เมื่อฉันพาแฟนเข้ามาอยู่ในบ้าน... ทั้งที่คนในครอบครัวไม่ชอบ

แท็กห้องผิด/ไม่ครบ  หรือภาษาที่เขียนวกวนทำให้สับสน ขออภัยด้วยค่ะ เป็นกระทู้แรกของจขกท.ค่ะ

ขอเกริ่นก่อนเลยค่ะ ว่าตัวดิฉันเองนั้น เป็นคนที่ชอบทำอะไรตามใจตัวเอง ไม่ค่อยถามความเห็นใคร จะตัดสินใจด้วยตัวเองเกือบทุกเรื่องตั้งแต่เด็กยันโต ผิดบ้างถูกบ้างตามวุฒิภาวะและสติปัญญาในช่วงวัยนั้นๆ เหตุที่เป็นแบบนี้เนื่องจากอาศัยอยู่กับญาติมาตั้งแต่เด็ก เนื่องจากพ่อทำงานอยู่ต่างประเทศ ตอนเด็กๆนั้นเทคโนโลยีก็ไม่ได้เหมือนปัจจุบันจะคุยกันทีก็ต้องโทรทางไกลมาซึ่งมันเสียค่าใช้จ่ายเยอะ เลยทำให้ช่วงวัยเด็กไม่ได้คุยกับพ่อมากนัก ปีนึงนี่นับครั้งได้ ส่วนแม่ขอไม่เอ่ยถึงเพราะไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับเขา

ดิฉันคบแฟนปัจจุบันมาจะ 1 ปีแล้ว แต่รู้จักกันมา 6-7 ปีได้ แฟนคนนี้ของดิฉัน เคยเป็นแฟนเก่าในช่วงวัยปวช.ซึ่งตอนนั้นเราคบกันเป็นช่วงเวลาสั้นๆ และเลิกกันเพราะเขาเป็นฝ่ายบอกเลิกและด้วยความที่เขามีพฤติกรรมไม่ดีเกี่ยวกับยาเสพติด ทางบ้านดิฉันจึงไม่สนับสนุนให้คบกัน  ตลอดเวลาที่คบกันตอนนั้น ทางบ้านก็ไม่มีใครพูดหรือคุยกับดิฉันเลยแม้แต่คำเดียวทำให้เวลามีปัญหาอะไรต่างๆที่ยึดเหนี่ยวของดิฉันจึงกลายเป็นเพื่อนๆ(ซึ่งไม่ได้ดีอะไรมากนัก) พอเวลาผ่านไปนานจนต่างคนก็ต่างไปมีชีวิตของตัวเอง ชีวิตดิฉันหลังจากเลิกกับเขาก็ไม่ใช่ว่าจะดี นั่นเป็นเพราะตัวดิฉันเองนี่แหละ เลือกผิดเลือกถูกไปตามนิสัยของดิฉันที่กล่าวมาข้างต้น จนดิฉันอยู่มหาลัยปี3ปลายๆ เรากลับมาเจอกันตอนสงกรานต์ปีที่แล้ว ดิฉันเป็นฝ่ายขอให้เขามารับไปเล่นสงกรานต์ด้วย ตลอดช่วงสงกรานต์ เขาก็มารับดิฉันไปเล่นด้วยตลอด สิ่งที่รับรู้ได้คือ เขาไม่เหมือนเดิม นิสัยเป็นผู้ใหญ่ขึ้น มีเหตุผลขึ้น ไม่ได้ทำตัวเหมือนแต่ก่อน  และที่สำคัญเขาไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดแล้ว อาจเป็นเพราะบทเรียนที่ผ่านมาของเขาจึงทำให้เขาโตขึ้น ความรู้สึกดีๆก็เริ่มเกิดขึ้นอีกครั้ง ทั้งๆที่เราก็เคยมาเจอมาพบกันก่อนหน้านี้ แต่กลับไม่มีความรู้สึกแบบนี้กลับเข้ามาเลย สุดท้ายเราก็กลับมาคบกัน ทางบ้านดิฉันพอรู้เรื่องทุกคนก็เริ่มแอนตี้ดิฉันเหมือนเช่นเคย (ทางบ้านดิฉัน ถ้าดิฉันคบแฟนคนไหนที่เขาไม่ชอบ ทุกคนในบ้านจะไม่คุยกับดิฉัน และพยายามกดดันดิฉันทุกทาง) เล่ามาถึงตอนนี้ ดิฉันได้ย้ายบ้านมาอยู่บ้านพ่อแม่ที่พึ่งซื้อมาและอาศัยอยู่กับญาติผู้ใหญ่คนนึงพร้อมลูกของเขา2คน  บ้านของดิฉันอยู่ไม่ห่างจากบ้านเก่ามาก (สามารถนั่งวินไปได้) ปกติเวลาว่างฉันจะไปนั่งเล่นบ้านเก่า แต่พอฉันคบกับคนนี้ คนที่บ้านเก่าก็มีพฤติกรรมเปลี่ยนไป ไม่ค่อยพูดคุยกับดิฉันเหมือนปกติ ตัวดิฉันเองนั้นรู้สาเหตุอยู่แล้ว แต่ก็เฉยๆไป ถึงแม้ดิฉันพยายามไม่พูดถึงเรื่องแฟนมากนัก(ส่วนตัวไม่ค่อยพูดถึงแฟนให้คนในบ้านฟังอยู่แล้ว) คนที่บ้านเก่านั่นก็ยังพูดแซะฉันเรื่อยๆ แซะในที่นี้คือไม่ได้กล่าวถึงดิฉันโดยตรงแต่จะกล่าวถึงคนแถวบ้านที่อายุไล่ๆกับดิฉัน ทำนองว่าเขาฉลาดนะ หาแฟนรวยงั้นงี้ ด้วยเหตุนี้ดิฉันจึงไม่ได้เข้าไปบ้านนั้นอีก ตัดภาพมาที่บ้านดิฉัน บ้านหลังใหม่ของดิฉันนั้นอยู่ลึกจากถนนใหญ่มาก และเป็นหมู่บ้านใหม่ จึงทำให้การเดินทางเป็นไปอย่างยากลำบาก แฟนดิฉันย้ายมาทำงานใกล้ๆบ้านดิฉัน ดิฉันจึงชักชวนมาอยู่ด้วยกัน แน่นอนมีปัญหาแน่นอน ญาติที่มาอยู่บ้านดิฉันไม่พูดคุยกับดิฉัน ไม่ได้ไม่พูดตอนที่แฟนมาอยู่แต่เป็นก่อนหน้านั้นตั้งนานแล้ว มีเรื่องอื่นๆมาด้วยซึ่งเป็นเรื่องของครอบครัวจะไม่ขอพูดถึง และเหมือนเขาจะไม่ชอบแฟนดิฉันเหมือนกัน ถ้าให้เดานั้นก็คงเป็นเรื่องพฤติกรรมสมัยเรียนของเขาเป็นแน่ ตอนแรกนั้นแฟนดิฉันก็มาหาอาทิตย์ครั้ง สองอาทิตย์ครั้ง ไม่ได้มาอยู่เลยเหมือนปัจจุบัน ทุกครั้งที่มาแฟนยกมือไหว้ญาติของดิฉันคนนี้ทุกครั้งแต่เขาไม่เคยรับไหว้แม้แต่ครั้งเดียว จนแฟนดิฉันเลิกไหว้ไป พอแฟนเข้ามาอยู่บ้าน ปัญหาเริ่มทวีความรุนแรงขึ้น จนเรื่องถึงพ่อของดิฉัน ทำให้พ่อกับดิฉันทะเลาะกัน  เรื่องที่ว่าเอาแฟนเข้ามาอยู่ด้วยกันตอนที่ยังเรียนไม่จบ(แฟนมาอยู่ตอนฝึกงาน มหาลัยดิฉันฝึกงานแล้วจบเลย ซึ่งตอนนี้ดิฉันจบแล้วและกำลังหางานทำ) ดิฉันก็อธิบายไปว่า ที่เอามาอยู่เพราะว่าเขาช่วยดูแลดิฉัน ไปไหนมาไหนสะดวก พาออกไปซื้อของกิน แต่ก่อนนั้นดิฉันจะออกไปข้างนอกทีต้องเดินข้ามไปอีกหมู่บ้านนึงเพื่อขึ้นวิน บางทีไม่ได้กินข้าวทั้งวัน กินมาม่าบ้างกินโจ้กบ้าง (ที่บ้านไม่มีครัว) แล้วก็อธิบายว่าเรียนจะจบแล้ว ตอนที่คุยกับพ่อนั่นคืออีก3วันจะฝึกงานเสร็จ แต่เหมือนพ่อของดิฉันไปฟังความฝั่งนั้นมาเยอะมากเลยทีเดียว คำพูดของดิฉันก็เลยกลายเป็นฟังไม่ขึ้น หลังจากที่คุยกับพ่อ ดิฉันได้ออกจากบ้านไปอยู่ที่อื่นสักพักและกลับมาหวังว่าเรื่องมันจะซาๆ กลับรุนแรงขึ้นไปอีก คราวนี้มีเรื่องค่าใช้จ่ายเข้ามาเกี่ยวด้วย จึงมีการพูดคุยกันกับญาติคนนั้น (เหมือนโดนด่ามากกว่า) แล้วเขาก็หยิบประเด็นที่ว่าดิฉันเอาแฟนมาอยู่อย่างนี้ดีแล้วเหรอเนื่องจากตัวดิฉันเป็นผญ. ดิฉันเลยแย้งไปว่าก่อนหน้านี้ทำไมไม่พูด ไม่มีปัญหาเรื่องนี้ แฟนคนก่อนๆดิฉันพาเข้าบ้านทุกคน แต่มีคนนึงที่มาอยู่เลยทั้งๆที่ดิฉันไม่ค่อยพอใจ แต่ทางญาติดิฉันเหมือนจะชอบแฟนคนก่อนมากเพราะมีนิสัยหน้าใหญ่ เขาให้เหตุผลว่าไม่ชอบแฟนคนปัจจุบัน ดิฉันขอเหตุผลว่าทำไมไม่ชอบ เขาให้เหตุผลไม่ได้บอกแค่ว่าผีเห็นผี(คนก่อนผีมากยังไม่ยักกะเห็น) สำหรับตัวดิฉันเองนั้นยังไม่ได้เห็นข้อเสียร้ายแรงของแฟนเลย อีกทั้งเขายังไม่เคยทำอะไรไม่ดีให้ฉัน เรื่องผญ.ไม่มีเลย ย้ำว่าไม่มีเลยไม่เคยคบใครแล้วสบายใจเท่านี้ งานการก็ทำ ดิฉันเคยบอกกับทุกคนว่าถ้าเขาทำอะไรไม่ดีกับดิฉัน ดิฉันจะไปทันที ไม่ต้องห่วงว่าจะจมปลัก หลังจากทะเลาะกันจบไป ดิฉันคิดจะไปอยู่ข้างนอก แต่ทำใจลำบากมาก บ้านก็บ้านพ่อบ้านแม่(เลี้ยง) ที่ซื้อก็เพราะอยากซื้อให้ดิฉันอยู่ ทำไมถึงต้องออกไปจากบ้านตัวเอง ตัวญาติของดิฉันคนนั้นพูดตั้งแต่ปีที่แล้วแล้วว่าจะย้ายออก แต่ไม่มีทีท่าจะย้ายออกสักที รวมถึงตอนนี้น้องๆของดิฉันที่เป็นลูกของญาติ ไม่คุยกับดิฉันทั้งหมด นิสัยของญาติดิฉันคนนี้นั้นค่อนไปทางไม่ดี ทำไมถึงพูดแบบนี้เพราะตอนที่เขาทะเลากับคนที่บ้านเก่า ก็เอามาว่าให้พ่อให้แม่ดิฉันฟัง ใส่ร้ายต่างๆนาๆให้พ่อแม่(เลี้ยง)ไม่ชอบคนบ้านนั้น ตอนนั้นฉันก็กลืนไม่เข้าคลายไม่ออก ได้แต่บอกพ่อและแม่(เลี้ยง)ว่าอย่าไปเชื่อที่เขาพูดมาก มันไม่ใช่ความจริงทั้งหมด และตอนนี้ดิฉันก็กำลังโดนเหมือนที่เขาทำกับคนบ้านเก่า ตอนนี้อยู่บ้านด้วยความอึดอัดมาก จะเลิกกับแฟนเขาก็ไม่ได้ทำความผิดอะไร จะให้แฟนกลับไปอยู่บ้านตัวเองก็สงสารตัวเอง จะย้ายออกเองก็ตัดใจทิ้งบ้านตัวเองไม่ลง

ปล. ที่ฉันไม่ค่อยฟังคนในครอบครัวที่กล่าวๆมาข้างต้นนี้ เหตุเพราะเวลามีปัญหาจริงๆน้อยคนนักที่จะยืนมือเข้ามาช่วย และเวลามีปัญหามักโดนซ้ำเติมมากกว่าให้กำลังใจ รายละเอียดยิบย่อยอีกมากแต่ไม่ขอกล่าวถึง สรุปคือดิฉันรู้สึกว่าคนในครอบครัวไม่ค่อยมีใครช่วยเหลือดิฉันได้ ทุกครั้งที่มีปัญหาไม่ว่าจะเรื่องอะไรแม้กระทั่งเรื่องเงิน ดิฉันจะเข้าหาเพื่อนก่อนเสมอ โชคดีที่เพื่อนดิฉันในตอนนี้เป็นคนที่พึ่งพาได้ และเราพึ่งพากันและกันเสมอ

ที่จะขอคำปรึกษาก็คือ
1.    ดิฉันควรทำยังไงดีให้พ่อเข้าใจ หรือทำแบบไหนที่พ่อจะพอใจและดิฉันไม่เดือดร้อน (เรื่องแฟน)
2.    กับญาติคนที่อยู่บ้านเดียวกัน ดิฉันควรทำไงกับเขาดี
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่