[CR] Dead poets society : ผ่านมา 29 ปีหนังเรื่องนี้ก็ยังมอบแรงบันดาลใจและความฝันให้ได้เหมือนเดิม

Dead poet society
หนังสร้างแรงบันดาลใจที่เยี่ยมยอดอีกเรื่องนึง

-ครบรอบ 29 ปีของเรื่องนี้พอดีเลย แม้หนังจะเก่า แต่รายละเอียด แรงบันดาลใจ พลังของความคิดและความฝันในเรื่องไม่เคยจางหายไปไหน มันยังอยู่ในใจลึกๆ ของคนดูทุกคนตลอด

-หนังเล่าถึงโรงเรียนชายล้วนแห่งนึงที่เคร่งระเบียบ เคร่งวินัย จนวันนึงมีอาจารย์สอนวรรณกรรมอย่างครูคีตติ้งเข้ามาเปลี่ยนแนวคิด วิธีการสอนแบบเดิมๆ เพิ่มเติมคือแรงบันดาลใจ ขับเคลื่อนให้นักเรียนหลุดออกจากกรอบและเดินตามทางของตัวเอง แม้จะไม่ค่อยเป็นที่พอใจของอาจารย์ด้วยกัน แต่เด็กๆ ก็รักครูคีตติ้ง นักเรียนชายกลุ่มนึงจึงได้ร่วมกันสร้างชมรม Dead poet society ขึ้นเหมือนที่ครูคีตติ้งเคยทำ แต่พลังของความฝันอันแรงกล้านี้ กลับทำให้เกิดโศกนาฏกรรมขึ้นมา

-มาดูตอนนี้ก็คงคิดว่าหนังไม่น่าจะมีอะไรมาก แค่ครูคนนึงที่เข้ามาเปลี่ยนชีวิตเด็กเหมือนหนัง coming of age บางเรื่องในสมัยนี้ที่หาได้ทั่วๆ ไป แต่เปล่าเลย มันไม่ได้ง่ายแบบนั้น

-ชอบการสอนของครูคีตติ้งมาก มันเป็นรูปธรรม สอนให้เรามองเห็นบางอย่างตรงนั้น ผ่านบทกวี สิ่งที่อดชื่นชมไม่ได้คือ poets ในเรื่อง อยากให้ได้ฟังซาวด์แทร็กคือภาษาสวยมาก เข้ากับสถานการณ์ เหตุการณ์ในเรื่อง เป็นสิ่งนึงที่ช่วยขับเคลื่อนหนังให้น่าสนใจ คำที่ว่า words and ideas can change the world นั้นคือใช่เลยสำหรับเรื่องนี้

-หนังสร้างแรงบันดาลใจได้ดีมากๆ เป็นหนังที่ทำให้เราอยากปล่อยวางทุกสิ่งแล้วเริ่มไปตามทางของตนแม้ว่าผลที่ตามมาจะเป็นยังไง เพราะอย่างหนังเรื่องนี้เองก็เป็นหนึ่งในตัวอย่างของคนที่ตั้งใจเดินตามฝันจนพบเจอกับเรื่องร้ายๆ แต่สุดท้ายแล้วหนังก็ไม่ได้บอกว่าการทำอย่างนี้เป็นเรื่องที่ถูกหรือไม่ เพราะระหว่างทางที่เดินเราก็เห็นตัวละครมีความสุขกับสิ่งที่ตนทำ

-Sieze the day เป็นประโยคสั้นๆ แต่ความหมายมันโดนและกระแทกใจเอามากๆ เราทำถูกแล้วรึเปล่าที่เห็นค่าของเวลาชีวิตจนเริ่มลุกเดินตามสิ่งที่วาดฝันไว้ตลอด? หรือเราควรอยู่ในจุดที่ควรยืนะแล้วใช้ชีวิตอย่างมีคงามสุขกับมันกันแน่? ร่วมหาคำตอบของคุณได้ในหนัง

-นอกจากเรื่องของชีวิต ความฝันของตัวเอง หนังยังพาเราไปสัมผัสกับปัญหาที่เด็กวัยรุ่นต้องเผชิญอย่างครู พ่อแม่ เพื่อน ผู้หญิง รวมถึงการศึกษา คือเรียกได้ว่าเป็น coming of age ที่ครบถ้วนสมบูรณ์จริงๆ ทั้งพ่อแม่และครูควรค่าแก่การดู นอกจากตัวเด็กเองแล้วผู้ใหญ่รอบๆ ก็เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้พวกเค้าก้าวผ่านวัยตรงนี้ไปได้

-เด็กนักเรียนชายทั้ง 7 มีแคแรกเตอร์ที่แตกต่าง แต่ละคนก็โดดเด่นและน่าจดจำไม่แพ้กัน ชอบที่แต่ละคนมีปัญหาที่แตกต่างกัน แต่ทุกคนก็สามารถนำคำสอนของครูคีตติ้งไปปรับใช้ในชีวิตของพวกเค้าได้ มันทำให้เราเห็นว่าสิ่งที่เรียกว่าความฝันมันสามารถสร้างทุกอย่างให้เกิดขึ้นได้ ขอเพียงแค่เราต้องมีมันเท่านั้น

-จุดพีคของเรื่องคือโศกนาฏกรรม แต่ตรงนี้มันกลับเกิดขึ้นในครึ่งชั่วโมงท้ายของหนังเท่านั้น ระหว่างทางหนังพาเราให้รู้จักกับข้อดีจากการสอนของครูคีตติ้ง ก่อนจะปิดฉากด้วยจุดจบที่อาจเกิดขึ้นจากสิ่งที่เราพึ่งชื่นชมไปเมื่อหลายย่อหน้าที่แล้วอย่างความฝันและแรงบันดาลใจ เราไม่รู้ว่าสิ่งเหล่านี้มันดีหรือไม่ดี ควรหรือไม่ควร

-ซีนโศกนาฏกรรมคือเป็นหนึ่งในซีนที่เด็ดดวงและน่าจดจำที่สุดในเรื่อง หนังไม่ได้ถ่ายให้เห็นชัดๆ ถึงฉากนั้น แต่เป็นความรู้สึก การกระทำของคนที่คิดจะทำอย่างนั้นมากกว่า ไม่ต้องมีเสียงปืน ไม่ต้องมีเลือดพุ่ง ไม่ต้องมีเสียงกรีดร้องระงม ซีนนั้นมีแค่ความเงียบ สายตาที่ไร้ซึ่งความฝัน และหิมะสีขาวเท่านั้น แค่นั้นเราก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกของตัวละครแล้ว กราบผู้กำกับ นักแสดง คนมิกซ์เสียง ทุกอย่างมันดีไปหมดจริงๆ

-บทสรุปของหนังมันยอดเยี่ยมมากๆ หนังไม่ปล่อยรายละเอียดยิบย่อยของตัวเองไปเลยจริงๆ เก็บทุกเม็ด ทั้งๆ ที่ช่วยแรกๆ ยังดูเป็นหนัง positive อยู่แท้ๆ แต่ตอนจบมันกลับหดหู่และทำให้เราร้องไห้ออกมาได้เลยจริงๆ

8/10
แค่นักวิจารณ์หนังกากๆ คนหนึ่ง

------------------------------
ถ้าชอบการรีวิวครั้งนี้ สามารถเข้ามาพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องหนังๆ พร้อมกับดูรีวิวอื่นๆ ได้ที่นี่เลย
เพจ แค่นักวิจารณ์หนังกากๆ คนหนึ่ง  
https://m.facebook.com/justasuckreviewer/?locale2=th_TH
ชื่อสินค้า:   Dead poets society
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่