หลายคนที่วางแผนเที่ยวญี่ปุ่น โดยคิดว่าจะเช่ารถขับเอง
อาจจะต้องเจอปัญหากับ GPS ภายในรถของญี่ปุ่น
บางคนอาจจะใช้วิธีการแก้ปัญหาโดยใช้ Google Map แต่หลายครั้งที่ Google Map ก็ไม่สามารถหาสถานที่ท่องเที่ยวภายในญี่ปุ่นได้แม่นยำ
ดังนั้นวิธีการที่ดีที่สุด คือการพยายามใช้ GPS ภายในรถเป็นตัวบอกทาง
แต่ปัญหาที่ใหญ่ที่สุด คือการระบุสถานที่ที่ต้องการจะไป ซึ่งวิธีการที่จะทำให้ GPS พาเราไปยังปลายทาง ได้แม่นยำที่สุด
คือการระบุ Map Code หรือเบอร์โทรศัพท์
วันนี้ผมจะมารีวิว วิธีการหา Map Code สถานที่ต่างๆ ของประเทศญี่ปุ่นกัน
ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับ Map Code กันก่อน
Map Code สร้างขึ้นโดยบริษัท Denso Corporation ผู้ให้บริการระบบนำทางในประเทศญี่ปุ่น
Map Code จะประกอบไปด้วยตัวเลข 10 หลัก และ 2 หลักพิเศษ
ใช้ระบุตำแหน่งของสถานที่นั้นๆ
โดยวิธีการที่ Map Code ใช้ คือการแบ่ง แผนที่ประเทศญี่ปุ่น ออกเป็น 1162 Zone
โดยแต่ละโซนจะประกอบไปด้วย 900 block
และแต่ละ Block จะแยกย่อยออกเป็น 900 unit
ซึ่งพื้นที่ 1 ยูนิตจะมีขนาดความกว้างและยาว 30 × 30 เมตร
ดังนั้นส่วนประกอบของ Map Code จะประกอบไปด้วยตัวเลข 4 + 3 + 3 เท่ากับ 10 หลัก
ตัวเลข 4 หลักแรก จะแสดงตำแหน่ง Zone ที่สถานที่นั้นๆตั้งอยู่
ตัวเลข 3 หลักถัดมา จะแสดงตำแหน่งของ Block ที่สถานที่นั้นๆ ตั้งอยู่
ตัวเลข 3 หลักสุดท้าย จะแสดงตำแหน่งของ unit ที่สถานที่นั้นๆตั้งอยู่
ดังนั้นเมื่อรวมตัวเลขทั้ง 10 หลัก ก็สามารถระบุ ตำแหน่งของสถานที่นั้นๆได้
แต่เมื่อใช้งานจริง Map Code ขนาด 10 หลัก สามารถระบุพิกัดที่ค่อนข้างหยาบ เพราะกินพื้นที่ถึง 900 ตารางเมตร
เมื่อต้องการระบุตำแหน่งร้านค้า บ้านเรือน จึงระบุได้ไม่ชัดเจน
ดังนั้น Map Code จึงพัฒนาเป็นเลขจำนวน 12 หลัก โดย 2 หลักสุดท้าย จะอยู่หลังเครื่องหมาย *
ตัวเลข 2 หลักสุดท้ายนี้เอง เป็นการแสดงตำแหน่ง แบบ High resolution ทำให้ตำแหน่งสถานที่นั้นมีความแม่นยำมาก
โดยตำแหน่งใน 2 หลักสุดท้ายนี้สามารถระบุพื้นที่ได้แคบถึง 3 คูณ 3 เมตร หรือขนาดพื้นที่ 9 ตารางเมตร
วิธีการค้นหา Map Code
หลายคนคงเคยใช้เว็บ
https://www.mapion.co.jp/ ในการหา Map code
ซึ่งผมก็เป็นหนึ่งในนั้น และพบว่ามันช่างยากเย็นเหลือเกิน เพราะต้องนั่งแปลภาษาญี่ปุ่น
ผมมีอีกเว็บหนึ่งที่น่าสนใจ คือ
https://japanmapcode.com/en/
เป็นเว็บที่ทำขึ้นโดยใช้ Google map
เราสามารถหาสถานที่ต่างๆ โดยการปักหมุดบนแผนที่ หรือค้นหาสถานที่ได้จากช่องค้นหา
ตัวอย่างเช่น ถ้าต้องการหา Tokyo tower แค่พิมพ์ "Tokyo Tower" ในช่องค้นหา
ตำแหน่งของ Tokyo Tower จะแสดงขึ้นมาผ่านหมุดสีน้ำเงิน
หลังจากนั้นคลิกที่หมุดสีน้ำเงิน ด้านล่างหน้าจอจะแสดงรูปภาพสถานที่นั้น
พร้อมกับ Map Code ซึ่ง Map Code ของ Tokyo Tower คือ 554 595*52
เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จสิ้น
ที่เหลือเราก็แค่ค้นหาสถานที่ และบันทึกเอาไว้
เมื่อรับรถที่ญี่ปุ่นเสร็จเรียบร้อย ก็ใส่ Map Code ที่เราได้หาไว้แล้ว ลงใน GPS ของรถยนต์
เท่านี้เราก็สามารถไปถึงจุดหมายปลายทางได้ โดยไม่ต้องพึ่ง Google map แล้ว
[CR] รีวิวการค้นหา Map code สถานที่ท่องเที่ยวในญี่ปุ่น เมื่อต้องเช่ารถขับเอง
อาจจะต้องเจอปัญหากับ GPS ภายในรถของญี่ปุ่น
บางคนอาจจะใช้วิธีการแก้ปัญหาโดยใช้ Google Map แต่หลายครั้งที่ Google Map ก็ไม่สามารถหาสถานที่ท่องเที่ยวภายในญี่ปุ่นได้แม่นยำ
ดังนั้นวิธีการที่ดีที่สุด คือการพยายามใช้ GPS ภายในรถเป็นตัวบอกทาง
แต่ปัญหาที่ใหญ่ที่สุด คือการระบุสถานที่ที่ต้องการจะไป ซึ่งวิธีการที่จะทำให้ GPS พาเราไปยังปลายทาง ได้แม่นยำที่สุด
คือการระบุ Map Code หรือเบอร์โทรศัพท์
วันนี้ผมจะมารีวิว วิธีการหา Map Code สถานที่ต่างๆ ของประเทศญี่ปุ่นกัน
ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับ Map Code กันก่อน
Map Code สร้างขึ้นโดยบริษัท Denso Corporation ผู้ให้บริการระบบนำทางในประเทศญี่ปุ่น
Map Code จะประกอบไปด้วยตัวเลข 10 หลัก และ 2 หลักพิเศษ
ใช้ระบุตำแหน่งของสถานที่นั้นๆ
โดยวิธีการที่ Map Code ใช้ คือการแบ่ง แผนที่ประเทศญี่ปุ่น ออกเป็น 1162 Zone
โดยแต่ละโซนจะประกอบไปด้วย 900 block
และแต่ละ Block จะแยกย่อยออกเป็น 900 unit
ซึ่งพื้นที่ 1 ยูนิตจะมีขนาดความกว้างและยาว 30 × 30 เมตร
ดังนั้นส่วนประกอบของ Map Code จะประกอบไปด้วยตัวเลข 4 + 3 + 3 เท่ากับ 10 หลัก
ตัวเลข 4 หลักแรก จะแสดงตำแหน่ง Zone ที่สถานที่นั้นๆตั้งอยู่
ตัวเลข 3 หลักถัดมา จะแสดงตำแหน่งของ Block ที่สถานที่นั้นๆ ตั้งอยู่
ตัวเลข 3 หลักสุดท้าย จะแสดงตำแหน่งของ unit ที่สถานที่นั้นๆตั้งอยู่
ดังนั้นเมื่อรวมตัวเลขทั้ง 10 หลัก ก็สามารถระบุ ตำแหน่งของสถานที่นั้นๆได้
แต่เมื่อใช้งานจริง Map Code ขนาด 10 หลัก สามารถระบุพิกัดที่ค่อนข้างหยาบ เพราะกินพื้นที่ถึง 900 ตารางเมตร
เมื่อต้องการระบุตำแหน่งร้านค้า บ้านเรือน จึงระบุได้ไม่ชัดเจน
ดังนั้น Map Code จึงพัฒนาเป็นเลขจำนวน 12 หลัก โดย 2 หลักสุดท้าย จะอยู่หลังเครื่องหมาย *
ตัวเลข 2 หลักสุดท้ายนี้เอง เป็นการแสดงตำแหน่ง แบบ High resolution ทำให้ตำแหน่งสถานที่นั้นมีความแม่นยำมาก
โดยตำแหน่งใน 2 หลักสุดท้ายนี้สามารถระบุพื้นที่ได้แคบถึง 3 คูณ 3 เมตร หรือขนาดพื้นที่ 9 ตารางเมตร
วิธีการค้นหา Map Code
หลายคนคงเคยใช้เว็บ https://www.mapion.co.jp/ ในการหา Map code
ซึ่งผมก็เป็นหนึ่งในนั้น และพบว่ามันช่างยากเย็นเหลือเกิน เพราะต้องนั่งแปลภาษาญี่ปุ่น
ผมมีอีกเว็บหนึ่งที่น่าสนใจ คือ https://japanmapcode.com/en/
เป็นเว็บที่ทำขึ้นโดยใช้ Google map
เราสามารถหาสถานที่ต่างๆ โดยการปักหมุดบนแผนที่ หรือค้นหาสถานที่ได้จากช่องค้นหา
ตัวอย่างเช่น ถ้าต้องการหา Tokyo tower แค่พิมพ์ "Tokyo Tower" ในช่องค้นหา
ตำแหน่งของ Tokyo Tower จะแสดงขึ้นมาผ่านหมุดสีน้ำเงิน
หลังจากนั้นคลิกที่หมุดสีน้ำเงิน ด้านล่างหน้าจอจะแสดงรูปภาพสถานที่นั้น
พร้อมกับ Map Code ซึ่ง Map Code ของ Tokyo Tower คือ 554 595*52
เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จสิ้น
ที่เหลือเราก็แค่ค้นหาสถานที่ และบันทึกเอาไว้
เมื่อรับรถที่ญี่ปุ่นเสร็จเรียบร้อย ก็ใส่ Map Code ที่เราได้หาไว้แล้ว ลงใน GPS ของรถยนต์
เท่านี้เราก็สามารถไปถึงจุดหมายปลายทางได้ โดยไม่ต้องพึ่ง Google map แล้ว
:::: https://www.facebook.com/parttimetravellers/ ::::