Dead Poets Society (1989)
ชื่อไทย: ครูครับ เราจะสู้เพื่อฝัน
วันนี้วันครูเลยอยากจะพูดถึงหนังเกี่ยวกับครูสักเรื่องแล้วก็เลือกเรื่องราวของคุณครูจอห์น คีตติ้ง มาพูดถึง เพราะเรื่องราวของเขากับเด็กนักเรียนในโรงเรียนมัธยมชายแห่งนี้มีความน่าสนใจมากมาย การสอนของคีตติ้งย่อมไม่ใช่แค่การสอนหนังสือ แต่เป็นการสอนให้เข้าใจในตัวเอง และเข้าใจในชีวิตอีกด้วย
ถ้าจะมองที่วิธีการสอนของคีตติ้งอาจจะแปลกและรับไม่ได้ เพราะเพียงแค่ชั่วโมงแรกเขาก็สั่งให้นักเรียนฉีกตำราแล้ว แต่การฉีกตำราไม่ใช่การฉีกทิ้งทั้งเล่ม คีตติ้งให้ทุกคนฉีกและไม่ต้องสนใจแค่ส่วนบทคำนำ เพราะเนื้อหาในส่วนนั้นเหมือนกับการชักจูงให้นักเรียนยึดติดกับกฎเกณฑ์ แต่การสอนของคีตติ้งไม่เป็นอย่างนั้น เขาสอนให้นักเรียนของเขารู้จักคิดเอง รู้จักฉกฉวยเวลาที่มีค่าในวัยรุ่นมากกว่าจะปล่อยให้สูญหายไปกับตำราเรียน และแน่นอนที่การสอนด้วยวิธีของเขาย่อมไม่เป็นที่ถูกใจของครูหัวเก่าและบรรดาผู้ปกครอง
การผูกเรื่องให้โรงเรียนที่คีตติ้งสอนเป็นโรงเรียนชายล้วนที่มีกฎและความเป็นมาที่ยาวนาน ย่อมเป็นเงื่อนไขสำคัญที่ทำให้ทุกอย่างในเรื่องอยู่ภายใต้ความกดดัน การสอนที่แหวกแนวของคีตติ้งจึงเป็นสิ่งที่รับไม่ได้ในสถานที่แบบนี้ อย่างน้อยความเชื่อของครูหัวเก่าที่บอกว่าเด็กนักเรียนที่นี่ไม่ต้องคิด แค่ทำหน้าที่เรียนไปจนจบ สิ่งเหล่านี้จึงเป็นการปลูกฝังให้เชื่อฟังมากกว่าการให้มีความคิดสร้างสรรค์ ครอบครัวของนักเรียนเองก็มุ่งหวังให้ลูกของพวกเขาเดินไปตามความมุ่งหวังของตนมากกว่าจะเคยถามลูกว่าต้องการเป็นอะไรในอนาคต คีตติ้งจึงเป็นบุคคลที่น่ารังเกียจในสังคมของคนกลุ่มนี้
หนังไม่ได้บอกว่าสิ่งที่คีตติ้งสอนถูกต้องทั้งหมด แต่หนังแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของนักเรียนที่เคยเป็นแค่ผู้เชื่อฟังมีความคิดและกล้าที่จะทำมากขึ้น อย่างน้อยโลกวัยรุ่นของพวกเขาก็ไม่ถูกจำกัดในกรอบแคบ ๆ อีกต่อไป แต่การจะเลือกไปสู่ชีวิตแบบไหนก็เป็นสิ่งที่พวกเขาต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง
ร่วมพูดคุยทั้งเก่าและใหม่ได้ที่นี่
https://www.facebook.com/laenanglangjor
รำลึกถึงหนังคุณครูในวันครู Dead Poets Society (1989) ครูครับ เราจะสู้เพื่อฝัน
Dead Poets Society (1989)
ชื่อไทย: ครูครับ เราจะสู้เพื่อฝัน
วันนี้วันครูเลยอยากจะพูดถึงหนังเกี่ยวกับครูสักเรื่องแล้วก็เลือกเรื่องราวของคุณครูจอห์น คีตติ้ง มาพูดถึง เพราะเรื่องราวของเขากับเด็กนักเรียนในโรงเรียนมัธยมชายแห่งนี้มีความน่าสนใจมากมาย การสอนของคีตติ้งย่อมไม่ใช่แค่การสอนหนังสือ แต่เป็นการสอนให้เข้าใจในตัวเอง และเข้าใจในชีวิตอีกด้วย
ถ้าจะมองที่วิธีการสอนของคีตติ้งอาจจะแปลกและรับไม่ได้ เพราะเพียงแค่ชั่วโมงแรกเขาก็สั่งให้นักเรียนฉีกตำราแล้ว แต่การฉีกตำราไม่ใช่การฉีกทิ้งทั้งเล่ม คีตติ้งให้ทุกคนฉีกและไม่ต้องสนใจแค่ส่วนบทคำนำ เพราะเนื้อหาในส่วนนั้นเหมือนกับการชักจูงให้นักเรียนยึดติดกับกฎเกณฑ์ แต่การสอนของคีตติ้งไม่เป็นอย่างนั้น เขาสอนให้นักเรียนของเขารู้จักคิดเอง รู้จักฉกฉวยเวลาที่มีค่าในวัยรุ่นมากกว่าจะปล่อยให้สูญหายไปกับตำราเรียน และแน่นอนที่การสอนด้วยวิธีของเขาย่อมไม่เป็นที่ถูกใจของครูหัวเก่าและบรรดาผู้ปกครอง
การผูกเรื่องให้โรงเรียนที่คีตติ้งสอนเป็นโรงเรียนชายล้วนที่มีกฎและความเป็นมาที่ยาวนาน ย่อมเป็นเงื่อนไขสำคัญที่ทำให้ทุกอย่างในเรื่องอยู่ภายใต้ความกดดัน การสอนที่แหวกแนวของคีตติ้งจึงเป็นสิ่งที่รับไม่ได้ในสถานที่แบบนี้ อย่างน้อยความเชื่อของครูหัวเก่าที่บอกว่าเด็กนักเรียนที่นี่ไม่ต้องคิด แค่ทำหน้าที่เรียนไปจนจบ สิ่งเหล่านี้จึงเป็นการปลูกฝังให้เชื่อฟังมากกว่าการให้มีความคิดสร้างสรรค์ ครอบครัวของนักเรียนเองก็มุ่งหวังให้ลูกของพวกเขาเดินไปตามความมุ่งหวังของตนมากกว่าจะเคยถามลูกว่าต้องการเป็นอะไรในอนาคต คีตติ้งจึงเป็นบุคคลที่น่ารังเกียจในสังคมของคนกลุ่มนี้
หนังไม่ได้บอกว่าสิ่งที่คีตติ้งสอนถูกต้องทั้งหมด แต่หนังแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของนักเรียนที่เคยเป็นแค่ผู้เชื่อฟังมีความคิดและกล้าที่จะทำมากขึ้น อย่างน้อยโลกวัยรุ่นของพวกเขาก็ไม่ถูกจำกัดในกรอบแคบ ๆ อีกต่อไป แต่การจะเลือกไปสู่ชีวิตแบบไหนก็เป็นสิ่งที่พวกเขาต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง
ร่วมพูดคุยทั้งเก่าและใหม่ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/laenanglangjor