ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! ผู้มีปัญญานั้น เป็นผู้กำจัดเสนา
ในธรรมทั้งปวง คือรูปที่ได้เห็น เสียงที่ได้ยิน
หรืออารมณ์ที่รับรู้อย่างใดอย่างหนึ่ง
กามา เต ปมา เสนา
กามทั้งหลายเป็นเสนาที่หนึ่งของท่าน.
เพราะกิเลสกามทั้งหลาย ย่อมยังสัตว์ผู้รอง
เรือนให้ลุ่มหลงในวัตถุ กามทั้งหลายแต่ต้นทีเดียว
เมื่อสัตว์ทั้งหลายถูกกิเลสกามครอบงำเข้าไปบวช
แล้ว ก็จะเกิดความไม่ยินดี(2)ในเสนาสนะอันสงัด
หรือในธรรมอันเป็นอธิกุสล อย่างใดอย่างหนึ่ง.
ปพฺพชิเตน โข อาวุโส อภิรติ ทุกฺกรา
ดูก่อนอาวุโสทั้งหลาย ความยินดียิ่งอันบรรพชิต
ทำได้ยากดังนี้. แต่นั้นความหิวกระหาย(3)ย่อม
เบียดเบียน เพราะมีชีวิตเนื่องด้วยผู้อื่น เพราะถูก
ความหิวกระหายเบียดเบียน ความอยาก(4)ในการแสวงหา
ย่อมทำให้จิตเหนื่อยหน่าย เมื่อเป็นเช่นนั้น
ถีนมิทธะ (5) (ความง่วงเหงหาวนอน)
ย่อมครอบงำผู้มีจิตเหนื่อยหน่ายเหล่านั้น.
แต่นั้นเมื่อบรรลุคุณวิเศษ อยู่ในเสนาสนะอันสงัดใน
ราวป่า อันยินดีได้ยาก เกิดความกลัว(6)รู้สึกหวาดสะดุ้ง
เมื่อชนเหล่านั้นเกิด
ความกลัวความระแวง ไม่พอใจในรสของวิเวกอยู่ตลอดกาลนาน
เกิดความสงสัย(7)ในการปฏิบัติว่า นี้คงไม่ใช่ทางแน่ เมื่อบรรเทาความสงสัยนั้นอยู่
เกิดมานะ (ถือตัว) มักขะ (ลบหลู่) ถัมภะ (หัวดื้อ) (8)เพราะบรรลุคุณวิเศษ
เพียงเล็กน้อย เมื่อบรรเทามานะ มักขะ ถัมภะอยู่ ย่อมเกิด ลาภ สักการะ
และความสรรเสริญ(9) เพราะอาศัยการบรรลุคุณวิเศษยิ่งไปกว่านั้น. ผู้หมกมุ่น
อยู่ในลาภ ประกาศธรรมปฏิรูป (ธรรมเทียม) บรรลุทางผิด ตั้งอยู่ในทาง
ผิดนั้น ย่อมยกตนข่มผู้อื่นด้วยชาติเป็นต้น(10) ฉะนั้นพึงทราบความที่กามเป็นต้น
เป็นเสนาที่ ๑.
ว่าด้วยเสนามาร......
ในธรรมทั้งปวง คือรูปที่ได้เห็น เสียงที่ได้ยิน
หรืออารมณ์ที่รับรู้อย่างใดอย่างหนึ่ง
กามา เต ปมา เสนา
กามทั้งหลายเป็นเสนาที่หนึ่งของท่าน.
เพราะกิเลสกามทั้งหลาย ย่อมยังสัตว์ผู้รอง
เรือนให้ลุ่มหลงในวัตถุ กามทั้งหลายแต่ต้นทีเดียว
เมื่อสัตว์ทั้งหลายถูกกิเลสกามครอบงำเข้าไปบวช
แล้ว ก็จะเกิดความไม่ยินดี(2)ในเสนาสนะอันสงัด
หรือในธรรมอันเป็นอธิกุสล อย่างใดอย่างหนึ่ง.
ปพฺพชิเตน โข อาวุโส อภิรติ ทุกฺกรา
ดูก่อนอาวุโสทั้งหลาย ความยินดียิ่งอันบรรพชิต
ทำได้ยากดังนี้. แต่นั้นความหิวกระหาย(3)ย่อม
เบียดเบียน เพราะมีชีวิตเนื่องด้วยผู้อื่น เพราะถูก
ความหิวกระหายเบียดเบียน ความอยาก(4)ในการแสวงหา
ย่อมทำให้จิตเหนื่อยหน่าย เมื่อเป็นเช่นนั้น
ถีนมิทธะ (5) (ความง่วงเหงหาวนอน)
ย่อมครอบงำผู้มีจิตเหนื่อยหน่ายเหล่านั้น.
แต่นั้นเมื่อบรรลุคุณวิเศษ อยู่ในเสนาสนะอันสงัดใน
ราวป่า อันยินดีได้ยาก เกิดความกลัว(6)รู้สึกหวาดสะดุ้ง
เมื่อชนเหล่านั้นเกิด
ความกลัวความระแวง ไม่พอใจในรสของวิเวกอยู่ตลอดกาลนาน
เกิดความสงสัย(7)ในการปฏิบัติว่า นี้คงไม่ใช่ทางแน่ เมื่อบรรเทาความสงสัยนั้นอยู่
เกิดมานะ (ถือตัว) มักขะ (ลบหลู่) ถัมภะ (หัวดื้อ) (8)เพราะบรรลุคุณวิเศษ
เพียงเล็กน้อย เมื่อบรรเทามานะ มักขะ ถัมภะอยู่ ย่อมเกิด ลาภ สักการะ
และความสรรเสริญ(9) เพราะอาศัยการบรรลุคุณวิเศษยิ่งไปกว่านั้น. ผู้หมกมุ่น
อยู่ในลาภ ประกาศธรรมปฏิรูป (ธรรมเทียม) บรรลุทางผิด ตั้งอยู่ในทาง
ผิดนั้น ย่อมยกตนข่มผู้อื่นด้วยชาติเป็นต้น(10) ฉะนั้นพึงทราบความที่กามเป็นต้น
เป็นเสนาที่ ๑.