สวัสดีค่ะ
อ่านหัวข้อกระทู้แล้วคงงงกันใช่มั้ยล่ะ ร้อนตับแตกขนาดนี้ หนาวตรงไหนเนี่ย 555
คือจริง ๆ แล้วเราไปเที่ยวมาตั้งแต่ช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งอากาศมันยังหนาวอยู่งัยคะ แบบกลางวันอุณหภูมิ 25 องศาที่เมืองกาญจน์ เหมาะแก่การท่องเที่ยวเป็นอย่างยิ่ง พอเที่ยวกลับมาก็ตั้งใจไว้ว่าอยากมาเขียนรีวิวในห้องบลูฯแห่งนี้ เผื่อจะได้แบ่งปันข้อมูลที่พอจะเป็นประโยชน์บ้าง(ถ้ามี 555) เนื่องจากเราก็มาหาข้อมูลการท่องเที่ยวในห้องนี้อยู่บ่อย ๆ ได้ประโยชน์จากกระทู้รีวิวมากมาย เข้ามาถามโน่นถามนี่ก็มีคนใจดีช่วยตอบช่วยแนะนำตลอด ได้แต่คิดว่าจะเขียน..จะเขียน..จะเขียน..จะ..จะ..จะ จน 1 เดือนผ่านไป...ดองรูปดองข้อมูลจนเค็มได้ที่ละ เอาล่ะ ลงมือได้แล้วเนาะ
กระทู้นี้เป็นกระทู้รีวิวการท่องเที่ยวกระทู้แรกของเรานะคะ ถ้ามีข้อผิดพลาดประการใดก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย หรือถ้ามีข้อแนะนำ ติชม ก็น้อมรับด้วยความยินดีคร่าาา แต่บอกไว้ก่อนว่าน้ำค่อนข้างเยอะ ไม่ใช่น้ำที่สังขละบุรีนะ หมายถึงน้ำในกระทู้เนี่ยค่ะ อยากได้เนื้อให้ดูรูปเอานะค๊า 555 มีสรุปค่าใช้จ่ายให้ตอนจบด้วยจ้า
ทริปนี้เราได้มีโอกาสไปเที่ยวที่สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี กับญาติ ๆ ที่บ้านซึ่งเป็นน้าชาย 2 คนกับน้าสะใภ้ 1 คน รวมเราด้วยเป็น 4 คน ซึ่งอายุรวมกัน....เกิน 200 นั่นจึงทำให้ทริปเราจำเป็นต้องเป็นทริปสบาย ๆ ไม่เหมาะกับสายโหด สายลุย แต่เหมาะกับการพาผู้สูงวัยไปเที่ยวชิลล์ ๆ
เส้นทางการเดินทาง
พวกเราเริ่มออกเดินทางจากกรุงเทพฯ วันเสาร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ เวลาประมาณ 7 โมงเช้า เดินทางโดยรถกะบะที่น้าชายเราขับเอง ใช้เส้นทางถนนบรมราชชนนี มุ่งหน้าเข้าสู่ถนนเพชรเกษมแถวนครชัยศรี วิ่งผ่านนครปฐม ราชบุรี ตัวเมืองกาญจนบุรี เข้าเขตอำเภอไทรโยค อำเภอทองผาภูมิ จนถึงอำเภอสังขละบุรี ใช้เวลาประมาณ เกือบ 7 ชั่วโมง รวมเวลาแวะปั๊ม แวะทานข้าวแล้ว เราถึงสังขละบุรีเกือบบ่าย 2 โมง
เนื่องจากเราไม่ได้ถ่ายรูปเส้นทางการเดินทางมาเลย ต้องขออภัยด้วยนะคะ แต่จะอธิบายเส้นทางการเดินทางแบบคร่าว ๆ ให้ เผื่อใครที่ยังไม่เคยไป ลองเปิด google map แล้วนึกภาพตาม ส่วนใครที่รู้จักทางอยู่แล้ว ข้าม part นี้ไปโลดเลยจ้าาาา เพราะมันยืดเยื้อ เสียเวลาอ่านมาก...แต่เราก็หวังว่ามันจะมีประโยชน์
ขอเริ่มต้นที่ถนนบรมราชชนนี จากจุดที่ถนนบรมราชชนนีมาเชื่อมต่อกับถนนเพชรเกษม วิ่งไปประมาณ 27 กม. ผ่านนครปฐม จะเจอสะพานทางแยกไป กาญจนบุรี เราต้องวิ่งชิดซ้ายเพื่อขึ้นสะพาน จะมีป้าย "กาญจนบุรี" ติดอยู่เลย ตรงนี้เราเคยหลง ขึ้นสะพานไม่ทันเพราะอยู่เลนขวา แล้วมัวแต่เม้าท์มอยกับเพื่อนเพลิน รู้สึกตัวอีกทีวิ่งเลยสะพานไปละจ้า ตรงไปจะเข้าไปบ้านโป่ง ราชบุรี ค่ะ ถ้าหลงเข้าไปไม่ต้องตกใจน๊าา ทำใจดี ๆ ไว้ แค่ไปกลับรถออกมา แล้วเจอแยกให้เลี้ยวซ้ายก็จะไปเข้าเส้นทางที่ไปกาญจนบุรีแล้วค่ะ
จากจุดสะพานทางแยกไปกาญจนบุรี วิ่งไปอีกประมาณ 10 กม. จะเจอสี่แยกเขาช่องพราน ก่อนถึงสี่แยกนี้จะมีร้าน Cockpit อยู่ด้านซ้ายมือ ให้เลี้ยวขวาที่แยกนี้นะคะ ถ้าเลี้ยวไปแล้วเห็นบ้านหลังสีฟ้า เป็นร้านอาหารชื่อหนู แซ่ตัน อยู่ทางขวามือ...คุณมาถูกทางแล้วคร่าาา
วิ่งตรงไปเรื่อย ๆ ตรงอย่างเดียว ก็จะเข้าสู่ตัวเมืองกาญจนบุรี ผ่านสุสานทหารสัมพันธมิตรสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 วิ่งไปอีกหน่อยก็จะเจอสี่แยกแก่นเสี้ยน จากสี่แยกเขาช่องพราน จนถึงสี่แยกแก่นเสี้ยน ระยะทางประมาณ 54 กม. พอถึงสี่แยกแก่นเสี้ยนให้เลี้ยวซ้าย ไปทางอำเภอไทยโยคเลยค่ะ
เมื่อเลี้ยวซ้ายที่สี่แยกแก่นเสี้ยนมาแล้ว คราวนี้วิ่งตรงยาว ๆ เลย อีกประมาณ 135 กม. จะถึงทางสามแยกไปอำเภอทองผาภูมิกับอำเภอสังขละบุรี ระหว่างเส้นทางนี้สองข้างทางจะเป็นไร่เป็นสวนเป็นป่า บางจุดก็มีต้นไม้ใหญ่สองข้างทาง กิ่งก้านยื่นมาปกคลุมถนน สวยและสดชื่นมาก ๆ มีร้านอาหารเป็นระยะ ๆ สำหรับชาวทริปเรา แวะรับประทานอาหารเช้าที่ร้านครัวผักหวานบ้าน เดี๋ยวจะบอกพิกัดพร้อมรีวิวอีกทีน๊า หิวแล้วใช่มั้ยล่าาา เอาเส้นทางให้จบก่อน เดี๋ยวจะไปไม่ถึงสังขละบุรีกัน
พอถึงสามแยกไปอำเภอทองผาภูมิกับอำเภอสังขละบุรี ให้เลี้ยวขวาที่แยกนี้ (อ้อ ก่อนถึงแยกนี้จะมีปั๊ม ปตท. กับเชลล์ อยู่ ถ้าใครรู้สึกว่าน้ำมันเหลือน้อยแล้ว ควรเติมตั้งแต่ตรงนี้เลยน๊า) เลี้ยวไปไม่นาน ประมาณ 1 กม. จะเจอวัดท่าขนุน มีพระองค์ใหญ่เรียงรายอยู่ทางซ้ายมือ...ใช่ค่ะ คุณมาถูกทางอีกแล้ว เก่งมาก ๆ ไปต่อเลยจ้า วิ่งยาว ๆ เลย ทางจะเริ่มชันและคดเคี้ยวขึ้นเรื่อย ๆ ผ่านป่าเขา บางช่วงก็วิ่งเลียบริมเขื่อนวชิราลงกรณ์ หรือเขื่อนเขาแหลม วิวสวยงามมาก ๆ และจะพีคช่วงใกล้ ๆ ถึงสังขละบุรี...พีคในที่นี้คือความโค้งและความชันนะคะ เส้นทางจะเป็นถนนวิ่งสวนกันฝั่งละ 1 เลน ควรขับด้วยความระมัดระวังมาก ๆ ขับช้า ๆ เท่าที่สังเกตดูไม่ค่อยเห็นไฟถนนเลย เดาว่าถ้ามาตอนค่ำ ๆ ที่พระอาทิตย์ตกไปแล้ว คงมืดน่าดูชมเลยล่ะค่ะ ดังนั้นถ้าขับรถไม่ชำนาญเส้นทางการขึ้นลงเขาและทางแคบชัน ควรไปถึงสังขละบุรีก่อนค่ำนะจ๊ะ
พอเข้าเขตสังขละบุรี ถนนจะกว้างขึ้น ถ้าขับผ่านพระนอนองค์ใหญ่ริมถนน ตรงนั้นคือวัดสมเด็จ แสดงว่ากำลังเข้าตัวเมืองสังขละบุรีแล้วจ้า ถ้าจะไปสะพานมอญก็เตรียมตัวเลี้ยวซ้ายตรงถนนศรีสุวรรณคีรีเลย (ตรงหัวถนนจะมีป้ายสามประสบรีสอร์ทอยู่ สังเกตง่ายค่ะ) หรือถ้าจะไปกราบหลวงพ่ออุตตมะ ที่วัดวังก์วิเวการามก่อน ก็ตรงไปโลดเลย
************************************************************************************************
เอาล่ะ มาเข้าเรื่องการท่องเที่ยวของพวกเรา ขอเริ่มด้วยเรื่องกินทีทุกคนรอคอย กองทัพต้องเดินด้วยท้องฉันใด กองทริปก็ต้องแวะกินอาหารอร่อยฉันนั้น..
ครัวผักหวานบ้าน
อย่างที่บอกไปว่า เราแวะกินอาหารเช้ากันที่ครัวผักหวานบ้าน พิกัดอยู่ทางที่จะไปไทรโยค เลยจากวัดป่าหลวงตาบัว ญาณสัมปันโน ที่หน้าวัดมีซุ้มประตูเป็นเสือ (ที่เคยเป็นข่าวดัง ๆ เรื่องเสืองัย) ประมาณ 3-4 กม. พอผ่านซุ้มประตูเสือมาแล้วให้สังเกตุป้าย กม.ด้านซ้ายมือไว้ ถ้าเจอป้าย กม.99 ให้ชิดขวาเตรียมเลี้ยวเลยจ้า ร้านอยู่ฝั่งขวามือนะคะ
เห็นป้ายร้านแบบนี้ คือถึงแล้วจ้า
บรรยากาศร้านร่มรื่นดีค่ะ วันที่เราไปอากาศเย็นสบายมาก ประมาณ 24-25 องศาตอน 10 โมงเช้า ดีต่อใจมาก ๆ ลูกค้าก็ยังไม่เยอะ ชิลล์สุด ๆ
อันนี้เป็นเมนูแนะนำของร้านค่ะ
อาหารที่เราสั่งกันวันนี้มี 5 อย่างค่ะ
ต้มยำกุ้ง ผักหวานผัดกุ้ง ปลาคังลวกจิ้ม ทอดมันปลากราย และข้าวผัดทะเล อาหารรสชาติดีทุกอย่างค่ะ กุ้งสดตัวใหญ่ ทอดมันเหนียวนุ่ม ผักหวานอาจจะมีบางชิ้นที่ยอดแก่ไปหน่อย และปลาคังมีก้างติดอยู่บ้าง เวลากินต้องระวังก้างปลาหน่อย นอกนั้นโอเคเลย เจ้าของร้านกับพนักงานก็ให้บริการเป็นมิตรดี ราคามื้อนี้รวมทิปด้วยก็ 900 บาท (รวมกล้วย 2 หวี คือที่ร้านเค้าจะมีไร่ปลูกผักปลูกผลไม้เองแล้วเอามาวางขายที่ร้านด้วย) โดยรวมคือ..ผ่านจ้า ...สมาชิกในทริปให้ 4 ผ่านเลยคร่าา
หลังจากอิ่มหนำสำราญพุงกางกันแล้ว เราก็มุ่งหน้าไปสังขละบุรีต่อเลย จากครัวผักหวานบ้าน ใช้เวลาอีก 2 ชั่วโมงครึ่ง ก็ถึงสังขละบุรี ได้เวลาหิวอีกรอบพอดี ยังไม่ทันได้เที่ยวอะไรเลย กินอีกแล้วจ้า 5555
ร้านก๋วยเตี๋ยวหมูเจ๊พร
มื้อนี้เราไม่ค่อยหิวมาก เลยจัดอาหารง่าย ๆ ใช้เวลาไม่เยอะ นี่เลยจ้าก๋วยเตี๋ยวริมทางเจ้าดังของสังขละบุรี พิกัด อยู่เลยวัดสมเด็จที่มีพระนอนองค์ใหญ่ริมถนน ขับตรงเลยทางแยกเข้าสามประสบรีสอร์ท ตรงมาอีกนิดเดียว ร้านอยู่ด้านซ้ายมือ มีที่จอดรถสะดวกสบาย
ความอร่อยของก๋วยเตี๋ยวต้มยำร้านนี้คือ ใช้มะนาวสด ทำให้ต้มยำเปรี้ยวธรรมชาติและหอมมะนาว เนื้อหมูเด้ง ๆ ลูกชิ้นเหนียวนุ่ม นี่เขียนไปก็หิวไปด้วยนะ ราคาก็เป็นมิตรต่อกระเป๋าแบน ๆ อย่างเรามาก ชามละ 30 บาทเท่านั้น
เจ๊พรเค้าไม่ได้ขายแค่ก๋วยเตี๋ยวต้มยำน๊า อย่างอื่นก็มีจ้า ตามเมนูเลย แต่สมาชิกในทริปลองสั่งเย็นตาโฟมากินแล้วบอกว่าไม่ค่อยถูกปาก ออกหวานไปหน่อย
เมื่ออิ่มท้องกันคนละ 2 ชามแล้ว (นี่ขนาดไม่ค่อยหิวนะ 555) เราก็ไปต่อกันที่วัดวังก์วิเวการาม ไปไหว้พระและกราบหลวงพ่ออุตตมะ เพื่อความเป็นสิริมงคลกัน จากร้านก๋วยเตี๋ยวหมูเจ๊พร ขับรถตรงไปตามทางเลย จะมีป้ายบอกทางไปวัดเป็นระยะ ไม่หลงแน่นอนคร่าา
วัดวังก์วิเวการาม
Credit ข้อมูลจาก
https://www.ceediz.com/th/travel/kanchanaburi/สถานที่ท่องเที่ยว-จังหวัดกาญจนบุรี.161301/
วัดวังก์วิเวการาม หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า "วัดหลวงพ่ออุตตมะ" นอกจากจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของอำเภอสังขละบุรีแล้ว ยังเป็นวัดที่ถือว่ามีความสำคัญมากสำหรับคนพื้นถิ่น และเป็นศูนย์รวมจิตใจของผู้คนหลายเชื้อชาติที่อาศัยอยู่ในอำเภอสังขละบุรี ทั้งชาวไทย และกะเหรี่ยง โดยเฉพาะสำหรับชาวไทยเชื้อสายมอญ ที่เปรียบหลวงพ่ออุตตมะเป็น "เทพเจ้าแห่งชาวมอญ" วัดวังก์วิเวการาม จึงเกิดจากพลังศรัทธาที่มีต่อหลวงพ่อ และเป็นวัดที่เคยเป็นที่จำพรรษาของ "หลวงพ่ออุตตมะ" วัดจึงเป็นเสมือนตัวแทนหลวงพ่อ และเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับชาวมอญ ในการประกอบพิธีกรรมตามประเพณีของมอญ และจัดงานอื่นๆ เช่นช่วงเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี จะมีการจัดงานคล้ายวันเกิดของหลวงพ่ออุตตมะ มีงานกิจกรรมต่างๆ พิธีกรรมทางศาสนา งานแข่งขันชกมวยคาดเชือก การแสดงวัฒนธรรมท้องถิ่น เช่นการรำแบบมอญ การรำตงของชาวกะเหรี่ยง และมีการแต่งกายตามแบบวัฒนธรรมชาวไทยรามัญ
สถานที่สำคัญภายในบริเวณวัด มีอยู่หลายอาคาร ซึ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวและผู้คนทั่วไปเข้าไปเยี่ยมชม และสักการะบูชา
- ปราสาทเก้ายอด
เมื่อเข้าสู่บริเวณวัดวังก์วิเวการาม จะเห็นอาคารตรงข้ามกับทางเข้า เป็นอาคาร 2 ชั้น ที่ด้านหน้ามีซุ้มทางเข้า
ประดับประดาด้วยหลังคาเรือนยอดเป็นชั้นๆ สีเขียวตัดขอบทอง ปลายยอดมีด้วยกัน 3 ยอด ตามลักษณะสถาปัตยกรรมของมอญ ชั้นบนเป็นพิพิธภัณฑ์ เก็บพระพุทธรูป และอัฐบริขาร เครื่องใช้ต่างๆ เช่นคัมภีร์ใบลานอักษรมอญโบราณ ตาลปัตร นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของปราสาทเก้ายอด
ปราสาทเก้ายอด คือโลงบรรจุสังขารของหลวงพ่ออุตตมะ มีลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์ทางศิลปกรรมของชนชาติมอญ ลวดลายมีความประณีต งดงาม ปราสาทเก้ายอดนี้ เป็นฝีมือสกุลช่างจากทางเชียงใหม่ใช้ลวดลายประมาณ 20 - 30 ลวดลาย ตัวโลงเจาะช่องใส่กระจกให้มองเห็นภายในได้ เรียกว่า "ลายขุนแผนเปิดม่าน" ด้านบนตกแต่งเป็นด้วยลวดลายสวยงาม ส่วนบนสุดทำเป็นยอดถึง 9 ยอด การทำปราสาทมอญเป็นความเชื่อดั้งเดิมว่า เป็นการส่งวิญญาณให้ไปสถิตยังสรวงสวรรค์ ด้านหน้าปราสาทเก้ายอด มีหุ่นขี้ผึ้งปั้นเป็นรูปหลวงพ่ออุตตมะในท่านั่ง ถัดมามีตู้ทรงมอญ ลักษณะคล้ายบุษบก ข้างในใส่รูปหลวงพ่อ
(พื้นที่พิมพ์หมดค่ะ ขอต่อด้านล่างนะคะ)
[CR] หนาวนี้ที่สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี
อ่านหัวข้อกระทู้แล้วคงงงกันใช่มั้ยล่ะ ร้อนตับแตกขนาดนี้ หนาวตรงไหนเนี่ย 555
คือจริง ๆ แล้วเราไปเที่ยวมาตั้งแต่ช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งอากาศมันยังหนาวอยู่งัยคะ แบบกลางวันอุณหภูมิ 25 องศาที่เมืองกาญจน์ เหมาะแก่การท่องเที่ยวเป็นอย่างยิ่ง พอเที่ยวกลับมาก็ตั้งใจไว้ว่าอยากมาเขียนรีวิวในห้องบลูฯแห่งนี้ เผื่อจะได้แบ่งปันข้อมูลที่พอจะเป็นประโยชน์บ้าง(ถ้ามี 555) เนื่องจากเราก็มาหาข้อมูลการท่องเที่ยวในห้องนี้อยู่บ่อย ๆ ได้ประโยชน์จากกระทู้รีวิวมากมาย เข้ามาถามโน่นถามนี่ก็มีคนใจดีช่วยตอบช่วยแนะนำตลอด ได้แต่คิดว่าจะเขียน..จะเขียน..จะเขียน..จะ..จะ..จะ จน 1 เดือนผ่านไป...ดองรูปดองข้อมูลจนเค็มได้ที่ละ เอาล่ะ ลงมือได้แล้วเนาะ
กระทู้นี้เป็นกระทู้รีวิวการท่องเที่ยวกระทู้แรกของเรานะคะ ถ้ามีข้อผิดพลาดประการใดก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย หรือถ้ามีข้อแนะนำ ติชม ก็น้อมรับด้วยความยินดีคร่าาา แต่บอกไว้ก่อนว่าน้ำค่อนข้างเยอะ ไม่ใช่น้ำที่สังขละบุรีนะ หมายถึงน้ำในกระทู้เนี่ยค่ะ อยากได้เนื้อให้ดูรูปเอานะค๊า 555 มีสรุปค่าใช้จ่ายให้ตอนจบด้วยจ้า
ทริปนี้เราได้มีโอกาสไปเที่ยวที่สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี กับญาติ ๆ ที่บ้านซึ่งเป็นน้าชาย 2 คนกับน้าสะใภ้ 1 คน รวมเราด้วยเป็น 4 คน ซึ่งอายุรวมกัน....เกิน 200 นั่นจึงทำให้ทริปเราจำเป็นต้องเป็นทริปสบาย ๆ ไม่เหมาะกับสายโหด สายลุย แต่เหมาะกับการพาผู้สูงวัยไปเที่ยวชิลล์ ๆ
เส้นทางการเดินทาง
พวกเราเริ่มออกเดินทางจากกรุงเทพฯ วันเสาร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ เวลาประมาณ 7 โมงเช้า เดินทางโดยรถกะบะที่น้าชายเราขับเอง ใช้เส้นทางถนนบรมราชชนนี มุ่งหน้าเข้าสู่ถนนเพชรเกษมแถวนครชัยศรี วิ่งผ่านนครปฐม ราชบุรี ตัวเมืองกาญจนบุรี เข้าเขตอำเภอไทรโยค อำเภอทองผาภูมิ จนถึงอำเภอสังขละบุรี ใช้เวลาประมาณ เกือบ 7 ชั่วโมง รวมเวลาแวะปั๊ม แวะทานข้าวแล้ว เราถึงสังขละบุรีเกือบบ่าย 2 โมง
เนื่องจากเราไม่ได้ถ่ายรูปเส้นทางการเดินทางมาเลย ต้องขออภัยด้วยนะคะ แต่จะอธิบายเส้นทางการเดินทางแบบคร่าว ๆ ให้ เผื่อใครที่ยังไม่เคยไป ลองเปิด google map แล้วนึกภาพตาม ส่วนใครที่รู้จักทางอยู่แล้ว ข้าม part นี้ไปโลดเลยจ้าาาา เพราะมันยืดเยื้อ เสียเวลาอ่านมาก...แต่เราก็หวังว่ามันจะมีประโยชน์
ขอเริ่มต้นที่ถนนบรมราชชนนี จากจุดที่ถนนบรมราชชนนีมาเชื่อมต่อกับถนนเพชรเกษม วิ่งไปประมาณ 27 กม. ผ่านนครปฐม จะเจอสะพานทางแยกไป กาญจนบุรี เราต้องวิ่งชิดซ้ายเพื่อขึ้นสะพาน จะมีป้าย "กาญจนบุรี" ติดอยู่เลย ตรงนี้เราเคยหลง ขึ้นสะพานไม่ทันเพราะอยู่เลนขวา แล้วมัวแต่เม้าท์มอยกับเพื่อนเพลิน รู้สึกตัวอีกทีวิ่งเลยสะพานไปละจ้า ตรงไปจะเข้าไปบ้านโป่ง ราชบุรี ค่ะ ถ้าหลงเข้าไปไม่ต้องตกใจน๊าา ทำใจดี ๆ ไว้ แค่ไปกลับรถออกมา แล้วเจอแยกให้เลี้ยวซ้ายก็จะไปเข้าเส้นทางที่ไปกาญจนบุรีแล้วค่ะ
จากจุดสะพานทางแยกไปกาญจนบุรี วิ่งไปอีกประมาณ 10 กม. จะเจอสี่แยกเขาช่องพราน ก่อนถึงสี่แยกนี้จะมีร้าน Cockpit อยู่ด้านซ้ายมือ ให้เลี้ยวขวาที่แยกนี้นะคะ ถ้าเลี้ยวไปแล้วเห็นบ้านหลังสีฟ้า เป็นร้านอาหารชื่อหนู แซ่ตัน อยู่ทางขวามือ...คุณมาถูกทางแล้วคร่าาา
วิ่งตรงไปเรื่อย ๆ ตรงอย่างเดียว ก็จะเข้าสู่ตัวเมืองกาญจนบุรี ผ่านสุสานทหารสัมพันธมิตรสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 วิ่งไปอีกหน่อยก็จะเจอสี่แยกแก่นเสี้ยน จากสี่แยกเขาช่องพราน จนถึงสี่แยกแก่นเสี้ยน ระยะทางประมาณ 54 กม. พอถึงสี่แยกแก่นเสี้ยนให้เลี้ยวซ้าย ไปทางอำเภอไทยโยคเลยค่ะ
เมื่อเลี้ยวซ้ายที่สี่แยกแก่นเสี้ยนมาแล้ว คราวนี้วิ่งตรงยาว ๆ เลย อีกประมาณ 135 กม. จะถึงทางสามแยกไปอำเภอทองผาภูมิกับอำเภอสังขละบุรี ระหว่างเส้นทางนี้สองข้างทางจะเป็นไร่เป็นสวนเป็นป่า บางจุดก็มีต้นไม้ใหญ่สองข้างทาง กิ่งก้านยื่นมาปกคลุมถนน สวยและสดชื่นมาก ๆ มีร้านอาหารเป็นระยะ ๆ สำหรับชาวทริปเรา แวะรับประทานอาหารเช้าที่ร้านครัวผักหวานบ้าน เดี๋ยวจะบอกพิกัดพร้อมรีวิวอีกทีน๊า หิวแล้วใช่มั้ยล่าาา เอาเส้นทางให้จบก่อน เดี๋ยวจะไปไม่ถึงสังขละบุรีกัน
พอถึงสามแยกไปอำเภอทองผาภูมิกับอำเภอสังขละบุรี ให้เลี้ยวขวาที่แยกนี้ (อ้อ ก่อนถึงแยกนี้จะมีปั๊ม ปตท. กับเชลล์ อยู่ ถ้าใครรู้สึกว่าน้ำมันเหลือน้อยแล้ว ควรเติมตั้งแต่ตรงนี้เลยน๊า) เลี้ยวไปไม่นาน ประมาณ 1 กม. จะเจอวัดท่าขนุน มีพระองค์ใหญ่เรียงรายอยู่ทางซ้ายมือ...ใช่ค่ะ คุณมาถูกทางอีกแล้ว เก่งมาก ๆ ไปต่อเลยจ้า วิ่งยาว ๆ เลย ทางจะเริ่มชันและคดเคี้ยวขึ้นเรื่อย ๆ ผ่านป่าเขา บางช่วงก็วิ่งเลียบริมเขื่อนวชิราลงกรณ์ หรือเขื่อนเขาแหลม วิวสวยงามมาก ๆ และจะพีคช่วงใกล้ ๆ ถึงสังขละบุรี...พีคในที่นี้คือความโค้งและความชันนะคะ เส้นทางจะเป็นถนนวิ่งสวนกันฝั่งละ 1 เลน ควรขับด้วยความระมัดระวังมาก ๆ ขับช้า ๆ เท่าที่สังเกตดูไม่ค่อยเห็นไฟถนนเลย เดาว่าถ้ามาตอนค่ำ ๆ ที่พระอาทิตย์ตกไปแล้ว คงมืดน่าดูชมเลยล่ะค่ะ ดังนั้นถ้าขับรถไม่ชำนาญเส้นทางการขึ้นลงเขาและทางแคบชัน ควรไปถึงสังขละบุรีก่อนค่ำนะจ๊ะ
พอเข้าเขตสังขละบุรี ถนนจะกว้างขึ้น ถ้าขับผ่านพระนอนองค์ใหญ่ริมถนน ตรงนั้นคือวัดสมเด็จ แสดงว่ากำลังเข้าตัวเมืองสังขละบุรีแล้วจ้า ถ้าจะไปสะพานมอญก็เตรียมตัวเลี้ยวซ้ายตรงถนนศรีสุวรรณคีรีเลย (ตรงหัวถนนจะมีป้ายสามประสบรีสอร์ทอยู่ สังเกตง่ายค่ะ) หรือถ้าจะไปกราบหลวงพ่ออุตตมะ ที่วัดวังก์วิเวการามก่อน ก็ตรงไปโลดเลย
************************************************************************************************
เอาล่ะ มาเข้าเรื่องการท่องเที่ยวของพวกเรา ขอเริ่มด้วยเรื่องกินทีทุกคนรอคอย กองทัพต้องเดินด้วยท้องฉันใด กองทริปก็ต้องแวะกินอาหารอร่อยฉันนั้น..
ครัวผักหวานบ้าน
อย่างที่บอกไปว่า เราแวะกินอาหารเช้ากันที่ครัวผักหวานบ้าน พิกัดอยู่ทางที่จะไปไทรโยค เลยจากวัดป่าหลวงตาบัว ญาณสัมปันโน ที่หน้าวัดมีซุ้มประตูเป็นเสือ (ที่เคยเป็นข่าวดัง ๆ เรื่องเสืองัย) ประมาณ 3-4 กม. พอผ่านซุ้มประตูเสือมาแล้วให้สังเกตุป้าย กม.ด้านซ้ายมือไว้ ถ้าเจอป้าย กม.99 ให้ชิดขวาเตรียมเลี้ยวเลยจ้า ร้านอยู่ฝั่งขวามือนะคะ
เห็นป้ายร้านแบบนี้ คือถึงแล้วจ้า
บรรยากาศร้านร่มรื่นดีค่ะ วันที่เราไปอากาศเย็นสบายมาก ประมาณ 24-25 องศาตอน 10 โมงเช้า ดีต่อใจมาก ๆ ลูกค้าก็ยังไม่เยอะ ชิลล์สุด ๆ
อันนี้เป็นเมนูแนะนำของร้านค่ะ
อาหารที่เราสั่งกันวันนี้มี 5 อย่างค่ะ
ต้มยำกุ้ง ผักหวานผัดกุ้ง ปลาคังลวกจิ้ม ทอดมันปลากราย และข้าวผัดทะเล อาหารรสชาติดีทุกอย่างค่ะ กุ้งสดตัวใหญ่ ทอดมันเหนียวนุ่ม ผักหวานอาจจะมีบางชิ้นที่ยอดแก่ไปหน่อย และปลาคังมีก้างติดอยู่บ้าง เวลากินต้องระวังก้างปลาหน่อย นอกนั้นโอเคเลย เจ้าของร้านกับพนักงานก็ให้บริการเป็นมิตรดี ราคามื้อนี้รวมทิปด้วยก็ 900 บาท (รวมกล้วย 2 หวี คือที่ร้านเค้าจะมีไร่ปลูกผักปลูกผลไม้เองแล้วเอามาวางขายที่ร้านด้วย) โดยรวมคือ..ผ่านจ้า ...สมาชิกในทริปให้ 4 ผ่านเลยคร่าา
หลังจากอิ่มหนำสำราญพุงกางกันแล้ว เราก็มุ่งหน้าไปสังขละบุรีต่อเลย จากครัวผักหวานบ้าน ใช้เวลาอีก 2 ชั่วโมงครึ่ง ก็ถึงสังขละบุรี ได้เวลาหิวอีกรอบพอดี ยังไม่ทันได้เที่ยวอะไรเลย กินอีกแล้วจ้า 5555
ร้านก๋วยเตี๋ยวหมูเจ๊พร
มื้อนี้เราไม่ค่อยหิวมาก เลยจัดอาหารง่าย ๆ ใช้เวลาไม่เยอะ นี่เลยจ้าก๋วยเตี๋ยวริมทางเจ้าดังของสังขละบุรี พิกัด อยู่เลยวัดสมเด็จที่มีพระนอนองค์ใหญ่ริมถนน ขับตรงเลยทางแยกเข้าสามประสบรีสอร์ท ตรงมาอีกนิดเดียว ร้านอยู่ด้านซ้ายมือ มีที่จอดรถสะดวกสบาย
ความอร่อยของก๋วยเตี๋ยวต้มยำร้านนี้คือ ใช้มะนาวสด ทำให้ต้มยำเปรี้ยวธรรมชาติและหอมมะนาว เนื้อหมูเด้ง ๆ ลูกชิ้นเหนียวนุ่ม นี่เขียนไปก็หิวไปด้วยนะ ราคาก็เป็นมิตรต่อกระเป๋าแบน ๆ อย่างเรามาก ชามละ 30 บาทเท่านั้น
เจ๊พรเค้าไม่ได้ขายแค่ก๋วยเตี๋ยวต้มยำน๊า อย่างอื่นก็มีจ้า ตามเมนูเลย แต่สมาชิกในทริปลองสั่งเย็นตาโฟมากินแล้วบอกว่าไม่ค่อยถูกปาก ออกหวานไปหน่อย
เมื่ออิ่มท้องกันคนละ 2 ชามแล้ว (นี่ขนาดไม่ค่อยหิวนะ 555) เราก็ไปต่อกันที่วัดวังก์วิเวการาม ไปไหว้พระและกราบหลวงพ่ออุตตมะ เพื่อความเป็นสิริมงคลกัน จากร้านก๋วยเตี๋ยวหมูเจ๊พร ขับรถตรงไปตามทางเลย จะมีป้ายบอกทางไปวัดเป็นระยะ ไม่หลงแน่นอนคร่าา
วัดวังก์วิเวการาม
Credit ข้อมูลจาก https://www.ceediz.com/th/travel/kanchanaburi/สถานที่ท่องเที่ยว-จังหวัดกาญจนบุรี.161301/
วัดวังก์วิเวการาม หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า "วัดหลวงพ่ออุตตมะ" นอกจากจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของอำเภอสังขละบุรีแล้ว ยังเป็นวัดที่ถือว่ามีความสำคัญมากสำหรับคนพื้นถิ่น และเป็นศูนย์รวมจิตใจของผู้คนหลายเชื้อชาติที่อาศัยอยู่ในอำเภอสังขละบุรี ทั้งชาวไทย และกะเหรี่ยง โดยเฉพาะสำหรับชาวไทยเชื้อสายมอญ ที่เปรียบหลวงพ่ออุตตมะเป็น "เทพเจ้าแห่งชาวมอญ" วัดวังก์วิเวการาม จึงเกิดจากพลังศรัทธาที่มีต่อหลวงพ่อ และเป็นวัดที่เคยเป็นที่จำพรรษาของ "หลวงพ่ออุตตมะ" วัดจึงเป็นเสมือนตัวแทนหลวงพ่อ และเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับชาวมอญ ในการประกอบพิธีกรรมตามประเพณีของมอญ และจัดงานอื่นๆ เช่นช่วงเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี จะมีการจัดงานคล้ายวันเกิดของหลวงพ่ออุตตมะ มีงานกิจกรรมต่างๆ พิธีกรรมทางศาสนา งานแข่งขันชกมวยคาดเชือก การแสดงวัฒนธรรมท้องถิ่น เช่นการรำแบบมอญ การรำตงของชาวกะเหรี่ยง และมีการแต่งกายตามแบบวัฒนธรรมชาวไทยรามัญ
สถานที่สำคัญภายในบริเวณวัด มีอยู่หลายอาคาร ซึ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวและผู้คนทั่วไปเข้าไปเยี่ยมชม และสักการะบูชา
- ปราสาทเก้ายอด
เมื่อเข้าสู่บริเวณวัดวังก์วิเวการาม จะเห็นอาคารตรงข้ามกับทางเข้า เป็นอาคาร 2 ชั้น ที่ด้านหน้ามีซุ้มทางเข้า
ประดับประดาด้วยหลังคาเรือนยอดเป็นชั้นๆ สีเขียวตัดขอบทอง ปลายยอดมีด้วยกัน 3 ยอด ตามลักษณะสถาปัตยกรรมของมอญ ชั้นบนเป็นพิพิธภัณฑ์ เก็บพระพุทธรูป และอัฐบริขาร เครื่องใช้ต่างๆ เช่นคัมภีร์ใบลานอักษรมอญโบราณ ตาลปัตร นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของปราสาทเก้ายอด
ปราสาทเก้ายอด คือโลงบรรจุสังขารของหลวงพ่ออุตตมะ มีลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์ทางศิลปกรรมของชนชาติมอญ ลวดลายมีความประณีต งดงาม ปราสาทเก้ายอดนี้ เป็นฝีมือสกุลช่างจากทางเชียงใหม่ใช้ลวดลายประมาณ 20 - 30 ลวดลาย ตัวโลงเจาะช่องใส่กระจกให้มองเห็นภายในได้ เรียกว่า "ลายขุนแผนเปิดม่าน" ด้านบนตกแต่งเป็นด้วยลวดลายสวยงาม ส่วนบนสุดทำเป็นยอดถึง 9 ยอด การทำปราสาทมอญเป็นความเชื่อดั้งเดิมว่า เป็นการส่งวิญญาณให้ไปสถิตยังสรวงสวรรค์ ด้านหน้าปราสาทเก้ายอด มีหุ่นขี้ผึ้งปั้นเป็นรูปหลวงพ่ออุตตมะในท่านั่ง ถัดมามีตู้ทรงมอญ ลักษณะคล้ายบุษบก ข้างในใส่รูปหลวงพ่อ
(พื้นที่พิมพ์หมดค่ะ ขอต่อด้านล่างนะคะ)
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น