 ปีเต็มๆ แบบที่ไม่มีคนสนใจด้วยนะ ไม่มีคนทาบทาม ไม่มีคนจะทำอัลบั้มให้ด้วยซ้ำ แต่ยังทำต่อเพราะมันคือการพยายามเพื่อความฝัน ถ้าอยากเป็นนักร้องเราต้องเดินผ่านตรงนี้ไปให้ได้

     ตอนที่มีซิงเกิลแรก ก็ได้มาแบบบังเอิญอีก โชคดีที่พี่ต๋อง (สุรพันธ์ จำลองกุล) โปรดิวเซอร์แกรมมี่เขามาประชุมแล้วสงสัยว่าเด็กคนนี้เป็นใคร ทำไมมาวิ่งซนอยู่แถวๆ ห้องประชุม ก็มาถามจนรู้ว่าผมเป็นศิลปินฝึกหัด แล้วบอกให้ผมร้องเพลงให้ฟัง ประมาณ 3 วันค่ายโทรมาให้ผมไปทำสกรีนเทสต์ กับให้มาร้องไกด์เพลงที่เป็นของศิลปินคนอื่น แต่ไปๆ มาๆ เขาชอบกันแล้ว เลยให้เพลง ‘ไม่มีใครรู้’ ออกมาเป็นเพลงของผม ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก จากตอนแรกที่พยายามมา 7 ปี ไม่เห็นวี่แววอะไรเลย

ชีวิตศิลปินหลังจากรอคอยมา 7 ปี ทุกอย่างที่ได้รับคุ้มค่ากับการรอคอยนั้นทันทีเลยไหม

     มันมีครบทุกอย่างเลย กราฟผมจะขึ้นๆ ลงๆ ตลอดเวลา พอเพลง ไม่มีใครรู้ ออกมา มันประสบความสำเร็จทันที จากที่ไม่มีคนสนใจกลายเป็นมีงานทุกวัน ดรอปลงนิดหน่อย แล้วไปพุ่งอีกทีตอนเป๊ก อ๊อฟ ไอซ์ เป็นโปรเจกต์ใหญ่ที่ประสบความสำเร็จมาก สนุกกับการทำงาน มีคอนเสิร์ตใหญ่ หลังจากนั้นก็แผ่วยาวเลย แต่พยายามทำทุกอย่างต่อไป พยายามค้นหาแนวเพลงที่คิดว่าคนน่าจะชอบ ได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่ไม่เคยเรียกได้ว่าประสบความสำเร็จจริงๆ พยายามอยู่เกือบ 10 ปีเหมือนกันนะครับ แต่อาศัยความดื้อ ความเอาแต่ใจของตัวเองนี่แหละ ไปขอร้องให้เขายอมออกเพลงให้ ลองไปเรื่อยๆ จนรู้สึกอายแล้วที่เขาให้โอกาสแต่เราทำไม่ได้สักที แต่ยังอยากทำ เพราะคิดว่าสักวันจะต้องทำให้คนชอบเพลงของเราให้ได้

     จนช่วงก่อนรายการ The Mask Singer สัญญาใกล้หมดพอดี คิดไว้ว่าอยากไปเรียนต่อ อยากผจญภัยหาเรื่องตื่นเต้นให้กับชีวิต ติดต่อทำเรื่องไว้หมดแล้ว เพราะไม่คิดหรอกว่าหน้ากากจิงโจ้จะมาได้ถึงขนาดนี้ ซึ่งตอนคิดจะไปเมืองนอกไม่ได้คิดว่าจะหยุดร้องเพลงนะครับ พูดได้ว่าต่อให้ไม่มีรายการนี้ผมก็จะกลับมาร้องเพลงเหมือนเดิมอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นก็คงต้องไปอยู่ชายหาดเลย เปิดบาร์ ร้องเพลงอยู่ริมทะเล ชอบร้องเพลง ชอบทะเลมากใช่ไหม งั้นร้องเองฟังเอง เจ๊งเองไปเลย (หัวเราะ)

     เพราะฉะนั้นถ้าถามว่าชีวิตศิลปินเป็นอย่างที่คิดไว้ไหม คงยังไม่ใช่ทั้งหมด เพราะกราฟชีวิตของผมขึ้นลงชัดมาก จนจบรายการก็ไม่คิดว่าชีวิตจะเปลี่ยนไปขนาดนี้ จำได้ตอนงานอีเวนต์แรกเป็นงานเล็กๆ เลย (งาน Ab Fab X ZEN XOXO) ผมรับไว้ก่อนรายการจะออกด้วยซ้ำ ทีมงานก็ไม่คาดคิดมาก่อน จึงเตรียมเวทีไว้เล็กมาก ปรากฏว่าคนไปรอกันตั้งแต่เช้า สรุปพอถึงเวลา มีคนเข้างานไม่ได้ยืนรออยู่หน้าเซ็นทรัลเวิลด์เต็มไปหมด มีป้ายไฟยักษ์ พูดอะไรคนก็กรี๊ด ร้องเพลงตามกันสุดเสียง งงมากจนตอนนี้ยังไม่แน่ใจเลยว่าวันนั้นได้พูดหรือร้องเพลงอะไรออกไปบ้าง และถึงแม้ต่อไปทุกอย่างจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมก็ไม่เป็นไร เพราะเราไปถึงจุดที่ร้องเพลงให้คนแค่ 10 คนฟังมาแล้ว นี่คงเป็นความหมายของชีวิตศิลปินที่ผมรับรู้ได้ในตอนนี้

คนดู 10 คนในวันนั้น กับ แฟนคลับเป็นหมื่นเป็นแสนคนในตอนนี้บอกอะไรกับคุณบ้าง

     น่าจะเป็นเรื่องความเข้มแข็งของตัวเอง จริงๆ วันนั้นแย่มากนะ เป็นอีเวนต์ในห้างที่มีคน 10 คน บางคนเดินผ่านเลยแวะมาดู พอเราเดินไปหา เขาเดินหนีไปเลย (หัวเราะ) แต่ผมก็ยังร้องเพลงแบบเต็มที่เหมือนเดิมต่อไป เพราะเขาจ้างเรามาแล้ว นั่นคือหน้าที่ของเราที่ต้องทำให้ดีที่สุดในทุกๆ งาน จนถึงวันนี้ที่มีคนมาดูเราเยอะ มันเลยทำให้รู้สึกดีมากนะที่ตัวเองเข้มแข็ง ร้องเพลงมาได้ขนาดนี้
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
สัมภาษณ์เมื่อนานมาแล้ว
cr.@Off Stage True vision Ch.True inside/Asher Duende

the standard issue 24
อ่านแบบเต็มๆได้ที่ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ได้ไป the mask เพราะมีคน cancel
ได้เป็นนักร้องเพราะโปรดิวเซอร์เห็นความสามารถ
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอคุยสบายๆ กับเป๊ก ผลิตโชค
cr.the standard
ใครอยารู้จักเป๊กมากขึ้นแนะนำให้ดูรายการเจาะใจ[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ช่วงนี้ด้อมปิดเทอม(หรอ) แต่เนื่องจากเมื่อวันงาน the guitar mag awards 2018 ที่ผ่านมา ที่เฮียได้รางวัลทางดนตรีเราเห็นเฮียดีใจมากเราเกิดนึกถึงเรื่องราวต่างๆของเฮียที่ผ่านมา เลยอยากลงบทความนี้เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนที่กำลังพยายามทำตามความฝันของตัวเองว่าสักวันมันก็ต้องมีวันของเค้าเหมือนกัน เพราะขนาดเฮียเองกว่าที่จะมาถึงจุดๆ นี้ได้ มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ต้องพบเจอกับอุปสรรคมากมาย ฉะนั้นก็อยากให้คนที่เลือกเดินในเส้นทางนี้สู้ๆ มั่นใจในสิ่งที่ตัวเองเลือกและทำมันให้เต็มที่ อย่าหยุดที่จะพัฒนาตัวเอง แล้วสักวันหนึ่งวันของเราก็จะมาถึง (เนื้อหาบางส่วนอาจซ้ำกับที่เคยมีคนมาลงไว้ใครอ่านแล้วก็ข้ามไปได้เลยนะ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่