ดร.เทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา ชี้ “ครู” คว้าชัยชนะหวย 30 ล้าน เปิดหลักฐานเด็ด ทำสะเทือนทั้งประเทศแน่ (คลิป)

By sitanan.t - 2018-02-28

ดร.เทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา ผู้เชี่ยวชาญด้านยุทธศาสตร์ การเมือง การปกครอง กล่าวว่า ความจริง คือ คดีนี้ไร้สาระ ไม่มีอะไรเลย แต่เป็นที่สนใจของคนไทย สาเหตุที่ให้ความสำคัญเป็นเพราะความละโมบโลภมาก อยากได้ทรัพย์ และชาวบ้านชอบเรื่องหวย การพนัน ถูกแบ่งฝ่าย แบ่งค่าย ความคิดของคนถูกแบ่งเป็น 2 ฝ่าย ฝ่ายหนึ่งเห็นด้วย อีกฝ่ายต่อต้าน ใครต่อต้านคนนั้นเป็นโจร อีกฝ่ายมองตัวเองเป็นผู้บริสุทธิ์ กำลังเผชิญหน้ากัน แต่ชุดความคิดทังหมด จะมาบรรจบที่ “ความจริง”
โดย “ความเชื่อ” มาก่อน “ความจริง” เช่นเดียวกับ คดีครูจอมทรัพย์ ได้บทเรียนว่า ทุกอย่างกำลังวนกลับมาอีกครั้ง ความจริงของคดีหวย 30 ล้าน คือ ตำรวจได้สอบปากคำแม่ค้า 2 คน คือ นางรัตนาพร สุภาทิพย์ หรือ “เจ๊บ้าบิ่น” กับ น.ส.พัชริดา พรมตา หรือ “เจ๊พัช” เพราะเป็นตัวละครสำคัญ ที่ชี้ที่มาของทรัพย์ได้ ส่วนที่เหลือ เป็นความเชื่อ นอกจากนี้ยังมีความจริง อีกเรื่องหนึ่ง คือ 4 เดือนแล้ว ยังไม่สามารถบอกได้ว่า “ซื้อลอตเตอรี่กับใคร” ทั้งที่เป็นนายตำรวจ ส่วนความจริงที่ตนอยากบอกคือ ครูปรีชา เป็นคนซื้อหวย และเป็นเจ้าของตัวจริง

นายจักร์กฤษ กล่าวว่า โดยกระบวนการย้ายคดีทั้งหมดมาให้ กองบังคับการปราบปราม เกิดจากสาเหตุ ความไม่ปกติในการสอบสวนของตำรวจภูธรภาค 7 ซึ่งไม่ว่าคดีใดก็ตามหากเกิดควารมไม่เที่ยงธรรมในพื้นที่ ก็จะโอนมายัง กองปราบฯ ซึ่งภาพในใจของสังคมไทยขณะนี้  มีเหตุสงสัยเรื่องกระบวนการสอบสวนว่า อาจไม่เป็นธรรมในหลายคดี รวมถึง คดีครูจอมทรัพย์

ดร.เทอดศักดิ์ กล่าวว่า ก่อนที่ตำรวจภาค 7 จะแถลง เคยสรุปว่า สุดท้ายต้องเป็นของ ครูปรีชา และเมื่อกองปราบฯ กองบัญชาการสอบสวนกลางมาทำคดีนี้  เชื่อว่า ผบ.ตร. จะแถลงเหมือนเดิม เพราะพยานเดิม ให้ปากคำแบบเดิม เพียงแต่อธิบายรายละเอียดเพิ่มขึ้น ขณะที่ข่าวออกหมายจับ ก็ได้ยินมาหลายวันแล้ว แต่ก็ไม่มี

นายจักร์กฤษ ค้านว่า ในวันพรุ่งนี้ ผบ.ตร.จะแถลงไม่เหมือนกับ ตร.ภาค 7 โดย ผบ.ตร.เองเคยพูดเรื่องนี้ไปแล้วค่อนข้างชัดเมื่อ 2 วันก่อน ท่านได้พูดถึงประเด็นที่สอดคล้องกับที่ตนเคยให้ความเห็นก่อนหน้านี้ว่า ร.ต.ท.จรูญ เป็นคนสุดท้ายที่ถือลอตเตอรี่มาขึ้นรางวัล ตามหลักสัณนิษฐานว่า “เป็นผู้ครอบครอง” จึงไม่มีเหตุสงสัย

ดร.เทอดศักดิ์ กล่าวว่า ประเด็นความคิดดังกล่าวถูกเริ่มต้นที่โรงพักกาญจนบุรี เพราะ นางลาวัลย์ วิมูล ภรรยาลุงจรุญ เชื่อตามหลักเป็นผู้ครอบครอง “ใครเป็นผู้ขึ้นเงิน คนนั้นเป็นเจ้าของ” แต่การหยิบของคนอื่นไปแล้วอ้างว่าเป็นเจ้าของ หลักการสืบสวนมุ่งไปที่ ประจักษ์พยาน เพื่อระบุว่า ทรัพย์เป็นของใคร

นายจักร์กฤษ กล่าวว่า ประจักษ์พยานที่ว่า เป็นพยานบุคคล ซึ่งเชื่อถือได้ในระดับหนึ่ง เวลาเบิกความสอดคล้องก็น่าเชื่อถือ มีน้ำหนัก แต่ถ้าผลนิติวิทยาศาสตร์เรื่องคลิปเสียง โต้ตอบระหว่างครูปรีชา กับ แม่ค้า หากพิสูจน์ได้ว่า เป็นความจริง จะทำให้พยานบุคคลฟังไม่ขึ้น

ดร.เทอดศักดิ์ กล่าวถึงเรื่องคลิปเสียงที่ได้ยินว่า เป็นเพียง 1 คลิป จากทั้งหมด 4 คลิป ความยาวคลิปละ 2 นาที เป็นสิ่งที่สังคมรับรู้แค่ชุดความคิดเดียว และพยานยังไม่มีใครกลับคำให้การ ตามที่สื่อรายงานข่าว ที่สำคัญ เอกสารลับที่เผยแพร่ออกมา เป็นเอกสารเท็จ ซึ่งตำรวจยอมรับเอง ซึ่งตนจะไปร้อง ปปช. สุดท้าย จุดที่ ผู้การฯ จังหวัดกาญจน์ เรียก หมวดจรูญ ไปคุยเป็นสถานที่ราชการ เป็นบ้านพักของ สภ.เมือง แต่ไม่มีใครพูดถึง

นายจักร์กฤษ กล่าวว่า ไม่ใช่แค่เรื่องเอกสารอย่างเดียว มีหลายอย่างต้องประกอบกัน อย่างพยานบุคคล  มีพยานสำคัญปากหนึ่งที่เห็น หมวดจรูญ เก็บสลากได้ และมีพยานที่บอกว่า เห็นสลากในกระเป๋าเสื้อครูปรีชา แต่สุดท้ายบอกไม่ใช่ ไปขอแบ่งจากแผง ทำให้ไม่น่าเชื่อถือ
เกี่ยวกับการออกหมายจับ ครูปรีชา ดร.เทอดศักดิ์ กล่าวว่า ไม่น่าจะมี เพราะตามหลักการออกหมายจับนั้น ผู้ต้องหาต้องมีพฤติกรรมหลบหนี คดีมีโทษเกิน 3 ปี แต่ ครูปรีชา เป็นข้าราชการ ออกสื่ออยู่ทุกวัน ไม่มีพฤติกรรมหลบหนีแต่อย่างใด  ซึ่ง นายจักร์กฤษ กล่าวเสริมว่า ตามหลักแล้วตำรวจต้องออกหมายเรียก 2 ครั้ง ก่อนออกหมายจับ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ศาลจะไม่ออกหมายจับเลย อยู่ที่ดุลยพินิจว่าเป็นคดีสำคัญ อาจมีเหตุหลบหนี

ดร.เทอดศักดิ์ กล่าวว่า ครูปรีชา ต้องพูดความจริงในตอนนี้ เพราะเป็นอาวุธที่ใช้ได้อย่างเดียวในตอนนี้ และอย่าหนีสื่อ ที่ผ่านมา ครูปรีชา อยากพูดความจริงกับศาล แต่ระยะหลังนี้ตนบอกให้ ครู พูดความจริงกับสื่อ โดยสิ่งที่พูดไม่ตรงกันกับแม่ค้า เพราะชุดความคิดแรกทนายความบอกให้ครูนำเรื่องนี้ไปขึ้นศาล โดยไม่ต้องพูดกับสื่อ ซึ่งพอ ครู พูดออกมา จึงไม่ทราบว่า คนอื่นพูดออกไปหมดแล้ว เชื่อว่า เป็นการกั๊กข้อมูลไว้ใช้ในศาล

นายจักร์กฤษ ตอบโต้ว่า สื่อไม่มีส่วนได้เสียในคดี แต่สะท้อนปรากฎการณ์ความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ไม่ได้แต่งเติมเสริมเรื่อง ความจริงเป็นอย่างไรก็เป็นเช่นนั้น จะมีกี่ชุดความคิดก็แล้วแต่ แต่สุดท้ายความจริงมีแค่ชุดเดียว  กรณีที่ พยานพูดไม่ตรงกันทำให้เกิดความน่าสงสัย เพราะโดยปกติคนจริง พูดคำไหนเวลาไหนก็ต้องเป็นคำเดิมไม่เปลี่ยน

ดร.เทอดศักดิ์ ยังตั้งข้อสังเกตุว่า เหตุใด  ร.ต.ท.จรูญ อ้างว่า จำคนขายหวยไม่ได้ แต่ไปแจ้งความเอาผิด “เจ๊บ้าบิ่น” ซึ่งตรงนี้ขัดกับสิ่งที่เคยพูดกับสังคม

นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนเพื่อเยาวชนและสังคม กล่าวว่า เรื่องแจ้งความขายหวยเกินราคา เป็นเรื่องนานแล้ว มีการแจ้งความาครั้งเดียว แต่ตำรวจเพิ่งดำเนินคดีไม่กี่วันมานี้  เกิดจากฐานความผิดที่แม่ค้าอ้างว่าขายหวยเกินราคา แต่ ลุงจรูญ ซื้อหวยมา แต่จำไม่ได้ว่าซื้อจากใคร เมื่อ แม่ค้า ยอมรับว่าเป็นคนขาย จึงดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยตนเป็นคนแจ้งข้อหานี้เอง ส่วน ลุงจรูญ แจ้งความเรื่อง “ให้การเท็จ” อย่างเดียว  โดย ลุงจรูญ บอกว่า รู้ว่าซื้อที่ไหน แต่จำหน้าแม่ค้าไม่ได้ หากตำรวจแถลงว่าเป็นของ ครูปรีชา ก็จะดำเนินคดีต่อไป

ดร.เทอดศักดิ์ กล่าวปิดท้ายว่า หากหวยเป็นของ หมวดจรูญ ตนก็ยังจะช่วย ครูปรีชา เชื่อมั่นว่าจะชนะชัวร์ โดยคดีนี้มีเรื่องเหนือความคาดหมาย เมื่อถึงเวลาหลังตำรวจแถลงทุกอย่างจะค่อยๆ พลิก แล้วเห็นความจริง ซึ่งมันจะเหนือความคาดหมายอย่างที่ทุกคนไม่คาดคิด
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
http://www.amarintv.com/news-update/news-update-thai/news-7281/162626/
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่