**ขออภัยค่ะ พอดีแอคเคาน์เรายังตั้งกระทู้แบบสนทนาไม่ได้**
สวัสดีค่ะ มาแชร์ประสบการณ์สำหรับเพื่อนๆที่สนใจไปปฏิบัติธรรม แต่ยังไม่รู้จะเลือกที่ไหน
เรามีโอกาสดีได้ไปปฏิบัติธรรมเจริญภาวนาสติ ถือศีล 8 ที่วัดร่ำเปิง (ตโปทาราม) ตำบล สุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
โดยส่วนตัวไม่เคยไปปฏิบัติธรรมแบบจริงจังมาก่อน เคยแต่อบรมสมัยเรียนมหาวิทยาลัย โดดบ้างหลับบ้าง แต่ครั้งนี้ต่างกันเราตั้งใจมาสงบจิตใจ และหาที่สงบๆเพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตต่อไป การมาปฏิบัติธรรมที่นี่ เราลองหาข้อมูลจากใน อินเตอร์เนต และจากกระทู้ของเพื่อนๆในพันทิปประกอบการตัดสินใจ ปกติทำงานใช้ชีวิตในกรุงเทพฯ เลยอยากไปไหนก็ได้ที่ไกลๆ เลยมาจบลงที่เชียงใหม่
ที่วัดร่ำเปิง(ตโปทาราม) เป็นสำนักปฏิบัติธรรมประจำ จังหวัดเชียงใหม่ แห่งที่2มีคนไทยและชาวต่างชาติหลายประเทศ ยุโรป อเมริกัน โดยเฉพาะคนจีน นิยมมาศึกษาแนวทางการปฏิบัติธรรมวิถีพุทธที่นี่ค่ะ
ขั้นตอนการไปปฏิบัติธรรม
- ลองหาวันเวลาที่สะดวก อย่างน้อย 3วัน (เป็นข้อกำหนดของทางวัดค่ะ เพื่อที่ผู้ปฏิบัติจะได้มีเวลาเรียนรู้และได้ปฏิบัติจริง
- โทรไปติดต่อสอบถามทางวัดที่เบอร์053-278620ว่าช่วงที่เราสนใจทางวัดมีกิจกรรมตามวาระนั้นๆหรือไม่ เช่น วันที่ 1 มีนาคม 2561 เป็นวันมาฆบูชา ปีนี้จะมีชาวจีนกว่า 30คน มาบวช ปฏิบัติธรรม (จริงๆสถานที่ทางวัดกว้างขวาง มีพื้นที่พอที่จะรองรับสำหรับคนจำนวนมาก แต่บางท่านอาจจะต้องการความสงบค่ะ)
- จัดเตรียมกระเป๋าของที่จำเป็น(ลองดูของเราเป็นไอเดียคร่าวๆได้ค่ะ)
* บัตรประชาชน
* เงินติดตัว
* นาฬิกาปลุก(เราใช้นาฬิกาข้อมือ)
* ชุดสำหรับปฏิบัติธรรม 3ชุด เป็นเสื้อยืดขาวก็ได้ เผื่อซักตาก
* เสื้อซับในกระโปรงซับในสำหรับผู้หญิง
* สำหรับผู้หญิง ให้เตรียมผ้าสไบปิดหน้าอกไปด้วยไม่เน้นความสวยงาม เน้นความเรียบร้อยมิดชิด
* ประสบการณ์หลังการปฏิบัติธรรม ใส่ผ้าถุงดีที่สุดเพราะเวลาที่เดินจงกรม 4ชั่วโมงติดมีเหงื่อหากใส่กางเกงตะเข็บจะเสียดสีที่ต้นขาเจ็บจนไม่อยากเดินต่อ
* เข็มขัดรัดเอวสำหรับกรณีใส่ผ้าถุง
* ผ้าเช็ดหน้า
* ผ้าขนหนูเช็ดตัว
* สบู่ แชมพู ยาสีฟัน แปรงสีฟัน(ทางวัดมีร้านขายแต่เตรียมไปให้พร้อมสะดวกกว่า)
* ผงซักฟอกห่อเล็กๆ
* แป้งฝุ่นสำหรับทาต้นขา
* ยากันยุง
* เข็มกลัด
* ถุงผ้าเล็กๆ สำหรับใส่ขวดน้ำ หรือกุญแจห้อง (บางคนถือมือเปล่า มักทำหล่นหายกลางทาง)
* ถุงเท้า
* ยางรัดผม
* กิ๊บหนีบผม
* รองเท้าแตะ
วันแรกของการปฏิบัติธรรม
1. การเดินทางไปที่วัดเมื่อถึงกำหนด เรามาจากกทม เลยเดินทางไปถึงล่วงหน้า1วัน เนื่องจากทางวัดกำหนดว่าจะต้องไปถึงวัดก่อนเวลา 7:45น. หากไม่ทันจะต้องมาในวันถัดไป เราเลือกพักโรงแรมแถวคูเมือง เชียงใหม่ เพราะกลางคืนหาอะไรทานสะดวก ตอนเช้าเราเรียกรถโดยใช้ แอปพลิเคชั่น Grab เลือกใช้ Grab car รถบ้านธรรมดาจากประตูท่าแพ ถึงวัดประมาณ 10นาที ค่ารถ 87บาท เราว่าสะดวกดี มารับถึงหน้าที่พัก ค่ารถตามที่โชว์ในแอฟไม่ต้องมากังวลว่ารถจะไปหรือไม่ไปค่ะ
2. ในกรณีมาถึงวัดเช้า บางคนยังไม่ได้ทานอะไร ประตูหลังวัด ฝั่ง ตู้ atm จะมีร้านข้าวแกง อาหารเช้าชื่อbukitta ให้บริการอยู่ค่ะ
3. เมื่อเข้ามาในตัววัดให้เดินไปที่ฝ่ายรับลงทะเบียนทางฝั่งประตูหน้าวัดเลย จะแยกเป็น2ฝั่ง ฝั่งสงฆ์ สำหรับลงทะเบียนผู้ปฏิบัติธรรมชาย (โยคีชาย) ฝั่งแม่ชี สำหรับผู้ปฏิบัติธรรมหญิง(โยคีหญิง) ให้เราเข้าไปติดต่อกรอกข้อมูล เราจะต้องฝากบัตรประชาชนยืนยันตน และใากโทรศัพท์ไว้ที่ลงทะเบียน จะมีการออกใบฝากของมีต้นขั้ว ให้เราเก็บไว้ให้ดีห้ามหายค่ะ
4. หลังจากลงทะเบียนเรียบร้อย ให้เราขนของเครื่องใช้ที่เตรียมมาไปวางไว้ในห้องลงทะเบียนก่อน เพราะจะได้อีกครั้งตอนเที่ยงค่ะ
5. วันที่ไปเราไม่ได้เตรียมดอกบัวไป11ดอก ตามข้อมูลของวัด เพราะไม่รู้จะหาซื้อที่ไหน เพื่อนๆไม่ต้องกังวลค่ะ ถ้าสะดวกก็พาไป ไม่สะดวกทางวัดก็จะมีเตรียมไว้ให้ ใช้11ดอก ต่อจำนวนคนที่มาปฏิบัติธรรมวันนั้นนับเป็น 1กลุ่ม
6. หลังจากลงทะเบียนเราจะได้ป้ายติดหน้าอก ข้อความ”ห้ามพูด”มาให้ ให้เราดูสีของป้ายนั้น จะแตกต่างออกไป เช่น สีม่วง สีเขียว สีเหลือง สีแดง ฯลฯ อันนี้คือการแยกกลุ่มสำหรับการสอบอารมณ์กับวิปัสนาจารย์ในวันถัดไป ต่างสีต่างสถานที่ค่ะ
7. 7:50 แม่ชีจะให้เรายืนเรียงแถว แยกตามสีหน้าอก แล้วพาเดินไปอธิบายจุดต่างๆ ข้อควรและไม่ควรปฏิบัติ ที่นี่จะแยกฝั่งปฏิบัติธรรมชายและหญิงเอาไว้ ผู้ชายจะฝึกปฏิบัติในเขตสวนยาง ผู้หญิงฝั่งศาลา และอาคาร80ปี
8. หลังจากนั้นแม่ชีอีกท่านจะนำเราเข้าไปห้องอุโมงค์ใต้ดินสำหรับทำพิธีรับกรรมฐานกับท่านเจ้าอาวาสวัด จะมีการซ้อมก่อน1ครั้ง เพื่อการปฏิบัติที่พร้อมเพรียงกัน
9. หลังจากทำพิธีรับกรรมฐานเสร็จเราจะไปทานอาหารมื้อเพลกันที่หอฉัน ตอน10:30น. ที่นี่เมื่อเราเดินเข้าไป จะต้องหยิบบทสวด มีทั้งแบบภาษาไทย และภาษาต่างประเทศ
10. อาหารที่นี่มีให้เลือก2แบบ คืออาหารธรรมดาที่มีเนื้อสัตว์ และอาหารมังสวิรัส เราสามารถเลือกทานได้ค่ะ หลังจากนั้นให้หาที่นั่งทาน นั่งแยกชายหญิงนะคะ เราสามารถหยิบเบาะรองนั่งมาใช้ได้เก็บคืนหลังใช้เสร็จ
11. หลังจากนั้น พระสงฆ์จะสวดมนต์ให้พรแก่ผู้มีจิตศรัทธาทำบุญเลี้ยงอาหารทั้งเช้าและเพล โยคีหญิงชายก็สามารถร่วมเลี้ยงอาหารได้ค่ะ เจ้าภาพ เช้า เพล 8,000บาท สามารถทำบางส่วนได้แต่ต้องมากกว่า500บาท ส่วนมื้อเย็นเป็นน้ำปานะ 500บาทค่ะ
12. หลังจากรับประทานอาหารเสร็จเราจะต้องเป็นผู้ล้างจานชามเอง โดยเดินออกไปทางหลังครัว แยกขยะตามถัง จะมีจุดล้างจาน แยกกับจุดล้างแก้ว ให้เราตรวจดูความสะอาดให้ดี เพราะวันรุ่งขึ้นเราก็จะต้องใช้จานชามเหล่านี้อีกครั้งหนึ่ง
13. 11:45เป็นต้นไปหากทานข้าวเสร็จไว ให้เราเดินมารับกุญแจห้องพักที่อาคารลงทะเบียน หากคนไม่เยอะเราจะได้พักส่วนตัวห้องเดียว สะดวกมากๆค่ะ ครั้งนี้เราได้พักเดี่ยวที่อาคารวิปัสสนา2 เมื่อรับกุญแจห้องให้ขนกระเป๋าของใช้ส่วนตัวมาเตรียม แล้วเดินอ้อมไปหลังอาคารลงทะเบียน รับผ้าห่ม ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน (สำหรับคนขี้หนาว สามารถขอแม่ชีเพิ่มได้เลยค่ะ)
14. เมื่อถึงห้องพัก ก็เริ่มกวาดทำความสะอาดเช็ดถูห้อง จริงๆคนที่อยู่ก่อนหน้าจะต้องทำให้สะอาดก่อนลาศีลออกไป ในห้องมีห้องน้ำส่วนตัว เครื่องใช้ครบพอสมควรเช่น ไม้กวาด ผ้าถูพื้น น้ำยาล้างห้องน้ำ(ถ้าไม่มีให้ขอทางวัดค่ะ) แปรงขัดส้ม ถังขยะ ไม้แขวนเสื้อ ไม้หนีบ เราทำความสะอาดอย่างดีก็อาบน้ำพักครึ่งชั่วโมง จนบ่ายโมงให้ลงไปฝึกปฏิบัติพร้อมกันแยกชายและหญิง โยคีหญิงจะอยู่ที่อาคารปฏิบัติข้างหอฉัน ส่วนโยคีชายจะอยู่ฝั่งสวนยาง
15. เริ่มสวดมนต์ ไหว้พระและเริ่มปฏิบัติ เดินจงกรมและนั่งสมาธิ ขั้นที่1 จนถึงเวลา 4โมงเย็น(วันนี้ได้การบ้านให้ปฏิบัติรวมให้ได้6 ชั่วโมง)
16. พักผ่อนอาบน้ำชำระล้างร่างกาย รอฉันน้ำปานะในเวลา 5โมงเย็น (จะเป็นน้ำธัญพืช เช่น ถั่วเหลือง ,ข้าวโพด ,ถั่วแดง)
17. เราสามารถใช้ช่วงเวลาว่างฝึกปฏิบัติต่อได้เอง รอจน6โมงเย็นจะต้องไปรวมพร้อมกันที่อุโบสถ เพื่อสวดมนต์ทำวัดเย็น เราสามารถถือเบาะรองนั่งจากอาคารปฏิบัติธรรมติดมาด้วยได้ค่ะ ใช้เวลาถึงประมาณ 1ทุ่มครึ่งของทุกวัน ยกเว้นวันพระที่จะนานกว่า เพราะมีการเทศนาธรรม
18. หลังจากนั้นจะแยกไปปฏิบัติธรรมรวมกัน แยกชายหญิงเหมือนเดิมจนถึง 21:30น. แยกย้ายกลับที่พักเพื่อพักผ่อนค่ะ
19. บางคนอาจจะกรวดน้ำอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลในส่วนนี้ทางวัดจะเตรียมที่กรวดน้ำไว้ให้ เรากรวดเสร็จก็เติมน้ำให้คนถัดไปใช้ต่อ
คืนแรกผ่านไป เหนื่อยและเพลียมาก ไม่เคยรู้สึกถึงความสุขของการเอาหลังนอนแนบพื้นเท่านี้มาก่อนเลย
วันที่สองของการปฏิบัติธรรม
1. ต้องตั้งนาฬิกาปลุกก่อนเข้านอน เมื่อพร้อมก็ลงไปสวดมนต์ แยกชายหญิงเหมือนเมื่อวาน ตั้งแต่ 4:30-6:10น.
2. ปฏิบัติเหมือนกับเมื่อวานคืน ล้างจาน ล้างแก้วเอง
3. ช่วงนี้เราสามารถซื้อของเตรียมตักบาตรได้ค่ะ จะตักช่วง 7:30น.ของทุกวัน ถ้าเป็นวันพระจะเป็นเวลา 8:00น.
4. ยังจำป้ายสีติดหน้าอกได้มั้ยคะ ของเราได้สีม่วง จะต้องไปรอสอบอารมณ์ที่อาคารหอแม่ชี แต่ละสีก็จะมีเวลาสอบอารมณ์ที่แตกต่างกันต้องจำให้ดีนะคะ การสอบอารมณ์ คือวิปัสสนาจารย์จะถามไถ่ว่า ทำได้มั้ย รู้สึกยังไงบ้าง ปฏิบัติได้กี่ชั่วโมง ถ้าเราทำได้ตามที่กำหนด อาจจะได้รับชั่วโมงการปฏิบัติเพิ่ม (วันที่2 เราได้7ชั่วโมง และยังเป็นการเดินจงกรม ขั้นที่1 คือ ขวาย่างหนอ-ซ้ายย่างหนอ
5.หลังจากนั้นให้แยกฝึกปฏิบัติ เดินจงกรม นั่งสมาธิ เราสามารถเดินไปหาทำเลที่คิดว่าเหมาะเงียบสงบได้ ส่วนตัวเราขึ้นไปที่ชั้น2 อาคาร80ปีค่ะ คนไม่พลุกพล่าน เงียบดี
6.ตั้งนาฬิกาปลุก ประมาณ10:30น.ให้ไปพร้อมกันที่หอฉัน เพื่อรับประทานอาหารมื้อเพล ปฏิบัติเหมือนเดิม
7.เราจะมีเวลาว่าง ช่วง11:30-13:00น. เราเลือกได้เองว่าจะพักหรือไปปฏิบัติต่อ ตัวเราเองขอพักเพราะเพิ่งผ่าตัดมา การนั่งนาน เดินนานทำให้เราปวดแผล แต่เราแค่เอนยืดหลัง แค่นั้นก็รู้สึกสบาย แม่ชีบอกว่า เรามาตั้งใจปฏิบัติแล้ว อย่ายอมแพ้กับสิ่งยั่วยุ กลับบ้านไปนอนเมื่อไหร่ก็ได้ อยู่วัดก็ปฏิบัติให้คุ้มกับความตั้งใจ
7. หลังจากนั้นก็ปฏิบัติเหมือนขั้นตอนด้านบนในทุกๆวันค่ะ
วันนี้เราทรมานมากปวดหลังจนร้องไห้ แต่ก็อดทนค่ะ เหนื่อยก็พักสักนิดแล้วปฏิบัติต่อ กลับถึงห้องหลับสนิทจริงๆ ปกติ ตี1ก็ยังเล่นโทรศัพท์ ดูหนัง ฯลฯ
ขออนุญาติรวบรัดตัดข้ามมาวันสุดท้ายเลย เราปฏิบัติได้1สัปดาห์
1. ตื่นตี4เหมือนทุกวัน แต่เตรียมกระเป๋า เก็บที่นอน ผ้าห่ม ปลอกหมอนให้เรียบร้อย เก็บกวาดห้องให้สะอาด
2. ลงมาสวดมนต์เช้าเหมือนเดิม แต่หลังจากเสร็จพร้อมกันให้คนกลับบ้านรอลาศีลกับพระวิปัสนาจารย์ก่อน แม่ชีจะช่วยเตรียมดอกบัวใส่พาน เราก็จะสวดมนต์ และกล่าวขอขมา รับศีลกลับบ้านด้วย
3. หลังจากเสร็จก็ไปรับประทานอาหารตามปกติ
4. กลับห้องอาบน้ำเรียบร้อย เอาชุดผ้าห่ม ปลอกหมอน ผ้าปูที่นอนลงไปคืนด้านหลังของห้องลงทะเบียน ที่เดียวกับตอนรับมา
5. นำกุญแจห้องและป้ายติดหน้าอกมาคืนทางวัด จะได้โทรศัพท์คืนมาค่ะ
6. เราสามารถชำระหนี้สงฆ์ เช่นค่าน้ำค่าไฟ ค่าบำรุงวัดต่างๆที่นี่ใบเสร็จที่มีต้นขั้วถูกต้องชัดเจน ทางวัดจะนำไปใช้ในการพัฒนาวัดต่อไป เราจะไ้ด้ต่อยอดให้ผู้ที่มาปฏิบัติต่อไปสะดวกสบายอย่างที่เราได้รับค่ะ
7. เรียก Grab กลับเข้าเมือง 97บาทค่ะ
การปฏิบัติธรรมที่นี่เป็นแนวสติปัฏฐาน 4 คือธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งสติ4อย่าง
1. กายานุปัสสนาสติสัมปัฏฐาน คือการพิจารณากายเป็นอารมณ์
2.เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน คือ การพิจารณาเวทนาเป็นอารมณ์
3.จิตตานุปัสสนาสิปัฏฐาน คือ การพิจารณาจิตเป็นอารมณ์
4.ธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน คือ การพิจารณาธรรมเป็นอารมณ์
แบบกำหนดจิตไว้ที่ท้อง เวลานั่งสมาธิ คือ หายใจเข้า พองหนอ หายใจออกยุบหนอ เดินจงกรมก็ ขวาย่างหนอ ซ้ายย่างหนอรู้ถึงทุกการกระทำและความรู้สึก ให้จิตเราไม่วอกแวก ยิ่งปฏิบัติได้มากขึ้น ก็จะย่อยลงไปอีก เช่น
ขั้นที่1
การเดิน กำหนด :ขวาย่างหนอ ซ้ายย่างหนอ
การนั่งกำหนด : พองหนอ ยุบหนอ
ขั้นที่2
การเดิน กำหนด :ขวายกหนอ เหยียบหนอ
การนั่งกำหนด : พองหนอ ยุบหนอ แต่เพิ่มการกำหนดเพ่งจิตไปตามเวทนาที่เกิดขึ้น เช่น ปวดหลังก็ กำหนดจิตไปตรงที่ปวด ว่าปวดหนอๆ ให้จิตรู้ ไม่ได้เพื่อให้หายเจ็บ หลังจากนั้นก็กลับมากำหนดจิตที่หน้าท้อง ยุบหนอ พองหนอต่อ ทำไปเรื่อยๆ
ขั้นที่ 3
การเดิน กำหนด :ขวายกหนอ เหยียบหนอ
การนั่งกำหนด : พองหนอ ยุบหนอ นั่งหนอ
ขั้น4-11
อันนี้ไว้โอกาสหน้าหากมีโอกาสจะมาแชร์ให้เพื่อนๆที่สนใจนะคะ
เรามีเวลาการฝึกปฏิบัติไม่มาก มีความท้อ เหนื่อย ขี้เกียจมาก แต่ก็เอาชนะและผ่านมันมาได้ด้วยความตั้งใจ การมาครั้งนี้ประทับใจมาก ใจเราสงบ มีสติในการทำอะไรมากขึ้น เป็นเพียงช่วงต้นของผู้ฝึก แต่เราเชื่อว่าหากตั้งใจเราจะสามารถนำคำสอนที่วิปัสสนาจารย์ทุกท่านไปประยุกต์ปฏิบัติใช้ในชีวิตจริงให้เกิดประโยชน์ค่ะ
ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยนะคะ หากสิ่งที่เราพิมพ์หรือแชร์ข้อมูลใดๆผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
แชร์ประสบการณ์ ปฏิบัติธรรมวัดร่ำเปิง(ตโปทาราม) เชียงใหม่
สวัสดีค่ะ มาแชร์ประสบการณ์สำหรับเพื่อนๆที่สนใจไปปฏิบัติธรรม แต่ยังไม่รู้จะเลือกที่ไหน
เรามีโอกาสดีได้ไปปฏิบัติธรรมเจริญภาวนาสติ ถือศีล 8 ที่วัดร่ำเปิง (ตโปทาราม) ตำบล สุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
โดยส่วนตัวไม่เคยไปปฏิบัติธรรมแบบจริงจังมาก่อน เคยแต่อบรมสมัยเรียนมหาวิทยาลัย โดดบ้างหลับบ้าง แต่ครั้งนี้ต่างกันเราตั้งใจมาสงบจิตใจ และหาที่สงบๆเพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตต่อไป การมาปฏิบัติธรรมที่นี่ เราลองหาข้อมูลจากใน อินเตอร์เนต และจากกระทู้ของเพื่อนๆในพันทิปประกอบการตัดสินใจ ปกติทำงานใช้ชีวิตในกรุงเทพฯ เลยอยากไปไหนก็ได้ที่ไกลๆ เลยมาจบลงที่เชียงใหม่
ที่วัดร่ำเปิง(ตโปทาราม) เป็นสำนักปฏิบัติธรรมประจำ จังหวัดเชียงใหม่ แห่งที่2มีคนไทยและชาวต่างชาติหลายประเทศ ยุโรป อเมริกัน โดยเฉพาะคนจีน นิยมมาศึกษาแนวทางการปฏิบัติธรรมวิถีพุทธที่นี่ค่ะ
ขั้นตอนการไปปฏิบัติธรรม
- ลองหาวันเวลาที่สะดวก อย่างน้อย 3วัน (เป็นข้อกำหนดของทางวัดค่ะ เพื่อที่ผู้ปฏิบัติจะได้มีเวลาเรียนรู้และได้ปฏิบัติจริง
- โทรไปติดต่อสอบถามทางวัดที่เบอร์053-278620ว่าช่วงที่เราสนใจทางวัดมีกิจกรรมตามวาระนั้นๆหรือไม่ เช่น วันที่ 1 มีนาคม 2561 เป็นวันมาฆบูชา ปีนี้จะมีชาวจีนกว่า 30คน มาบวช ปฏิบัติธรรม (จริงๆสถานที่ทางวัดกว้างขวาง มีพื้นที่พอที่จะรองรับสำหรับคนจำนวนมาก แต่บางท่านอาจจะต้องการความสงบค่ะ)
- จัดเตรียมกระเป๋าของที่จำเป็น(ลองดูของเราเป็นไอเดียคร่าวๆได้ค่ะ)
* บัตรประชาชน
* เงินติดตัว
* นาฬิกาปลุก(เราใช้นาฬิกาข้อมือ)
* ชุดสำหรับปฏิบัติธรรม 3ชุด เป็นเสื้อยืดขาวก็ได้ เผื่อซักตาก
* เสื้อซับในกระโปรงซับในสำหรับผู้หญิง
* สำหรับผู้หญิง ให้เตรียมผ้าสไบปิดหน้าอกไปด้วยไม่เน้นความสวยงาม เน้นความเรียบร้อยมิดชิด
* ประสบการณ์หลังการปฏิบัติธรรม ใส่ผ้าถุงดีที่สุดเพราะเวลาที่เดินจงกรม 4ชั่วโมงติดมีเหงื่อหากใส่กางเกงตะเข็บจะเสียดสีที่ต้นขาเจ็บจนไม่อยากเดินต่อ
* เข็มขัดรัดเอวสำหรับกรณีใส่ผ้าถุง
* ผ้าเช็ดหน้า
* ผ้าขนหนูเช็ดตัว
* สบู่ แชมพู ยาสีฟัน แปรงสีฟัน(ทางวัดมีร้านขายแต่เตรียมไปให้พร้อมสะดวกกว่า)
* ผงซักฟอกห่อเล็กๆ
* แป้งฝุ่นสำหรับทาต้นขา
* ยากันยุง
* เข็มกลัด
* ถุงผ้าเล็กๆ สำหรับใส่ขวดน้ำ หรือกุญแจห้อง (บางคนถือมือเปล่า มักทำหล่นหายกลางทาง)
* ถุงเท้า
* ยางรัดผม
* กิ๊บหนีบผม
* รองเท้าแตะ
วันแรกของการปฏิบัติธรรม
1. การเดินทางไปที่วัดเมื่อถึงกำหนด เรามาจากกทม เลยเดินทางไปถึงล่วงหน้า1วัน เนื่องจากทางวัดกำหนดว่าจะต้องไปถึงวัดก่อนเวลา 7:45น. หากไม่ทันจะต้องมาในวันถัดไป เราเลือกพักโรงแรมแถวคูเมือง เชียงใหม่ เพราะกลางคืนหาอะไรทานสะดวก ตอนเช้าเราเรียกรถโดยใช้ แอปพลิเคชั่น Grab เลือกใช้ Grab car รถบ้านธรรมดาจากประตูท่าแพ ถึงวัดประมาณ 10นาที ค่ารถ 87บาท เราว่าสะดวกดี มารับถึงหน้าที่พัก ค่ารถตามที่โชว์ในแอฟไม่ต้องมากังวลว่ารถจะไปหรือไม่ไปค่ะ
2. ในกรณีมาถึงวัดเช้า บางคนยังไม่ได้ทานอะไร ประตูหลังวัด ฝั่ง ตู้ atm จะมีร้านข้าวแกง อาหารเช้าชื่อbukitta ให้บริการอยู่ค่ะ
3. เมื่อเข้ามาในตัววัดให้เดินไปที่ฝ่ายรับลงทะเบียนทางฝั่งประตูหน้าวัดเลย จะแยกเป็น2ฝั่ง ฝั่งสงฆ์ สำหรับลงทะเบียนผู้ปฏิบัติธรรมชาย (โยคีชาย) ฝั่งแม่ชี สำหรับผู้ปฏิบัติธรรมหญิง(โยคีหญิง) ให้เราเข้าไปติดต่อกรอกข้อมูล เราจะต้องฝากบัตรประชาชนยืนยันตน และใากโทรศัพท์ไว้ที่ลงทะเบียน จะมีการออกใบฝากของมีต้นขั้ว ให้เราเก็บไว้ให้ดีห้ามหายค่ะ
4. หลังจากลงทะเบียนเรียบร้อย ให้เราขนของเครื่องใช้ที่เตรียมมาไปวางไว้ในห้องลงทะเบียนก่อน เพราะจะได้อีกครั้งตอนเที่ยงค่ะ
5. วันที่ไปเราไม่ได้เตรียมดอกบัวไป11ดอก ตามข้อมูลของวัด เพราะไม่รู้จะหาซื้อที่ไหน เพื่อนๆไม่ต้องกังวลค่ะ ถ้าสะดวกก็พาไป ไม่สะดวกทางวัดก็จะมีเตรียมไว้ให้ ใช้11ดอก ต่อจำนวนคนที่มาปฏิบัติธรรมวันนั้นนับเป็น 1กลุ่ม
6. หลังจากลงทะเบียนเราจะได้ป้ายติดหน้าอก ข้อความ”ห้ามพูด”มาให้ ให้เราดูสีของป้ายนั้น จะแตกต่างออกไป เช่น สีม่วง สีเขียว สีเหลือง สีแดง ฯลฯ อันนี้คือการแยกกลุ่มสำหรับการสอบอารมณ์กับวิปัสนาจารย์ในวันถัดไป ต่างสีต่างสถานที่ค่ะ
7. 7:50 แม่ชีจะให้เรายืนเรียงแถว แยกตามสีหน้าอก แล้วพาเดินไปอธิบายจุดต่างๆ ข้อควรและไม่ควรปฏิบัติ ที่นี่จะแยกฝั่งปฏิบัติธรรมชายและหญิงเอาไว้ ผู้ชายจะฝึกปฏิบัติในเขตสวนยาง ผู้หญิงฝั่งศาลา และอาคาร80ปี
8. หลังจากนั้นแม่ชีอีกท่านจะนำเราเข้าไปห้องอุโมงค์ใต้ดินสำหรับทำพิธีรับกรรมฐานกับท่านเจ้าอาวาสวัด จะมีการซ้อมก่อน1ครั้ง เพื่อการปฏิบัติที่พร้อมเพรียงกัน
9. หลังจากทำพิธีรับกรรมฐานเสร็จเราจะไปทานอาหารมื้อเพลกันที่หอฉัน ตอน10:30น. ที่นี่เมื่อเราเดินเข้าไป จะต้องหยิบบทสวด มีทั้งแบบภาษาไทย และภาษาต่างประเทศ
10. อาหารที่นี่มีให้เลือก2แบบ คืออาหารธรรมดาที่มีเนื้อสัตว์ และอาหารมังสวิรัส เราสามารถเลือกทานได้ค่ะ หลังจากนั้นให้หาที่นั่งทาน นั่งแยกชายหญิงนะคะ เราสามารถหยิบเบาะรองนั่งมาใช้ได้เก็บคืนหลังใช้เสร็จ
11. หลังจากนั้น พระสงฆ์จะสวดมนต์ให้พรแก่ผู้มีจิตศรัทธาทำบุญเลี้ยงอาหารทั้งเช้าและเพล โยคีหญิงชายก็สามารถร่วมเลี้ยงอาหารได้ค่ะ เจ้าภาพ เช้า เพล 8,000บาท สามารถทำบางส่วนได้แต่ต้องมากกว่า500บาท ส่วนมื้อเย็นเป็นน้ำปานะ 500บาทค่ะ
12. หลังจากรับประทานอาหารเสร็จเราจะต้องเป็นผู้ล้างจานชามเอง โดยเดินออกไปทางหลังครัว แยกขยะตามถัง จะมีจุดล้างจาน แยกกับจุดล้างแก้ว ให้เราตรวจดูความสะอาดให้ดี เพราะวันรุ่งขึ้นเราก็จะต้องใช้จานชามเหล่านี้อีกครั้งหนึ่ง
13. 11:45เป็นต้นไปหากทานข้าวเสร็จไว ให้เราเดินมารับกุญแจห้องพักที่อาคารลงทะเบียน หากคนไม่เยอะเราจะได้พักส่วนตัวห้องเดียว สะดวกมากๆค่ะ ครั้งนี้เราได้พักเดี่ยวที่อาคารวิปัสสนา2 เมื่อรับกุญแจห้องให้ขนกระเป๋าของใช้ส่วนตัวมาเตรียม แล้วเดินอ้อมไปหลังอาคารลงทะเบียน รับผ้าห่ม ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน (สำหรับคนขี้หนาว สามารถขอแม่ชีเพิ่มได้เลยค่ะ)
14. เมื่อถึงห้องพัก ก็เริ่มกวาดทำความสะอาดเช็ดถูห้อง จริงๆคนที่อยู่ก่อนหน้าจะต้องทำให้สะอาดก่อนลาศีลออกไป ในห้องมีห้องน้ำส่วนตัว เครื่องใช้ครบพอสมควรเช่น ไม้กวาด ผ้าถูพื้น น้ำยาล้างห้องน้ำ(ถ้าไม่มีให้ขอทางวัดค่ะ) แปรงขัดส้ม ถังขยะ ไม้แขวนเสื้อ ไม้หนีบ เราทำความสะอาดอย่างดีก็อาบน้ำพักครึ่งชั่วโมง จนบ่ายโมงให้ลงไปฝึกปฏิบัติพร้อมกันแยกชายและหญิง โยคีหญิงจะอยู่ที่อาคารปฏิบัติข้างหอฉัน ส่วนโยคีชายจะอยู่ฝั่งสวนยาง
15. เริ่มสวดมนต์ ไหว้พระและเริ่มปฏิบัติ เดินจงกรมและนั่งสมาธิ ขั้นที่1 จนถึงเวลา 4โมงเย็น(วันนี้ได้การบ้านให้ปฏิบัติรวมให้ได้6 ชั่วโมง)
16. พักผ่อนอาบน้ำชำระล้างร่างกาย รอฉันน้ำปานะในเวลา 5โมงเย็น (จะเป็นน้ำธัญพืช เช่น ถั่วเหลือง ,ข้าวโพด ,ถั่วแดง)
17. เราสามารถใช้ช่วงเวลาว่างฝึกปฏิบัติต่อได้เอง รอจน6โมงเย็นจะต้องไปรวมพร้อมกันที่อุโบสถ เพื่อสวดมนต์ทำวัดเย็น เราสามารถถือเบาะรองนั่งจากอาคารปฏิบัติธรรมติดมาด้วยได้ค่ะ ใช้เวลาถึงประมาณ 1ทุ่มครึ่งของทุกวัน ยกเว้นวันพระที่จะนานกว่า เพราะมีการเทศนาธรรม
18. หลังจากนั้นจะแยกไปปฏิบัติธรรมรวมกัน แยกชายหญิงเหมือนเดิมจนถึง 21:30น. แยกย้ายกลับที่พักเพื่อพักผ่อนค่ะ
19. บางคนอาจจะกรวดน้ำอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลในส่วนนี้ทางวัดจะเตรียมที่กรวดน้ำไว้ให้ เรากรวดเสร็จก็เติมน้ำให้คนถัดไปใช้ต่อ
คืนแรกผ่านไป เหนื่อยและเพลียมาก ไม่เคยรู้สึกถึงความสุขของการเอาหลังนอนแนบพื้นเท่านี้มาก่อนเลย
วันที่สองของการปฏิบัติธรรม
1. ต้องตั้งนาฬิกาปลุกก่อนเข้านอน เมื่อพร้อมก็ลงไปสวดมนต์ แยกชายหญิงเหมือนเมื่อวาน ตั้งแต่ 4:30-6:10น.
2. ปฏิบัติเหมือนกับเมื่อวานคืน ล้างจาน ล้างแก้วเอง
3. ช่วงนี้เราสามารถซื้อของเตรียมตักบาตรได้ค่ะ จะตักช่วง 7:30น.ของทุกวัน ถ้าเป็นวันพระจะเป็นเวลา 8:00น.
4. ยังจำป้ายสีติดหน้าอกได้มั้ยคะ ของเราได้สีม่วง จะต้องไปรอสอบอารมณ์ที่อาคารหอแม่ชี แต่ละสีก็จะมีเวลาสอบอารมณ์ที่แตกต่างกันต้องจำให้ดีนะคะ การสอบอารมณ์ คือวิปัสสนาจารย์จะถามไถ่ว่า ทำได้มั้ย รู้สึกยังไงบ้าง ปฏิบัติได้กี่ชั่วโมง ถ้าเราทำได้ตามที่กำหนด อาจจะได้รับชั่วโมงการปฏิบัติเพิ่ม (วันที่2 เราได้7ชั่วโมง และยังเป็นการเดินจงกรม ขั้นที่1 คือ ขวาย่างหนอ-ซ้ายย่างหนอ
5.หลังจากนั้นให้แยกฝึกปฏิบัติ เดินจงกรม นั่งสมาธิ เราสามารถเดินไปหาทำเลที่คิดว่าเหมาะเงียบสงบได้ ส่วนตัวเราขึ้นไปที่ชั้น2 อาคาร80ปีค่ะ คนไม่พลุกพล่าน เงียบดี
6.ตั้งนาฬิกาปลุก ประมาณ10:30น.ให้ไปพร้อมกันที่หอฉัน เพื่อรับประทานอาหารมื้อเพล ปฏิบัติเหมือนเดิม
7.เราจะมีเวลาว่าง ช่วง11:30-13:00น. เราเลือกได้เองว่าจะพักหรือไปปฏิบัติต่อ ตัวเราเองขอพักเพราะเพิ่งผ่าตัดมา การนั่งนาน เดินนานทำให้เราปวดแผล แต่เราแค่เอนยืดหลัง แค่นั้นก็รู้สึกสบาย แม่ชีบอกว่า เรามาตั้งใจปฏิบัติแล้ว อย่ายอมแพ้กับสิ่งยั่วยุ กลับบ้านไปนอนเมื่อไหร่ก็ได้ อยู่วัดก็ปฏิบัติให้คุ้มกับความตั้งใจ
7. หลังจากนั้นก็ปฏิบัติเหมือนขั้นตอนด้านบนในทุกๆวันค่ะ
วันนี้เราทรมานมากปวดหลังจนร้องไห้ แต่ก็อดทนค่ะ เหนื่อยก็พักสักนิดแล้วปฏิบัติต่อ กลับถึงห้องหลับสนิทจริงๆ ปกติ ตี1ก็ยังเล่นโทรศัพท์ ดูหนัง ฯลฯ
ขออนุญาติรวบรัดตัดข้ามมาวันสุดท้ายเลย เราปฏิบัติได้1สัปดาห์
1. ตื่นตี4เหมือนทุกวัน แต่เตรียมกระเป๋า เก็บที่นอน ผ้าห่ม ปลอกหมอนให้เรียบร้อย เก็บกวาดห้องให้สะอาด
2. ลงมาสวดมนต์เช้าเหมือนเดิม แต่หลังจากเสร็จพร้อมกันให้คนกลับบ้านรอลาศีลกับพระวิปัสนาจารย์ก่อน แม่ชีจะช่วยเตรียมดอกบัวใส่พาน เราก็จะสวดมนต์ และกล่าวขอขมา รับศีลกลับบ้านด้วย
3. หลังจากเสร็จก็ไปรับประทานอาหารตามปกติ
4. กลับห้องอาบน้ำเรียบร้อย เอาชุดผ้าห่ม ปลอกหมอน ผ้าปูที่นอนลงไปคืนด้านหลังของห้องลงทะเบียน ที่เดียวกับตอนรับมา
5. นำกุญแจห้องและป้ายติดหน้าอกมาคืนทางวัด จะได้โทรศัพท์คืนมาค่ะ
6. เราสามารถชำระหนี้สงฆ์ เช่นค่าน้ำค่าไฟ ค่าบำรุงวัดต่างๆที่นี่ใบเสร็จที่มีต้นขั้วถูกต้องชัดเจน ทางวัดจะนำไปใช้ในการพัฒนาวัดต่อไป เราจะไ้ด้ต่อยอดให้ผู้ที่มาปฏิบัติต่อไปสะดวกสบายอย่างที่เราได้รับค่ะ
7. เรียก Grab กลับเข้าเมือง 97บาทค่ะ
การปฏิบัติธรรมที่นี่เป็นแนวสติปัฏฐาน 4 คือธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งสติ4อย่าง
1. กายานุปัสสนาสติสัมปัฏฐาน คือการพิจารณากายเป็นอารมณ์
2.เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน คือ การพิจารณาเวทนาเป็นอารมณ์
3.จิตตานุปัสสนาสิปัฏฐาน คือ การพิจารณาจิตเป็นอารมณ์
4.ธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน คือ การพิจารณาธรรมเป็นอารมณ์
แบบกำหนดจิตไว้ที่ท้อง เวลานั่งสมาธิ คือ หายใจเข้า พองหนอ หายใจออกยุบหนอ เดินจงกรมก็ ขวาย่างหนอ ซ้ายย่างหนอรู้ถึงทุกการกระทำและความรู้สึก ให้จิตเราไม่วอกแวก ยิ่งปฏิบัติได้มากขึ้น ก็จะย่อยลงไปอีก เช่น
ขั้นที่1
การเดิน กำหนด :ขวาย่างหนอ ซ้ายย่างหนอ
การนั่งกำหนด : พองหนอ ยุบหนอ
ขั้นที่2
การเดิน กำหนด :ขวายกหนอ เหยียบหนอ
การนั่งกำหนด : พองหนอ ยุบหนอ แต่เพิ่มการกำหนดเพ่งจิตไปตามเวทนาที่เกิดขึ้น เช่น ปวดหลังก็ กำหนดจิตไปตรงที่ปวด ว่าปวดหนอๆ ให้จิตรู้ ไม่ได้เพื่อให้หายเจ็บ หลังจากนั้นก็กลับมากำหนดจิตที่หน้าท้อง ยุบหนอ พองหนอต่อ ทำไปเรื่อยๆ
ขั้นที่ 3
การเดิน กำหนด :ขวายกหนอ เหยียบหนอ
การนั่งกำหนด : พองหนอ ยุบหนอ นั่งหนอ
ขั้น4-11
อันนี้ไว้โอกาสหน้าหากมีโอกาสจะมาแชร์ให้เพื่อนๆที่สนใจนะคะ
เรามีเวลาการฝึกปฏิบัติไม่มาก มีความท้อ เหนื่อย ขี้เกียจมาก แต่ก็เอาชนะและผ่านมันมาได้ด้วยความตั้งใจ การมาครั้งนี้ประทับใจมาก ใจเราสงบ มีสติในการทำอะไรมากขึ้น เป็นเพียงช่วงต้นของผู้ฝึก แต่เราเชื่อว่าหากตั้งใจเราจะสามารถนำคำสอนที่วิปัสสนาจารย์ทุกท่านไปประยุกต์ปฏิบัติใช้ในชีวิตจริงให้เกิดประโยชน์ค่ะ
ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยนะคะ หากสิ่งที่เราพิมพ์หรือแชร์ข้อมูลใดๆผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ