ดูพงศาวดาร พระเจ้าปดุงขอเจริญไมตรี รัชกาลที่ 1 แปลกที่นะครับ ทำร้ายเขาย่อยยับ กลับขอเป็นไมตรี ทั้งที่ตัวเองเหนือกว่า

ตามความที่ปรากฏมาในชั้นกรุงรัตนโกสินทรนี้ ไทยกับพม่าได้เจรจาความเมืองกัน ๗ ครั้ง คือ :- ครั้งที่ 1 เมื่อปีมะโรง พ.ศ. ๒๓๒๗ ในรัชกาลที่ ๑ ครั้งที่ ๒ เมื่อปีฉลู พ.ศ. ๒๓๓๖ ในรัชกาลที่ ๑ ครั้งที่ ๓ เมื่อปีจอ พ.ศ. ๒๓๔๕ ในรัชกาลที่ ๑ ครั้งที่ ๔ เมื่อปีขาล พ.ศ. ๒๓๔๙ ในรัชกาลที่ ๑ ครั้งที่ ๕ เมื่อปีมะโรง พ.ศ. ๒๓๕๑ ในรัชกาลที่ ๑ ครั้งที่ ๖ เมื่อปีระกา พ.ศ. ๒๓๕๖ ในรัชกาลที่ ๒ ครั้งที่ ๗ เมื่อปีมะโรง พ.ศ. ๒๓๒๗ ในรัชกาลที่ ๔ การที่เจรจาความเมืองกันทั้ง ๗ ครั้งที่ปรากฏมานี้ ฝ่ายพม่ามาขอเจรจาก่อนทุกครั้ง พิเคราะห์ดูเรื่องราวในจดหมายเหตุบางครั้งดูประหนึ่งประสงค์จะดีกันจริง ๆ จนถึงแต่งราชทูตไปมาปฤกษาข้อความที่จะตกลงเปนไมตรีกันก็มี บางครั้งเปนแต่มีหนังสือโต้ตอบกันก็มี แลบางครั้งพม่ามาขอเจรจาความเมือง ไทยขับไล่ทูตพม่าไปเสียด้วยไม่ไว้ใจ ไม่ยอมเจรจาด้วยทีเดียวก็มี การที่ได้เจรจากันทั้ง ๗ ครั้งนั้น คงมีข้อขัดข้องอย่างหนึ่งอย่างใดทุกครั้ง จึงไม่เป็นผลถึงที่จะเปนไมตรีกันได้ จนกระทั่งพม่าเสียบ้านเมืองแก่อังกฤษ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๒๘ ไทยกับพม่าได้เจรจาความเมืองกันอย่างใด แลมีเหตุขัดข้องอย่างใด จึงไม่เปนไมตรีกันได้


   คือทำร้ายอยุธยาย่อยยับ  แถมกวาดต้อนผู้คน  ฆ่าคนไปก็มาก  คล้อยหลังแค่ 20 ปี  กลับต้องมาเจรจาส่งทูตเจรจา

ไม่เคยเห็นประวัติศาสตร์ชาติไหนเป็นแบบนี้  มีพม่าประเทศเดียวละมั่ง  อุตาสาห์ทำลายเขาขนาดนี้  ยังมาแพ้เขาได้

   มีทั้งมอญ  มีทั้งพม่า  มีไทยใหญ่  มีคนที่กวาดต้อนจากกรุงศรี  เชียงใหม่  ยะไข่  กำลังพลน่าจะมากมาย

น่าจะกวาดล้างคนกรุงศรีหายไปจากสาระบบได้

กลับต้องส่งทูตมาเจริญสัมพันธ์ไมตรี  เพิ่งเคยเห็น
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่