'จิ้งหรีด'สายพันธุ์ไทย เตรียมขึ้นแท่นแมลงเศรษฐกิจเงินล้าน
สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ หนุนส่งออกผลิตภัณฑ์อาหาร "จิ้งหรีดไทย"ส่งตลาดทั่วโลก
จิ้งหรีดเป็นแมลง ได้มีบทบาทมากขึ้นในการเป็นแหล่งสารอาหารที่สำคัญอีกชนิดหนึ่ง เนื่องจากปริมาณโปรตีนที่สูงคนจึงมีความคิดที่นำแมลงจิ้งหรีดมาเป็นอาหาร โดยปกติแล้วแมลงจะหาจับได้โดยทั่วไปแต่เนื่องจากปริมาณความต้องการของตลาดที่มากขึ้น จึงได้มีการเริ่มทำฟาร์มแมลงขึ้นมาทดแทนกันอย่างแพร่หลาย
นางสาวเสริมสุข สลักเพ็ชร์ เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.)เปิดเผยว่า จิ้งหรีดเป็นแมลงเศรษฐกิจชนิดหนึ่งที่มีศักยภาพและมีโอกาสในการส่งออกสูงโดยเฉพาะตลาดสหภาพยุโรปหรืออียู(EU)จำนวน 28 ประเทศ มีผู้ประกอบการหลายรายสนใจนำเข้าผลิตภัณฑ์จิ้งหรีดจากไทยค่อนข้างมากทั้งในรูปจิ้งหรีดแช่แข็ง ต้มบรรจุกระป๋องและจิ้งหรีดอบและบดเป็นโปรตีนผงเพื่อใช้เป็นส่วนผสมอาหาร เป็นต้น
ปัจจุบันมีเกษตรกรเลี้ยงจิ้งหรีดเพิ่มขึ้นมากกว่า 20,000 ราย มีทั้งฟาร์มขนาดเล็กผลิตขายภายในประเทศรูปแบบของแมลงทอด และฟาร์มขนาดใหญ่ผลิตขายเพื่อเป็นสินค้าส่งออกโดยแปรรูปเป็นอาหารพร้อมรับประทาน เดิมเคยจับจากธรรมชาติแต่ได้ปริมาณไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาดจึงหันมาทำการเพาะเลี้ยงแทนพันธุ์ที่นิยมเลี้ยงได้แก่ พันธุ์ทองดำ ทองแดง และทองแดงลายหรือแมงสะดิ้ง
นับเป็นโอกาสทองของเกษตรกรไทย เนื่องจากจิ้งหรีดได้กลายเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่กำลังถูกจับตามองและกำลังเป็นที่ต้องการของตลาดโลกโดยเฉพาะตลาดอียู แต่เนื่องจากการบังคับใช้กฎระเบียบว่าด้วยอาหารใหม่หรือโนเวลฟู้ด (Novel Food) ของ EU ซึ่งเริ่มมีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2561 ที่ผ่านมา ได้ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมสินค้าที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก
โดยสินค้าเกษตรและอาหารหลายรายการรวมทั้งจิ้งหรีดและผลิตภัณฑ์ ต้องดำเนินการยื่นขอขึ้นทะเบียนตามข้อกำหนดภายใต้กฎหมาย สถานะอาหารใหม่ (Novel Food) พร้อมทั้งจัดทำเอกสารข้อมูลทางวิชาการประกอบการยื่นขอ(Scientific Dossier) โดยสามารถยื่นคำขอในสถานะอาหารที่มีการบริโภคมานาน (Traditional Food)หรือสถานะอาหารใหม่ (Novel Food)เพื่อให้สำนักงานความปลอดภัยอาหารแห่งสหภาพยุโรป(EFSA)พิจารณาความปลอดภัยหรือหลักฐานการบริโภคก่อนอนุญาตเปิดตลาดนำเข้าอย่างเป็นทางการ
ดังนั้น มกอช.จึงเร่งประสานความร่วมมือกับสำนักงานคณะผู้แทนสหภาพยุโรปประจำประเทศไทย (EU Delegation) จัดสัมมนาและฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการเรื่อง Workshop on EU Novel Food Regulation - Case of Insects (Crickets) หรือระเบียบอาหารใหม่ของสหภาพยุโรป กรณีศึกษาเปิดตลาดผลิตภัณฑ์แมลง(จิ้งหรีด)มาชี้แจงรายละเอียดเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมาย Novel Food ของ EU รวมทั้งกรณีศึกษาจิ้งหรีดในสถานะอาหารใหม่ การประเมินความเสี่ยงของสินค้าและผลิตภัณฑ์จิ้งหรีดเพื่อใช้เป็นอาหารและแนวทางการจัดทำข้อมูลประกอบการยื่นคำขอรับรองสถานะอาหารใหม่ ตลอดจนการยื่นขอเปิดตลาด ให้เกษตรกร ผู้ประกอบการ ผู้ส่งออกของไทย และเจ้าหน้าที่ภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ได้รับทราบและเข้าใจแนวทางปฏิบัติอย่างชัดเจนมากขึ้น
นางสาวเสริมสุข กล่าวด้วยว่า ในอนาคตแมลงหลายชนิดรวมทั้งจิ้งหรีดถือเป็นความหวังสำคัญต่อการพัฒนาความมั่นคงทางอาหารของโลก เนื่องจากเป็นแหล่งโปรตีนที่สามารถใช้เป็นวัตถุดิบอาหารมนุษย์และสัตว์ มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ต้นทุนการผลิตต่ำ ปริมาณแลกเนื้อสูง ต้องการอาหารและน้ำในปริมาณที่น้อย ทำให้สามารถเลี้ยงได้ในพื้นที่แห้งแล้งที่ไม่สามารถเพาะปลูกผลผลิตอื่นๆได้ ที่ผ่านมา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์โดยมกอช. ได้ประกาศมาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับฟาร์มจิ้งหรีด (มกษ.8202-2560) เป็นมาตรฐานทั่วไป โดยมีกรมปศุสัตว์เป็นหน่วยงานรับผิดชอบในการตรวจรับรองตาม มกษ. เพื่อรองรับการยกระดับมาตรฐานฟาร์มเลี้ยงจิ้งหรีดทั้งสายพันธุ์ทองดำ ทองแดง และสะดิ้ง กว่า 20,000 ฟาร์ม กำลังการผลิตจิ้งหรีดรวมมากกว่า 7,000 ตัน/ปี ป้อนตลาดทั้งภายในและต่างประเทศ มีมูลค่าประมาณ 1000 ล้านบาท
โดยเฉพาะปี 2561 นี้ กระทรวงเกษตรฯได้เร่งส่งเสริมและพัฒนาการผลิตจิ้งหรีด โดยมีเป้าหมายขยายพื้นที่ผลิตจิ้งหรีดภายใต้ระบบส่งเสริมเกษตรแปลงใหญ่ ในพื้นที่อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ และอำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม เพื่อเพิ่มปริมาณการผลิต แปรรูป และขยายตลาดส่งออกไปยังประเทศต่างๆ รวมถึงสหภาพยุโรป ตอบสนองต่อกระแสนิยมการบริโภคแมลงที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแนวโน้มความความต้องการเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้น จึงจำเป็นต้องเร่งพัฒนาผู้ประกอบการที่มีศักยภาพ เพื่อเตรียมความพร้อมและเพิ่มขีดความสามารถรองรับการแข่งขันสินค้าจิ้งหรีดและผลิตภัณฑ์ และสินค้าแมลงของไทยในตลาดโลกในอนาคต
นายแพทริค เดอร์บอยเซอร์ ทูตด้านสุขภาพและความปลอดภัยของอาหารสหภาพยุโรปประจำประไทยกล่าวว่า ปัจจุบันการบริโภคแมลงในหมู่ผู้บริโภคยุโรปยังเป็นเพียงเทรนด์อาหารแนวใหม่แต่อีกกลุ่มผู้สนใจหรือผู้เชี่ยวชาญมองว่าเป็นแหล่งโปรตีนที่สามารถรับประทานได้และดีต่อสุขภาพ จึงเริ่มสนใจศึกษาและมองว่าอนาคตจะขาดแคลนวัตถุดิบโปรตีน ดังนั้นจากการติดตามพบว่าจิ้งหรีดมีคุณสมบัติทางโภชนาการไม่แพ้เนื้อสัตว์อื่น ซึ่งปี 2561ตลาดในสหภาพยุโรปทั้งหมด 28 ประเทศ อาทิ จะประกาศให้นำเข้าแมลงอย่างเป็นทางการนับว่าเป็นช่องทางตลาดใหม่ของไทย
http://www.thaipost.net/main/detail/4555
เม.ย.นี้ ”พาณิชย์” เดินเครื่อง "มหานครผลไม้โลก" เพิ่มส่วนแบ่งตลาดโลก 30%
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า มีแผนจะเริ่มขับเคลื่อน “มหานครผลไม้โลก” ตั้งแต่เดือนเม.ย.นี้เป็นต้นไป เพราะเป็นช่วงเริ่มต้นฤดูกาลผลไม้ของไทย โดยตั้งเป้าหมายที่จะผลักดันให้ส่วนแบ่งตลาดผลไม้เมืองร้อนของไทยในตลาดโลกเพิ่มเป็น 30% จากปัจจุบันที่มีส่วนแบ่งประมาณ 24.5% และเพิ่มมูลค่าส่งออกขึ้นอีก 1.95 หมื่นล้านบาทเป็น 9.75 หมื่นล้านบาท ภายในระยะเวลา 3 ปี จากปัจจุบันที่มีมูลค่าส่งออกประมาณ 7.8 หมื่นล้านบาท
รมว.พาณิชย์กล่าวว่า แผนการผลักดันผลไม้ไทยจะมุ่งการผลิตและทำตลาดผลไม้คุณภาพหรือเกรดพรีเมี่ยมให้เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะทุเรียน มังคุดและลำไย ซึ่งผลไม้เหล่านี้จะต้องผ่านการรับรองคุณภาพตามมาตรฐาน GAP ของกรมวิชาการเกษตร และมาตรฐานสินค้า Q ของสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) และต้องสามารถตรวจสอบย้อนกลับไปยังสวนที่ปลูก มีการรับรองคุณภาพ เปลี่ยนคืนได้ หากเน่าเสีย เป็นต้น
รมว.พาณิชย์กล่าวว่า นอกจากนี้ จะมีการทำตลาดผลไม้เกรดรอง เช่น ทุเรียน หากมีรูปทรงภายนอกไม่สวย ลูกเล็ก แต่เนื้อข้างในดี ก็จะแยกเนื้อออกมาแล้วส่งไปจำหน่าย หรือมังคุด ถ้าลูกเล็ก ก็จะใช้จุดขายใหม่เป็นผลไม้ที่บริโภคได้ทั้งลูก ไม่มีเมล็ด เป็นต้น
“ยังมีแผนที่จะส่งเสริมให้มีการนำผลไม้ไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม เช่น ซุปลำไย ซุปทุเรียน เป็นต้น ซึ่งเป็นที่นิยมมากในตลาดจีน” รมว.พาณิชย์กล่าว
นายสนธิรัตน์กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ยังได้เตรียมแผนเพิ่มช่องทางการตลาดให้กับผลไม้ไทยทั้งในและต่างประเทศ โดยตลาดภายในประเทศจะเพิ่มการกระจายผลไม้ผ่านการตลาดทุกรูปแบบทั้งเเบบออนไลน์และออฟไลน์ เช่น ร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ , ตลาดต้องชม , ตลาดเฉพาะสินค้า (Magnet Market) , ศูนย์จำหน่ายสินค้าฟาร์ม เอาท์เล็ต ,การซื้อขายผลไม้ล่วงหน้าผ่านตลาดข้อตกลงระหว่างเกษตรกรกับผู้ประกอบการโรงงานแปรรูป และห้างสรรพสินค้า เป็นต้น
ขณะที่ตลาดต่างประเทศ จะผลักดันการขยายตลาดในประเทศเป้าหมายเดิม เช่น จีน อินโดนีเซีย และเจาะตลาดใหม่ เช่น อินเดีย ยุโรป เป็นต้น และมีแผนขยายตลาดในประเทศผู้นำเข้ารองเพิ่มเติม เช่น ไต้หวัน อิหร่าน เกาหลีใต้ แคนาดา แอฟริกาใต้ หมู่เกาะมัลดีฟส์ รวมทั้งตลาดชายแดนที่มีเขตติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน
http://www.thansettakij.com/content/266133
ทรัพย์ในดิน สินในน้ำ ประเทศไทยมีพร้อมทุกภาคในประเทศไทย
แล้วแต่ใครจะหยิบออกมาใช้ประโยชน์
รัฐบาลลุงตู่หยิบออกมาสร้างมูลค่าให้กับประเทศไทย
โดยสร้างมหานครแห่งผลไม้โลก ช่วยเกษตรกรให้มีอาชีพมั่นคง ก้าวหน้า
ที่น่าทึ่ง คือจิ้งหรีดไทย เป็นอาหารเทรนด์ใหม่ของโลกด้วยค่ะ
คนไทยที่เคยทานจิ้งหรีดคงบอกได้ว่าอร่อยแค่ไหน..?
💰📚~มาลาริน~คุยเรื่องของดีของไทยๆค่ะ..'จิ้งหรีด'สายพันธุ์ไทย เตรียมขึ้นแท่นแมลงเศรษฐกิจเงินล้าน และไทยมหานครผลไม้โลก
สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ หนุนส่งออกผลิตภัณฑ์อาหาร "จิ้งหรีดไทย"ส่งตลาดทั่วโลก
จิ้งหรีดเป็นแมลง ได้มีบทบาทมากขึ้นในการเป็นแหล่งสารอาหารที่สำคัญอีกชนิดหนึ่ง เนื่องจากปริมาณโปรตีนที่สูงคนจึงมีความคิดที่นำแมลงจิ้งหรีดมาเป็นอาหาร โดยปกติแล้วแมลงจะหาจับได้โดยทั่วไปแต่เนื่องจากปริมาณความต้องการของตลาดที่มากขึ้น จึงได้มีการเริ่มทำฟาร์มแมลงขึ้นมาทดแทนกันอย่างแพร่หลาย
นางสาวเสริมสุข สลักเพ็ชร์ เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.)เปิดเผยว่า จิ้งหรีดเป็นแมลงเศรษฐกิจชนิดหนึ่งที่มีศักยภาพและมีโอกาสในการส่งออกสูงโดยเฉพาะตลาดสหภาพยุโรปหรืออียู(EU)จำนวน 28 ประเทศ มีผู้ประกอบการหลายรายสนใจนำเข้าผลิตภัณฑ์จิ้งหรีดจากไทยค่อนข้างมากทั้งในรูปจิ้งหรีดแช่แข็ง ต้มบรรจุกระป๋องและจิ้งหรีดอบและบดเป็นโปรตีนผงเพื่อใช้เป็นส่วนผสมอาหาร เป็นต้น
ปัจจุบันมีเกษตรกรเลี้ยงจิ้งหรีดเพิ่มขึ้นมากกว่า 20,000 ราย มีทั้งฟาร์มขนาดเล็กผลิตขายภายในประเทศรูปแบบของแมลงทอด และฟาร์มขนาดใหญ่ผลิตขายเพื่อเป็นสินค้าส่งออกโดยแปรรูปเป็นอาหารพร้อมรับประทาน เดิมเคยจับจากธรรมชาติแต่ได้ปริมาณไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาดจึงหันมาทำการเพาะเลี้ยงแทนพันธุ์ที่นิยมเลี้ยงได้แก่ พันธุ์ทองดำ ทองแดง และทองแดงลายหรือแมงสะดิ้ง
นับเป็นโอกาสทองของเกษตรกรไทย เนื่องจากจิ้งหรีดได้กลายเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่กำลังถูกจับตามองและกำลังเป็นที่ต้องการของตลาดโลกโดยเฉพาะตลาดอียู แต่เนื่องจากการบังคับใช้กฎระเบียบว่าด้วยอาหารใหม่หรือโนเวลฟู้ด (Novel Food) ของ EU ซึ่งเริ่มมีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2561 ที่ผ่านมา ได้ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมสินค้าที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก
โดยสินค้าเกษตรและอาหารหลายรายการรวมทั้งจิ้งหรีดและผลิตภัณฑ์ ต้องดำเนินการยื่นขอขึ้นทะเบียนตามข้อกำหนดภายใต้กฎหมาย สถานะอาหารใหม่ (Novel Food) พร้อมทั้งจัดทำเอกสารข้อมูลทางวิชาการประกอบการยื่นขอ(Scientific Dossier) โดยสามารถยื่นคำขอในสถานะอาหารที่มีการบริโภคมานาน (Traditional Food)หรือสถานะอาหารใหม่ (Novel Food)เพื่อให้สำนักงานความปลอดภัยอาหารแห่งสหภาพยุโรป(EFSA)พิจารณาความปลอดภัยหรือหลักฐานการบริโภคก่อนอนุญาตเปิดตลาดนำเข้าอย่างเป็นทางการ
ดังนั้น มกอช.จึงเร่งประสานความร่วมมือกับสำนักงานคณะผู้แทนสหภาพยุโรปประจำประเทศไทย (EU Delegation) จัดสัมมนาและฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการเรื่อง Workshop on EU Novel Food Regulation - Case of Insects (Crickets) หรือระเบียบอาหารใหม่ของสหภาพยุโรป กรณีศึกษาเปิดตลาดผลิตภัณฑ์แมลง(จิ้งหรีด)มาชี้แจงรายละเอียดเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมาย Novel Food ของ EU รวมทั้งกรณีศึกษาจิ้งหรีดในสถานะอาหารใหม่ การประเมินความเสี่ยงของสินค้าและผลิตภัณฑ์จิ้งหรีดเพื่อใช้เป็นอาหารและแนวทางการจัดทำข้อมูลประกอบการยื่นคำขอรับรองสถานะอาหารใหม่ ตลอดจนการยื่นขอเปิดตลาด ให้เกษตรกร ผู้ประกอบการ ผู้ส่งออกของไทย และเจ้าหน้าที่ภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ได้รับทราบและเข้าใจแนวทางปฏิบัติอย่างชัดเจนมากขึ้น
นางสาวเสริมสุข กล่าวด้วยว่า ในอนาคตแมลงหลายชนิดรวมทั้งจิ้งหรีดถือเป็นความหวังสำคัญต่อการพัฒนาความมั่นคงทางอาหารของโลก เนื่องจากเป็นแหล่งโปรตีนที่สามารถใช้เป็นวัตถุดิบอาหารมนุษย์และสัตว์ มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ต้นทุนการผลิตต่ำ ปริมาณแลกเนื้อสูง ต้องการอาหารและน้ำในปริมาณที่น้อย ทำให้สามารถเลี้ยงได้ในพื้นที่แห้งแล้งที่ไม่สามารถเพาะปลูกผลผลิตอื่นๆได้ ที่ผ่านมา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์โดยมกอช. ได้ประกาศมาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับฟาร์มจิ้งหรีด (มกษ.8202-2560) เป็นมาตรฐานทั่วไป โดยมีกรมปศุสัตว์เป็นหน่วยงานรับผิดชอบในการตรวจรับรองตาม มกษ. เพื่อรองรับการยกระดับมาตรฐานฟาร์มเลี้ยงจิ้งหรีดทั้งสายพันธุ์ทองดำ ทองแดง และสะดิ้ง กว่า 20,000 ฟาร์ม กำลังการผลิตจิ้งหรีดรวมมากกว่า 7,000 ตัน/ปี ป้อนตลาดทั้งภายในและต่างประเทศ มีมูลค่าประมาณ 1000 ล้านบาท
โดยเฉพาะปี 2561 นี้ กระทรวงเกษตรฯได้เร่งส่งเสริมและพัฒนาการผลิตจิ้งหรีด โดยมีเป้าหมายขยายพื้นที่ผลิตจิ้งหรีดภายใต้ระบบส่งเสริมเกษตรแปลงใหญ่ ในพื้นที่อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ และอำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม เพื่อเพิ่มปริมาณการผลิต แปรรูป และขยายตลาดส่งออกไปยังประเทศต่างๆ รวมถึงสหภาพยุโรป ตอบสนองต่อกระแสนิยมการบริโภคแมลงที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแนวโน้มความความต้องการเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้น จึงจำเป็นต้องเร่งพัฒนาผู้ประกอบการที่มีศักยภาพ เพื่อเตรียมความพร้อมและเพิ่มขีดความสามารถรองรับการแข่งขันสินค้าจิ้งหรีดและผลิตภัณฑ์ และสินค้าแมลงของไทยในตลาดโลกในอนาคต
นายแพทริค เดอร์บอยเซอร์ ทูตด้านสุขภาพและความปลอดภัยของอาหารสหภาพยุโรปประจำประไทยกล่าวว่า ปัจจุบันการบริโภคแมลงในหมู่ผู้บริโภคยุโรปยังเป็นเพียงเทรนด์อาหารแนวใหม่แต่อีกกลุ่มผู้สนใจหรือผู้เชี่ยวชาญมองว่าเป็นแหล่งโปรตีนที่สามารถรับประทานได้และดีต่อสุขภาพ จึงเริ่มสนใจศึกษาและมองว่าอนาคตจะขาดแคลนวัตถุดิบโปรตีน ดังนั้นจากการติดตามพบว่าจิ้งหรีดมีคุณสมบัติทางโภชนาการไม่แพ้เนื้อสัตว์อื่น ซึ่งปี 2561ตลาดในสหภาพยุโรปทั้งหมด 28 ประเทศ อาทิ จะประกาศให้นำเข้าแมลงอย่างเป็นทางการนับว่าเป็นช่องทางตลาดใหม่ของไทย
http://www.thaipost.net/main/detail/4555
เม.ย.นี้ ”พาณิชย์” เดินเครื่อง "มหานครผลไม้โลก" เพิ่มส่วนแบ่งตลาดโลก 30%
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า มีแผนจะเริ่มขับเคลื่อน “มหานครผลไม้โลก” ตั้งแต่เดือนเม.ย.นี้เป็นต้นไป เพราะเป็นช่วงเริ่มต้นฤดูกาลผลไม้ของไทย โดยตั้งเป้าหมายที่จะผลักดันให้ส่วนแบ่งตลาดผลไม้เมืองร้อนของไทยในตลาดโลกเพิ่มเป็น 30% จากปัจจุบันที่มีส่วนแบ่งประมาณ 24.5% และเพิ่มมูลค่าส่งออกขึ้นอีก 1.95 หมื่นล้านบาทเป็น 9.75 หมื่นล้านบาท ภายในระยะเวลา 3 ปี จากปัจจุบันที่มีมูลค่าส่งออกประมาณ 7.8 หมื่นล้านบาท
รมว.พาณิชย์กล่าวว่า แผนการผลักดันผลไม้ไทยจะมุ่งการผลิตและทำตลาดผลไม้คุณภาพหรือเกรดพรีเมี่ยมให้เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะทุเรียน มังคุดและลำไย ซึ่งผลไม้เหล่านี้จะต้องผ่านการรับรองคุณภาพตามมาตรฐาน GAP ของกรมวิชาการเกษตร และมาตรฐานสินค้า Q ของสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) และต้องสามารถตรวจสอบย้อนกลับไปยังสวนที่ปลูก มีการรับรองคุณภาพ เปลี่ยนคืนได้ หากเน่าเสีย เป็นต้น
รมว.พาณิชย์กล่าวว่า นอกจากนี้ จะมีการทำตลาดผลไม้เกรดรอง เช่น ทุเรียน หากมีรูปทรงภายนอกไม่สวย ลูกเล็ก แต่เนื้อข้างในดี ก็จะแยกเนื้อออกมาแล้วส่งไปจำหน่าย หรือมังคุด ถ้าลูกเล็ก ก็จะใช้จุดขายใหม่เป็นผลไม้ที่บริโภคได้ทั้งลูก ไม่มีเมล็ด เป็นต้น
“ยังมีแผนที่จะส่งเสริมให้มีการนำผลไม้ไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม เช่น ซุปลำไย ซุปทุเรียน เป็นต้น ซึ่งเป็นที่นิยมมากในตลาดจีน” รมว.พาณิชย์กล่าว
นายสนธิรัตน์กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ยังได้เตรียมแผนเพิ่มช่องทางการตลาดให้กับผลไม้ไทยทั้งในและต่างประเทศ โดยตลาดภายในประเทศจะเพิ่มการกระจายผลไม้ผ่านการตลาดทุกรูปแบบทั้งเเบบออนไลน์และออฟไลน์ เช่น ร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ , ตลาดต้องชม , ตลาดเฉพาะสินค้า (Magnet Market) , ศูนย์จำหน่ายสินค้าฟาร์ม เอาท์เล็ต ,การซื้อขายผลไม้ล่วงหน้าผ่านตลาดข้อตกลงระหว่างเกษตรกรกับผู้ประกอบการโรงงานแปรรูป และห้างสรรพสินค้า เป็นต้น
ขณะที่ตลาดต่างประเทศ จะผลักดันการขยายตลาดในประเทศเป้าหมายเดิม เช่น จีน อินโดนีเซีย และเจาะตลาดใหม่ เช่น อินเดีย ยุโรป เป็นต้น และมีแผนขยายตลาดในประเทศผู้นำเข้ารองเพิ่มเติม เช่น ไต้หวัน อิหร่าน เกาหลีใต้ แคนาดา แอฟริกาใต้ หมู่เกาะมัลดีฟส์ รวมทั้งตลาดชายแดนที่มีเขตติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน
http://www.thansettakij.com/content/266133
ทรัพย์ในดิน สินในน้ำ ประเทศไทยมีพร้อมทุกภาคในประเทศไทย
แล้วแต่ใครจะหยิบออกมาใช้ประโยชน์
รัฐบาลลุงตู่หยิบออกมาสร้างมูลค่าให้กับประเทศไทย
โดยสร้างมหานครแห่งผลไม้โลก ช่วยเกษตรกรให้มีอาชีพมั่นคง ก้าวหน้า
ที่น่าทึ่ง คือจิ้งหรีดไทย เป็นอาหารเทรนด์ใหม่ของโลกด้วยค่ะ
คนไทยที่เคยทานจิ้งหรีดคงบอกได้ว่าอร่อยแค่ไหน..?