เริ่มมีอาการเจ็บอุ้งเท้าตอนอายุ16 ไปหาหมอออโธที่ศิริราช หมอแนะนำให้ใส่รองเท้าใบ เลี่ยงการใส่รองเท้าแตะ ส้นสูง ดังนั้นนอกจากรองเท้านักเรียนแล้ว เราใส่รองเท้าผ้าใบมาโดยตลอด มีบางช่วงเจ็บจนร้องไห้ ก็ซื้อผ้าใบที่ดีๆหน่อย อาการก็ดีขึ้น ใส่จนรองเท้าสึกหมดสภาพ ช่วงวัย28-30 ก็เปลี่ยนมาใส่ฟิตฟอบ สลับกับผ้าใบ เนื่องจากทำแล้วผ้าใบมันเลอะง่าย (แต่หลักๆก็ใสผ้าใบตลอด)
ช่วงอายุ31 พ่อบังคับให้ลาออกจากงานมาทำงานที่บ้าน และห้ามใส่รองเท้าผ้าใบเด็ดขาด ห้ามใส่รองเท้าเดินในบ้าน (บ้านกว้างมากค่ะ พื้นหินอ่อน) เราเคยคุยกับเค้าแล้วว่า เรามีปัญหาเท้าแบน เราไม่สามรถเดินเท้าเปล่า หรือใส่แตะได้นานๆ เนื่องจากเราเจ็บฝ่าเท้ามาก ยังไม่เคยเจ็บส้นเท้าหรืออะไร
พ่อไม่ให้ใส่รองเท้าแตะที่เป็นรองเท้าเราเองด้วยซ้ำค่ะ เค้าให้เราใส่รองเท้าคู่ละ99บาท พื้นแข็ง ไม่มีดอกยางของเค้า ไซส์รองเท้าของพ่อเรา เราต้องเดินลงน้ำหนักเต็มที่เนื่องจากแผ่นรองเท้าด้านล่างลื่น ไม่มีดอกยาง และรองเท้ากว้างและใหญ่กว่าเท้าเรามาก
เราใส่รองเท้าพ่อทำงานที่บ้านประมาณ2ปี ซึ่งมันเป็นปัญหากับเรามากค่ะ เราเจ็บฝ่าเท้า ปวด บวม แดง แสบร้อนฝ่าเท้าตลอดเวลา24ชม. หลายคืนนอนไม่ได้เลยค่ะ จนเริ่มขยับมาปวดหัวเข่า (เราเป็นคนผอมมากนะคะ) จนเราเริ่มเปลี่ยนวิธีเดินด้วยตัวเอง ร่างกายมันหาทางรอดของมันเอง เราเริ่มมารู้สึกว่าลักษณะการเดินของเราแปลกไปก็ตอนที่เราเริ่มเจ็บส้นเท้าค่ะ ดูเหมือนว่าเราเดินโดยการทิ้งน้ำหนักไปที่ส้นเท้าแทนฝ่าเท้า เจ็บฝ่าเท้าน้อยลง เจ็บส้นเท้าเหมือนรองช้ำอักเสบ และเริ่มปวดหัวเข่า ขึ้นมาถึงเอว
เราขายของในบ้านค่ะ (เพื่อนบ้านบอกว่าเราเดินเยอะมากเปรียบเทียมระยะทางสาย3-บางแค) ขายของในบ้านทำไมเดินเยอะจัง
พ่อเราค่ะ พ่อเราเชื่อว่าการเดินคือการออกกำลังกาย การยกของหนักทำให้ร่างกายเเข็งแรง ข้าวของทุกอย่างในบ้าน ต้องเดินไปหยิบในระยะไกล ของหนักทุกชิ้นเก็บไว้ในสต๊อกและอนุญาติให้หยิบออกมาแค่นิดเดียว 2-3ชิ้น ห้ามเอาออกมาเยอะ ขายไม่พอก็เดินไปหยิบได้นี่
(เรา...ไม่อยากทำงานภายใต้ระบบนรกนี่...เราเจ็บมาก ร่างกายเราเริ่มประท้วง)
ล่าสุดพ่อเราไม่สบายเข้าโรงบาล เค้าเรียกพี่สาวเราไปคุย เค้าบอกว่าเค้าจะวางมือ จะให้พี่สาวเราบริหาร ซึ่งพี่สาวเราก็มาคุยกับเรา เพราะเราเป็นคนที่อยู่ขาย พี่สาวเราถามว่าต้องการปรับเปลี่ยนอะไรในบ้านไหม ซึ่งเราขอให้เค้าย้ายข้าวของสินค้าในร้าน ให้มีสต๊อกของหนักเยอะพอที่จะไม่ต้องเดินสัก3วัน พวกขวดน้ำอะไร ถ้าเป็นขวดเปล่าขอให้มีพื้นที่พอที่จะวางได้ ไม่ต้องยกเก็บเข้าไปข้างหลังบ้านวันละ2ครั้ง สต๊อกของหนักเรียงแยกหมวด ไม่วางซ้อนกันมั่ว แบบจะใช้ของข้างล่างต้องยกของข้างบนออก หยิบข้างล่างขึ้นมา ยกของข้างบนลงไปทับมัน
ซึ่งพี่สาวเราก็โอเคค่ะ มาช่วยจัดบ้าน พาแฟนพี่สาวมาช่วยจัดสินค้าในบ้าน ซึ่งมันดีมากค่ะ หลังจากย้ายสินค้า เข้าที่เข้าทาง เราแทบไม่ต้องเดินเลยค่ะ /ที่เดินหนักมีอย่างเดียวคือ พ่อเราย้ายเคาเตอร์เข้ามาด้านใน และลูกค้าไม่เข้ามาหาเรา ไม่หยิบสินค้าเอง ขับรถมาจอดหน้าบ้าน ตะโกนสั่ง ให้เรากยิบสินค้าให้ทีละอย่าง เดินวนไปมา 100บาท วนสัก10รอบ และกรณีที่ทำให้ต้องพูดกับลูกค้าเพราะเค้ายืนนอกบ้านเรา ห่างไปหลายเมตร เราเเค่นั่งหน้าบ้านและคุยกับป้าอยู่เราไม่รู้ว่าเค้าสั่งสินค้ากับเราค่ะ เราพูดกับลูกค้าปกติ ไม่ได้โมโห ไม่ได้ตำหนิ
(เราโดนพี่ชายด่าเรื่องที่เราบอกให้ลูกค้าเดินเข้ามาสั่งสินค้าด้านใน พี่ด่าเราหนักมาก พอเราสติแตกใส่ เค้าบอกว่าอยากจะตบหน้าเรา..ลูกค้ามาซื้อไม่ได้มาขอ สันดานเราต่ำ สบายจนเคยตัว...พี่เราไม่ได้อยู่บ้านช่วยเราขายของ)
แต่หลังจากพ่อเรากลับมา (พ่อเราขาติดเชื้อ ยังไม่หายเจ็บขานะคะ) เค้ายกของทุกอย่างเปลี่ยนกลับเข้าที่เดิมค่ะ เค้าไม่ยอมให้มีสต๊อกหน้าบ้าน (บ้านกว้างมาก สต๊อกก็อยู่ในบ้านนี่แหละ พื้นที่เหลือว่างๆ มีพอให้วางสต๊อกได้) แต่เค้าว่ามันเกะกะ (ตู้ชั้นว่างๆไม่วางของค่ะ ปล่อยทิ้งเป็นชั้นร้างๆ ตู้บางตู้พ่อไม่เคยเปิดฝาตู้เลย) เราเอาของเข้าไป พ่อย้ายออกมาเพราะบอกว่ามันเกะกะ(ของอยู่ในตู้ ปิดอย่างดี แต่เกะกะ....😠)
เมื่อพ่อกลับมา หมอย้ำนักหนาว่าอย่าเดินเยอะ ซึ่งพ่อฟังค่ะ ก็เดินไปเดินมา หมอไม่ให้นั่งห้อยขา พ่อก็ออกมาแย่งที่นั่งเรา มานั่งห้อยขาข้างนอก แล้วเราก็ต้องยืนค่ะ ยืนรอพ่อลุกออกไป (บ้านร้อนมาก เคาเตอร์จุดเดียวที่มีพัดลม พ่อมีห้องแอร์ค่ะ แต่เค้าบอกว่าอยู่ในห้องแล้วหงุดหงิด)
เราโมโหมากค่ะ เรากลับมาเจ็บเท้าอีก รอบนี้เจ็บแบบไม่อยากขยับตัว ไม่อยากยกของแล้ว เรายื่นคำขาดกับแม่ว่า ถ้าพ่อย้ายทุกอย่างเข้าระบบเดิม เราจะไม่เรียงของเมื่อของหมด เราจะบอกลูกค้าว่าหมด...จะไม่เดินเข้าไปหยิบสต๊อกข้างในแล้ว ซึ่งพ่อกับแม่ก็โอเคค่ะ (แม่เราเดินแทบไม่ได้แล้ว เป็นหนักกว่าเราเยอะ โรคหัวใจ เส้นเลือดหัวใจตีบ หัวใจโต รูมาตอยข้อมือข้อเท้า ข้อเท้าบวมหนักมาก ขยแขนแทบไม่ได้ แต่แม่ไม่กล้าขัดพ่อ แม่เลยต้องยกของมาแช่เอง เพราะเราไม่ทำ และพ่อเราเดินบ่อยไม่ได้เำราะเท้าเริ่มบวมอีก)
พ่อเราไปล้างแผลที่โรงบาล หมออยากจับพ่อแอดมิตเนื่องจากขาบวมมาก แต่พ่อขอไม่แอดมิต รับยากลับมาบ้าน พ่อเดินไม่ไหว แม่เกินไม่ได้ สุดท้ายเราก็ต้องเดิน คำขาดไม่มีผล
เมื่อวันที่2หมอแนะนำให้พ่อตัดรองเท้า ซึ่งพ่อมาบอกให้เราไปตัดรองเท้า แต่เราคิดว่าถ้าตัดคือมันต้องรอรองเท้ารึเปล่า เราเลยไปหาข้อมูลบางคนแนะนำให้ซื้อรองเท้าของdr.kongซึ่งเราก็ไปค่ะ วันที่ไปเราอยากจะเดินไปร้องไห้ไป เราเจ็บ เจ็บจนอยากจะบ้า
เมื่อไปซื้อรองเท้า พนง.เเจ้งว่า นิ้วเท้าเราเอียงมาก เท้าเราเเบนมากกกก ไม่มีส่วนเว้าโค้งเลย และเราไม่มีอุ้งเท้าเลย โชคดีที่ผอม(เครียดจนกินไม่ลง) กระดูกข้อเท้าเราไม่บิด
เราซื้อรองเท้าและใส่เดิน ไม่เจ็บเลยค่ะ เดินมากเจ็บน้อย หัวเข่าปวดน้อยลง (เราไปธุระเดินหนักมาก)
กลับมาบ้านก็ปวดเมื่อยตัวค่ะ แต่ไม่ค่อยปวดเท้า ไม่เจ็บ ไม่ร้อน
แต่!! พอถึงเวลาทำงานในบ้าน ใส่ผ้าใบคู่ที่ซื้อมา กลับพอว่าการยืนทิ้งน้ำหนักตัว นานๆ ทำให้เจ็บเท้าค่ะ เจ็บเหมือนเดิมเลย ปวดหัวเข่า แสบร้อนเท้า
เราไม่รู้ว่าถ้าเราตัดรองเท้าจากโรงบาล คือให้หมอตรวจจริงจัง การเดินขายของแบบก้าวสั้นๆ หยุดยืนนานๆ ที่นั่งเคาเตอร์ไม่บาลานกับสรีระขาเรา มันจะทำให้หายเจ็บได้ไหมคะ
เท้าแบน กระดูกนิ้วเท้าเอียง ไม่มีอุ้งเท้า แก้ปัญหาอย่างไรดี (พ่อรังแกฉัน)
ช่วงอายุ31 พ่อบังคับให้ลาออกจากงานมาทำงานที่บ้าน และห้ามใส่รองเท้าผ้าใบเด็ดขาด ห้ามใส่รองเท้าเดินในบ้าน (บ้านกว้างมากค่ะ พื้นหินอ่อน) เราเคยคุยกับเค้าแล้วว่า เรามีปัญหาเท้าแบน เราไม่สามรถเดินเท้าเปล่า หรือใส่แตะได้นานๆ เนื่องจากเราเจ็บฝ่าเท้ามาก ยังไม่เคยเจ็บส้นเท้าหรืออะไร
พ่อไม่ให้ใส่รองเท้าแตะที่เป็นรองเท้าเราเองด้วยซ้ำค่ะ เค้าให้เราใส่รองเท้าคู่ละ99บาท พื้นแข็ง ไม่มีดอกยางของเค้า ไซส์รองเท้าของพ่อเรา เราต้องเดินลงน้ำหนักเต็มที่เนื่องจากแผ่นรองเท้าด้านล่างลื่น ไม่มีดอกยาง และรองเท้ากว้างและใหญ่กว่าเท้าเรามาก
เราใส่รองเท้าพ่อทำงานที่บ้านประมาณ2ปี ซึ่งมันเป็นปัญหากับเรามากค่ะ เราเจ็บฝ่าเท้า ปวด บวม แดง แสบร้อนฝ่าเท้าตลอดเวลา24ชม. หลายคืนนอนไม่ได้เลยค่ะ จนเริ่มขยับมาปวดหัวเข่า (เราเป็นคนผอมมากนะคะ) จนเราเริ่มเปลี่ยนวิธีเดินด้วยตัวเอง ร่างกายมันหาทางรอดของมันเอง เราเริ่มมารู้สึกว่าลักษณะการเดินของเราแปลกไปก็ตอนที่เราเริ่มเจ็บส้นเท้าค่ะ ดูเหมือนว่าเราเดินโดยการทิ้งน้ำหนักไปที่ส้นเท้าแทนฝ่าเท้า เจ็บฝ่าเท้าน้อยลง เจ็บส้นเท้าเหมือนรองช้ำอักเสบ และเริ่มปวดหัวเข่า ขึ้นมาถึงเอว
เราขายของในบ้านค่ะ (เพื่อนบ้านบอกว่าเราเดินเยอะมากเปรียบเทียมระยะทางสาย3-บางแค) ขายของในบ้านทำไมเดินเยอะจัง
พ่อเราค่ะ พ่อเราเชื่อว่าการเดินคือการออกกำลังกาย การยกของหนักทำให้ร่างกายเเข็งแรง ข้าวของทุกอย่างในบ้าน ต้องเดินไปหยิบในระยะไกล ของหนักทุกชิ้นเก็บไว้ในสต๊อกและอนุญาติให้หยิบออกมาแค่นิดเดียว 2-3ชิ้น ห้ามเอาออกมาเยอะ ขายไม่พอก็เดินไปหยิบได้นี่
(เรา...ไม่อยากทำงานภายใต้ระบบนรกนี่...เราเจ็บมาก ร่างกายเราเริ่มประท้วง)
ล่าสุดพ่อเราไม่สบายเข้าโรงบาล เค้าเรียกพี่สาวเราไปคุย เค้าบอกว่าเค้าจะวางมือ จะให้พี่สาวเราบริหาร ซึ่งพี่สาวเราก็มาคุยกับเรา เพราะเราเป็นคนที่อยู่ขาย พี่สาวเราถามว่าต้องการปรับเปลี่ยนอะไรในบ้านไหม ซึ่งเราขอให้เค้าย้ายข้าวของสินค้าในร้าน ให้มีสต๊อกของหนักเยอะพอที่จะไม่ต้องเดินสัก3วัน พวกขวดน้ำอะไร ถ้าเป็นขวดเปล่าขอให้มีพื้นที่พอที่จะวางได้ ไม่ต้องยกเก็บเข้าไปข้างหลังบ้านวันละ2ครั้ง สต๊อกของหนักเรียงแยกหมวด ไม่วางซ้อนกันมั่ว แบบจะใช้ของข้างล่างต้องยกของข้างบนออก หยิบข้างล่างขึ้นมา ยกของข้างบนลงไปทับมัน
ซึ่งพี่สาวเราก็โอเคค่ะ มาช่วยจัดบ้าน พาแฟนพี่สาวมาช่วยจัดสินค้าในบ้าน ซึ่งมันดีมากค่ะ หลังจากย้ายสินค้า เข้าที่เข้าทาง เราแทบไม่ต้องเดินเลยค่ะ /ที่เดินหนักมีอย่างเดียวคือ พ่อเราย้ายเคาเตอร์เข้ามาด้านใน และลูกค้าไม่เข้ามาหาเรา ไม่หยิบสินค้าเอง ขับรถมาจอดหน้าบ้าน ตะโกนสั่ง ให้เรากยิบสินค้าให้ทีละอย่าง เดินวนไปมา 100บาท วนสัก10รอบ และกรณีที่ทำให้ต้องพูดกับลูกค้าเพราะเค้ายืนนอกบ้านเรา ห่างไปหลายเมตร เราเเค่นั่งหน้าบ้านและคุยกับป้าอยู่เราไม่รู้ว่าเค้าสั่งสินค้ากับเราค่ะ เราพูดกับลูกค้าปกติ ไม่ได้โมโห ไม่ได้ตำหนิ
(เราโดนพี่ชายด่าเรื่องที่เราบอกให้ลูกค้าเดินเข้ามาสั่งสินค้าด้านใน พี่ด่าเราหนักมาก พอเราสติแตกใส่ เค้าบอกว่าอยากจะตบหน้าเรา..ลูกค้ามาซื้อไม่ได้มาขอ สันดานเราต่ำ สบายจนเคยตัว...พี่เราไม่ได้อยู่บ้านช่วยเราขายของ)
แต่หลังจากพ่อเรากลับมา (พ่อเราขาติดเชื้อ ยังไม่หายเจ็บขานะคะ) เค้ายกของทุกอย่างเปลี่ยนกลับเข้าที่เดิมค่ะ เค้าไม่ยอมให้มีสต๊อกหน้าบ้าน (บ้านกว้างมาก สต๊อกก็อยู่ในบ้านนี่แหละ พื้นที่เหลือว่างๆ มีพอให้วางสต๊อกได้) แต่เค้าว่ามันเกะกะ (ตู้ชั้นว่างๆไม่วางของค่ะ ปล่อยทิ้งเป็นชั้นร้างๆ ตู้บางตู้พ่อไม่เคยเปิดฝาตู้เลย) เราเอาของเข้าไป พ่อย้ายออกมาเพราะบอกว่ามันเกะกะ(ของอยู่ในตู้ ปิดอย่างดี แต่เกะกะ....😠)
เมื่อพ่อกลับมา หมอย้ำนักหนาว่าอย่าเดินเยอะ ซึ่งพ่อฟังค่ะ ก็เดินไปเดินมา หมอไม่ให้นั่งห้อยขา พ่อก็ออกมาแย่งที่นั่งเรา มานั่งห้อยขาข้างนอก แล้วเราก็ต้องยืนค่ะ ยืนรอพ่อลุกออกไป (บ้านร้อนมาก เคาเตอร์จุดเดียวที่มีพัดลม พ่อมีห้องแอร์ค่ะ แต่เค้าบอกว่าอยู่ในห้องแล้วหงุดหงิด)
เราโมโหมากค่ะ เรากลับมาเจ็บเท้าอีก รอบนี้เจ็บแบบไม่อยากขยับตัว ไม่อยากยกของแล้ว เรายื่นคำขาดกับแม่ว่า ถ้าพ่อย้ายทุกอย่างเข้าระบบเดิม เราจะไม่เรียงของเมื่อของหมด เราจะบอกลูกค้าว่าหมด...จะไม่เดินเข้าไปหยิบสต๊อกข้างในแล้ว ซึ่งพ่อกับแม่ก็โอเคค่ะ (แม่เราเดินแทบไม่ได้แล้ว เป็นหนักกว่าเราเยอะ โรคหัวใจ เส้นเลือดหัวใจตีบ หัวใจโต รูมาตอยข้อมือข้อเท้า ข้อเท้าบวมหนักมาก ขยแขนแทบไม่ได้ แต่แม่ไม่กล้าขัดพ่อ แม่เลยต้องยกของมาแช่เอง เพราะเราไม่ทำ และพ่อเราเดินบ่อยไม่ได้เำราะเท้าเริ่มบวมอีก)
พ่อเราไปล้างแผลที่โรงบาล หมออยากจับพ่อแอดมิตเนื่องจากขาบวมมาก แต่พ่อขอไม่แอดมิต รับยากลับมาบ้าน พ่อเดินไม่ไหว แม่เกินไม่ได้ สุดท้ายเราก็ต้องเดิน คำขาดไม่มีผล
เมื่อวันที่2หมอแนะนำให้พ่อตัดรองเท้า ซึ่งพ่อมาบอกให้เราไปตัดรองเท้า แต่เราคิดว่าถ้าตัดคือมันต้องรอรองเท้ารึเปล่า เราเลยไปหาข้อมูลบางคนแนะนำให้ซื้อรองเท้าของdr.kongซึ่งเราก็ไปค่ะ วันที่ไปเราอยากจะเดินไปร้องไห้ไป เราเจ็บ เจ็บจนอยากจะบ้า
เมื่อไปซื้อรองเท้า พนง.เเจ้งว่า นิ้วเท้าเราเอียงมาก เท้าเราเเบนมากกกก ไม่มีส่วนเว้าโค้งเลย และเราไม่มีอุ้งเท้าเลย โชคดีที่ผอม(เครียดจนกินไม่ลง) กระดูกข้อเท้าเราไม่บิด
เราซื้อรองเท้าและใส่เดิน ไม่เจ็บเลยค่ะ เดินมากเจ็บน้อย หัวเข่าปวดน้อยลง (เราไปธุระเดินหนักมาก)
กลับมาบ้านก็ปวดเมื่อยตัวค่ะ แต่ไม่ค่อยปวดเท้า ไม่เจ็บ ไม่ร้อน
แต่!! พอถึงเวลาทำงานในบ้าน ใส่ผ้าใบคู่ที่ซื้อมา กลับพอว่าการยืนทิ้งน้ำหนักตัว นานๆ ทำให้เจ็บเท้าค่ะ เจ็บเหมือนเดิมเลย ปวดหัวเข่า แสบร้อนเท้า
เราไม่รู้ว่าถ้าเราตัดรองเท้าจากโรงบาล คือให้หมอตรวจจริงจัง การเดินขายของแบบก้าวสั้นๆ หยุดยืนนานๆ ที่นั่งเคาเตอร์ไม่บาลานกับสรีระขาเรา มันจะทำให้หายเจ็บได้ไหมคะ