Three Billboards Outside Ebbing,Missouri
.
หนังที่คนไทยทุกคนควรจะดูในเวลานี้ ก่อนที่จะสปอยจะขอแพล่มคร่าวๆก่อนว่าทำไมทุกคนถึงควรดู
คือเรื่องนี้มันเหมาะกับสังคมบ้านเราพอสมควรในวันเวลาที่เปิดทีวีเจอแต่ นาฬิกา หวย ป้าถือขวาน หรือเสือดำ คลิปบนโซเชียล แน่นอนว่าแต่ละประเด็นน่าจะกระทบใจคนไทยที่ใส่ใจในเรื่องของกระบวนการยุติธรรมพอสมควรเลยทีเดียว แถมหนังยังแสดงให้เห็นถึงการใช้อำนาจในการปกปิดความเสื่อมเสียชื่อเสียงขององค์กรด้วย ถ้าใครไม่ชอบอ่านกดดูคลิปในยูทูปได้เลยครับ
Three Billboards Outside Ebbing, Missouri คือเรื่องราวของแม่ที่สูญเสียลูกสาวซึ่งถูกข่มขืนแล้วฆ่า เมื่อวันเวลาล่วงเลยผ่านไป 7 เดือน ตำรวจไม่สามารถดำเนินการเอาตัวคนผิดมาลงโทษได้เธอจึงทุบกระปุกซื้อป้ายโฆษณาขนาดยักษ์ 3 ป้าย แถวบ้านเธอซึ่งเป็นถนนที่แทบจะไม่มีใครผ่านเพื่อถามความยุติธรรมจากหัวหน้าตำรวจ หนังดำเนินเรื่องไปเรื่อยๆไม่ได้ชี้นำอะไร ปล่อยเรื่องไหลไปแล้วให้คนดูคิดตามว่าถ้าเป็นเราจะแก้ปัญหาเรื่องราวเหล่านี้
แต่ตัวหนังใช้โทสะต่อโทสะไปเรื่อยๆจึงออกแนวใส่มากูเอาคืนทำกูแค้นกูไม่จบ แต่ความจริงเวรอาจจะต้องระงับด้วยการไม่จองเวร เพราะถ้าเราใช้โทสะ ความรุนแรงจะส่งต่อไปอย่างไร้ที่สิ้นสุดโดยที่เราไม่อาจตั้งใจแต่หนังก็ไม่ได้เครียดซักทีเดียวยังทอดแทรกมุขตลกไม่รู้ว่าเรียกร้ายได้รึเปล่าแต่สำหรับคนเหงาคือ ขำ อย่างเช่นตอนที่พ่อกลับมา ที่บ้านแล้วคุยกันเป็นบทสนทนาในหนังที่ถือว่าเยี่ยมอีกบทหนึ่ง หรือตอนเต่าปีนตักแม่ของดิกซ่อน
.
มาที่ตัวละครที่ชอบที่สุดกันบ้าง ฟรานซิส แมคโดแม่น ในบท เมลดริท สมแล้วกับบทออสก้า อีป้าพลังสิบตีนถีบผู้ไม่ยี่หระกับเสียงอื่นใดนอกจากเสียงในจิตใจของตนเอง หลากหลายอารมณ์ที่อ่อนไหว และ ซับซ้อน ระทมทุกข์ แต่พร้อมจะเอาคืนเจ็ดชั่วโคตร แม้ ครอบครัวแตกสลาย ลูกสาวตาย ลูกชายไม่เอา สรุปสั้นๆ เยี่ยม แพง แรง สมราคาดาราออสการ์
.
แซม ร็อคเวลล์ ในบท Dixon ตำรวจคนนี้มันเล่นได้โคตรอุบาทว์เลยแต่เป็นตัวแปรสำคัญในหลายๆเหตุการณ์ ฉากเผาโรงพักแล้วหยิบแฟ้มคดีลูกสาวของออกมาเพราะกลัวไหม้ หรือในตอนท้ายที่เปลี่ยนจากคู่กัดมาเป็นคู่หู ก็สมควรแล้วที่ได้ออสการ์
.
หลายๆคนอาจมองว่าจบไม่เคลียเแต่เท่าที่ดูหนังไม่ได้จะสื่อแนว สืบสวนว่าต้องตามหาคนร้ายให้เจออยู่แล้ว หนังสื่อถึง คนตัวเล็กๆอย่างเราจะแก้ปัญหาด้วยวิธีไหนและมันมีผลเสียผลดียังไง ถ้าเราตอบโต้ด้วยวิธีแบบนี้แล้วผลลัพธ์มันเป็นเช่นไร และหนังสื่อถึงชีวิตผู้คนในเมืองที่เกี่ยวข้องกันจากการกระทำและผลกระทบของแต่ละคนผ่านป้ายโฆษณาขนาดยักษ์ 3 ป้ายเริ่มจาก บรรดาลโทสะ ปลง และ อภัย มากกว่าที่จะมานั่งหาตัวคนกระทำผิด
.
สำหรับคนเหงา Three Billboards Outside Ebbing, Missouri ควรเข้าไปดูในโรง ซึ่งน่าจะขัดแย้งกับหลายๆคนที่ว่า มันคือหนังแบบเรื่อยๆไม่มีจุดพีค แต่ไปพีคที่คนแสดง แต่สำหรับคนเหงาคือ พล็อตมันสุดยอดมากคือหนังไม่มีอะไรเลยแต่ทำได้ขนาดนี้แค่บิลบอร์ด 3 ป้าย แล้ว ผกก. Martin McDornagh ถ้าเขียนบทเรื่องนี้จากป้ายโฆษณา แมคโดนัล์ หรือ เคเอฟซี ที่เห็นเวลาขับรถผ่านไปมานี่มันยิ่งสุดๆเข้าไปใหญ่ และอีก 1 ประเด็นสำคัญที่ควรดูในโรงคือ ถ้าหนังแบบนี้ได้ทำเงินเยอะ คนไทยก็จะได้ดูหนังดีๆแบบนี้และได้ดูก่อนที่ออสก้าจะประกาศผล บอกเลยว่าไม่เสียเวลา ดูซ้ำดูย้ำได้บทพูดเท่มาก
ยังไงถ้าชื่นชอบการเล่าหนังฝากติดตามเพจและ แชแนลยูทูปของ คนเหงาเล่าหนัง ด้วยนะครับที่
https://www.facebook.com/lonelyboyspoilmovie/
คนเหงาเล่าหนัง - Three Billboards Outside Ebbing,Missouri
.
หนังที่คนไทยทุกคนควรจะดูในเวลานี้ ก่อนที่จะสปอยจะขอแพล่มคร่าวๆก่อนว่าทำไมทุกคนถึงควรดู
คือเรื่องนี้มันเหมาะกับสังคมบ้านเราพอสมควรในวันเวลาที่เปิดทีวีเจอแต่ นาฬิกา หวย ป้าถือขวาน หรือเสือดำ คลิปบนโซเชียล แน่นอนว่าแต่ละประเด็นน่าจะกระทบใจคนไทยที่ใส่ใจในเรื่องของกระบวนการยุติธรรมพอสมควรเลยทีเดียว แถมหนังยังแสดงให้เห็นถึงการใช้อำนาจในการปกปิดความเสื่อมเสียชื่อเสียงขององค์กรด้วย ถ้าใครไม่ชอบอ่านกดดูคลิปในยูทูปได้เลยครับ
Three Billboards Outside Ebbing, Missouri คือเรื่องราวของแม่ที่สูญเสียลูกสาวซึ่งถูกข่มขืนแล้วฆ่า เมื่อวันเวลาล่วงเลยผ่านไป 7 เดือน ตำรวจไม่สามารถดำเนินการเอาตัวคนผิดมาลงโทษได้เธอจึงทุบกระปุกซื้อป้ายโฆษณาขนาดยักษ์ 3 ป้าย แถวบ้านเธอซึ่งเป็นถนนที่แทบจะไม่มีใครผ่านเพื่อถามความยุติธรรมจากหัวหน้าตำรวจ หนังดำเนินเรื่องไปเรื่อยๆไม่ได้ชี้นำอะไร ปล่อยเรื่องไหลไปแล้วให้คนดูคิดตามว่าถ้าเป็นเราจะแก้ปัญหาเรื่องราวเหล่านี้
แต่ตัวหนังใช้โทสะต่อโทสะไปเรื่อยๆจึงออกแนวใส่มากูเอาคืนทำกูแค้นกูไม่จบ แต่ความจริงเวรอาจจะต้องระงับด้วยการไม่จองเวร เพราะถ้าเราใช้โทสะ ความรุนแรงจะส่งต่อไปอย่างไร้ที่สิ้นสุดโดยที่เราไม่อาจตั้งใจแต่หนังก็ไม่ได้เครียดซักทีเดียวยังทอดแทรกมุขตลกไม่รู้ว่าเรียกร้ายได้รึเปล่าแต่สำหรับคนเหงาคือ ขำ อย่างเช่นตอนที่พ่อกลับมา ที่บ้านแล้วคุยกันเป็นบทสนทนาในหนังที่ถือว่าเยี่ยมอีกบทหนึ่ง หรือตอนเต่าปีนตักแม่ของดิกซ่อน
.
มาที่ตัวละครที่ชอบที่สุดกันบ้าง ฟรานซิส แมคโดแม่น ในบท เมลดริท สมแล้วกับบทออสก้า อีป้าพลังสิบตีนถีบผู้ไม่ยี่หระกับเสียงอื่นใดนอกจากเสียงในจิตใจของตนเอง หลากหลายอารมณ์ที่อ่อนไหว และ ซับซ้อน ระทมทุกข์ แต่พร้อมจะเอาคืนเจ็ดชั่วโคตร แม้ ครอบครัวแตกสลาย ลูกสาวตาย ลูกชายไม่เอา สรุปสั้นๆ เยี่ยม แพง แรง สมราคาดาราออสการ์
.
แซม ร็อคเวลล์ ในบท Dixon ตำรวจคนนี้มันเล่นได้โคตรอุบาทว์เลยแต่เป็นตัวแปรสำคัญในหลายๆเหตุการณ์ ฉากเผาโรงพักแล้วหยิบแฟ้มคดีลูกสาวของออกมาเพราะกลัวไหม้ หรือในตอนท้ายที่เปลี่ยนจากคู่กัดมาเป็นคู่หู ก็สมควรแล้วที่ได้ออสการ์
.
หลายๆคนอาจมองว่าจบไม่เคลียเแต่เท่าที่ดูหนังไม่ได้จะสื่อแนว สืบสวนว่าต้องตามหาคนร้ายให้เจออยู่แล้ว หนังสื่อถึง คนตัวเล็กๆอย่างเราจะแก้ปัญหาด้วยวิธีไหนและมันมีผลเสียผลดียังไง ถ้าเราตอบโต้ด้วยวิธีแบบนี้แล้วผลลัพธ์มันเป็นเช่นไร และหนังสื่อถึงชีวิตผู้คนในเมืองที่เกี่ยวข้องกันจากการกระทำและผลกระทบของแต่ละคนผ่านป้ายโฆษณาขนาดยักษ์ 3 ป้ายเริ่มจาก บรรดาลโทสะ ปลง และ อภัย มากกว่าที่จะมานั่งหาตัวคนกระทำผิด
.
สำหรับคนเหงา Three Billboards Outside Ebbing, Missouri ควรเข้าไปดูในโรง ซึ่งน่าจะขัดแย้งกับหลายๆคนที่ว่า มันคือหนังแบบเรื่อยๆไม่มีจุดพีค แต่ไปพีคที่คนแสดง แต่สำหรับคนเหงาคือ พล็อตมันสุดยอดมากคือหนังไม่มีอะไรเลยแต่ทำได้ขนาดนี้แค่บิลบอร์ด 3 ป้าย แล้ว ผกก. Martin McDornagh ถ้าเขียนบทเรื่องนี้จากป้ายโฆษณา แมคโดนัล์ หรือ เคเอฟซี ที่เห็นเวลาขับรถผ่านไปมานี่มันยิ่งสุดๆเข้าไปใหญ่ และอีก 1 ประเด็นสำคัญที่ควรดูในโรงคือ ถ้าหนังแบบนี้ได้ทำเงินเยอะ คนไทยก็จะได้ดูหนังดีๆแบบนี้และได้ดูก่อนที่ออสก้าจะประกาศผล บอกเลยว่าไม่เสียเวลา ดูซ้ำดูย้ำได้บทพูดเท่มาก
ยังไงถ้าชื่นชอบการเล่าหนังฝากติดตามเพจและ แชแนลยูทูปของ คนเหงาเล่าหนัง ด้วยนะครับที่ https://www.facebook.com/lonelyboyspoilmovie/