คือปกติที่บ้านจะชอบเปิดช่อง 3 ทิ้งไว้ช่วงกินข้าวเย็นน่ะครับ แล้วพอดีมันมีรายการ The Face All Star ...ทุกทีเวลามีรายการนี้ผมก็จะปล่อยผ่านๆ ไปมากกว่า คือไม่ได้สนใจอะไรมากมาย เพราะไม่ชอบการดำเนินรายการแบบที่พยายามสร้างดราม่าตามสไตล์รายการแข่งขันแนวๆ นี้ของอเมริกา (เห็นหลายรายการละชอบเป็นแนวนี้) แต่ครั้งนี้ (วันที่ 3/3/2018) เป็นวันที่ผมสภาพไม่ค่อยดีนักหัวเลยไม่ค่อยแล่นคิดอะไรไม่ค่อยออก มันเลยหันมาสนใจทีวีมากกว่าทุกครั้ง
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในรายการทำให้ผมถึงกับหงุดหงิดฟิวส์ขาดเพราะเป็นสิ่งที่ผมไม่ชอบเอามากๆ ถึงขั้นเกลียดเลยก็ว่าได้ แถมยังเกิดขึ้นถึง 2 ครั้งติดๆ กันจากคนที่เป็นผู้ใหญ่ในรุ่นต่อมาแล้วคือเป็นผู้ใหญ่ในยุค 2010 แล้ว หมายความว่าคนเหล่านั้นเป็นคนรุ่นใหม่แล้วไม่ใช่ผู้ใหญ่รุ่นเก่า เรื่องแบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้นอีก ซึ่งมันก็เป็นกรณีศึกษาสำหรับผู้ใหญ่หลายๆ คนด้วยเลยครับ
สิ่งที่ผมเห็นจากในรายการคือในตอนที่ทีมของคริสกำลังถ่ายทำกันอยู่ซึ่งถ่ายทำในพื้นที่เปิด พอสั่งแอ๊คชั่นก็ดูเหมือนว่าจะมีการสั่งไม่เหมือนกับตอนซ้อมทำให้ตัวผู้ร่วมทีมเข้าใจผิดพลาดแล้วก็เลยแสดงพลาดไปเมนเทอร์ก็ไม่ค่อยพอใจนัก ดูเหมือนผู้ร่วมทีมก็พยามจะบอกกับคริสว่าสัญญาณหรือคำสั่งมันไม่เหมือนกับตอนซ้อมนี่ แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรกันมากและสั่งให้กลับไปเข้าฉาก ซึ่งพอเริ่มถ่ายอีกครั้งพอไม่มีปัญหาเรื่องคำสั่งแล้วก็พบว่าผู้ชาย 2 คนด้านหลังเล่นกันเองมากเกินไป หลังจากถ่ายทำเสร็จผลคือทีมนี้ชนะ
พอมาที่ห้องหลังจากที่มีการคุยเพื่อคัดคนออกแล้ว ก็มีการคอมเมนท์จากเมนเทอร์อีก 2 คน คนแรกน่าจะซอนย่า พูดถึงผู้ชายคนที่หนึ่ง (จาก 2 คนที่เล่นกันมากไประหว่างถ่ายทำ) พูดไปเยอะมาก ซึงที่พูดไปทุกจุดมันก็ถูกของเขาครับ ไม่มีอะไรให้เถียงเลย แต่พอพูดมาถึงเรื่องที่ว่าตัวผู้ชายคนนี้เล่นมากเกินไป ซึ่งก็มีท่าทางของการพูดกับตัวผู้ชายคนนี้โดยตรงประมาณว่า "คุณเล่นมากไป ยังไงคุณก็ผ่านแล้วคุณอาจไม่คิดอะไรเลยไปชวนคนอื่นเล่น" ตรงนี้ผู้ชายคนนั้นก็เลยถามกลับว่า "ยังไงครับ" ภาพก็ตัดมาเป็นฉากเหมือนกล้องตั้งให้นั่งพูดคนเดียวเมนเทอร์ก็บอกประมาณว่า "นี่กำลังสอนนะ อย่าเถียงสิ" แล้วก็มีตัดไปที่ฉากแบบเดียวกันแต่เป็นผู้ร่วมทีม (ไม่รู้ทีมไหน) อีกคนบอกว่า "เข้าใจว่าเค้าถาม แต่มันควรมีวิธีถามที่ดีกว่านี้" .....สรุปคือดูเหมือนว่าผู้ชายคนแรกนี้ก็ไม่ได้คำตอบ
ต่อมาเมนเทอร์อีกคนพูดต่อ น่าจะเป็นบี พูดถึงผู้ชายคนที่สอง พูดถึงประเด็นว่า คุณไม่ควรขึ้นเสียงกับเมนเทอร์ของคุณ ควรจะให้เกียรติเมนเทอร์ด้วย ผู้ชายคนนั้นก็เลยพูดแทรกขึ้นมาว่า "ผมขออธิบายหน่อยนะครับ" เมนเทอร์บีที่พูดอยู่ก็เปลี่ยนมาพูดประมาณว่า "นี่ล่ะที่พูดถึง" คริสเองก็ร่วมด้วยโดยพูดเสริมไปอีกว่า "นี่แหละคือสิ่งที่บีกำลังพูดถึงอยู่ล่ะ" ......แล้วผู้ชายคนนั้นก็ไม่ได้อธิบาย
สิ่งที่ทำให้ผมหงุดหงิดมากถึงขั้นเดือดฟิวส์ขาดคือ....
กรณีผู้ชายคนแรก....
มันเป็นการ "ถาม" ไม่ใช่การ "เถียง" ซึ่งคนที่ถูกว่าอยู่ต้องถามได้เพื่อความเข้าใจว่าสิ่งที่ผู้ที่กำลังว่าหรือตำหนิต้องการให้เป็นคือแบบไหน เขาอาจรู้อยู่แล้วก็ได้แต่อาจอยากถามเพื่อความชัดเจน เพราะมุมมอง ความคิด การสื่อความหมายของแต่ละคนมันต่างกันได้ และผมไม่เห็นว่ามันจะเป็นเรื่องแย่อะไรที่เขาจะถามว่า "ยังไงครับ" โดยไม่ได้เสียงดังแม้แต่น้อย มันชัดเจนและไม่ได้หยาบคายเลยสักนิด ซึ่งถ้าจะให้ชักแม่น้ำทั้ง 5 มาพูดก่อนเข้าคำถามเดี๋ยวบางคนก็ไม่ยอมฟังอีก ก็กลายเป็นไม่ได้ถามอีก
สำหรับผมแล้วผมถือว่าคนที่ถามเพราะอยากรู้สมควรได้รับคำตอบ ผมไม่รู้ว่ามันเป็นปัญหาจากการตัดต่อของทีมงานหรือเปล่าแต่ภาพที่ออกมาทั้งหมดผมรู้สึกว่าคนพวกนี้ทำตัวไม่สมกับคำว่า "ผู้ใหญ่" เลย เพราะถ้าเด็กที่ถูกว่าว่าเล่นมากเกินไป แล้วเขาอยากรู้ว่ามันเล่นมากไปยังไงก็แค่อธิบายไปก็จบแล้ว แต่นี่ไม่อธิบายกลับบอกว่า "อย่าเถียง" ...เป็นผู้ใหญ่ควรแยกแยะได้ว่านี่เป็นการ "ถาม" หรือ "เถียง" แต่ถ้าแสดงออกมาแบบนี้ ผมรู้สึกเหมือนว่าเขาอธิบายไม่ได้หรือไม่กล้าพูดรายละเอียด กล้าแต่ตอนพูดแขวะหรือตำหนิคนอื่น (เด็กที่เป็นสมาชิกทีมนั่นแหละ) ด้วยอารมณ์แต่พอเรื่องมาถึงตรงที่เป็นเหตุผลกลับไม่กล้าพูดหรือพูดไม่ได้ พูดไม่เป็นซะอย่างนั้น...นี่ไม่ใช่สิ่งที่คนที่เรียกว่าเป็น "ผู้ใหญ่" ควรจะเป็นเลย
การจะอธิบายกับผู้ร่วมทีมสักหน่อยคงไม่ใช่ปัญหาอะไรมากมาย ถึงแม้จะคิดว่าเขาควรรู้เองแต่การที่คนถามมันแปลได้ว่าเขาอาจไม่รู้ ไม่เข้าใจหรืออาจมีมุมมองต่างไปจากคนที่กำลังว่าเขาอยู่ หรืออาจต้องการการขยายความให้ชัดเจนขึ้น ซึ่งเมื่อเขาถามก็แค่ตอบอธิบายไปก็จบ แต่การปิดคำถามนั้นๆ ด้วยคำว่า "อย่าเถียง" มันทำให้ผู้ใหญ่ (โดยอายุ) ดูเป็นแค่เด็กอายุมากเท่านั้นเอง
กรณีผู้ชายคนที่สอง....
จากสถานการณ์นั้นดูเหมือนว่าเขาพยามจะบอกกับคริสว่าสั่งไม่เหมือนกับตอนซ้อมนี่ ซึ่งการอยู่ในพื้นที่เปิดกลางแจ้งแบบนั้นแถมคริสก็อยู่ห่างไปตั้งเยอะ ลองคุยเสียงธรรมดาๆ ดูสิครับ ไม่ได้ยินกันหรอก ก็ต้องตะโกนเป็นธรรมดา ผมมองว่ามันไม่ใช่การขึ้นเสียงแต่มันคือการพยายามสื่อสารกัน ในพื้นที่จริงเรื่องมันจบไปแล้วแต่การหยิบมันกลับมาเป็นประเด็นแล้วไม่ให้โอกาสเจ้าตัวได้อธิบายนี่มันไม่ใช่แล้ว
สิ่งที่เกิดขึ้นมันคือการที่รู้ไม่หมดแล้วรีบสรุปแบบฟันธงซึ่งสำหรับผมแล้วการทำแบบนี้มันทำให้ผู้ใหญ่ที่ดูน่าเชื่อถือ น่าเคารพ กลายเป็นแค่คนโง่ๆ คนนึงได้เลย (ที่จริงผมรู้สึกแรงกว่านี้มากแต่ไม่อยากใช้คำให้ดูรุนแรงเกินไป) ....ถ้าจะรู้ให้หมดคือการที่เราต้องฟังคำอธิบายจากผู้ที่กำลังถูกต่อว่าอยู่ด้วยว่าเขาทำอย่างนั้นทำไม ฟังเหตุผลกันก่อนจะตัดสิน(อย่างยุติธรรม) ไม่ใช่เอาแต่ต่อว่าโดยไม่ให้ชี้แจงแล้วอ้างแค่ว่าผู้ใหญ่สอนต้องฟัง ซึ่งผมรู้สึกว่ามันเหมือนกับว่าถ้าปล่อยให้ชี้แจงแล้วผู้ใหญ่จะเสียหน้าเพราะมันไม่ได้เป็นอย่างที่คิดไปเอง
ที่จริงแล้วให้เขาได้ชี้แจงและฟังเหตุผลของเขาสักนิดก็ไม่เห็นเป็นไร ถ้าตอนนั้นยังพูดไม่จบก็บอกก็ได้ว่า "เดี๋ยวนะ ขอพูดให้จบก่อน" เพื่อพูดส่วนของตัวเองให้จบก่อนแล้วค่อยให้ผู้ชายคนที่ถูกต่อว่าอธิบายก็ได้ แต่นี่ไม่ใช่แบบนั้น กลับต่อว่าเมื่อพยามอธิบายและตัดบทเพื่อไม่ให้อธิบายด้วย การทำแบบนี้ก็เป็นอีกอย่างที่ทำให้ผู้ใหญ่ (โดยอายุ) ดูเป็นแค่เด็กอายุมากอีกเหมือนกันครับ
ย้ำว่าผมไม่ได้เถียงในจุดที่บอกว่าเล่นมากไปนะครับ จุดนั้นเมนเทอร์พูดถูกแล้ว แต่การที่ถามแล้วกลายเป็นเถียงกับไม่ให้ชี้แจงต่างหากคือจุดที่ผมพูดถึง
ทั้ง 2 กรณีเป็นการแสดงออกแบบผู้ใหญ่ยุคเก่าที่ถือว่าเด็กไม่มีสิทธิ์อะไรทั้งนั้น ผู้ใหญ่จะพูดอะไรยังไงเด็กก็ต้องฟัง แม้จะถูกแต่ถ้าผู้ใหญ่บอกว่าผิดก็ต้องผิด แม้จะผิดแต่ผู้ใหญ่บอกว่าถูกก็ต้องถูก ถามไม่ได้ อธิบายไม่ได้ จะโดนหาว่าเถียงทั้งหมด ซึ่งผมเองก็โดนมาตั้งแต่เด็กเหมือนกัน...ตอนเด็กๆ ผมเคยถามพ่อแม่ว่าผู้ใหญ่ต่างกับเด็กยังไง ก็ได้รับคำตอบว่าผู้ใหญ่จะมีความรับผิดชอบ มีวิจารณญาณมากกว่าเด็ก (ที่จริงมากกว่านี้แต่ขอยกมาเท่านี้) แต่ที่เราเห็นอยู่นี่คืออะไร ผู้ใหญ่ที่แยกระหว่าง "ถาม" กับ "เถียง" ไม่ได้ ผู้ใหญ่ที่ไม่คิดจะฟังคำอธิบายใดๆ จากเด็ก (หรือผู้ที่อ่อนอาวุโสกว่า) โดยอ้างความอาวุโส (ระบบอาวุโสนั่นเอง) สิ่งเหล่านี้มันก็เหมือนกับเด็กเอาแต่ใจเท่านั้นเอง ผมจึงเรียกผู้ใหญ่ที่เป็นแบบนี้ว่า "เด็กอายุมาก" ครับ
ที่มาเล่านี่ก็อยากจะบอกกับผู้ใหญ่หลายๆ คนว่าอย่าทำตัวแบบนี้กันเลย มันไม่ทำให้คุณดูเป็นคนที่น่าเคารพนับถือมากขึ้นหรอกครับ มันทำให้คุณดูแย่กว่าเก่าด้วยซ้ำ แล้วผู้ใหญ่ที่เป็นแบบนี้จะสร้างเด็กรุ่นต่อไปที่ดีขึ้นได้ยังไง เพราะเด็กที่โตมาแบบนี้โตขึ้นไปก็มีหลายคนที่เป็นผู้ใหญ่แบบนี้ ระบบอาวุโสไม่ได้เป็นปัญหาหรอกครับ ที่เป็นปัญหาคือคนที่ใช้ระบบนี้ต่างหาก เพราะงั้นเลิกทำตัวเป็นผู้ใหญ่แบบนี้กันดีกว่าครับ
ปล. วันนี้ที่พิมพ์เรื่องนี้ผมก็ยังไม่ฟื้นเต็มที่นะครับ ถ้าอธิบายอะไรตกหล่นไปต้องขออภัยล่วงหน้า
note: มีการแก้เรื่องการเว้นวรรคครับ
ผู้ใหญ่หรือเด็กอายุมาก....กรณีศึกษาจาก The Face All Star
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในรายการทำให้ผมถึงกับหงุดหงิดฟิวส์ขาดเพราะเป็นสิ่งที่ผมไม่ชอบเอามากๆ ถึงขั้นเกลียดเลยก็ว่าได้ แถมยังเกิดขึ้นถึง 2 ครั้งติดๆ กันจากคนที่เป็นผู้ใหญ่ในรุ่นต่อมาแล้วคือเป็นผู้ใหญ่ในยุค 2010 แล้ว หมายความว่าคนเหล่านั้นเป็นคนรุ่นใหม่แล้วไม่ใช่ผู้ใหญ่รุ่นเก่า เรื่องแบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้นอีก ซึ่งมันก็เป็นกรณีศึกษาสำหรับผู้ใหญ่หลายๆ คนด้วยเลยครับ
สิ่งที่ผมเห็นจากในรายการคือในตอนที่ทีมของคริสกำลังถ่ายทำกันอยู่ซึ่งถ่ายทำในพื้นที่เปิด พอสั่งแอ๊คชั่นก็ดูเหมือนว่าจะมีการสั่งไม่เหมือนกับตอนซ้อมทำให้ตัวผู้ร่วมทีมเข้าใจผิดพลาดแล้วก็เลยแสดงพลาดไปเมนเทอร์ก็ไม่ค่อยพอใจนัก ดูเหมือนผู้ร่วมทีมก็พยามจะบอกกับคริสว่าสัญญาณหรือคำสั่งมันไม่เหมือนกับตอนซ้อมนี่ แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรกันมากและสั่งให้กลับไปเข้าฉาก ซึ่งพอเริ่มถ่ายอีกครั้งพอไม่มีปัญหาเรื่องคำสั่งแล้วก็พบว่าผู้ชาย 2 คนด้านหลังเล่นกันเองมากเกินไป หลังจากถ่ายทำเสร็จผลคือทีมนี้ชนะ
พอมาที่ห้องหลังจากที่มีการคุยเพื่อคัดคนออกแล้ว ก็มีการคอมเมนท์จากเมนเทอร์อีก 2 คน คนแรกน่าจะซอนย่า พูดถึงผู้ชายคนที่หนึ่ง (จาก 2 คนที่เล่นกันมากไประหว่างถ่ายทำ) พูดไปเยอะมาก ซึงที่พูดไปทุกจุดมันก็ถูกของเขาครับ ไม่มีอะไรให้เถียงเลย แต่พอพูดมาถึงเรื่องที่ว่าตัวผู้ชายคนนี้เล่นมากเกินไป ซึ่งก็มีท่าทางของการพูดกับตัวผู้ชายคนนี้โดยตรงประมาณว่า "คุณเล่นมากไป ยังไงคุณก็ผ่านแล้วคุณอาจไม่คิดอะไรเลยไปชวนคนอื่นเล่น" ตรงนี้ผู้ชายคนนั้นก็เลยถามกลับว่า "ยังไงครับ" ภาพก็ตัดมาเป็นฉากเหมือนกล้องตั้งให้นั่งพูดคนเดียวเมนเทอร์ก็บอกประมาณว่า "นี่กำลังสอนนะ อย่าเถียงสิ" แล้วก็มีตัดไปที่ฉากแบบเดียวกันแต่เป็นผู้ร่วมทีม (ไม่รู้ทีมไหน) อีกคนบอกว่า "เข้าใจว่าเค้าถาม แต่มันควรมีวิธีถามที่ดีกว่านี้" .....สรุปคือดูเหมือนว่าผู้ชายคนแรกนี้ก็ไม่ได้คำตอบ
ต่อมาเมนเทอร์อีกคนพูดต่อ น่าจะเป็นบี พูดถึงผู้ชายคนที่สอง พูดถึงประเด็นว่า คุณไม่ควรขึ้นเสียงกับเมนเทอร์ของคุณ ควรจะให้เกียรติเมนเทอร์ด้วย ผู้ชายคนนั้นก็เลยพูดแทรกขึ้นมาว่า "ผมขออธิบายหน่อยนะครับ" เมนเทอร์บีที่พูดอยู่ก็เปลี่ยนมาพูดประมาณว่า "นี่ล่ะที่พูดถึง" คริสเองก็ร่วมด้วยโดยพูดเสริมไปอีกว่า "นี่แหละคือสิ่งที่บีกำลังพูดถึงอยู่ล่ะ" ......แล้วผู้ชายคนนั้นก็ไม่ได้อธิบาย
สิ่งที่ทำให้ผมหงุดหงิดมากถึงขั้นเดือดฟิวส์ขาดคือ....
กรณีผู้ชายคนแรก....
มันเป็นการ "ถาม" ไม่ใช่การ "เถียง" ซึ่งคนที่ถูกว่าอยู่ต้องถามได้เพื่อความเข้าใจว่าสิ่งที่ผู้ที่กำลังว่าหรือตำหนิต้องการให้เป็นคือแบบไหน เขาอาจรู้อยู่แล้วก็ได้แต่อาจอยากถามเพื่อความชัดเจน เพราะมุมมอง ความคิด การสื่อความหมายของแต่ละคนมันต่างกันได้ และผมไม่เห็นว่ามันจะเป็นเรื่องแย่อะไรที่เขาจะถามว่า "ยังไงครับ" โดยไม่ได้เสียงดังแม้แต่น้อย มันชัดเจนและไม่ได้หยาบคายเลยสักนิด ซึ่งถ้าจะให้ชักแม่น้ำทั้ง 5 มาพูดก่อนเข้าคำถามเดี๋ยวบางคนก็ไม่ยอมฟังอีก ก็กลายเป็นไม่ได้ถามอีก
สำหรับผมแล้วผมถือว่าคนที่ถามเพราะอยากรู้สมควรได้รับคำตอบ ผมไม่รู้ว่ามันเป็นปัญหาจากการตัดต่อของทีมงานหรือเปล่าแต่ภาพที่ออกมาทั้งหมดผมรู้สึกว่าคนพวกนี้ทำตัวไม่สมกับคำว่า "ผู้ใหญ่" เลย เพราะถ้าเด็กที่ถูกว่าว่าเล่นมากเกินไป แล้วเขาอยากรู้ว่ามันเล่นมากไปยังไงก็แค่อธิบายไปก็จบแล้ว แต่นี่ไม่อธิบายกลับบอกว่า "อย่าเถียง" ...เป็นผู้ใหญ่ควรแยกแยะได้ว่านี่เป็นการ "ถาม" หรือ "เถียง" แต่ถ้าแสดงออกมาแบบนี้ ผมรู้สึกเหมือนว่าเขาอธิบายไม่ได้หรือไม่กล้าพูดรายละเอียด กล้าแต่ตอนพูดแขวะหรือตำหนิคนอื่น (เด็กที่เป็นสมาชิกทีมนั่นแหละ) ด้วยอารมณ์แต่พอเรื่องมาถึงตรงที่เป็นเหตุผลกลับไม่กล้าพูดหรือพูดไม่ได้ พูดไม่เป็นซะอย่างนั้น...นี่ไม่ใช่สิ่งที่คนที่เรียกว่าเป็น "ผู้ใหญ่" ควรจะเป็นเลย
การจะอธิบายกับผู้ร่วมทีมสักหน่อยคงไม่ใช่ปัญหาอะไรมากมาย ถึงแม้จะคิดว่าเขาควรรู้เองแต่การที่คนถามมันแปลได้ว่าเขาอาจไม่รู้ ไม่เข้าใจหรืออาจมีมุมมองต่างไปจากคนที่กำลังว่าเขาอยู่ หรืออาจต้องการการขยายความให้ชัดเจนขึ้น ซึ่งเมื่อเขาถามก็แค่ตอบอธิบายไปก็จบ แต่การปิดคำถามนั้นๆ ด้วยคำว่า "อย่าเถียง" มันทำให้ผู้ใหญ่ (โดยอายุ) ดูเป็นแค่เด็กอายุมากเท่านั้นเอง
กรณีผู้ชายคนที่สอง....
จากสถานการณ์นั้นดูเหมือนว่าเขาพยามจะบอกกับคริสว่าสั่งไม่เหมือนกับตอนซ้อมนี่ ซึ่งการอยู่ในพื้นที่เปิดกลางแจ้งแบบนั้นแถมคริสก็อยู่ห่างไปตั้งเยอะ ลองคุยเสียงธรรมดาๆ ดูสิครับ ไม่ได้ยินกันหรอก ก็ต้องตะโกนเป็นธรรมดา ผมมองว่ามันไม่ใช่การขึ้นเสียงแต่มันคือการพยายามสื่อสารกัน ในพื้นที่จริงเรื่องมันจบไปแล้วแต่การหยิบมันกลับมาเป็นประเด็นแล้วไม่ให้โอกาสเจ้าตัวได้อธิบายนี่มันไม่ใช่แล้ว
สิ่งที่เกิดขึ้นมันคือการที่รู้ไม่หมดแล้วรีบสรุปแบบฟันธงซึ่งสำหรับผมแล้วการทำแบบนี้มันทำให้ผู้ใหญ่ที่ดูน่าเชื่อถือ น่าเคารพ กลายเป็นแค่คนโง่ๆ คนนึงได้เลย (ที่จริงผมรู้สึกแรงกว่านี้มากแต่ไม่อยากใช้คำให้ดูรุนแรงเกินไป) ....ถ้าจะรู้ให้หมดคือการที่เราต้องฟังคำอธิบายจากผู้ที่กำลังถูกต่อว่าอยู่ด้วยว่าเขาทำอย่างนั้นทำไม ฟังเหตุผลกันก่อนจะตัดสิน(อย่างยุติธรรม) ไม่ใช่เอาแต่ต่อว่าโดยไม่ให้ชี้แจงแล้วอ้างแค่ว่าผู้ใหญ่สอนต้องฟัง ซึ่งผมรู้สึกว่ามันเหมือนกับว่าถ้าปล่อยให้ชี้แจงแล้วผู้ใหญ่จะเสียหน้าเพราะมันไม่ได้เป็นอย่างที่คิดไปเอง
ที่จริงแล้วให้เขาได้ชี้แจงและฟังเหตุผลของเขาสักนิดก็ไม่เห็นเป็นไร ถ้าตอนนั้นยังพูดไม่จบก็บอกก็ได้ว่า "เดี๋ยวนะ ขอพูดให้จบก่อน" เพื่อพูดส่วนของตัวเองให้จบก่อนแล้วค่อยให้ผู้ชายคนที่ถูกต่อว่าอธิบายก็ได้ แต่นี่ไม่ใช่แบบนั้น กลับต่อว่าเมื่อพยามอธิบายและตัดบทเพื่อไม่ให้อธิบายด้วย การทำแบบนี้ก็เป็นอีกอย่างที่ทำให้ผู้ใหญ่ (โดยอายุ) ดูเป็นแค่เด็กอายุมากอีกเหมือนกันครับ
ย้ำว่าผมไม่ได้เถียงในจุดที่บอกว่าเล่นมากไปนะครับ จุดนั้นเมนเทอร์พูดถูกแล้ว แต่การที่ถามแล้วกลายเป็นเถียงกับไม่ให้ชี้แจงต่างหากคือจุดที่ผมพูดถึง
ทั้ง 2 กรณีเป็นการแสดงออกแบบผู้ใหญ่ยุคเก่าที่ถือว่าเด็กไม่มีสิทธิ์อะไรทั้งนั้น ผู้ใหญ่จะพูดอะไรยังไงเด็กก็ต้องฟัง แม้จะถูกแต่ถ้าผู้ใหญ่บอกว่าผิดก็ต้องผิด แม้จะผิดแต่ผู้ใหญ่บอกว่าถูกก็ต้องถูก ถามไม่ได้ อธิบายไม่ได้ จะโดนหาว่าเถียงทั้งหมด ซึ่งผมเองก็โดนมาตั้งแต่เด็กเหมือนกัน...ตอนเด็กๆ ผมเคยถามพ่อแม่ว่าผู้ใหญ่ต่างกับเด็กยังไง ก็ได้รับคำตอบว่าผู้ใหญ่จะมีความรับผิดชอบ มีวิจารณญาณมากกว่าเด็ก (ที่จริงมากกว่านี้แต่ขอยกมาเท่านี้) แต่ที่เราเห็นอยู่นี่คืออะไร ผู้ใหญ่ที่แยกระหว่าง "ถาม" กับ "เถียง" ไม่ได้ ผู้ใหญ่ที่ไม่คิดจะฟังคำอธิบายใดๆ จากเด็ก (หรือผู้ที่อ่อนอาวุโสกว่า) โดยอ้างความอาวุโส (ระบบอาวุโสนั่นเอง) สิ่งเหล่านี้มันก็เหมือนกับเด็กเอาแต่ใจเท่านั้นเอง ผมจึงเรียกผู้ใหญ่ที่เป็นแบบนี้ว่า "เด็กอายุมาก" ครับ
ที่มาเล่านี่ก็อยากจะบอกกับผู้ใหญ่หลายๆ คนว่าอย่าทำตัวแบบนี้กันเลย มันไม่ทำให้คุณดูเป็นคนที่น่าเคารพนับถือมากขึ้นหรอกครับ มันทำให้คุณดูแย่กว่าเก่าด้วยซ้ำ แล้วผู้ใหญ่ที่เป็นแบบนี้จะสร้างเด็กรุ่นต่อไปที่ดีขึ้นได้ยังไง เพราะเด็กที่โตมาแบบนี้โตขึ้นไปก็มีหลายคนที่เป็นผู้ใหญ่แบบนี้ ระบบอาวุโสไม่ได้เป็นปัญหาหรอกครับ ที่เป็นปัญหาคือคนที่ใช้ระบบนี้ต่างหาก เพราะงั้นเลิกทำตัวเป็นผู้ใหญ่แบบนี้กันดีกว่าครับ
ปล. วันนี้ที่พิมพ์เรื่องนี้ผมก็ยังไม่ฟื้นเต็มที่นะครับ ถ้าอธิบายอะไรตกหล่นไปต้องขออภัยล่วงหน้า
note: มีการแก้เรื่องการเว้นวรรคครับ