ถอดหน้ากาก"เป๊ก-ผลิตโชค" พิสูจน์ตัวตนด้วยเสียงเพลง...

ถอดหน้ากาก"เป๊ก-ผลิตโชค" พิสูจน์ตัวตนด้วยเสียงเพลง

ตลอดเวลา 12 ปี ที่นักร้องหนุ่ม เป๊ก-ผลิตโชค ที่โลดแล่นอยู่ในวงการเพลงไทย วงการเพลงเปลี่ยนแปลงไป การเป็นศิลปินเดี่ยวของเขาไม่ได้รับความนิยมเช่นยุคแรก กระทั่งเป๊กตัดสินใจเข้าร่วมแข่งขันร้องเพลงในรายการ “เดอะ แมสก์ ซิงเกอร์ หน้ากากนักร้อง” เป็นเจ้าของ “หน้ากากจิงโจ้”...

ตลอดเวลา 12 ปี ที่นักร้องหนุ่ม เป๊ก-ผลิตโชค อายนบุตร วัย 32 ปี ที่โลดแล่นอยู่ในวงการเพลงไทย ตั้งแต่เป็นศิลปินฝึกหัด กลายเป็นศิลปินเดี่ยวเจ้าของเพลงฮิต ไม่มีใครรู้, แค่ขำขำ, ติดใจ ฯลฯ กระทั่งวงการเพลงเปลี่ยนแปลงไป การเป็นศิลปินเดี่ยวของเขาไม่ได้รับความนิยมเช่นยุคแรก กระทั่งเป๊กตัดสินใจเข้าร่วมแข่งขันร้องเพลงในรายการ “เดอะ แมสก์ ซิงเกอร์ หน้ากากนักร้อง” ทางช่องเวิร์คพอยท์หมายเลข 23 โดยเป็นเจ้าของ “หน้ากากจิงโจ้” ที่แฟน ๆ ไม่รู้ตัวจริงคือใคร แต่ชื่นชอบและชื่นชมลีลาการร้องเพลงจนเมื่อเขาถอดหน้ากากเผยตัวตน ทุกคนรู้สึกเซอร์ไพร้ส์แต่ก็เปิดใจยอมรับเป๊กว่าเป็นศิลปินผู้มีความสามารถ สมกับที่พิสูจน์ตัวเองมานานหลายปี ก้าวขึ้นเป็นศิลปินที่มีแฟนคลับมากมาย วันนี้ “ฮันนี่” จึงคว้าตัวหนุ่มเป๊กมาพูดคุยกับชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปของเขา จะเป็นอย่างไรติดตามได้เลยค่า..

ตอนนี้ชีวิตเปลี่ยนเพราะรายการ เดอะ แมสก์ ซิงเกอร์เลย?

“ใช่ครับ ชื่อเสียง ความนิยม ที่เข้ามากะทันหันมาก ผมเข้าร่วมรายการเพราะอยากสนุก ไม่ได้คาดหวังว่าเราจะกลับมาโด่งดังอะไร รายการนี้น่าสนุกตรงแต่งตัวเป็นอะไรก็ได้ และที่สำคัญได้ร้องเพลงที่เราชื่นชอบได้ เลยตอบตกลง พอออนแอร์เราไม่รู้กระแสเป็นยังไงนะ เพราะถ่ายเสร็จไปก่อนแล้ว พอออนแอร์กระแสดีมาก คนชื่นชอบหน้ากากจิงโจ้ เริ่มตามหาว่าหน้ากากจิงโจ้คือใคร ยากมากครับ ยิ่งหยิบเพลง Versace On The Floor ของบรูโน มาร์ส มาร้องยอดดาวน์โหลดขึ้น เพลงกลับมาติดชาร์ต จนทางวอร์นเนอร์มิวสิค ประเทศไทย ผู้ดูแลลิขสิทธิ์เพลงโทรศัพท์มาขอบคุณ แล้วเขาคิดว่าผมไม่มีสังกัดเลยชวนร่วมโปรเจคท์เกี่ยวกับบรูโน มาร์ส วางแผนว่าอยากให้แจมไลฟ์สเตชั่นแล้วอาจจะพาเราบินไปเจอตัวจริงซึ่งไม่รู้ว่าจะมีโอกาสเป็นไปได้ไหม แต่ก็ปลื้มใจมาก เพราะเขาเป็นศิลปินที่ผมชื่นชอบ ไม่ใช่ผมโดนเรียกเก็บลิขสิทธิ์อะไร อย่างเพลงเก่า ๆ ของผม อาทิ ไม่มีใครรู้,ติดใจ หรือซิงเกิ้ลล่าสุด อยากให้แววตาฉันเป็นคนอื่น ก็ยอดดาวน์โหลดขึ้นสูงมาก แฮปปี้กับช่วงเวลานี้มาก ๆ ครับ”

วันที่เปิดหน้ากากพูดความรู้สึกบนเวที หลายคนรู้สึกประทับใจ?

“มันเป็นสิ่งที่เราอยากนำเสนอออกมาว่า จริง ๆ แล้วภายใต้หน้ากากที่ไม่มีใครรู้ว่าเป็นผม ผมได้ร้องเพลง โชว์ความสามารถได้อย่างเต็มที่โดยไม่มีเรื่องของข่าว หรือปัจจัยภายนอกเข้ามาเกี่ยวข้อง อย่างที่เคยเจอมาตลอดตั้งแต่เข้าวงการ คนดูได้สัมผัสสิ่งที่ผมต้องการนำเสนอคือการร้องเพลง เต้น ซึ่งก่อนรายการออนแอร์ ผมยอมรับว่าถอดใจในการเป็นนักร้องแล้วนะ ช่วงนั้นเหมือนเจอทางแยกของชีวิตว่าจะเอายังไงต่อดี เมื่อการเป็นนักร้องไม่ประสบความสำเร็จ เลยพักเพื่อไปเรียนต่อ ไปทำพาสปอร์ตแล้วด้วย จนรายการออนแอร์ เอ๊า ! ชีวิตเปลี่ยน ตอนนี้ค่ายเรียกกลับมาคุยเตรียมแผนงานเพลงใหม่แล้วครับ (ยิ้ม)”

12 ปีกับชีวิตในวงการให้บทเรียนและเรียนรู้อะไรบ้าง?

“กราฟชีวิตผมเป็นกราฟที่ตลกมาก ขึ้นแล้วก็ลงเลยครับ (หัวเราะ) จากนั้นก็นิ่งมาโดยตลอด บางคนสงสัยว่าผลิตโชคยังร้องเพลงอยู่หรือเปล่า เมื่อไหร่จะออกเพลงใหม่ เรามีเพลงตลอดเวลา แต่ไม่ประสบความสำเร็จ แต่ผมพยายามมากไม่ทิ้งความฝัน เพราะรอก้าวสู่เส้นทางนี้นานมาก เรียกว่าตลอดชีวิตผมอยากเป็นอย่างเดียวคือนักร้อง ผมอดทนรอการยอมรับในฐานะนักร้องมาโดยตลอด 10 ปี กว่าคนจะเชื่อเรา บางคนก็ถามทำไมไม่ออกไปหาโอกาสใหม่ ในยุคนี้การทำเพลงเปิดกว้างผมก็จะบอกว่าผมโตมาจากแกรมมี่ ค่ายแรกที่มาออดิชั่น ฝึกซ้อมพื้นฐานการเป็นนักร้องทุกอย่างก็ที่แกรมมี่ แกรมมี่คือบ้านของเรา ไปไหนไม่ได้จริง ๆ ครับ อาชีพศิลปิน การร้องเพลงคือสิ่งเดียวที่ฝันแล้วจะทำให้สำเร็จ เด็ก ๆ โตมากับเสียงเพลง เพราะคุณพ่อเป็นนักดนตรี ตอนใช้ชีวิตอยู่ออสเตรเลีย ผมฟังเพลงของคนผิวสี โตมากับเพลงอาร์แอนด์บีชอบเพลงแนวนี้มาก การร้องที่มีเสียงเอื้อนตอนท้ายมันมีเสน่ห์”



ชื่อเสียงมาพร้อมกระแสวิจารณ์ ข่าวต่าง ๆ บั่นทอนใจมากไหม ที่คนไปจับผิดจุดอื่น?

“ตอนแรกผมไม่โอเคนะ แต่หลัง ๆ ผมชิน เพราะโดนบ่อยเหลือเกิน ไม่รู้จักเราทำไมต้องมาว่ากันแรงขนาดนั้น แต่สิ่งที่ทำให้เราเข้มแข็งแล้วมองข้าม คือครอบครัว พี่พีอาร์ค่ายที่ช่วยให้กำลังใจ คอยบอกผมเสมอว่าผมต้องแลก ถ้าจะยืนตรงนี้ ก็ปล่อยผ่าน แล้วผมไม่ใช่คนที่ใครมาด่าอะไร แล้วโพสต์ด่ากลับ เลือกอยู่เฉย ๆ ทำศัลยกรรมก็ยอมรับ ถ้ามันจะทำให้มั่นใจขึ้น ใคร ๆ ก็ทำ ผมโดนทุกปี เราทำให้คนคิดเหมือนเราทุกอย่างไม่ได้หรอก ผมจึงไม่เอาสิ่งเหล่านั้นมาบั่นทอนใจ”

ยอดดาวน์โหลดเพลงซิงเกิ้ลเก่า ๆ สูงมาก?

“ใช่ครับ ผมตกใจมาก (ยิ้ม) เป็นเรื่องที่ประทับใจมาก 10 ปีที่ผ่านมาไม่เคยได้เงินจากการดาวน์โหลดเลย จนกระทั่งรายการออนแอร์ เพลงที่ปล่อยไปนานมากจนเพลงล่าสุด “อยากให้แววตาฉันเป็นคนอื่น” ปล่อยเมื่อปีที่แล้ว กลับมาติดชาร์ตอีกครั้งเฉยเลย ทั้งหมดเกิดจากการที่แฟน ๆ ฟังเราร้องเพลงในรายการจริง ๆ โดยไม่รู้ว่าภายใต้หน้ากากนั้นเป็นใคร ถึงยอมรับผลงานของเรา มองข้ามจุดอื่นที่ผมมีไป ทั้งข่าวต่าง ๆ คนก็เลยให้การสนับสนุนเยอะมากครับ ผมมีกำลังใจเยอะที่สุดในชีวิตเลยครับ”

ช่วงที่เว้นวรรคจากการทำเพลง ตอนนั้นทำอะไรบ้าง?

“ตอนนั้นไปเรียนปริญญาโท เรียนทำอาหาร ทำค็อกเทล ผมเป็นคนชอบใช้ชีวิต ล่าสุดไปทะเลใช้ชีวิตแบบชาวเกาะมา 20 กว่าวัน ตรงนั้นคนไทยไม่เยอะเลยไม่มีคนสนใจ ก็แฮปปี้ทำอะไรก็ได้ เราได้สำรวจชีวิตและจิตใจได้ดีมาก ได้เห็นโลกหลายมุม ผมชอบพักแบบโฮมสเตย์ ล่าสุดไปร้องเพลงที่ จ.สุรินทร์ นอนโรงแรมคืนนึง แล้วขอเช่าบ้านคนท้องถิ่น ตามไปทำงานกับเขาด้วย แล้วผมก็ปลอมตัวเป็นคนต่างชาติ ไม่พูดภาษาไทย เพราะอยากใช้ชีวิตแบบ
ส่วนตัว ง่าย ๆ แต่มีวันหนึ่งเขาพาผมไปเที่ยววัด เผลอก้มลงกราบพระงาม ๆ 3 ที โป๊ะแตกเลยว่าทำไมคนต่างชาติกราบพระท่าเป๊ะขนาดนี้ หลังจากนั้นคนก็รู้แล้วว่าเราเป็นใครก็มาขอถ่ายรูปเป็นอะไรที่สนุกและมีความสุขมากครับ”
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่