สวัสดียามเช้าวันจันทร์ วันทำงานวันแรกของสัปดาห์ ครับ พี่ๆน้องๆ ชาว ขาS และ ขาL & ชาวPut,Call ทุกๆท่าน
เมื่อวานศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนีตลาดหุ้นไทย ได้เผชิญกับแรงเทขายทำกำไรออกมาอย่างรุนแรงในช่วงเช้า โดยแรงกดดันมาจาก หุ้นกลุ่งโรงไฟฟ้า
ซึ่งปรับตัวขึ้นมาอย่างร้อนแรงก่อนหน้านี้ ทำให้เกิดสภาวะ Over Value นักลงทุนบางกลุ่มจึงเทขายทำกำไร อีกทั้งปัจจัยต่างประเทศ ยังไม่มี
ปัจจัยใหม่ๆเข้ามาหนุนนำตลาดเลย แม้ว่าจะมีการประชุม ECB ในคืนวันพฤหัสบดี และ BOJ เช้าวันศุกร์ ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ซึ่งในระหว่างวัน
มีบางช่วงบางตอน ที่ดัชนีร่วงลงไปกว่า -18 จุด แต่ช่วงบ่าย เริ่มเห็นการฟื้นตัวขึ้นมาของดัชนี และปิดตัวไปที่ระดับ 1775 จุด -3.53 จุด
วันนี้มาติดตามกันต่อ ว่าดัชนีจะสามารถฟื้นตัวกลับมายืนเหนือระดับ 1800 จุด ได้อีกครั้งหรือไม่
Fundamental
เอเชียเช้านี้ ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงพุ่งทะยานในช่วงเปิดตลาดวันนี้ ตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดพุ่งเมื่อวันศุกร์
หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลตัวเลขจ้างงานที่แข็งแกร่งเกินคาด ดัชนีฮั่งเส็งเปิดพุ่งขึ้น 540.09 จุด หรือ +1.74% แตะที่ 31,536.30 จุด
ทั้งนี้ ดัชนีดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้น 440.53 จุด หรือ +1.77% แตะระดับ 25,335.74 จุดเมื่อวันศุกร์ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า
ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดในเดือนก.พ. โดยพุ่งขึ้น 313,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบกว่า 1 ปีครึ่ง
ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 4.1% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 17 ปี
"ฝั่งสหรัฐ" ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นเมื่อวันศุกร์ (9 มี.ค.) โดยปิดที่ระดับเหนือ 25,000 จุด เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.
ที่ผ่านมา ขานรับข้อมูลตัวเลขจ้างงานที่แข็งแกร่งเกินคาด ขณะที่ค่าจ้างเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจาก
การที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ระบุว่า เขาจะยกเว้นการเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมจากแคนาดาและเม็กซิโก ซึ่งเป็นสองประเทศคู่ค้า
ในข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA)
ดัชนีเฉลี่ยอุตสหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,335.74 จุด เพิ่มขึ้น 440.53 จุด หรือ +1.77%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,560.81 จุด เพิ่มขึ้น 132.86 จุด หรือ +1.79%
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,786.57 จุด เพิ่มขึ้น 47.60 จุด หรือ +1.74%
สำหรับตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 3.3% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้น 4.2% เช่นเดียวกับดัชนี S&P500 ที่ปรับตัวขึ้น 3.5%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างคึกคัก หลังกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นมากกว่า
คาดในเดือนก.พ. โดยพุ่งขึ้น 313,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบกว่า 1 ปีครึ่ง ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 4.1% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 17 ปี
ขณะเดียวกัน ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 4 เซนต์/ชั่วโมง หรือ 0.15% โดยต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 0.2%
สู่ระดับ 26.75 ดอลลาร์ และเพิ่มขึ้น 2.6% เมื่อเทียบรายปี
ทั้งนี้ ตัวเลขค่าจ้างต่อชั่วโมงนับเป็นข้อมูลที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อ
นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐยังได้ทบทวนปรับเพิ่มตัวเลขการจ้างงานในเดือนม.ค. โดยปรับเป็นเพิ่มขึ้น 239,000 ตำแหน่ง จากเดิมที่รายงาน
ว่าเพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่ง และทบทวนปรับเพิ่มตัวเลขจ้างงานในเดือนธ.ค. โดยปรับเป็นเพิ่มขึ้น 175,000 ตำแหน่ง จากเดิมที่รายงานว่าเพิ่มขึ้น 160,000 ตำแหน่งกระทรวงแรงงานสหรัฐระบุว่าในเดือนก.พ. ภาคเอกชนมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 287,000 ตำแหน่ง ขณะที่ภาครัฐจ้างงานเพิ่มขึ้น
26,000 ตำแหน่ง ขณะที่ตัวเลขอัตราการเข้าสู่ตลาดแรงงานของสหรัฐ ซึ่งแสดงสัดส่วนของกำลังแรงงานต่อจำนวนประชากรทั้งหมด
เพิ่มขึ้นที่ระดับ 63%
ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐออกมาระบุว่า เขาจะยกเว้นการเก็บภาษีนำเข้าเหล็กในอัตรา 25% และอลู
มิเนียม 10% จากแคนาดาและเม็กซิโก ซึ่งเป็นสองประเทศคู่ค้าในข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA) จาก และยังส่งสัญญาณยกเว้นภาษี
ให้กับประเทศอื่นๆ ด้วย ซึ่งจะช่วยลดโอกาสเกิดสงครามการค้า หากประเทศเหล่านี้เจรจาและสามารถตกลงกับสหรัฐได้ว่าสินค้าเหล็กและอลูมิเนียม
ของพวกเขาจะไม่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของสหรัฐ
อย่างไรก็ตาม ตลาดไม่ได้ให้ความสำคัญมากนักเกี่ยวกับรายงานข่าวที่ว่า ทรัมป์ได้ตกลงที่จะพบปะกับนายคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ ภายในเดือนพฤษภาคมนี้ หลังจากที่นายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ได้แสดงเจตจำนงในการปลดอาวุธนิวเคลียร์ในระหว่างการหารือร่วมกับคณะผู้แทนเกาหลีใต้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
"ฝั่งยุโรป" ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (9 มี.ค.) ตามทิศทางตลาดหุ้นของสหรัฐซึ่งเป็นประเทศที่บริษัทในยุโรปเข้าไปลงทุน
เป็นจำนวนมาก หลังการเปิดเผยข้อมูลตัวเลขจ้างงานของสหรัฐที่แข็งแกร่งเกินคาด ขณะที่ค่าจ้างเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น 0.4% ปิดที่ 378.24 จุด ขณะที่ตลอดทั้งสัปดาห์ปรับตัวขึ้น 3.1%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,274.40 จุด เพิ่มขึ้น 20.30 จุด หรือ +0.39%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,346.68 จุด ลดลง 8.89 จุด หรือ -0.07%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,224.51 จุด เพิ่มขึ้น 21.27 จุด หรือ +0.30%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นหลังได้รับอิทธิพลจากตลาดหุ้นสหรัฐ ที่พุ่งขึ้นหลังกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาค
เกษตรเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดในเดือนก.พ. โดยพุ่งขึ้น 313,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบกว่า 1 ปีครึ่ง ขณะที่นักวิเคราะห์
คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 4.1% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 17 ปี
ขณะเดียวกัน ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 4 เซนต์/ชั่วโมง หรือ 0.15% โดยต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 0.2% สู่ระดับ 26.75 ดอลลาร์ และเพิ่มขึ้น 2.6% เมื่อเทียบรายปี ส่งผลให้นักลงทุนคลายความกังวลที่ว่าภาวะเงินเฟ้ออาจสูงขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่การที่ธนาคาร
กลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย
นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐยังได้ทบทวนปรับเพิ่มตัวเลขการจ้างงานในเดือนม.ค. โดยปรับเป็นเพิ่มขึ้น 239,000 ตำแหน่ง จากเดิมที่รายงาน
ว่าเพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่ง และทบทวนปรับเพิ่มตัวเลขจ้างงานในเดือนธ.ค. โดยปรับเป็นเพิ่มขึ้น 175,000 ตำแหน่ง จากเดิมที่รายงานว่าเพิ่มขึ้น 160,000 ตำแหน่งกระทรวงแรงงานสหรัฐระบุว่าในเดือนก.พ. ภาคเอกชนมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 287,000 ตำแหน่ง ขณะที่ภาครัฐจ้างงานเพิ่มขึ้น
26,000 ตำแหน่ง ขณะที่ตัวเลขอัตราการเข้าสู่ตลาดแรงงานของสหรัฐ ซึ่งแสดงสัดส่วนของกำลังแรงงานต่อจำนวนประชากรทั้งหมด
เพิ่มขึ้นที่ระดับ 63%
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นยุโรปยังคงถูกกดดันจากมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กในอัตรา 25% และอลูมิเนียม 10% จากประเทศต่างๆ
ยกเว้นแคนาดาและเม็กซิโก ซึ่งอาจเป็นชนวนที่ก่อให้เกิดสงครามการค้า
ด้านนางเซซิเลีย มาล์มสตรอม กรรมาธิการการค้าของสหภาพยุโรป (EU) ได้ออกมาเรียกร้องว่า EU ควรได้รับการยกเว้นการเก็บภาษีนำเข้าเหล็ก
ในอัตรา 25% และอลูมิเนียม 10% เช่นกัน เนื่องจาก EU เป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดของสหรัฐ
นอกจากนี้ นางมาล์มสตรอมยังกล่าวอีกด้วยว่า เธอต้องการคำชี้แจงที่ชัดเจนจากสหรัฐเกี่ยวกับมาตรการดังกล่าวในเร็วๆนี้ และจะพูดคุยร่วมกับนาย
โรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ที่กรุงบรัสเซลส์ในวันนี้
ด้านข้อมูลเศรษฐกิจอื่นๆที่มีผลต่อการซื้อขายในตลาดเมื่อคืนนี้ยังรวมถึงตัวเลขส่งออกที่ปรับตามฤดูกาลของเยอรมนีที่ดิ่งลงถึง 0.5% ซึ่งนับเป็น
การปรับตัวลงที่มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.ปีที่แล้ว ขณะที่ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานปรับตัวลงเช่นกันที่ 0.1% ในเดือนม.ค. โดยทั้ง 2 ข้อมูลนี้เป็น
ปัจจัยที่ส่งผลให้ตลาดหุ้นเยอรมนีปรับตัวลง
Credit : สำนักข่าวอินโฟวเควสท์
Technical Analysis
SET index TF Day: ตลอดทั้งสัปดาห์ก่อน ดัชนีปรับตัวร่วงลงมาอย่างต่อเนื่อง และ ไม่หยุดยั้ง ภายหลังจากเกิดรูปแบบ “False Breakout Pattern” พร้อมกับสัญญาณ Bearish Divergence ปกคลุมมาอย่างยาวนาน จนในที่สุด เมื่อวานศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนีได้หลุดกรอบ “Uptrend Channel” ลงมา
เฉียดๆ Low เดิมที่เคยทำไว้ ณ ระดับ 1760 จุด ซึ่งวันนี้ต้องมาดูกันว่า ดัชนีจะสามารถ Rebound กลับเข้าไปยืนในกรอบ Uptrend Channel
ได้อีกครั้งหรือไม่ หากยืนได้ก็จะทำให้กลายเป็นรูปแบบกลับตัว Adam & Adam Double Bottom แต่ถ้าหากหลุดระดับ 1760 จุดลงไป
ก็อาจจะเป็นการยืนยัน Bullish Shark Harmonic Pattern ก็เป็นได้
S50H18 TF Day: ตลอดทั้งสัปดาห์ก่อน ดัชนีปรับตัวร่วงลงมาอย่างต่อเนื่อง และ ไม่หยุดยั้ง ภายหลังจากเกิดรูปแบบ “False Breakout Pattern”
พร้อมกับสัญญาณ Bearish Divergence ปกคลุมมาอย่างยาวนาน จนในที่สุด เมื่อวานศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนีได้ลงมาทดสอบ จุดต่ำสุดที่เคยทำไว้ช่วง
กลางสัปดาห์ ณ ระดับ 1160 จุด ซึ่งก็ต้องมาดูกันว่า ดัชนีจะฟื้นตัวขึ้นไปได้หรือไม่ หากฟื้นตัวขึ้นไปได้ ก็จะกลายเป็นรูปแบบกลับตัวของแท่งเทียน
Bullish Stick Sanwich แต่ถ้าหากหลุดระดับ 1160 จุดลงไป ก็อาจจะเป็นการยืนยัน Bullish Shark Harmonic Pattern ก็เป็นได้
S50H18 TF60 Min: ทั้งสัปดาห์ก่อน ดัชนีปรับตัวร่วงลงมาอย่างต่อเนื่อง ไม่หยุดยั้ง และในภาพเล็ก ดัชนีเคลื่อนไหว Sideway Down ในกรอบ
1160 – 1180 ซึ่งต้องมาดูกันว่า ดัชนีจะเลือกไปในทิศทางใด หากดัชนีเลือกที่จะกลับมายืนเหนือ 1180 จุด ก็จะทำให้ภาพระยะสั้นกลับมาดูสวยงามขึ้น และมองเป็น Bullish Flag แต่ถ้าหากหลุด Support line ลงมา ก็มีความเป็นไปได้ว่า ดัชนียังไม่จบรอบการพักฐาน เตรียมเข้าสู่โหมดพักฐานครั้งใหญ่
(Big Correction) อีกครั้ง
Resistance 1177 1180 1185 1190 / 1780 1787 1790 1800
Support 1166 1160 1155 1150 / 1770 1766 1760 1755
*EOD End of day
ผิดพลาดประการใดโปรดชี้แนะ
สำหรับพี่ๆ น้องๆ ที่ เล่น Put,Call Option ครับ ผมอาจจะไม่ ถนัดด้านนี้
แต่ ในกระทู้นี้ รับรองว่ามี จอมขมังเวทย์ Option เยอะครับ เชิญแชร์ iDea เจ๋งๆ เด็ดๆ / หรือข้อสงสัย สอบถามกันตามสบายเลยครับ
กู๊ดมอนิ่ง ชาว ขาS และ ขาL & ชาว Put,Call (12 Mar 18)
สวัสดียามเช้าวันจันทร์ วันทำงานวันแรกของสัปดาห์ ครับ พี่ๆน้องๆ ชาว ขาS และ ขาL & ชาวPut,Call ทุกๆท่าน
เมื่อวานศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนีตลาดหุ้นไทย ได้เผชิญกับแรงเทขายทำกำไรออกมาอย่างรุนแรงในช่วงเช้า โดยแรงกดดันมาจาก หุ้นกลุ่งโรงไฟฟ้า
ซึ่งปรับตัวขึ้นมาอย่างร้อนแรงก่อนหน้านี้ ทำให้เกิดสภาวะ Over Value นักลงทุนบางกลุ่มจึงเทขายทำกำไร อีกทั้งปัจจัยต่างประเทศ ยังไม่มี
ปัจจัยใหม่ๆเข้ามาหนุนนำตลาดเลย แม้ว่าจะมีการประชุม ECB ในคืนวันพฤหัสบดี และ BOJ เช้าวันศุกร์ ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ซึ่งในระหว่างวัน
มีบางช่วงบางตอน ที่ดัชนีร่วงลงไปกว่า -18 จุด แต่ช่วงบ่าย เริ่มเห็นการฟื้นตัวขึ้นมาของดัชนี และปิดตัวไปที่ระดับ 1775 จุด -3.53 จุด
วันนี้มาติดตามกันต่อ ว่าดัชนีจะสามารถฟื้นตัวกลับมายืนเหนือระดับ 1800 จุด ได้อีกครั้งหรือไม่
Fundamental
เอเชียเช้านี้ ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงพุ่งทะยานในช่วงเปิดตลาดวันนี้ ตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดพุ่งเมื่อวันศุกร์
หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลตัวเลขจ้างงานที่แข็งแกร่งเกินคาด ดัชนีฮั่งเส็งเปิดพุ่งขึ้น 540.09 จุด หรือ +1.74% แตะที่ 31,536.30 จุด
ทั้งนี้ ดัชนีดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้น 440.53 จุด หรือ +1.77% แตะระดับ 25,335.74 จุดเมื่อวันศุกร์ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า
ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดในเดือนก.พ. โดยพุ่งขึ้น 313,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบกว่า 1 ปีครึ่ง
ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 4.1% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 17 ปี
"ฝั่งสหรัฐ" ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นเมื่อวันศุกร์ (9 มี.ค.) โดยปิดที่ระดับเหนือ 25,000 จุด เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.
ที่ผ่านมา ขานรับข้อมูลตัวเลขจ้างงานที่แข็งแกร่งเกินคาด ขณะที่ค่าจ้างเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจาก
การที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ระบุว่า เขาจะยกเว้นการเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมจากแคนาดาและเม็กซิโก ซึ่งเป็นสองประเทศคู่ค้า
ในข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA)
ดัชนีเฉลี่ยอุตสหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,335.74 จุด เพิ่มขึ้น 440.53 จุด หรือ +1.77%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,560.81 จุด เพิ่มขึ้น 132.86 จุด หรือ +1.79%
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,786.57 จุด เพิ่มขึ้น 47.60 จุด หรือ +1.74%
สำหรับตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 3.3% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้น 4.2% เช่นเดียวกับดัชนี S&P500 ที่ปรับตัวขึ้น 3.5%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างคึกคัก หลังกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นมากกว่า
คาดในเดือนก.พ. โดยพุ่งขึ้น 313,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบกว่า 1 ปีครึ่ง ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 4.1% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 17 ปี
ขณะเดียวกัน ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 4 เซนต์/ชั่วโมง หรือ 0.15% โดยต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 0.2%
สู่ระดับ 26.75 ดอลลาร์ และเพิ่มขึ้น 2.6% เมื่อเทียบรายปี
ทั้งนี้ ตัวเลขค่าจ้างต่อชั่วโมงนับเป็นข้อมูลที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อ
นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐยังได้ทบทวนปรับเพิ่มตัวเลขการจ้างงานในเดือนม.ค. โดยปรับเป็นเพิ่มขึ้น 239,000 ตำแหน่ง จากเดิมที่รายงาน
ว่าเพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่ง และทบทวนปรับเพิ่มตัวเลขจ้างงานในเดือนธ.ค. โดยปรับเป็นเพิ่มขึ้น 175,000 ตำแหน่ง จากเดิมที่รายงานว่าเพิ่มขึ้น 160,000 ตำแหน่งกระทรวงแรงงานสหรัฐระบุว่าในเดือนก.พ. ภาคเอกชนมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 287,000 ตำแหน่ง ขณะที่ภาครัฐจ้างงานเพิ่มขึ้น
26,000 ตำแหน่ง ขณะที่ตัวเลขอัตราการเข้าสู่ตลาดแรงงานของสหรัฐ ซึ่งแสดงสัดส่วนของกำลังแรงงานต่อจำนวนประชากรทั้งหมด
เพิ่มขึ้นที่ระดับ 63%
ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐออกมาระบุว่า เขาจะยกเว้นการเก็บภาษีนำเข้าเหล็กในอัตรา 25% และอลู
มิเนียม 10% จากแคนาดาและเม็กซิโก ซึ่งเป็นสองประเทศคู่ค้าในข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA) จาก และยังส่งสัญญาณยกเว้นภาษี
ให้กับประเทศอื่นๆ ด้วย ซึ่งจะช่วยลดโอกาสเกิดสงครามการค้า หากประเทศเหล่านี้เจรจาและสามารถตกลงกับสหรัฐได้ว่าสินค้าเหล็กและอลูมิเนียม
ของพวกเขาจะไม่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของสหรัฐ
อย่างไรก็ตาม ตลาดไม่ได้ให้ความสำคัญมากนักเกี่ยวกับรายงานข่าวที่ว่า ทรัมป์ได้ตกลงที่จะพบปะกับนายคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ ภายในเดือนพฤษภาคมนี้ หลังจากที่นายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ได้แสดงเจตจำนงในการปลดอาวุธนิวเคลียร์ในระหว่างการหารือร่วมกับคณะผู้แทนเกาหลีใต้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
"ฝั่งยุโรป" ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (9 มี.ค.) ตามทิศทางตลาดหุ้นของสหรัฐซึ่งเป็นประเทศที่บริษัทในยุโรปเข้าไปลงทุน
เป็นจำนวนมาก หลังการเปิดเผยข้อมูลตัวเลขจ้างงานของสหรัฐที่แข็งแกร่งเกินคาด ขณะที่ค่าจ้างเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น 0.4% ปิดที่ 378.24 จุด ขณะที่ตลอดทั้งสัปดาห์ปรับตัวขึ้น 3.1%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,274.40 จุด เพิ่มขึ้น 20.30 จุด หรือ +0.39%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,346.68 จุด ลดลง 8.89 จุด หรือ -0.07%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,224.51 จุด เพิ่มขึ้น 21.27 จุด หรือ +0.30%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นหลังได้รับอิทธิพลจากตลาดหุ้นสหรัฐ ที่พุ่งขึ้นหลังกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาค
เกษตรเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดในเดือนก.พ. โดยพุ่งขึ้น 313,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบกว่า 1 ปีครึ่ง ขณะที่นักวิเคราะห์
คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 4.1% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 17 ปี
ขณะเดียวกัน ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 4 เซนต์/ชั่วโมง หรือ 0.15% โดยต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 0.2% สู่ระดับ 26.75 ดอลลาร์ และเพิ่มขึ้น 2.6% เมื่อเทียบรายปี ส่งผลให้นักลงทุนคลายความกังวลที่ว่าภาวะเงินเฟ้ออาจสูงขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่การที่ธนาคาร
กลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย
นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐยังได้ทบทวนปรับเพิ่มตัวเลขการจ้างงานในเดือนม.ค. โดยปรับเป็นเพิ่มขึ้น 239,000 ตำแหน่ง จากเดิมที่รายงาน
ว่าเพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่ง และทบทวนปรับเพิ่มตัวเลขจ้างงานในเดือนธ.ค. โดยปรับเป็นเพิ่มขึ้น 175,000 ตำแหน่ง จากเดิมที่รายงานว่าเพิ่มขึ้น 160,000 ตำแหน่งกระทรวงแรงงานสหรัฐระบุว่าในเดือนก.พ. ภาคเอกชนมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 287,000 ตำแหน่ง ขณะที่ภาครัฐจ้างงานเพิ่มขึ้น
26,000 ตำแหน่ง ขณะที่ตัวเลขอัตราการเข้าสู่ตลาดแรงงานของสหรัฐ ซึ่งแสดงสัดส่วนของกำลังแรงงานต่อจำนวนประชากรทั้งหมด
เพิ่มขึ้นที่ระดับ 63%
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นยุโรปยังคงถูกกดดันจากมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กในอัตรา 25% และอลูมิเนียม 10% จากประเทศต่างๆ
ยกเว้นแคนาดาและเม็กซิโก ซึ่งอาจเป็นชนวนที่ก่อให้เกิดสงครามการค้า
ด้านนางเซซิเลีย มาล์มสตรอม กรรมาธิการการค้าของสหภาพยุโรป (EU) ได้ออกมาเรียกร้องว่า EU ควรได้รับการยกเว้นการเก็บภาษีนำเข้าเหล็ก
ในอัตรา 25% และอลูมิเนียม 10% เช่นกัน เนื่องจาก EU เป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดของสหรัฐ
นอกจากนี้ นางมาล์มสตรอมยังกล่าวอีกด้วยว่า เธอต้องการคำชี้แจงที่ชัดเจนจากสหรัฐเกี่ยวกับมาตรการดังกล่าวในเร็วๆนี้ และจะพูดคุยร่วมกับนาย
โรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ที่กรุงบรัสเซลส์ในวันนี้
ด้านข้อมูลเศรษฐกิจอื่นๆที่มีผลต่อการซื้อขายในตลาดเมื่อคืนนี้ยังรวมถึงตัวเลขส่งออกที่ปรับตามฤดูกาลของเยอรมนีที่ดิ่งลงถึง 0.5% ซึ่งนับเป็น
การปรับตัวลงที่มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.ปีที่แล้ว ขณะที่ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานปรับตัวลงเช่นกันที่ 0.1% ในเดือนม.ค. โดยทั้ง 2 ข้อมูลนี้เป็น
ปัจจัยที่ส่งผลให้ตลาดหุ้นเยอรมนีปรับตัวลง
Credit : สำนักข่าวอินโฟวเควสท์
Technical Analysis
SET index TF Day: ตลอดทั้งสัปดาห์ก่อน ดัชนีปรับตัวร่วงลงมาอย่างต่อเนื่อง และ ไม่หยุดยั้ง ภายหลังจากเกิดรูปแบบ “False Breakout Pattern” พร้อมกับสัญญาณ Bearish Divergence ปกคลุมมาอย่างยาวนาน จนในที่สุด เมื่อวานศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนีได้หลุดกรอบ “Uptrend Channel” ลงมา
เฉียดๆ Low เดิมที่เคยทำไว้ ณ ระดับ 1760 จุด ซึ่งวันนี้ต้องมาดูกันว่า ดัชนีจะสามารถ Rebound กลับเข้าไปยืนในกรอบ Uptrend Channel
ได้อีกครั้งหรือไม่ หากยืนได้ก็จะทำให้กลายเป็นรูปแบบกลับตัว Adam & Adam Double Bottom แต่ถ้าหากหลุดระดับ 1760 จุดลงไป
ก็อาจจะเป็นการยืนยัน Bullish Shark Harmonic Pattern ก็เป็นได้
S50H18 TF Day: ตลอดทั้งสัปดาห์ก่อน ดัชนีปรับตัวร่วงลงมาอย่างต่อเนื่อง และ ไม่หยุดยั้ง ภายหลังจากเกิดรูปแบบ “False Breakout Pattern”
พร้อมกับสัญญาณ Bearish Divergence ปกคลุมมาอย่างยาวนาน จนในที่สุด เมื่อวานศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนีได้ลงมาทดสอบ จุดต่ำสุดที่เคยทำไว้ช่วง
กลางสัปดาห์ ณ ระดับ 1160 จุด ซึ่งก็ต้องมาดูกันว่า ดัชนีจะฟื้นตัวขึ้นไปได้หรือไม่ หากฟื้นตัวขึ้นไปได้ ก็จะกลายเป็นรูปแบบกลับตัวของแท่งเทียน
Bullish Stick Sanwich แต่ถ้าหากหลุดระดับ 1160 จุดลงไป ก็อาจจะเป็นการยืนยัน Bullish Shark Harmonic Pattern ก็เป็นได้
S50H18 TF60 Min: ทั้งสัปดาห์ก่อน ดัชนีปรับตัวร่วงลงมาอย่างต่อเนื่อง ไม่หยุดยั้ง และในภาพเล็ก ดัชนีเคลื่อนไหว Sideway Down ในกรอบ
1160 – 1180 ซึ่งต้องมาดูกันว่า ดัชนีจะเลือกไปในทิศทางใด หากดัชนีเลือกที่จะกลับมายืนเหนือ 1180 จุด ก็จะทำให้ภาพระยะสั้นกลับมาดูสวยงามขึ้น และมองเป็น Bullish Flag แต่ถ้าหากหลุด Support line ลงมา ก็มีความเป็นไปได้ว่า ดัชนียังไม่จบรอบการพักฐาน เตรียมเข้าสู่โหมดพักฐานครั้งใหญ่
(Big Correction) อีกครั้ง
Resistance 1177 1180 1185 1190 / 1780 1787 1790 1800
Support 1166 1160 1155 1150 / 1770 1766 1760 1755
*EOD End of day
ผิดพลาดประการใดโปรดชี้แนะ
สำหรับพี่ๆ น้องๆ ที่ เล่น Put,Call Option ครับ ผมอาจจะไม่ ถนัดด้านนี้
แต่ ในกระทู้นี้ รับรองว่ามี จอมขมังเวทย์ Option เยอะครับ เชิญแชร์ iDea เจ๋งๆ เด็ดๆ / หรือข้อสงสัย สอบถามกันตามสบายเลยครับ