สวัสดีค่ะ นี่เป็นกระทู้แรกของเราเลย ถ้ามีอะไรผิดพลาดขออภัยด้วยนะคะ
รู้ว่ามีกระทู้ที่เกี่ยวกับสินสอดในเว็บนี้เยอะพอสมควรแล้ว แต่ไปเจอเรื่องที่ทำให้สงสัยมากและอยากได้มุมมองจากหลายๆคน
เล่าก่อนนะคะ เราเองมีแฟนต่างชาติ และก็ทำงานด้านแปลเอกสารวีซ่าค่ะ เลยติดต่อกับลูกค้าและพวกหน่วยงานทางนี้บ่อยๆ
หลายครั้งก็ต้องอธิบายให้ลูกค้าต่างชาติเข้าใจวัฒนธรรมด้วย เวลาเขาเดินเรื่องแต่งงานกับคนไทย
ทีนี้ วันหนึ่งเราก็ไปเจอประกาศในเว็บไซต์ ของสำนักงานกฎหมายมีชื่อเสียง แห่งหนึ่ง
ที่เขาทำงานด้านกฎหมายสมรส กฎหมายครอบครัว อพยพ ฯลฯ สำหรับคนไทยกับคนต่างชาติ
ระบุว่า "ค่าสินสอดของผู้หญิงไทย ขึ้นอยู่กับสถานะ การศึกษา อาชีพ และภูมิหลังทางสังคมอื่นๆ เช่น พรหมจรรย์
ผู้หญิงไทยชนชั้นกลาง จบการศึกษาระดับปริญญา มีค่าสินสอดอยู่ที่จำนวน 100,000-300,000 บาท
การที่ ผู้หญิงไร้การศึกษา มีฐานะเศรษฐกิจต่ำ จะเรียกสินสอด 1 ล้านบาท นับว่าเหลวไหลไร้สาระ
ค่าสินสอดนั้นจะต่ำลงอย่างมาก หากว่าผู้หญิงเคยแต่งงานมาก่อน มีลูกอยู่แล้ว หรือ ไม่ใช่หญิงพรหมจรรย์แล้ว
ในกรณีเหล่านี้ที่กล่าวมา ความจริงไม่ต้องจ่ายค่าสินสอดเลย"
คือ เราไม่ได้จะสนับสนุน หรือไม่สนับสนุน วัฒนธรรมสินสอดโดยรวม แต่อย่างใดนะคะ คิดว่าเป็นสิทธิ์ของแต่ละคู่
อันนี้เข้าใจว่าเป็นการประกาศเตือน ไม่ให้ชาวต่างชาติถูกหลอกจากผู้หญิงไทย ที่เรียกสินสอดสูงเกินควร
เพียงแค่งงว่า ทนายประกาศตัวเลขนี้มาจากไหน
แล้วมันทำให้ฝรั่งเข้าใจว่า อ๋อ ถ้าเรียกเกินสามแสน แปลว่าผู้หญิงนิสัยไม่ดี โก่งราคา แบบนี้รึเปล่า?
ก็มานั่งคิดๆดู เพราะว่า สำนักงานกฎหมายนี้ก็ใหญ่และมีทนายเก่งๆทำงานอยู่มาก เขาก็คงได้คิดสะระตะมาดีแล้ว ไม่ใช่มั่วขึ้นมามั้ง
เราก็เลยลองเดานะคะ สงสัยว่า มันเป็นแบบนี้รึเปล่า
ตัดเรื่องค่าน้ำนม ค่าพรหมจรรย์ ค่าความรัก อวดชาวบ้าน ฯลฯ บ้าบอต่างๆออกไปนะ
เราคิดว่า ถ้าจะมีสินสอด หน้าที่สำคัญของสินสอดจริงๆก็คือ
สินสอดจะเป็นหลักประกันให้ผู้หญิง ช่วงที่ตั้งท้อง 9 เดือนไม่สามารถทำงานได้ดีนัก อาจมีปัญหาต่างๆเกี่ยวกับครรภ์
ถ้าผู้ชายทิ้งตอนนี้ จะลำบากมาก และยังฟ้องเรียกค่าเลี้ยงดูบุตรไม่ได้ด้วย (หรือว่าได้? อันนี้เราไม่รู้จริงๆ แต่ไม่เคยได้ยิน)
เพราะฉะนั้น อาจคิดว่า สินสอดควรเป็น = เงินเดือนผู้หญิง x 9
ผู้หญิงจบปริญญาตรี ตามกฎหมายเงินเดือนขั้นต่ำ 15,000
ดังนั้น x 9 = สินสอด 135,000 บาท
ถ้าเงินเดือน 30,000 ก็ 270,000 บาท
เพราะแบบนี้รึเปล่า เลยกำหนดมาตรฐานไว้ 1-3 แสนสำหรับราคาจบมหาวิทยาลัย?
(แต่ก็ปริญญาตรีน่ะนะ ถ้าโทหรือเอก คูณ 9 มันก็สูงกว่านี้)
แต่ว่าคิดแบบนี้ มันก็ยังไม่ครอบคลุม ค่าทำคลอด และยาต่างๆ ผู้หญิงอาจจะลำบากอยู่ดี
(ด้วยความที่เมืองไทยไม่มีเงินสนับสนุนสำหรับคนท้อง และแม่ลูกอ่อน เลยเป็นเหตุผลที่คนไทยเรียกสินสอดถูกไหม)
ในทางกลับกัน ถ้าคู่สามีภรรยาไม่ได้จะมีลูกด้วยกัน ผู้ชายก็เสียเปรียบ
(แต่ถ้าจะแต่งไปก่อน แล้วพอจะท้อง ค่อยจ่ายสินสอด ผู้ชายก็คงไม่จ่ายแหละนะ ก็อ้อยเข้าปากช้างแล้ว 555)
และถ้าผู้หญิงไทยไปอยู่กับต่างชาติ สมมติอาศัยในประเทศที่มีเงินสนับสนุนจากรัฐเพียงพออยู่แล้ว
การเรียกสินสอดจากชายต่างชาติอีก จะเป็นธรรมหรือคะ ในเมื่อผู้หญิงไทยกลายเป็นได้หลักประกันสองต่อ
หรือจะบอกว่า เป็นการจ่ายเพื่อชดเชยให้พ่อแม่ผู้หญิง ที่ขาดลูกสาวดูแลรับใช้
ถ้าแบบนั้น ก็ควรจะจ่ายต่อเดือนไปจนกว่าพ่อแม่จะตายมากกว่า
บวกไปกับ เงินที่ให้พ่อแม่ตามปกติ(เพราะบางบ้านพ่อแม่อาจจะไม่มีบำนาญ และไม่ได้เงินช่วยจากรัฐ) ซึ่งผู้หญิงร่วมจ่าย
สรุปแล้ว เราสงสัยว่าวิธีคำนวณค่าสินสอดมาตรฐานจริงๆ สำหรับผู้หญิงไทยชนชั้นกลาง คือสูตรยังไงกันแน่
เพราะเราก็ไม่สามารถอธิบายให้ต่างชาติเข้าใจได้โดยไม่มีเกณฑ์อะไรเลย
(ลูกค้าเราก็มีถาม เราได้แต่บอกว่า เป็นสิทธิ์ของคุณ แล้วแต่ตกลงกัน แต่มันไม่เหมือนค้ามนุษย์ตรงที่ไม่ใช่คุณมีเงินมาซื้อ ก็เดินซื้อได้ทุกคนทุกบ้านงี้)
ยิ่งไม่นานมานี้ เราเจอสูตรคำนวณ ที่ได้จากงานวิจัยเศรษฐศาสตร์ ยิ่งงงก่งก๊งไปใหญ่
>>
http://setthasat.com/2011/09/20/wedding/
เขาระบุว่า "มูลค่าสินสอด = (2.2205 x รายได้ต่อเดือน) + (8986.92 x อายุ) + (174818.6 หากเป็นคนกรุงเทพฯ) – (454350.5 หากจบการศึกษาไม่เกินมัธยม/ปวช.) + (227064.1 หากแต่งงานเป็นลำดับแรกของครอบครัว) – (134160.8 หากมีภาระต้องดูแลครอบครัวอยู่) + (1890610 หากเป็นผู้บริหารระดับสูง)"
แต่ตามสูตรนี้ มันออกมาสูงเว่อร์เลย 5555
ทุกคนมีความเห็นว่าอย่างไรกันบ้างคะ?
ปล. ส่วนตัวเราเองเป็นคนจีน ไม่มีสินสอดค่ะ
มีแต่ฝ่ายชายมอบเงินของขวัญมา แล้วฝ่ายหญิงก็มอบเงินถม กลับไปในจำนวนที่เท่ากัน
เงินทั้งหมดเสร็จพิธีมอบแก่บ่าวสาวเพื่อตั้งตัวสร้างกิจการ ไม่ใช่ให้พ่อแม่ค่ะ
เราทั้งสองไม่ต้องการมีลูกด้วย หมดปัญหาไป ยูจ่ายเท่าไรไอก็จ่ายเท่านั้น 5555
สำหรับต่างชาติ ค่าสินสอดมาตรฐานของหญิงไทยคือ 1-3แสน ???
รู้ว่ามีกระทู้ที่เกี่ยวกับสินสอดในเว็บนี้เยอะพอสมควรแล้ว แต่ไปเจอเรื่องที่ทำให้สงสัยมากและอยากได้มุมมองจากหลายๆคน
เล่าก่อนนะคะ เราเองมีแฟนต่างชาติ และก็ทำงานด้านแปลเอกสารวีซ่าค่ะ เลยติดต่อกับลูกค้าและพวกหน่วยงานทางนี้บ่อยๆ
หลายครั้งก็ต้องอธิบายให้ลูกค้าต่างชาติเข้าใจวัฒนธรรมด้วย เวลาเขาเดินเรื่องแต่งงานกับคนไทย
ทีนี้ วันหนึ่งเราก็ไปเจอประกาศในเว็บไซต์ ของสำนักงานกฎหมายมีชื่อเสียง แห่งหนึ่ง
ที่เขาทำงานด้านกฎหมายสมรส กฎหมายครอบครัว อพยพ ฯลฯ สำหรับคนไทยกับคนต่างชาติ
ระบุว่า "ค่าสินสอดของผู้หญิงไทย ขึ้นอยู่กับสถานะ การศึกษา อาชีพ และภูมิหลังทางสังคมอื่นๆ เช่น พรหมจรรย์
ผู้หญิงไทยชนชั้นกลาง จบการศึกษาระดับปริญญา มีค่าสินสอดอยู่ที่จำนวน 100,000-300,000 บาท
การที่ ผู้หญิงไร้การศึกษา มีฐานะเศรษฐกิจต่ำ จะเรียกสินสอด 1 ล้านบาท นับว่าเหลวไหลไร้สาระ
ค่าสินสอดนั้นจะต่ำลงอย่างมาก หากว่าผู้หญิงเคยแต่งงานมาก่อน มีลูกอยู่แล้ว หรือ ไม่ใช่หญิงพรหมจรรย์แล้ว
ในกรณีเหล่านี้ที่กล่าวมา ความจริงไม่ต้องจ่ายค่าสินสอดเลย"
คือ เราไม่ได้จะสนับสนุน หรือไม่สนับสนุน วัฒนธรรมสินสอดโดยรวม แต่อย่างใดนะคะ คิดว่าเป็นสิทธิ์ของแต่ละคู่
อันนี้เข้าใจว่าเป็นการประกาศเตือน ไม่ให้ชาวต่างชาติถูกหลอกจากผู้หญิงไทย ที่เรียกสินสอดสูงเกินควร
เพียงแค่งงว่า ทนายประกาศตัวเลขนี้มาจากไหน
แล้วมันทำให้ฝรั่งเข้าใจว่า อ๋อ ถ้าเรียกเกินสามแสน แปลว่าผู้หญิงนิสัยไม่ดี โก่งราคา แบบนี้รึเปล่า?
ก็มานั่งคิดๆดู เพราะว่า สำนักงานกฎหมายนี้ก็ใหญ่และมีทนายเก่งๆทำงานอยู่มาก เขาก็คงได้คิดสะระตะมาดีแล้ว ไม่ใช่มั่วขึ้นมามั้ง
เราก็เลยลองเดานะคะ สงสัยว่า มันเป็นแบบนี้รึเปล่า
ตัดเรื่องค่าน้ำนม ค่าพรหมจรรย์ ค่าความรัก อวดชาวบ้าน ฯลฯ บ้าบอต่างๆออกไปนะ
เราคิดว่า ถ้าจะมีสินสอด หน้าที่สำคัญของสินสอดจริงๆก็คือ
สินสอดจะเป็นหลักประกันให้ผู้หญิง ช่วงที่ตั้งท้อง 9 เดือนไม่สามารถทำงานได้ดีนัก อาจมีปัญหาต่างๆเกี่ยวกับครรภ์
ถ้าผู้ชายทิ้งตอนนี้ จะลำบากมาก และยังฟ้องเรียกค่าเลี้ยงดูบุตรไม่ได้ด้วย (หรือว่าได้? อันนี้เราไม่รู้จริงๆ แต่ไม่เคยได้ยิน)
เพราะฉะนั้น อาจคิดว่า สินสอดควรเป็น = เงินเดือนผู้หญิง x 9
ผู้หญิงจบปริญญาตรี ตามกฎหมายเงินเดือนขั้นต่ำ 15,000
ดังนั้น x 9 = สินสอด 135,000 บาท
ถ้าเงินเดือน 30,000 ก็ 270,000 บาท
เพราะแบบนี้รึเปล่า เลยกำหนดมาตรฐานไว้ 1-3 แสนสำหรับราคาจบมหาวิทยาลัย?
(แต่ก็ปริญญาตรีน่ะนะ ถ้าโทหรือเอก คูณ 9 มันก็สูงกว่านี้)
แต่ว่าคิดแบบนี้ มันก็ยังไม่ครอบคลุม ค่าทำคลอด และยาต่างๆ ผู้หญิงอาจจะลำบากอยู่ดี
(ด้วยความที่เมืองไทยไม่มีเงินสนับสนุนสำหรับคนท้อง และแม่ลูกอ่อน เลยเป็นเหตุผลที่คนไทยเรียกสินสอดถูกไหม)
ในทางกลับกัน ถ้าคู่สามีภรรยาไม่ได้จะมีลูกด้วยกัน ผู้ชายก็เสียเปรียบ
(แต่ถ้าจะแต่งไปก่อน แล้วพอจะท้อง ค่อยจ่ายสินสอด ผู้ชายก็คงไม่จ่ายแหละนะ ก็อ้อยเข้าปากช้างแล้ว 555)
และถ้าผู้หญิงไทยไปอยู่กับต่างชาติ สมมติอาศัยในประเทศที่มีเงินสนับสนุนจากรัฐเพียงพออยู่แล้ว
การเรียกสินสอดจากชายต่างชาติอีก จะเป็นธรรมหรือคะ ในเมื่อผู้หญิงไทยกลายเป็นได้หลักประกันสองต่อ
หรือจะบอกว่า เป็นการจ่ายเพื่อชดเชยให้พ่อแม่ผู้หญิง ที่ขาดลูกสาวดูแลรับใช้
ถ้าแบบนั้น ก็ควรจะจ่ายต่อเดือนไปจนกว่าพ่อแม่จะตายมากกว่า
บวกไปกับ เงินที่ให้พ่อแม่ตามปกติ(เพราะบางบ้านพ่อแม่อาจจะไม่มีบำนาญ และไม่ได้เงินช่วยจากรัฐ) ซึ่งผู้หญิงร่วมจ่าย
สรุปแล้ว เราสงสัยว่าวิธีคำนวณค่าสินสอดมาตรฐานจริงๆ สำหรับผู้หญิงไทยชนชั้นกลาง คือสูตรยังไงกันแน่
เพราะเราก็ไม่สามารถอธิบายให้ต่างชาติเข้าใจได้โดยไม่มีเกณฑ์อะไรเลย
(ลูกค้าเราก็มีถาม เราได้แต่บอกว่า เป็นสิทธิ์ของคุณ แล้วแต่ตกลงกัน แต่มันไม่เหมือนค้ามนุษย์ตรงที่ไม่ใช่คุณมีเงินมาซื้อ ก็เดินซื้อได้ทุกคนทุกบ้านงี้)
ยิ่งไม่นานมานี้ เราเจอสูตรคำนวณ ที่ได้จากงานวิจัยเศรษฐศาสตร์ ยิ่งงงก่งก๊งไปใหญ่
>> http://setthasat.com/2011/09/20/wedding/
เขาระบุว่า "มูลค่าสินสอด = (2.2205 x รายได้ต่อเดือน) + (8986.92 x อายุ) + (174818.6 หากเป็นคนกรุงเทพฯ) – (454350.5 หากจบการศึกษาไม่เกินมัธยม/ปวช.) + (227064.1 หากแต่งงานเป็นลำดับแรกของครอบครัว) – (134160.8 หากมีภาระต้องดูแลครอบครัวอยู่) + (1890610 หากเป็นผู้บริหารระดับสูง)"
แต่ตามสูตรนี้ มันออกมาสูงเว่อร์เลย 5555
ทุกคนมีความเห็นว่าอย่างไรกันบ้างคะ?
ปล. ส่วนตัวเราเองเป็นคนจีน ไม่มีสินสอดค่ะ
มีแต่ฝ่ายชายมอบเงินของขวัญมา แล้วฝ่ายหญิงก็มอบเงินถม กลับไปในจำนวนที่เท่ากัน
เงินทั้งหมดเสร็จพิธีมอบแก่บ่าวสาวเพื่อตั้งตัวสร้างกิจการ ไม่ใช่ให้พ่อแม่ค่ะ
เราทั้งสองไม่ต้องการมีลูกด้วย หมดปัญหาไป ยูจ่ายเท่าไรไอก็จ่ายเท่านั้น 5555