ขอขอบคุณเพื่อนๆในพันทิปที่โหวตจนให้เป็นกระทู้ Pick Pantip ในตอนที่1 วันนี้ผมจะมาเริ่มตอนที่ 2 กันนะครับ
ตอนนี้จะเริ่มเป็นตอนที่อยู่ใน Mestia คืนที่ 2แล้ว สำหรับลิ้งค์กระทู้ตอนแรกเชิญไปเยี่ยมชมกันได้เลยครับผม
https://ppantip.com/topic/37437023/
ภาพนี้คือภาพหมู่บ้าน USHGULI ครับ ซึ่งเป็นไฮไลท์หลักๆของตอนที่2นี้ครับผม
เพิ่มเติม Map จาก Mestia ไปหมู่บ้าน Ushguli ครับ
หลังจากนั่งรถมาจากหมู่บ้าน MESTIA ประมาณครึ่งชม. ก็ถึง Tetnuldi Skiresort ครับผม
ส่วนตัวผมไม่เคยได้เล่นสกีเลยสักครั้งในชีวิต ก็เลยต้องหา Instructor เพื่อมาฝึกสอน และอุปกรณ์ก็ไม่ได้เตรียมอะไรมาเลย แม้กระทั่งเสื้อกันลม
วันนี้กะจะมาเดินเท่ห์ๆใส่เสื้อโค้ทที่หมู่บ้าน USHGULIเก๋ๆ แต่ต้องมาเล่นสกี แต่ปรากฏว่าเสื้อโค้ทที่ผมใส่มามันเล่นสกีไม่ถนัด เลยถอดเหลือแต่ชุด Heat Tech เล่นเลยละกัน และโชคที่ดีวันนี้แดดส่องแรงมาก เลยอากาศไม่หนาวเท่าไหร่เสื้อตัวเดียวพอไหว เลยเล่นแบบชุดเสื้อตัวเดียวเปลือยๆเนี่ยล่ะ
ค่า Instructor ชม.ครึ่ง 60 Lari พร้อมใช้สนาม
ค่าเช่าชุดอุปกรณ์ 25 Lari ไม่ต้องมัดจำใดๆทั้งสิ้น รวมเป็นไทยประมาณ 1063 บาท สำหรับผมถือว่าคุ้ม ลองไปเล่นที่ ญี่ปุ่นดูสิ อิอิ
อุปกรณ์จะได้ รองเท้า ไม้ค้ำ และก็ตัวสกี พึ่งรู้เหมือนกันว่า ฐานรองของสกีต้องขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวเราด้วย ทาง Instructor จะดูแลเราทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบ ถามหมดน้ำหนักส่วนสูง จนกว่าจะเหมาะสมกับตัวเรา
ตอนแรกก็เล่นอยู่ตรงโซนอนุบาลนะแล่ะครับ แต่พอฝึกไปฝึกมาเกือบชม.ทางทาง Instructor ก็บอก Oh, You are great to go another LEVEL !!!
หืมอะไรนะ ? นั่งกระเช้าไปบนยอดนั่นนะ โอโหสูงมาก !! ทาง Instructor สุดหล่อบอกว่า You will be safe ,If you go with me ,Don't Be afraid ... โอเคเชื่อก็เชื่อ ก็ขึ้นกระเช้าไปกันเลย ....
มาดูโฉมหน้าผู้สอนผมกันดีกว่า หล่อเหลาเชียว ฮ่าๆๆๆ นั่งกระเช้าขึ้นมาก็เม้าส์มอยกันไป
หลังจากลงกระเช้าก็พบว่ามันสูงมากครับ ขาสั่นกันเลยทีเดียว
สรุปผมก็เล่นจนครบชม.ครึ่ง ขึ้นกระเช้า 2 รอบ ไม่มีล้มเลยครับ Instructor ชมว่า You have already LEVEL UP!!! ฟังก็ชื่นใจ อิอิ
เล่นเสร็จก็หิวครับผม กลับมาซัดโฮกกับแฟน ในร้านอาหารมือ้นี้หมดไป 23 LARI เป็นเงินไทยเท่ากับ 288 บาท
เรียกได้ว่า อิ่มโฮก!! มีห่อไปกินบนรถครับ กินไม่หมดกันเลยยย
อิ่มท้องกันแล้ว ก็ขึ้นรถไปต่อกันที่ หมู่บ้าน USHGULI ครับ นั่งยาวๆไป 1.45ชม. โดยมีสาวจีนแม่ลูกผู้ร่วมหารไปด้วย
ระหว่างทางเรียกได้ว่าโหดพอควร มีบางช่วงต้องระวังหินร่วงลงมาจากภูเขาด้วย
ระหว่างทางก็มีหนุ่มน้อย 2 คนขี่ม้าสวนมาด้วย แหม!! มันช่าง ยุคซิตี้ จริงๆ
เขาบอกว่าหมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านที่ยังมีการดำเนินชีวิตอยู่ที่สูงที่สุดในยุโรป ราวๆประมาณ 2100เมตรได้ แถมยังเป็นหมู่บ้านที่องค์กรUNESCO อนุรักษ์ไว้ด้วย คนขับรถบอกว่าพวกเขาไม่ต้องออกไปไหน เพราะทำการเลี้ยงสัตว์ปลูกพืชในตัวหมู่บ้านเอง และทางการก็เข้ามาดูแลลำบากด้วย โดยเฉพาะถนน แต่บางบ้านก็เริ่มสร้างเป็น Guest House แล้ว ก็ขออย่าให้นายทุนหน้าใหญ่เข้ามาลงทุนดูดเงินไปคนเดียวและกัน
กลับจาก Ushguli ก็ย้ายไปเช็คอินอีก 1 โรงแรม ที่จองไว้ใน Mestia คือโรงแรม Sana Guest House แล้วค่อยไปหาอะไรทานกัน
ขอบ่นว่า บันไดโรงแรมชันมากกกก ....
สภาพห้องไม่ได้ถ่ายไว้นะครับ ถ่ายแค่ระเบียง เพราะคืนที่สองนี่ไม่เน้นอะไร เน้นประหยัด และเอาใกล้ท่ารถเข้าไว้ เพราะเราจองรถรอบ
8.00เช้าไว้เพื่อที่จะกลับ Zugdidi กันในเช้าวันรุ่งขึ้นครับ
โรงแรมเป็นสไตล์เกสเฮ้าต์ครับ อยากหยิบอุปกรณ์อะไรใช้ก็ต้องล้างทำความสะอาดเองนะครับผม ถือว่าเป็นมารยาทสำหรับการพักโรงแรมสไตล์นี้
แอบลงมาหาอะไรทานก่อนจะนอน เขาบอกว่ามาถึงแล้วต้องลอง เหล้า Cha Cha ครับผม แต่ส่วนตัวผมไม่ได้ลองครับ
คืนนี้ฝากท้องไว้กับ Cafe Ushba ครับผม ราคาไม่แพง แถมอร่อยด้วยครับ ที่ผมทานนี่อะไรไม่รู้จำชื่อไม่ได้ แต่แปลเป็นว่า ไก่ในน้ำซุปชีสครับ ส่วนแฟนทานสปาเกตตี้ครับ ไม่ได้ถ่ายรูปไว้ เพราะตอนนั้นเหมือนจะทะเลาะกันนิดหน่อย ฮ่าๆๆ
แอบถ่ายเมนูมาตั้ง 1 หน้าให้เพื่อนๆพิจารณาราคาครับ หมดไปคืนนั้นน่าจะประมาณ 18 LARI ได้ครับ
บรรยากาศในร้านครับ อบอุ่นดีครับ มีฮีตเตอร์
หน้าร้านครับ
และแล้วงานเลี้ยงก็ย่อมมีวันเลิกรา ถึงเวลาจาก Mestia ไปแล้ว เหลือไว้แต่ภาพความทรงจำ ผมว่าเป็นเมืองที่สงบและยังไม่ช้ำเท่าที่ควรที่น่าท่องเที่ยว เป็นอีกเมืองที่เป็น Rare Item สำหรับผมเลย ถ้าถามให้กลับไปเที่ยวอีกไหม ก็ต้องบอกว่าอยากกลับไปครับ บรรยากาศดี ผู้คนเป็นมิตร อากาศดี ราคาไม่แพง วิวสวย ครบครันครับ สำหรับความรู้สึกที่นักท่องเที่ยวทั้งหมดต้องการมีบรรยากาศแบบนี้ครับ
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ตัดมาตอนเช้าอีกวันเลยนะครับ 8.00เช้าตรู่กับพระอาทิตย์ที่ยังไม่ขึ้นที่ Mestia มุ่งหน้ากลับไปเมือง Zugdidi เพื่อจะต่อไปเมือง Batumi ครับ
กว่าจะลงมาถึง Zugdidi ได้รถที่ผมนั่งมามีปัญหาครับ กว่าจะมาถึงก็เกือบ 13.00 แล้ว เรียกได้ว่านั่งรถกันครึ่งวันเลยทีเดียว
ผมได้แจ้งคนขับไว้ว่าผมจะต่อรถไป Batumi ครับ คนขับก็ประสาน marshrutkas ให้ ลงปุ้บก็มีรถมารับเลยครับ รถหวานเย็นเช่นเคย จอดทุกป้ายรับทุกป้าย ค่าโดยสาร 12 LARI มีใบเสร็จเหมือนเดิม รถออก 14.15 PM รอในรถกันยาวๆไป
ถือว่าแพลนมีคลาดเคลื่อนมากครับ ทั้งรถเสีย ระหว่างทางจาก Mestia มา Zugdidi และมาขึ้นรถ รอบเที่ยง ไป Batumi ไม่ทัน ทำให้เวลาที่ Batumi ผมหายไปเลย กว่าจะมาถึงก็ 17.00 เย็นแล้ว แถมตั๋วรถไฟพรุ่งนี้เช้าก็ รอบ 07.30am อีก หมดกัน Batumi ในฝัน แถมฝนดันมาตกอีก บอกเลยถ้าผมมีโอกาศรอบหน้าได้มาจอร์เจียอีกครั้ง ผมจะกลับมา Batumi ยาวๆในหน้าร้อนครับ เสียดายมากมาย ผมอยากมีเวลาให้กับทะเลดำมากกว่านี้ มันคือหนึ่งใน ทะเลประวัติศาสตร์ที่ยาวนานมาก ฮึ่ยยย นึกแล้วก็เสียดาย ที่เราแพลนเมืองนี้น้อยไป เพราะที่จองตั๋วรถไฟตอนเช้าก็เพราะอยากกลับไปเก็บตก Tbilisi ให้จบ นั่นเอง
ดูสิครับ เมือง ดูอินเตอร์มาก อ่านในวิกิพีเดียบอกว่าในสมัยจักรวรรดิรัสเซียนี่ใช้เป็นเมืองท่าสำคัญเลย สงสัยเพราะติดทะเลดำ
สำหรับโรงแรมที่จองไว้ที่เมือง Batumi ก็นี่ครับ Hotel N16 สนนราคา 80 Lari เงินไทยก็ราคา 1000 บาทถ้วน จ่ายหน้างานเช่นเคย
จากที่วางแพลนไว้จะมาหยอดเหรียญเช่าจักรยานปั่นชมเมือง ต้องพับแผนเก็บกางอากาศเนื่องจากฝนตก
สภาพห้องก็สมราคาครับ มีทีวีเคเบิ้ล มีฮีตเตอร์ เครื่องทำน้ำอุ่น
TIP: ในเมือง Batumi อากาศจะอุ่นกว่าที่ Mestia ประมาณ 5ถึง7 องศา แต่วันนี้ฝนตกครับ เลขตัวเดียว เดินข้างนอกนี่อย่างหนาวกันเลย
ออกมาช้อบปิ้งกันดีกว่า
กินน้ำมีฟองแทบทุกวันเลยก็ว่าได้เนื่องจากราคาพอๆกับน้าเปล่า แถมรสชาดดีเยี่ยม
ได้เห็นทะเลดำเป็นบุญตาสักที หลังจากเรียนมาเป็น10ปี ในวิชาสังคมตอนม.ปลาย
TIP : มี 6ประเทศ ล้อมรอบทะเลดำอยู่ได้แก่
รัสเซีย จอร์เจีย ยูเครน ตุรกี โรมาเนีย บัลแกเรีย ยูเครน ครับ
คลื่นสูงมาก ตามสภาพอากาสในวันนั้นครับ
ทุกอย่างดูเงียบเหงา พร้อมแฝงกับความหนาวชื้นเนื่องจากฝนตก
[CR] Georgia [Full option] เที่ยวจอร์เจียร์แบบไม่ง้อทัวร์ ตอนที่ 2
ตอนนี้จะเริ่มเป็นตอนที่อยู่ใน Mestia คืนที่ 2แล้ว สำหรับลิ้งค์กระทู้ตอนแรกเชิญไปเยี่ยมชมกันได้เลยครับผม
https://ppantip.com/topic/37437023/
ภาพนี้คือภาพหมู่บ้าน USHGULI ครับ ซึ่งเป็นไฮไลท์หลักๆของตอนที่2นี้ครับผม
เพิ่มเติม Map จาก Mestia ไปหมู่บ้าน Ushguli ครับ
หลังจากนั่งรถมาจากหมู่บ้าน MESTIA ประมาณครึ่งชม. ก็ถึง Tetnuldi Skiresort ครับผม
ส่วนตัวผมไม่เคยได้เล่นสกีเลยสักครั้งในชีวิต ก็เลยต้องหา Instructor เพื่อมาฝึกสอน และอุปกรณ์ก็ไม่ได้เตรียมอะไรมาเลย แม้กระทั่งเสื้อกันลม
วันนี้กะจะมาเดินเท่ห์ๆใส่เสื้อโค้ทที่หมู่บ้าน USHGULIเก๋ๆ แต่ต้องมาเล่นสกี แต่ปรากฏว่าเสื้อโค้ทที่ผมใส่มามันเล่นสกีไม่ถนัด เลยถอดเหลือแต่ชุด Heat Tech เล่นเลยละกัน และโชคที่ดีวันนี้แดดส่องแรงมาก เลยอากาศไม่หนาวเท่าไหร่เสื้อตัวเดียวพอไหว เลยเล่นแบบชุดเสื้อตัวเดียวเปลือยๆเนี่ยล่ะ
ค่า Instructor ชม.ครึ่ง 60 Lari พร้อมใช้สนาม
ค่าเช่าชุดอุปกรณ์ 25 Lari ไม่ต้องมัดจำใดๆทั้งสิ้น รวมเป็นไทยประมาณ 1063 บาท สำหรับผมถือว่าคุ้ม ลองไปเล่นที่ ญี่ปุ่นดูสิ อิอิ
อุปกรณ์จะได้ รองเท้า ไม้ค้ำ และก็ตัวสกี พึ่งรู้เหมือนกันว่า ฐานรองของสกีต้องขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวเราด้วย ทาง Instructor จะดูแลเราทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบ ถามหมดน้ำหนักส่วนสูง จนกว่าจะเหมาะสมกับตัวเรา
ตอนแรกก็เล่นอยู่ตรงโซนอนุบาลนะแล่ะครับ แต่พอฝึกไปฝึกมาเกือบชม.ทางทาง Instructor ก็บอก Oh, You are great to go another LEVEL !!!
หืมอะไรนะ ? นั่งกระเช้าไปบนยอดนั่นนะ โอโหสูงมาก !! ทาง Instructor สุดหล่อบอกว่า You will be safe ,If you go with me ,Don't Be afraid ... โอเคเชื่อก็เชื่อ ก็ขึ้นกระเช้าไปกันเลย ....
มาดูโฉมหน้าผู้สอนผมกันดีกว่า หล่อเหลาเชียว ฮ่าๆๆๆ นั่งกระเช้าขึ้นมาก็เม้าส์มอยกันไป
หลังจากลงกระเช้าก็พบว่ามันสูงมากครับ ขาสั่นกันเลยทีเดียว
สรุปผมก็เล่นจนครบชม.ครึ่ง ขึ้นกระเช้า 2 รอบ ไม่มีล้มเลยครับ Instructor ชมว่า You have already LEVEL UP!!! ฟังก็ชื่นใจ อิอิ
เล่นเสร็จก็หิวครับผม กลับมาซัดโฮกกับแฟน ในร้านอาหารมือ้นี้หมดไป 23 LARI เป็นเงินไทยเท่ากับ 288 บาท
เรียกได้ว่า อิ่มโฮก!! มีห่อไปกินบนรถครับ กินไม่หมดกันเลยยย
อิ่มท้องกันแล้ว ก็ขึ้นรถไปต่อกันที่ หมู่บ้าน USHGULI ครับ นั่งยาวๆไป 1.45ชม. โดยมีสาวจีนแม่ลูกผู้ร่วมหารไปด้วย
ระหว่างทางเรียกได้ว่าโหดพอควร มีบางช่วงต้องระวังหินร่วงลงมาจากภูเขาด้วย
ระหว่างทางก็มีหนุ่มน้อย 2 คนขี่ม้าสวนมาด้วย แหม!! มันช่าง ยุคซิตี้ จริงๆ
เขาบอกว่าหมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านที่ยังมีการดำเนินชีวิตอยู่ที่สูงที่สุดในยุโรป ราวๆประมาณ 2100เมตรได้ แถมยังเป็นหมู่บ้านที่องค์กรUNESCO อนุรักษ์ไว้ด้วย คนขับรถบอกว่าพวกเขาไม่ต้องออกไปไหน เพราะทำการเลี้ยงสัตว์ปลูกพืชในตัวหมู่บ้านเอง และทางการก็เข้ามาดูแลลำบากด้วย โดยเฉพาะถนน แต่บางบ้านก็เริ่มสร้างเป็น Guest House แล้ว ก็ขออย่าให้นายทุนหน้าใหญ่เข้ามาลงทุนดูดเงินไปคนเดียวและกัน
กลับจาก Ushguli ก็ย้ายไปเช็คอินอีก 1 โรงแรม ที่จองไว้ใน Mestia คือโรงแรม Sana Guest House แล้วค่อยไปหาอะไรทานกัน
ขอบ่นว่า บันไดโรงแรมชันมากกกก ....
สภาพห้องไม่ได้ถ่ายไว้นะครับ ถ่ายแค่ระเบียง เพราะคืนที่สองนี่ไม่เน้นอะไร เน้นประหยัด และเอาใกล้ท่ารถเข้าไว้ เพราะเราจองรถรอบ
8.00เช้าไว้เพื่อที่จะกลับ Zugdidi กันในเช้าวันรุ่งขึ้นครับ
โรงแรมเป็นสไตล์เกสเฮ้าต์ครับ อยากหยิบอุปกรณ์อะไรใช้ก็ต้องล้างทำความสะอาดเองนะครับผม ถือว่าเป็นมารยาทสำหรับการพักโรงแรมสไตล์นี้
แอบลงมาหาอะไรทานก่อนจะนอน เขาบอกว่ามาถึงแล้วต้องลอง เหล้า Cha Cha ครับผม แต่ส่วนตัวผมไม่ได้ลองครับ
คืนนี้ฝากท้องไว้กับ Cafe Ushba ครับผม ราคาไม่แพง แถมอร่อยด้วยครับ ที่ผมทานนี่อะไรไม่รู้จำชื่อไม่ได้ แต่แปลเป็นว่า ไก่ในน้ำซุปชีสครับ ส่วนแฟนทานสปาเกตตี้ครับ ไม่ได้ถ่ายรูปไว้ เพราะตอนนั้นเหมือนจะทะเลาะกันนิดหน่อย ฮ่าๆๆ
แอบถ่ายเมนูมาตั้ง 1 หน้าให้เพื่อนๆพิจารณาราคาครับ หมดไปคืนนั้นน่าจะประมาณ 18 LARI ได้ครับ
บรรยากาศในร้านครับ อบอุ่นดีครับ มีฮีตเตอร์
หน้าร้านครับ
และแล้วงานเลี้ยงก็ย่อมมีวันเลิกรา ถึงเวลาจาก Mestia ไปแล้ว เหลือไว้แต่ภาพความทรงจำ ผมว่าเป็นเมืองที่สงบและยังไม่ช้ำเท่าที่ควรที่น่าท่องเที่ยว เป็นอีกเมืองที่เป็น Rare Item สำหรับผมเลย ถ้าถามให้กลับไปเที่ยวอีกไหม ก็ต้องบอกว่าอยากกลับไปครับ บรรยากาศดี ผู้คนเป็นมิตร อากาศดี ราคาไม่แพง วิวสวย ครบครันครับ สำหรับความรู้สึกที่นักท่องเที่ยวทั้งหมดต้องการมีบรรยากาศแบบนี้ครับ
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ตัดมาตอนเช้าอีกวันเลยนะครับ 8.00เช้าตรู่กับพระอาทิตย์ที่ยังไม่ขึ้นที่ Mestia มุ่งหน้ากลับไปเมือง Zugdidi เพื่อจะต่อไปเมือง Batumi ครับ
กว่าจะลงมาถึง Zugdidi ได้รถที่ผมนั่งมามีปัญหาครับ กว่าจะมาถึงก็เกือบ 13.00 แล้ว เรียกได้ว่านั่งรถกันครึ่งวันเลยทีเดียว
ผมได้แจ้งคนขับไว้ว่าผมจะต่อรถไป Batumi ครับ คนขับก็ประสาน marshrutkas ให้ ลงปุ้บก็มีรถมารับเลยครับ รถหวานเย็นเช่นเคย จอดทุกป้ายรับทุกป้าย ค่าโดยสาร 12 LARI มีใบเสร็จเหมือนเดิม รถออก 14.15 PM รอในรถกันยาวๆไป
ถือว่าแพลนมีคลาดเคลื่อนมากครับ ทั้งรถเสีย ระหว่างทางจาก Mestia มา Zugdidi และมาขึ้นรถ รอบเที่ยง ไป Batumi ไม่ทัน ทำให้เวลาที่ Batumi ผมหายไปเลย กว่าจะมาถึงก็ 17.00 เย็นแล้ว แถมตั๋วรถไฟพรุ่งนี้เช้าก็ รอบ 07.30am อีก หมดกัน Batumi ในฝัน แถมฝนดันมาตกอีก บอกเลยถ้าผมมีโอกาศรอบหน้าได้มาจอร์เจียอีกครั้ง ผมจะกลับมา Batumi ยาวๆในหน้าร้อนครับ เสียดายมากมาย ผมอยากมีเวลาให้กับทะเลดำมากกว่านี้ มันคือหนึ่งใน ทะเลประวัติศาสตร์ที่ยาวนานมาก ฮึ่ยยย นึกแล้วก็เสียดาย ที่เราแพลนเมืองนี้น้อยไป เพราะที่จองตั๋วรถไฟตอนเช้าก็เพราะอยากกลับไปเก็บตก Tbilisi ให้จบ นั่นเอง
ดูสิครับ เมือง ดูอินเตอร์มาก อ่านในวิกิพีเดียบอกว่าในสมัยจักรวรรดิรัสเซียนี่ใช้เป็นเมืองท่าสำคัญเลย สงสัยเพราะติดทะเลดำ
สำหรับโรงแรมที่จองไว้ที่เมือง Batumi ก็นี่ครับ Hotel N16 สนนราคา 80 Lari เงินไทยก็ราคา 1000 บาทถ้วน จ่ายหน้างานเช่นเคย
จากที่วางแพลนไว้จะมาหยอดเหรียญเช่าจักรยานปั่นชมเมือง ต้องพับแผนเก็บกางอากาศเนื่องจากฝนตก
สภาพห้องก็สมราคาครับ มีทีวีเคเบิ้ล มีฮีตเตอร์ เครื่องทำน้ำอุ่น
TIP: ในเมือง Batumi อากาศจะอุ่นกว่าที่ Mestia ประมาณ 5ถึง7 องศา แต่วันนี้ฝนตกครับ เลขตัวเดียว เดินข้างนอกนี่อย่างหนาวกันเลย
ออกมาช้อบปิ้งกันดีกว่า
กินน้ำมีฟองแทบทุกวันเลยก็ว่าได้เนื่องจากราคาพอๆกับน้าเปล่า แถมรสชาดดีเยี่ยม
ได้เห็นทะเลดำเป็นบุญตาสักที หลังจากเรียนมาเป็น10ปี ในวิชาสังคมตอนม.ปลาย
TIP : มี 6ประเทศ ล้อมรอบทะเลดำอยู่ได้แก่
รัสเซีย จอร์เจีย ยูเครน ตุรกี โรมาเนีย บัลแกเรีย ยูเครน ครับ
คลื่นสูงมาก ตามสภาพอากาสในวันนั้นครับ
ทุกอย่างดูเงียบเหงา พร้อมแฝงกับความหนาวชื้นเนื่องจากฝนตก
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น