ปล.... มันอาจจะยาวหน่อยนะ เพราะเล่าตั้งแต่รู้จักใหม่ๆ
ตามหัวข้อเลยคะ พอดีเห็นกระทู้ก่อนหน้านี้พูดถึงเรื่องนักกีฬาไทยคนใหนที่เสียดายในนามทีมชาติ พอเห็นแล้วมันทำให้นึกถึงเพื่อนคนนึง คือพอนึกถึงทีไรเสียดายทุกที คือเพื่อนคนนี้รู้จักตั้งแต่สมัยเรียนประถม รู้จักกันช่วงไปแข่งวิทยุการบินมินิวอลเลย์บอล คืออาจารย์ที่ทำทีมแกค่อนข้างโหดมาก คือปีแรกที่แกส่งทีมนี่คือ แกคัดเอาแต่เด็กผู้หญิงตัวสูงๆ คือทั้งทีมสูงหมด คือระดับจังหวัดนี่เรียกว่าม้ามืดเลยก็ได้ เพราะโรงเรียนอื่นสูงเท่าติ่งหู่ และหนึ่งในนั้นก็คือเพื่อนเรา ตำแหน่งที่นางเล่นคือหัวเสา ถนัดซ้ายด้วย ตีหนักพอตัว แต่ได้นั่งตัวสำรอง นี่ขนาดแค่ตัวสำรองนะ และ6 คนแรกไม่ต้องพูดถึง คืออยู่ ป.4-5-6 แต่ตีบอลนี่แรงมากก พากันกวาดรางวัลระดับจังหวัดแล้วไประดับภาคก็ชนะเลิศ่อด้วยระดับประเทศแต่รู้สึกจะไปแพ้ภาคใต้เพราะเล่นไม่ออกกัน ตื่นสนาม แต่โค้ชแกก็พาล่ารางวัลแทบจะทุกรายการที่มีทั่วประเทศ พอถึงช่วงทีมที่แกปั้นมาเริ่มจบกัน แกก็พยายามจะส่งหลายคนไปเรียนเรียนกีฬากัน เพื่อจะไปต่อยอด เพราะเสียดายฝีมือ แต่แทบจะทุกคนไม่ไป เหตุผลคือเหงา กลัว ไม่มีเพื่อน แต่เพื่อนเรามันดันคว้าโอกาสไว้ โค้ชแกเลยส่งไปเรียนโรงเรียนกีฬา แต่อยู่ได้2เดือน ร้องไห้ หนีกลับบ้านมา สุดท้ายก็ต้องออกจาก รร.กีฬา แล้วมาเรียนที่โรงเรียนมัธยมในอำเภอ ก็ได้มาเจอกันอีก ก็ถามมันนะว่าทำไมถึงไม่อยู่ต่อ มันก็บอกแค่เหนื่อย เหงา นี่ก็ด่ามัน โค้ชเค้าอุตส่าห์ฝากฝัง จนผ่านไป จำได้ว่าตอนประถม6 เราสูงกว่านาง แต่พอเริ่มขึ้นม.2 นางสูงกว่าเราอีกอะ คือตอนนั้นนี่สูงเท่าแค่ติ่งหู นี่ก็สงสัยนะว่าทำไมสูงเร็วขนาดนั้น คือเวลาเข้าแถวนี่คือมองไปคือสูงที่สุดแล้วอะ จะว่าสูงกว่าบรรดารุ่นพี่ก็ได้ พอช่วงม.2 ปิดเทอม ก็ได้ยินข่าวว่าโค้ชคนที่เคยส่งนางไปเรียนรร.กีฬา ดึงตัวนางไปเรียนในโรงเรียนประจำจังหวัด เพราะโค้ชแกย้ายจากรร.ประถมไปประจำที่รร.มัธยม ประจำจังหวัด เพราะแกอยากปั้นทีมมัธยมหญิงไปแข่งของกฟผ.เพราะ พวกมัธยมจะมีหลายรายการมากกว่าประถม และโอกาสมันมากกว่า และทรัพยากรมีให้เลือกมาก ตอนนั้นโค้ชแกฝึกนางจนเก่ง จากที่เคยยืนเสริฟก็กระโดดเสริฟ แล้วบอลแรงมาก โค้ชแกก็พาทีมตะเวนแข่งทั่วประเทศ ชนะบ้างแพ้บ้าง จนตอนนั้นนางขึ้นม.4 แล้วเกิดไปเตะตาทีมชาติเข้า รู้สึกว่าตอนั้นที่เข้าตาสุดจะเป็นช่วงที่มีพี่ๆทีมชาติบางส่วนกับโค้ชเดินทางไปมอบอุปกรณ์การกีฬากับให้โรงเรียนต่างๆที่เข้าแข่งขันรายการอะไรสักอย่าง แล้วเหมือนเลยติดต่อชวนนางกับน้องร่วมทีมอีกคนที่อยู่ม.2(น้องคนนี้อยู่ม.2 แต่สูง 175 ) เข้าแคมป์ทีมชาติ พร้อมกับย้ายไปเรียนที่กทม. อ้อลืมบอกไปว่าตอนนั้นเพื่อนนี่อยู่ม.4แล้ว สูง 180 พอดีเป้ะ จากนั้น2คนนี้ก็เข้าแคมป์ทีมชาตินะ น้องอีกคนที่อยู่ม.2 ได้เป็นตัวจริงเข้าร่วมแข่งขันกีฬานักเรียนอาเซียนที่สิงคโปร์ในปีนั้น แต่เพื่อนนี่ก็ยังคงฝึกอยู่ ตอนนั้นเราก็ดีใจนที่อย่างน้อยความฝันที่ตัวเราเองอยากจะไปถึงแต่มันไม่มีโอกาสกับความฝันของเพื่อนกับความฝันของโค้ชอยู่แต่เอื้อม ..... แต่ได้ไม่นาน หลังจากที่น้องม.คนนั้นเสรจจากการแข่งขันกีฬานักเรียนอาเซียนทั้ง2คนไม่รุ้ไปคุยกันอีท่าใหน กลับพร้อมกันเลย คงต้องไปบอกชะตากรรม2คนนี้นะว่าจะเป็นไง เพราะโค้ชโหดมากก คือถ้าอยู่ใกล้นี่โดนตบหน้าจนร้องให้ จนมารู้อีกที น้องม.2 คนนั้นติดแฟน แฟนรบเร้าให้กลับมา แต่เพื่อนเราช่วงที่นางไปอยู่กทม.นี่ก็โทรถามประจำ เป็นไงบ้างนู่นนี่นั่น นางก็บอกแค่เหนื่อย ร้องให้บ้าง แต่ก็ไม่คิดว่าจะปุ้ปปัปกลับมา... ตอนนั้นคือแบบจะด่าก็ด่าไม่ลงเดี๋ยวหาว่า
แต่ก็พยายามถามหลายรอบนะว่าทำไม นางก็ไม่ยอมบอก จนถึงตอนนี้เวลานึกถึงทีไรก็เสียดายทุกที เสียดายศักยภาพ เสียดายโอกาส การเข้าตีบอลเร็วแรงเท่ากับรัศมีเลยอะ บวกอีกทั้งสูงด้วย ยิ่งพอมาเห็นรัศมีหลุดทีมชาติตอนช่วงหลังผ่าตัดอีก คือแบบคิดในใจว่าไทยเราจะไม่มี OPP ที่ถนัดซ้ายที่ตีบอลได้แรงเร็วแล้วหรอ คิดทีไรมันอดเสียดายไม้ได้จริงๆ.....
มีใครเคยมีเพื่อนที่มีโอกาสเข้าใกล้ทีมชาติแล้วเลือกที่จะปฎิเสธบ้างคะ
ตามหัวข้อเลยคะ พอดีเห็นกระทู้ก่อนหน้านี้พูดถึงเรื่องนักกีฬาไทยคนใหนที่เสียดายในนามทีมชาติ พอเห็นแล้วมันทำให้นึกถึงเพื่อนคนนึง คือพอนึกถึงทีไรเสียดายทุกที คือเพื่อนคนนี้รู้จักตั้งแต่สมัยเรียนประถม รู้จักกันช่วงไปแข่งวิทยุการบินมินิวอลเลย์บอล คืออาจารย์ที่ทำทีมแกค่อนข้างโหดมาก คือปีแรกที่แกส่งทีมนี่คือ แกคัดเอาแต่เด็กผู้หญิงตัวสูงๆ คือทั้งทีมสูงหมด คือระดับจังหวัดนี่เรียกว่าม้ามืดเลยก็ได้ เพราะโรงเรียนอื่นสูงเท่าติ่งหู่ และหนึ่งในนั้นก็คือเพื่อนเรา ตำแหน่งที่นางเล่นคือหัวเสา ถนัดซ้ายด้วย ตีหนักพอตัว แต่ได้นั่งตัวสำรอง นี่ขนาดแค่ตัวสำรองนะ และ6 คนแรกไม่ต้องพูดถึง คืออยู่ ป.4-5-6 แต่ตีบอลนี่แรงมากก พากันกวาดรางวัลระดับจังหวัดแล้วไประดับภาคก็ชนะเลิศ่อด้วยระดับประเทศแต่รู้สึกจะไปแพ้ภาคใต้เพราะเล่นไม่ออกกัน ตื่นสนาม แต่โค้ชแกก็พาล่ารางวัลแทบจะทุกรายการที่มีทั่วประเทศ พอถึงช่วงทีมที่แกปั้นมาเริ่มจบกัน แกก็พยายามจะส่งหลายคนไปเรียนเรียนกีฬากัน เพื่อจะไปต่อยอด เพราะเสียดายฝีมือ แต่แทบจะทุกคนไม่ไป เหตุผลคือเหงา กลัว ไม่มีเพื่อน แต่เพื่อนเรามันดันคว้าโอกาสไว้ โค้ชแกเลยส่งไปเรียนโรงเรียนกีฬา แต่อยู่ได้2เดือน ร้องไห้ หนีกลับบ้านมา สุดท้ายก็ต้องออกจาก รร.กีฬา แล้วมาเรียนที่โรงเรียนมัธยมในอำเภอ ก็ได้มาเจอกันอีก ก็ถามมันนะว่าทำไมถึงไม่อยู่ต่อ มันก็บอกแค่เหนื่อย เหงา นี่ก็ด่ามัน โค้ชเค้าอุตส่าห์ฝากฝัง จนผ่านไป จำได้ว่าตอนประถม6 เราสูงกว่านาง แต่พอเริ่มขึ้นม.2 นางสูงกว่าเราอีกอะ คือตอนนั้นนี่สูงเท่าแค่ติ่งหู นี่ก็สงสัยนะว่าทำไมสูงเร็วขนาดนั้น คือเวลาเข้าแถวนี่คือมองไปคือสูงที่สุดแล้วอะ จะว่าสูงกว่าบรรดารุ่นพี่ก็ได้ พอช่วงม.2 ปิดเทอม ก็ได้ยินข่าวว่าโค้ชคนที่เคยส่งนางไปเรียนรร.กีฬา ดึงตัวนางไปเรียนในโรงเรียนประจำจังหวัด เพราะโค้ชแกย้ายจากรร.ประถมไปประจำที่รร.มัธยม ประจำจังหวัด เพราะแกอยากปั้นทีมมัธยมหญิงไปแข่งของกฟผ.เพราะ พวกมัธยมจะมีหลายรายการมากกว่าประถม และโอกาสมันมากกว่า และทรัพยากรมีให้เลือกมาก ตอนนั้นโค้ชแกฝึกนางจนเก่ง จากที่เคยยืนเสริฟก็กระโดดเสริฟ แล้วบอลแรงมาก โค้ชแกก็พาทีมตะเวนแข่งทั่วประเทศ ชนะบ้างแพ้บ้าง จนตอนนั้นนางขึ้นม.4 แล้วเกิดไปเตะตาทีมชาติเข้า รู้สึกว่าตอนั้นที่เข้าตาสุดจะเป็นช่วงที่มีพี่ๆทีมชาติบางส่วนกับโค้ชเดินทางไปมอบอุปกรณ์การกีฬากับให้โรงเรียนต่างๆที่เข้าแข่งขันรายการอะไรสักอย่าง แล้วเหมือนเลยติดต่อชวนนางกับน้องร่วมทีมอีกคนที่อยู่ม.2(น้องคนนี้อยู่ม.2 แต่สูง 175 ) เข้าแคมป์ทีมชาติ พร้อมกับย้ายไปเรียนที่กทม. อ้อลืมบอกไปว่าตอนนั้นเพื่อนนี่อยู่ม.4แล้ว สูง 180 พอดีเป้ะ จากนั้น2คนนี้ก็เข้าแคมป์ทีมชาตินะ น้องอีกคนที่อยู่ม.2 ได้เป็นตัวจริงเข้าร่วมแข่งขันกีฬานักเรียนอาเซียนที่สิงคโปร์ในปีนั้น แต่เพื่อนนี่ก็ยังคงฝึกอยู่ ตอนนั้นเราก็ดีใจนที่อย่างน้อยความฝันที่ตัวเราเองอยากจะไปถึงแต่มันไม่มีโอกาสกับความฝันของเพื่อนกับความฝันของโค้ชอยู่แต่เอื้อม ..... แต่ได้ไม่นาน หลังจากที่น้องม.คนนั้นเสรจจากการแข่งขันกีฬานักเรียนอาเซียนทั้ง2คนไม่รุ้ไปคุยกันอีท่าใหน กลับพร้อมกันเลย คงต้องไปบอกชะตากรรม2คนนี้นะว่าจะเป็นไง เพราะโค้ชโหดมากก คือถ้าอยู่ใกล้นี่โดนตบหน้าจนร้องให้ จนมารู้อีกที น้องม.2 คนนั้นติดแฟน แฟนรบเร้าให้กลับมา แต่เพื่อนเราช่วงที่นางไปอยู่กทม.นี่ก็โทรถามประจำ เป็นไงบ้างนู่นนี่นั่น นางก็บอกแค่เหนื่อย ร้องให้บ้าง แต่ก็ไม่คิดว่าจะปุ้ปปัปกลับมา... ตอนนั้นคือแบบจะด่าก็ด่าไม่ลงเดี๋ยวหาว่า แต่ก็พยายามถามหลายรอบนะว่าทำไม นางก็ไม่ยอมบอก จนถึงตอนนี้เวลานึกถึงทีไรก็เสียดายทุกที เสียดายศักยภาพ เสียดายโอกาส การเข้าตีบอลเร็วแรงเท่ากับรัศมีเลยอะ บวกอีกทั้งสูงด้วย ยิ่งพอมาเห็นรัศมีหลุดทีมชาติตอนช่วงหลังผ่าตัดอีก คือแบบคิดในใจว่าไทยเราจะไม่มี OPP ที่ถนัดซ้ายที่ตีบอลได้แรงเร็วแล้วหรอ คิดทีไรมันอดเสียดายไม้ได้จริงๆ.....