การที่วงเปลี่ยนแปลงจากวงPop Punkสาวซ่าส์ค่อยๆทดลองเริ่มทำอะไรใหม่ๆหลังจากที่ชุดที่แล้วประสพความสำเร็จทั้งด้านคำวิจาร์ณและยอดขาย
หลายคนก็ตั้งตารอที่จะเสพย์อัลบัมใหม่ และหลายคนที่ได้ตั้งคำถามต่อ........
อัลบัมที่แล้วใช้ชื่อเดียวกับวงว่าParamoreด้วยคอนเซปต์ความหวังสีดำ แปรเปลี่ยนมาเป็นความเศร้าสีชมพูในชุด After Laughter
นี่คือคำตอบของคำว่าการเปลี่ยนแปลง
ก่อให้เกิดการเติบโตไปอีกขั้น
การเปลี่ยนแปลงถือเป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นกับทุกๆคนบนโลกนี้ และParamoreก็เช่นกันเมื่อJeremy Davisมือเบสพี่ใหญ่ที่อยู่กับวงมาตั้งแต่ช่วงตั้งไข่
ได้ประกาศลาออกจากวงเป็นครั้งที่2และคิดว่าน่าจะ
เป็นการลาออกแบบถาวรเพราะความสัมพันธ์กับเพื่อนเก่าในวงจบลงไม่สวยงามนัก
ภาค RhythmของParamoreเป็นส่วนช่วยทำให้วงแข็งแรงโดยเฉพาะไลน์เบสของ Jeremyที่หลายๆคนเคารพตอนนี้ถูกแทนที่โดย Justin Meldal-Johnsen
ที่เป็นทั้งProducerและในอัลบัมที่แล้วรวมทั้งอัลบัมนี้ด้วย จึงหายห่วงเรื่องความคุ้นเคยในเสียงทุ้มที่เราได้ยินมาตลอดไปได้
นอกจากการจากลาก็ยังมีการพบกันอีกครั้ง เมื่อZac Farro อีก1สมาชิกที่ก่อร่างสร้างวงด้วยกันมาได้กลับมาทำหน้าที่มือกลองในอัลบัมอย่างเต็มตัว
แทนที่Ilan Rubin ที่เคยเป็นมือปืนรับจ้างอัดกลองในชุดที่แล้ว Paramore (โดยคนนี้ได้มาทัวร์ตอนที่วงมาไทยเราด้วยครับ)
ด้วยซาวนด์ดนตรีที่ไส่สีสันในยุค80'sที่พวกเขาและเธอได้นำมาปรุงรส ทั้งแนวดนตรี New wave และsynth-popเข้าไปบ้าง ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือParamoreในรสชาติใหม่ที่ชวนลิ้มลองให้อร่อยหูกันแน่นอน
ส่วนอารมณ์ในเนื้อเพลงต่างๆของอัลบัมนั้น ถ้าจะยกตัวอย่างมาสักเพลงที่เหมือนกับจะเป็นตัวแทนขอแนะนำความFake Happyนี้
โดยทั้ง4Singleที่ถูกปล่อยออกมาแล้วทั้ง"Hard Times" ,"Told You So" ,"Fake Happy" และ"Rose-Colored Boy"
ด้วยเนื้อเพลงที่เขียนผ่านความอึดอัด สภาวะกดดัน ความสัมพันธ์ที่จบลงแย่ๆ
โดยเฉพาะ No Friendที่เป็นการทดลองนำเรื่องราวของParamoreมาเขียนเป็นเพลงผ่านเนื้อเพลงและเสียงร้องของ Aron Weiss จากวง mewithoutYou ซึ่งก็เป็นอีกเพลงในอัลบัมที่เจ็บแสบปวดร้าวแต่แฝงไว้ด้วยการเรียบเรียงและสวยงามแบบอีกหลายเพลง
หลังจากที่เช็ดน้ำตาของตัวเองให้เหือดแห้งไปจนเห็นโลกสีชมพู After Laughterคือก้าวที่5ของเธอและพวกเขาที่ฝ่าฝันอุปสรรคทั้งเรื่องภายนอกและภายใน
ที่สื่อถึงอารมณ์ทางด้านลบของตัวเองแทบจะทุกเพลง และเหมือนวงจะแอบกระซิบเอาไว้ว่าไม่ว่าจะเจอเรื่องร้ายๆสักแค่ไหน เพียงแต่เรายิ้มสู้ โลกก็จะเป็นสีชมพูแบบสีปกอัลบัมแน่นอนครับ
[REVIEW] Paramore - After Laughter (2017)
การที่วงเปลี่ยนแปลงจากวงPop Punkสาวซ่าส์ค่อยๆทดลองเริ่มทำอะไรใหม่ๆหลังจากที่ชุดที่แล้วประสพความสำเร็จทั้งด้านคำวิจาร์ณและยอดขาย
หลายคนก็ตั้งตารอที่จะเสพย์อัลบัมใหม่ และหลายคนที่ได้ตั้งคำถามต่อ........
อัลบัมที่แล้วใช้ชื่อเดียวกับวงว่าParamoreด้วยคอนเซปต์ความหวังสีดำ แปรเปลี่ยนมาเป็นความเศร้าสีชมพูในชุด After Laughter
นี่คือคำตอบของคำว่าการเปลี่ยนแปลง
ก่อให้เกิดการเติบโตไปอีกขั้น
การเปลี่ยนแปลงถือเป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นกับทุกๆคนบนโลกนี้ และParamoreก็เช่นกันเมื่อJeremy Davisมือเบสพี่ใหญ่ที่อยู่กับวงมาตั้งแต่ช่วงตั้งไข่
ได้ประกาศลาออกจากวงเป็นครั้งที่2และคิดว่าน่าจะ
เป็นการลาออกแบบถาวรเพราะความสัมพันธ์กับเพื่อนเก่าในวงจบลงไม่สวยงามนัก
ภาค RhythmของParamoreเป็นส่วนช่วยทำให้วงแข็งแรงโดยเฉพาะไลน์เบสของ Jeremyที่หลายๆคนเคารพตอนนี้ถูกแทนที่โดย Justin Meldal-Johnsen
ที่เป็นทั้งProducerและในอัลบัมที่แล้วรวมทั้งอัลบัมนี้ด้วย จึงหายห่วงเรื่องความคุ้นเคยในเสียงทุ้มที่เราได้ยินมาตลอดไปได้
นอกจากการจากลาก็ยังมีการพบกันอีกครั้ง เมื่อZac Farro อีก1สมาชิกที่ก่อร่างสร้างวงด้วยกันมาได้กลับมาทำหน้าที่มือกลองในอัลบัมอย่างเต็มตัว
แทนที่Ilan Rubin ที่เคยเป็นมือปืนรับจ้างอัดกลองในชุดที่แล้ว Paramore (โดยคนนี้ได้มาทัวร์ตอนที่วงมาไทยเราด้วยครับ)
ด้วยซาวนด์ดนตรีที่ไส่สีสันในยุค80'sที่พวกเขาและเธอได้นำมาปรุงรส ทั้งแนวดนตรี New wave และsynth-popเข้าไปบ้าง ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือParamoreในรสชาติใหม่ที่ชวนลิ้มลองให้อร่อยหูกันแน่นอน
ส่วนอารมณ์ในเนื้อเพลงต่างๆของอัลบัมนั้น ถ้าจะยกตัวอย่างมาสักเพลงที่เหมือนกับจะเป็นตัวแทนขอแนะนำความFake Happyนี้
โดยทั้ง4Singleที่ถูกปล่อยออกมาแล้วทั้ง"Hard Times" ,"Told You So" ,"Fake Happy" และ"Rose-Colored Boy"
ด้วยเนื้อเพลงที่เขียนผ่านความอึดอัด สภาวะกดดัน ความสัมพันธ์ที่จบลงแย่ๆ
โดยเฉพาะ No Friendที่เป็นการทดลองนำเรื่องราวของParamoreมาเขียนเป็นเพลงผ่านเนื้อเพลงและเสียงร้องของ Aron Weiss จากวง mewithoutYou ซึ่งก็เป็นอีกเพลงในอัลบัมที่เจ็บแสบปวดร้าวแต่แฝงไว้ด้วยการเรียบเรียงและสวยงามแบบอีกหลายเพลง
หลังจากที่เช็ดน้ำตาของตัวเองให้เหือดแห้งไปจนเห็นโลกสีชมพู After Laughterคือก้าวที่5ของเธอและพวกเขาที่ฝ่าฝันอุปสรรคทั้งเรื่องภายนอกและภายใน
ที่สื่อถึงอารมณ์ทางด้านลบของตัวเองแทบจะทุกเพลง และเหมือนวงจะแอบกระซิบเอาไว้ว่าไม่ว่าจะเจอเรื่องร้ายๆสักแค่ไหน เพียงแต่เรายิ้มสู้ โลกก็จะเป็นสีชมพูแบบสีปกอัลบัมแน่นอนครับ