พระพุทธเจ้าของเราสอนความเชื่อเหมือนกัน แต่พระองค์บอกว่า ต้องเชื่อด้วยปัญญา ไม่ได้เชื่อด้วยความงมงาย ไม่ได้เชื่อง่าย เชื่อดาย ตามที่เขาแสดง เขาทำให้เราดู แต่เราจะต้องเอาไปคิดไตร่ตรองอย่างรอบคอบ ว่าสิ่งนั้นมันจะเกิดขึ้นมาได้อย่างไร แล้วจึงจะปลงใจเชื่อลงไป
แต่ว่าในเบื้องต้นนั้น เราควรจะมีความเชื่อเป็นหลักประจำจิตใจว่า สิ่งใดที่ไม่มีอยู่ในคำสอนของพระพุทธเจ้า สิ่งนั้นไม่ใช่พระพุทธศาสนา ให้ถือหลักอันนี้ไว้ก่อน ว่าสิ่งใดที่ไม่มีอยู่ในคำสอนของพระพุทธเจ้า สิ่งนั้นไม่ใช่พุทธศาสนา สิ่งใดที่ไม่ใช่พุทธศาสนา เราผู้เป็นพุทธบริษัท จะไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง จะไม่เข้าไปยุ่ง จะไม่ไปสนใจ ไม่ไปหา ไม่ไปทำอะไรกับคนเหล่านั้น เราไม่ยอมไป เราไม่ยอมโง่กับคนพวกนั้น
อันนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้เรา ตกเป็นเหยื่อของนักต้มมนุษย์ทั้งหลาย ที่อาศัยผี อาศัยเจ้า หรืออาศัยวิญญาณของใครๆ มาทรง แล้วก็ว่ากันไปตามเรื่องตามราว เราจะไม่ตกเป็นเหยื่อของคนเหล่านั้น เพราะเราไม่ยอมหลับหูหลับตาเชื่อ เราเชื่อมัน ในพระพุทธเจ้า เชื่อมั่นในหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ใครเขาทำอะไรกันที่ไหน เราไม่ไป เพราะไปมันไม่ได้อะไร ไม่ใช่ทางพ้นทุกข์ ไม่ใช่ทางจะดับกิเลส ไม่ใช่ทางที่จะให้ถึงจุดหมายปลายทาง คือนิพพาน เราก็ไม่ไป ไม่ต้องเสียเวลา ไม่ต้องเสียเงินทอง ในการที่จะไปเอาสิ่งเหล่านั้น ไปหาสิ่งเหล่านั้น ไปถึงพวกนั้นก็ว่า คนโง่มาอีกหมู่หนึ่งแล้ว เขาก็ยิ้มเยาะ ยิ้มเยาะเราที่ไปหา มาให้กูต้มอีกแล้ว แล้วมันก็ต้มตามชอบใจ ขูดตามชอบใจ มันเสียศักดิ์ศรีของความเป็นพุทธบริษัท เสียศักดิ์ศรีของปัญญาชน ที่ไปให้พวกทรงเจ้าเข้าผีต้มยำได้ตามชอบใจ เป็นเรื่องที่ไม่สมควร
ยิ่งเป็นพระสงฆ์องค์เจ้าแล้วละก็ ยิ่งไม่สมควรเป็่นการใหญ่ เขาจะนิมนต์ไปทำพิธีอะไรที่มันไม่ใช่เรื่องของพระพุทธศาสนา เราก็ไม่ควรกระทำ ไม่ควรไปร่วมมือกระทำกับคนเหล่านั้น เราควรกล้าที่จะพูดกับใครๆ เสียบ้างว่า สิ่งนั้นมันไม่ใช่เรื่องพระพุทธศาสนา ไม่ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้า ฉันเป็นลูกศิษย์ของพระพุทธเจ้า จะให้ไปทำอะไรที่ไม่ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้า ฉันกระดาก ฉันอายในความเป็นพุทธบริษัทของฉัน เราก็ไม่ต้องไป แม้จะได้ลาภสักการะ ได้จากการ ไปทำพิธีอย่างนั้น มันไม่พอกินอะไร เราไม่ทำก็ยังไม่ตาย เรายังมีข้าวฉัน มีกุฏิอยู่ มียาแก้โรค มีปัจจัยสี่ใช้ ทำไมจะต้องไปนั่งรับจ้างทำสิ่งโง่ๆ กับคนโง่ๆ ทั้งหลายเหล่านั้น
ปัญญานันทภิกขุ
อย่าเชื่องมงาย ถ้าเป็นสาวกพระพุทธเจ้า
แต่ว่าในเบื้องต้นนั้น เราควรจะมีความเชื่อเป็นหลักประจำจิตใจว่า สิ่งใดที่ไม่มีอยู่ในคำสอนของพระพุทธเจ้า สิ่งนั้นไม่ใช่พระพุทธศาสนา ให้ถือหลักอันนี้ไว้ก่อน ว่าสิ่งใดที่ไม่มีอยู่ในคำสอนของพระพุทธเจ้า สิ่งนั้นไม่ใช่พุทธศาสนา สิ่งใดที่ไม่ใช่พุทธศาสนา เราผู้เป็นพุทธบริษัท จะไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง จะไม่เข้าไปยุ่ง จะไม่ไปสนใจ ไม่ไปหา ไม่ไปทำอะไรกับคนเหล่านั้น เราไม่ยอมไป เราไม่ยอมโง่กับคนพวกนั้น
อันนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้เรา ตกเป็นเหยื่อของนักต้มมนุษย์ทั้งหลาย ที่อาศัยผี อาศัยเจ้า หรืออาศัยวิญญาณของใครๆ มาทรง แล้วก็ว่ากันไปตามเรื่องตามราว เราจะไม่ตกเป็นเหยื่อของคนเหล่านั้น เพราะเราไม่ยอมหลับหูหลับตาเชื่อ เราเชื่อมัน ในพระพุทธเจ้า เชื่อมั่นในหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ใครเขาทำอะไรกันที่ไหน เราไม่ไป เพราะไปมันไม่ได้อะไร ไม่ใช่ทางพ้นทุกข์ ไม่ใช่ทางจะดับกิเลส ไม่ใช่ทางที่จะให้ถึงจุดหมายปลายทาง คือนิพพาน เราก็ไม่ไป ไม่ต้องเสียเวลา ไม่ต้องเสียเงินทอง ในการที่จะไปเอาสิ่งเหล่านั้น ไปหาสิ่งเหล่านั้น ไปถึงพวกนั้นก็ว่า คนโง่มาอีกหมู่หนึ่งแล้ว เขาก็ยิ้มเยาะ ยิ้มเยาะเราที่ไปหา มาให้กูต้มอีกแล้ว แล้วมันก็ต้มตามชอบใจ ขูดตามชอบใจ มันเสียศักดิ์ศรีของความเป็นพุทธบริษัท เสียศักดิ์ศรีของปัญญาชน ที่ไปให้พวกทรงเจ้าเข้าผีต้มยำได้ตามชอบใจ เป็นเรื่องที่ไม่สมควร
ยิ่งเป็นพระสงฆ์องค์เจ้าแล้วละก็ ยิ่งไม่สมควรเป็่นการใหญ่ เขาจะนิมนต์ไปทำพิธีอะไรที่มันไม่ใช่เรื่องของพระพุทธศาสนา เราก็ไม่ควรกระทำ ไม่ควรไปร่วมมือกระทำกับคนเหล่านั้น เราควรกล้าที่จะพูดกับใครๆ เสียบ้างว่า สิ่งนั้นมันไม่ใช่เรื่องพระพุทธศาสนา ไม่ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้า ฉันเป็นลูกศิษย์ของพระพุทธเจ้า จะให้ไปทำอะไรที่ไม่ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้า ฉันกระดาก ฉันอายในความเป็นพุทธบริษัทของฉัน เราก็ไม่ต้องไป แม้จะได้ลาภสักการะ ได้จากการ ไปทำพิธีอย่างนั้น มันไม่พอกินอะไร เราไม่ทำก็ยังไม่ตาย เรายังมีข้าวฉัน มีกุฏิอยู่ มียาแก้โรค มีปัจจัยสี่ใช้ ทำไมจะต้องไปนั่งรับจ้างทำสิ่งโง่ๆ กับคนโง่ๆ ทั้งหลายเหล่านั้น
ปัญญานันทภิกขุ