สำหรับคนไทยหลายคนที่กินไก่เป็นประจำ อาจจะต้องเคยได้ยินประโยคยอดฮิต
"กินไก่แล้วโตเร็วบ้าง เด็กผู้หญิงมีประจำเดือนเร็วบ้าง เด็กผู้ชายเบี่ยงเบนทางเพศบ้าง"
แท้จริงแล้วเกิดจากอะไรกันแน่ ทำไมอุตสาหกรรมไก่ของไทยถึงถูกปรักปรำจากข้อมูลเท็จในอดีต ข้อมูลที่ไม่มีแหล่งอ้างอิงทางวิชาการมายืนยัน แล้วทำไมคนไทยส่วนมากจึงยังเชื่อข้อมูลเหล่านี้อยู่
อุตสาหกรรมการเลี้ยงไก่เนื้อของไทย แทบจะไม่มีความจำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะในวัตถุประสงค์เพื่อเร่งการเติบโต เพราะไก่ในปัจจุบันสามารถที่จะเติบโตตามธรรมชาติได้อย่างรวดเร็วกว่าในอดีต เนื่องมาจาก 5 ปัจจัย คือ
• การมีสายพันธุ์ที่ดี (Genetic)
• อาหารคุณภาพดี (Nutrition)
• การเลี้ยงในโรงเรือนที่ได้มาตรฐาน (Farm)
• มีระบบการจัดการฟาร์มและสวัสดิภาพสัตว์ที่ดี (Management)
• มีการป้องกันโรคที่เข้มงวด (Bio-security)
เรื่องของสายพันธุ์ไก่ในปัจจุบันนั้นนับเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ซึ่งในโลกนี้มีบริษัทผู้ผลิตสายพันธุ์ไก่ที่ได้รับการยอมรับในต่างประเทศอยู่ 3 แห่ง โดยผู้ผลิตสายพันธุ์ไก่จะใช้
หลักการพื้นฐานวิชาพันธุศาสตร์ของเมนเดลเพื่อคัดเลือกพันธุกรรมตามธรรมชาติ โดยปรับปรุงพันธุ์ตั้งแต่ระดับปู่ย่าพันธุ์ ภายใต้การใช้วิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ของมนุษย์เข้ามาช่วยดำเนินการ เช่น การวัดคลื่นหัวใจ การวัดความดันเลือด และวัดความจุปอด เพื่อคัดสายพันธุ์ที่เติบโตได้เร็ว คล้ายๆ กับคนเราคัดเลือกนักกีฬาทีมชาติ เช่น ต้องมีปอดใหญ่ มีกล้ามเนื้อหน้าอกมาก ปกติแล้วในจำนวน 100 ตัว จะสามารถคัดมาใช้ได้ราว 5 ตัวเท่านั้น โดยทุกบริษัทในประเทศไทยที่ทำธุรกิจไก่ ซึ่งมีจำนวนราว 20-30 บริษัท ล้วนต้องนำเข้าสายพันธุ์จากบริษัทผู้ผลิตสายพันธุ์ไก่จากต่างประเทศทั้งสิ้น
สายพันธุ์ที่ดีจะเป็นปัจจัยแรกที่จะช่วยให้ไก่เจริญเติบโตได้ดีโดยไม่ต้องใช้ยาปฏิชีวนะ หรือยาฮอร์โมนช่วยเร่งการเจริญเติบโตแต่อย่างใด
นอกจากนี้ กระบวนการเลี้ยงไก่จะมุ่งเน้นการป้องกันโรคมากกว่าการปล่อยให้ไก่เสี่ยงต่อการเป็นโรคแล้วค่อยมารักษา ทำให้สามารถลดหรือหยุดการใช้ยาปฏิชีวนะในไก่ไปได้ และยังมีมาตรการสร้างสุขภาพไก่ขั้นพื้นฐาน โดยเมื่อไก่อายุ 1 วัน จะมีการพ่นวัคซีนป้องกันโรคนิวคาสเซิลและโรคหลอดลมอักเสบซึ่งเป็นปัญหาสุขภาพทั่วไปของไก่ทั่วโลก คล้ายๆ กับการที่เด็กทารกต้องฉีดวัคซีนป้องกันโปลิโอหรือหัด เช่นเดียวกันด้วย
การเลี้ยงภายในโรงเรือนระบบปิด จะช่วยป้องกันสัตว์พาหะและลดความเสี่ยงจากการปนเปื้อนของเชี้อต่างๆ ได้ โดยเฉพาะในฟาร์มที่ทำเป็นอุตสาหกรรมจะมีระบบป้องกันโรค (Bio-security) ที่เข้มงวด พาหนะและบุคลากรที่จะเข้า-ออกจะต้องผ่านการฆ่าเชื้อทั้งก่อนเข้าบริเวณฟาร์มและก่อนเข้าโรงเรือน
เรื่องของอาหารสำหรับไก่ เมื่อสายพันธุ์ได้รับการพัฒนามาเป็นอย่างดีแล้ว ก็จำเป็นที่จะต้องได้อาหารที่เหมาะสมกับสายพันธุ์นั้นๆ เพื่อการเติบโตอย่างเต็มที่ตามศักยภาพของสายพันธุ์ ในปัจจุบันอาหารสัตว์จะมีคุณค่าทางโภชนาการตรงตามสัตว์แต่ละชนิดในแต่ละช่วงอายุเพื่อให้สัตว์สามารถเจริญเติบโจได้ดี ในขณะที่ในอดีต หรือการเลี้ยงตามบ้านยังคงให้อาหารตามธรรมชาติที่ไม่ได้ช่วยส่งเสริมให้สัตว์เจริญเติบโตได้อย่างเต็มที่เท่าที่ควร ทำให้เพิ่มระยะเวลาในการเลี้ยง ได้เนื้อไม่ตรงต่อความต้องการ
ทั้งฟาร์มของบริษัทที่ทำเป็นอุตสาหกรรม หรือฟาร์มของเกษตรกร ทุกโรงเรือนจะต้องมีสัตวแพทย์ตรวจสุขภาพไก่และลงนามอนุมัติก่อนว่าปลอดภัย ปราศจากเชื้อก่อโรค เช่น ไข้หวัดนกและสารตกค้างที่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค โดยจะตรวจระหว่างการเลี้ยงและก่อนจับ 2-3 วัน รวมทั้งต้องมีเจ้าหน้าที่สวัสดิภาพสัตว์ (Poultry Welfare Officer : PWO) คอยดูแลไก่ว่ามีความเป็นอยู่ที่สุขสบาย และการเคลื่อนย้ายสัตว์เพื่อเข้าโรงชำแหละ ทางเจ้าของฟาร์มก็จะต้องขอใบอนุญาตขนย้ายสัตว์จากปศุสัตว์จังหวัดก่อน
ทำให้ผู้บริโภคคนไทย และทั่วโลกมั่นใจได้ว่าเนื้อไก่ไทยไม่มียาปฏิชีวนะตกค้าง เพราะไม่มีการใช้มาตลอดกระบวนการผลิต ดังนั้น ข้อมูลที่กล่าวหาอุตสาหกรรมไก่เนื้อแบบผิดๆ จึงไม่ควรได้รับการเผยแพร่หรือส่งต่อ เนื่องจากอาจกระทบถึงเกษตรกรคนเลี้ยงไก่ ไปจนถึงคนส่งออกไก่ ตลอดจนซัพพลายเชน นำไปสู่การสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจชาติได้
ที่มา :
สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.)
จากใจเพื่อนเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่เนื้อรายหนึ่ง ที่เริ่มจะน้อยใจกับกระแสสังคม
สำหรับผมก็พอจะเข้าใจเพื่อนคนนี้นะ เพราะว่าพืชผัก ผลไม้เองก็ถูก NGO ไทยโจมตีอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสารเคมีก็ดี เมล็ดพันธุ์ GMO ก็ดี จนทำให้คนไทยที่เสพสื่อเพียงไม่กี่สื่อก็เริ่มปักใจเชื่อไปแล้วว่าเป็นความจริง ในขณะที่หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องก็พูดแต่ในวงแคบๆ แคบซะจนประชาชนคนไทยทั่วไปในเมืองไม่เคยรับรู้ข้อมูลความจริงด้วยเลย
รบกวนช่วยกันเผยแพร่ความจริงนี้ให้กับเพื่อนๆ ครอบครัว และคนรู้จักให้เข้าใจความจริงนี้กันเยอะๆ ด้วยนะครับ เพราะเกษตรกรไทยหลายราย แค่ทำมาหากินไปวันๆ ก็ยังลำบากแล้ว แต่กลับโดนข่าวลบที่ไม่มีมูลความจริงออกมาโจมตี จนทำให้หลายคนกลัวที่จะกินพืช ผัก ผลไม้ไทย แต่กลับยินดีที่จะจ่ายเงินเพื่อซื้อสินค้าราคาแพงจากต่างประเทศได้
ถึงเวลาแล้วหรือยังที่คนไทยควรจะหันกลับมาบริโภคสินค้าไทยกันเยอะๆ เพื่อให้เกษตรกรแบบพวกผมได้สามารถลืมตาอ้าปากได้จริงๆ สักที
กรุงเทพธุรกิจ :
เลี้ยงไก่ไม่จำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะ
คมชัดลึก :
เลี้ยงไก่ไม่ใช้ยาปฏิชีวนะ
สยามรัฐ :
หายสงสัย...ไก่เนื้อไทยไม่มีฮอร์โมนเร่งโต..เลิกลือกินไก่แล้วอึ๋ม
ไทยรัฐ :
ยัน ไก่ไทย ไร้ฮอร์โมนเร่งโต ทำเด็กเป็นหนุ่มสาวเร็ว
CP E-News :
“พันธุกรรม-เทคโนโลยี” เหตุไก่เนื้อโตเร็วได้...ไม่ง้อฮอร์โมน
เลิกปรักปรำเกษตรกร และไก่ไทยสักที
แท้จริงแล้วเกิดจากอะไรกันแน่ ทำไมอุตสาหกรรมไก่ของไทยถึงถูกปรักปรำจากข้อมูลเท็จในอดีต ข้อมูลที่ไม่มีแหล่งอ้างอิงทางวิชาการมายืนยัน แล้วทำไมคนไทยส่วนมากจึงยังเชื่อข้อมูลเหล่านี้อยู่
อุตสาหกรรมการเลี้ยงไก่เนื้อของไทย แทบจะไม่มีความจำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะในวัตถุประสงค์เพื่อเร่งการเติบโต เพราะไก่ในปัจจุบันสามารถที่จะเติบโตตามธรรมชาติได้อย่างรวดเร็วกว่าในอดีต เนื่องมาจาก 5 ปัจจัย คือ
• การมีสายพันธุ์ที่ดี (Genetic)
• อาหารคุณภาพดี (Nutrition)
• การเลี้ยงในโรงเรือนที่ได้มาตรฐาน (Farm)
• มีระบบการจัดการฟาร์มและสวัสดิภาพสัตว์ที่ดี (Management)
• มีการป้องกันโรคที่เข้มงวด (Bio-security)
เรื่องของสายพันธุ์ไก่ในปัจจุบันนั้นนับเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ซึ่งในโลกนี้มีบริษัทผู้ผลิตสายพันธุ์ไก่ที่ได้รับการยอมรับในต่างประเทศอยู่ 3 แห่ง โดยผู้ผลิตสายพันธุ์ไก่จะใช้หลักการพื้นฐานวิชาพันธุศาสตร์ของเมนเดลเพื่อคัดเลือกพันธุกรรมตามธรรมชาติ โดยปรับปรุงพันธุ์ตั้งแต่ระดับปู่ย่าพันธุ์ ภายใต้การใช้วิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ของมนุษย์เข้ามาช่วยดำเนินการ เช่น การวัดคลื่นหัวใจ การวัดความดันเลือด และวัดความจุปอด เพื่อคัดสายพันธุ์ที่เติบโตได้เร็ว คล้ายๆ กับคนเราคัดเลือกนักกีฬาทีมชาติ เช่น ต้องมีปอดใหญ่ มีกล้ามเนื้อหน้าอกมาก ปกติแล้วในจำนวน 100 ตัว จะสามารถคัดมาใช้ได้ราว 5 ตัวเท่านั้น โดยทุกบริษัทในประเทศไทยที่ทำธุรกิจไก่ ซึ่งมีจำนวนราว 20-30 บริษัท ล้วนต้องนำเข้าสายพันธุ์จากบริษัทผู้ผลิตสายพันธุ์ไก่จากต่างประเทศทั้งสิ้น
สายพันธุ์ที่ดีจะเป็นปัจจัยแรกที่จะช่วยให้ไก่เจริญเติบโตได้ดีโดยไม่ต้องใช้ยาปฏิชีวนะ หรือยาฮอร์โมนช่วยเร่งการเจริญเติบโตแต่อย่างใด
นอกจากนี้ กระบวนการเลี้ยงไก่จะมุ่งเน้นการป้องกันโรคมากกว่าการปล่อยให้ไก่เสี่ยงต่อการเป็นโรคแล้วค่อยมารักษา ทำให้สามารถลดหรือหยุดการใช้ยาปฏิชีวนะในไก่ไปได้ และยังมีมาตรการสร้างสุขภาพไก่ขั้นพื้นฐาน โดยเมื่อไก่อายุ 1 วัน จะมีการพ่นวัคซีนป้องกันโรคนิวคาสเซิลและโรคหลอดลมอักเสบซึ่งเป็นปัญหาสุขภาพทั่วไปของไก่ทั่วโลก คล้ายๆ กับการที่เด็กทารกต้องฉีดวัคซีนป้องกันโปลิโอหรือหัด เช่นเดียวกันด้วย
การเลี้ยงภายในโรงเรือนระบบปิด จะช่วยป้องกันสัตว์พาหะและลดความเสี่ยงจากการปนเปื้อนของเชี้อต่างๆ ได้ โดยเฉพาะในฟาร์มที่ทำเป็นอุตสาหกรรมจะมีระบบป้องกันโรค (Bio-security) ที่เข้มงวด พาหนะและบุคลากรที่จะเข้า-ออกจะต้องผ่านการฆ่าเชื้อทั้งก่อนเข้าบริเวณฟาร์มและก่อนเข้าโรงเรือน
เรื่องของอาหารสำหรับไก่ เมื่อสายพันธุ์ได้รับการพัฒนามาเป็นอย่างดีแล้ว ก็จำเป็นที่จะต้องได้อาหารที่เหมาะสมกับสายพันธุ์นั้นๆ เพื่อการเติบโตอย่างเต็มที่ตามศักยภาพของสายพันธุ์ ในปัจจุบันอาหารสัตว์จะมีคุณค่าทางโภชนาการตรงตามสัตว์แต่ละชนิดในแต่ละช่วงอายุเพื่อให้สัตว์สามารถเจริญเติบโจได้ดี ในขณะที่ในอดีต หรือการเลี้ยงตามบ้านยังคงให้อาหารตามธรรมชาติที่ไม่ได้ช่วยส่งเสริมให้สัตว์เจริญเติบโตได้อย่างเต็มที่เท่าที่ควร ทำให้เพิ่มระยะเวลาในการเลี้ยง ได้เนื้อไม่ตรงต่อความต้องการ
ทั้งฟาร์มของบริษัทที่ทำเป็นอุตสาหกรรม หรือฟาร์มของเกษตรกร ทุกโรงเรือนจะต้องมีสัตวแพทย์ตรวจสุขภาพไก่และลงนามอนุมัติก่อนว่าปลอดภัย ปราศจากเชื้อก่อโรค เช่น ไข้หวัดนกและสารตกค้างที่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค โดยจะตรวจระหว่างการเลี้ยงและก่อนจับ 2-3 วัน รวมทั้งต้องมีเจ้าหน้าที่สวัสดิภาพสัตว์ (Poultry Welfare Officer : PWO) คอยดูแลไก่ว่ามีความเป็นอยู่ที่สุขสบาย และการเคลื่อนย้ายสัตว์เพื่อเข้าโรงชำแหละ ทางเจ้าของฟาร์มก็จะต้องขอใบอนุญาตขนย้ายสัตว์จากปศุสัตว์จังหวัดก่อน
ทำให้ผู้บริโภคคนไทย และทั่วโลกมั่นใจได้ว่าเนื้อไก่ไทยไม่มียาปฏิชีวนะตกค้าง เพราะไม่มีการใช้มาตลอดกระบวนการผลิต ดังนั้น ข้อมูลที่กล่าวหาอุตสาหกรรมไก่เนื้อแบบผิดๆ จึงไม่ควรได้รับการเผยแพร่หรือส่งต่อ เนื่องจากอาจกระทบถึงเกษตรกรคนเลี้ยงไก่ ไปจนถึงคนส่งออกไก่ ตลอดจนซัพพลายเชน นำไปสู่การสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจชาติได้
ที่มา : สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.)
จากใจเพื่อนเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่เนื้อรายหนึ่ง ที่เริ่มจะน้อยใจกับกระแสสังคม
สำหรับผมก็พอจะเข้าใจเพื่อนคนนี้นะ เพราะว่าพืชผัก ผลไม้เองก็ถูก NGO ไทยโจมตีอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสารเคมีก็ดี เมล็ดพันธุ์ GMO ก็ดี จนทำให้คนไทยที่เสพสื่อเพียงไม่กี่สื่อก็เริ่มปักใจเชื่อไปแล้วว่าเป็นความจริง ในขณะที่หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องก็พูดแต่ในวงแคบๆ แคบซะจนประชาชนคนไทยทั่วไปในเมืองไม่เคยรับรู้ข้อมูลความจริงด้วยเลย
รบกวนช่วยกันเผยแพร่ความจริงนี้ให้กับเพื่อนๆ ครอบครัว และคนรู้จักให้เข้าใจความจริงนี้กันเยอะๆ ด้วยนะครับ เพราะเกษตรกรไทยหลายราย แค่ทำมาหากินไปวันๆ ก็ยังลำบากแล้ว แต่กลับโดนข่าวลบที่ไม่มีมูลความจริงออกมาโจมตี จนทำให้หลายคนกลัวที่จะกินพืช ผัก ผลไม้ไทย แต่กลับยินดีที่จะจ่ายเงินเพื่อซื้อสินค้าราคาแพงจากต่างประเทศได้
ถึงเวลาแล้วหรือยังที่คนไทยควรจะหันกลับมาบริโภคสินค้าไทยกันเยอะๆ เพื่อให้เกษตรกรแบบพวกผมได้สามารถลืมตาอ้าปากได้จริงๆ สักที
กรุงเทพธุรกิจ : เลี้ยงไก่ไม่จำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะ
คมชัดลึก : เลี้ยงไก่ไม่ใช้ยาปฏิชีวนะ
สยามรัฐ : หายสงสัย...ไก่เนื้อไทยไม่มีฮอร์โมนเร่งโต..เลิกลือกินไก่แล้วอึ๋ม
ไทยรัฐ : ยัน ไก่ไทย ไร้ฮอร์โมนเร่งโต ทำเด็กเป็นหนุ่มสาวเร็ว
CP E-News : “พันธุกรรม-เทคโนโลยี” เหตุไก่เนื้อโตเร็วได้...ไม่ง้อฮอร์โมน