สวัสดีครับ ชาวพันทิป ทุกคน ! วันนี้มีเรื่องที่ผมคิดมากและวางแผนอนาคตไว้ไกลอยู่พอสมควร เลยอยากขอคำแนะนำจากชาวพันทิป ทุกคนที่สามารถให้คำแนะนำได้ และกระทู้นี้ก็เป็น "กระทู้แรก" ของผมด้วยครับ
ก่อนอื่นเลย ผมขอแนะนำตัวนิดนึง ผมเป็นเด็กนักศึกษา ป.ตรี คนนึง ตอนนี้ผมอายุ 21 ปีแล้ว ฐานะทางการเงินที่บ้านค่อนข้างปานกลาง ไม่ค่อยยากจน แต่ก็ไม่ได้รวยมากมาย และพ่อกับแม่มีหนี้ประมาณนึง แต่ไม่มากนัก ไม่เกิน 300,000 บาท ( อาจจะมากก็ได้ 55+ ) พ่อกับแม่ผมมีลูก 3 คน ผมคนที่ 2 มีน้องสาวและพี่ชาย พี่ชายจบ ป.ตรี แล้ว ส่วนน้องผมกำลังฝึกงาน เรียนอยู่ ปวส.2 พ่อแม่ผมขายของชำที่บ้านเป็นธุรกิจที่มีรายได้ไม่เยอะ แต่ก็พอเลี้ยงลูกทั้ง 3 คนได้ แต่ก็ต้องแลกกับหนี้อย่างที่เห็น 55+
อ่าวละ ! เข้าเรื่องเลยละกัน
อย่างแรกเลย อย่างที่ผมบอก ผมเรียนอยู่ ป.ตรี ตอนนี้ผมกำลังจะได้ฝึกงาน 1 ปี ที่มีค่ามาก เพราะจะตัดสินอนาคตของผมได้เลย ว่าตัวเองจะทำอะไรในอนาคต ซึ่งจะมี 2 แผนชีวิตที่ผมวางเอาไว้นั่นก็คือ
1.การเป็นนักธุรกิจ นักธุรกิจในที่นี้คือ ผมอยากเป็นโปรแกรมเมอร์ ความจริงสำหรับผมการเป็นโปรแกรมเมอร์นั้น ไม่ง่ายเลย เพราะสำหรับผม การฝึกงาน 1 ปี ผมจะต้องเก็บเงินให้ได้เดือนละ 10,000 บ. ต่อเดือน ซึ่งรายได้ที่ผมฝึกงานอยู่ที่ประมาณ 1,2000 - 1,5000 ต่อเดือน แต่สถานที่ฝึกงานนั้น ไม่ตรงสาขาที่ผมเรียน " ผมเรียน คอมพิวเตอร์ ธุรกิจ " เป็นงานบริการเกี่ยวกับร้านอาหาร แต่ถึงแม้ว่าจะไม่ตรงกับสาขาที่เรียน แต่การได้เงินจำนวนมากบวกกับการฝึกงาน 1 ปี ทำให้ผมสนใจเป็นอย่างมาก ทีนี้ผมจะเอาเงินจำนวนนั้นมาซื้อ โน๊ตบุ๊ค ( ราคาประมาณ 30,000 - 50,000 บ. แพงไปไหม) ที่พกพาสะดวกหน่อย มาทำงานในอนาคต และการที่ผมเก็บเดือนละ 10,000 บ. ต่อเดือน ทำให้หนึ่งปี ผมจะได้เงินประมาณ 120,000 บ. จากการที่ผมซื้อโน๊ตบุ๊ค ตัดออก 50,000 บ. เหลือ 70,000 บาท ผมจะเอาเงินตรงนี้ ไปเรียนพิเศษเกี่ยวกับภาษา โปรแกรมเมอร์ ใน กทม. ทุกวันหยุด ( อาทิตย์นึง หยุด 1 วัน ) ผมจะทำงานที่ไม่ตรงสาขาไปเรื่อยๆ และจะเก็บเงินไปเรื่อยๆ เรียนพิเศษไปเรื่อยๆ จนกว่าจะได้งานทำเกี่ยวกับโปรแกรมเมอร์ หรือ งานที่ตรงกับสาขาของตัวเอง ( เพราะผมเชื่อว่า งานค่อนข้างหายากถ้าไม่เก่งจริง ) แต่ลึกๆ ผมอยากเป็น นักโปรแกรมเมอร์มากกว่า เพราะผมชอบและสามารถนั่งอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ได้ 12 - 18 ชั่วโมง ต่อวันได้ ( เรื่องจริงเพราะปัจจุบัน ผมเป็นเด็กติดเกมส์ และค่อนข้างนอนดึกทุกวัน ) แต่เรื่องสุขภาพผมเองก็ต้องระวังด้วย และผมก็ไม่ชอบงานที่ไม่ได้เกี่ยวกับการคลิ๊ก หรือ กดคอมพิวเตอร์ด้วย ถึงจะมีคำที่บอกว่า " ไม่เลือกงานไม่ยากจนก็เถอะ " แต่งานที่เราไม่ชอบก็ไม่รู้จะทำไปเพื่ออะไร เพราะฉะนั้น ความสุขในการทำงานหรือทำในสิ่งที่ตัวเองรักหรือชอบก็เป็นสิ่งที่จำเป็น สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุดนี้ เมื่อผมได้งานเกี่ยวกับโปรแกรมเมอร์แล้ว ผมก็จะหยุดเรียนพิเศษ และจะเรียน พิเศษภาษาอังกฤษแทน บางคนอาจจะคิดว่า ผมมีเวลาว่างเหรอ ? หรือที่บ้านไม่มีภาระให้เลี้ยงดูเหรอ ? ถึงมีตังก์มาเรียนพิเศษได้เรื่อยๆ แต่ไม่ว่ายังไงก็ตามผมจะบริหารจัดการเงินให้ดีที่สุด และอนาคต ผมจะออกจากงานโปรแกรมเมื่อ เพื่อมาเป็นนายตัวเอง หรือ นักธุรกิจส่วนตัว ( อนาคตที่ว่านี่ ! ก็ตอนที่ถึงอายุ 45+ น่ะ ) 55+ แต่ถึงแม้ว่าผมจะใช้เงินกับค่าใช้จ่ายต่างๆมากมายก่ายกอง แต่ก็พยายามจะออมเงินไว้ด้วยสักก้อนนึงเผื่ออนาคต ฉุกเฉิน
สิ่งที่กลัวที่สุด
- กลัวความล้มเหลวในชีวิต กับสิ่งที่ตัวเองทุ่มเท
- กลัวไม่ได้เป็นนักโปรแกรมเมอร์
- กลัวมีอาชีพที่ไม่มั่นคง
2.ชีวิตที่มั่นคง
อย่างที่บอก ผมมีการฝึกงาน 1 ปี แต่ 1 ปีของผมมีทางเลือกอีกแบบนึงเลย คือ ไปฝึกงานที่ตรงสาขาที่ผมเรียน แต่เงินเดือนค่อนข้างน้อย ประมาณ 5,000 - 7,000 บ. ต่อเดือน เนื่องจากจำนวนเงินต่อเดือนที่น้อย ทำให้ผมมีการใช้จ่ายที่จำกัด และการที่จะเรียนพิเศษค่อนข้างที่จะเป็นไปไม่ได้แล้ว เพราะฉนั้น ผมเลยเอาเวลาว่าง ( หยุด เสาร์ - อาทิตย์ ) มาอ่านหนังสือสอบงานราชการ เพราะอนาคตโดยเฉพาะตอนเกษียณอายุ ก็มีเงินบำเหน็จ บำนาญมาในตอนแก่ ตอนฝึกงาน เครียดๆ ก็ไปดูหนังทุกอาทิตย์ ใช้ชีวิตแบบ ชิวๆ เงินเดือนมาก็หมดในเดือนนั้นเลย 55+ พอว่างมากๆ ก็หาอ่านหนังสือสอบงานราชการ เพราะฝึกงานตั้ง 1 ปี ถึงจะเข้าสายงานราชการนี้ยากมากๆก็เถอะ แต่ก็ไม่ซีเรียส เพราะแบบที่ 2 จะเน้นเงินน้อย แต่เวลาว่างเยอะๆ ระหว่างที่สอบราชการไม่ได้ก็หางานทำที่ไม่หนักมาก พยายามทบทวนกับประสบการณต่างๆ ที่ผ่านมา ( สอบไม่ผ่าน ) แล้วมุ่งหน้าอ่านหนังสือต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเข้างานราชการได้ สรุปเลยก็คือ แบบที่ 2 เน้นเวลาว่าง ก็นั่งเล่นเกมส์ในบ้าน หรือ หาเวลาว่างๆมาเยี่ยมพ่อกับแม่ที่บ้านบ่อยๆ หาเวลาไปปิ๊กนิกกันกับเพื่อน โดยใช้จำนวนเงินที่ไม่มากนักในการเที่ยวแต่ละทริป หรือถ้าว่างจริงๆ ก็เอาเวลาไปหารายได้เสริม อาจจะได้วันละ 50 - 100 บ. ก็ว่ากันไป ถือว่าเป็นงานอดิเรก 55+
สิ่งที่กลัวที่สุด
- กลัวสอบงานราชการไม่ได้
- กลัวมีภาระทางด้านการเงินในอนาคต ( ถ้าสอบงานราชการไม่ได้ )
จบละ กับ 2 แบบของการใช้ชีวิตในอนาคต เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ชาวพันทิป อยากให้คำแนะนำแบบไหนก็ว่ามาได้ เพราะอนาคตเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอนและน่ากลัวมาก 55+ ไปละ ( ผมฝึกงานจบ ก็รอจบ ป.ตรีเลย ถึงจะมีงานให้ส่งนิดหน่อยก็เถอะ) ขอบคุณทุกคนที่มาอ่าน มาคอมเมนต์ครับ
ออ. ยังมีแบบที่ 3 หรือจะเพิ่มแบบที่ 3 ดีน่ะ
3.ใช้ชีวิตแบบไม่ต้องวางแผนอะไรให้ยุ่งยาก ไม่ต้องคิดถึงอะไรทั้งนั้น ใช้ชีวิตไปวันๆ ตามประสาคนธรรมดา
เพิ่มเติม : บางคนอาจจะคิดว่าได้ฝึกงานตรงสาขา แล้วทำไมไม่ทำงานที่นั้นเลย ขอตอบล่วงหน้าเลยว่ายากครับ 55+ ( พนักงานเขาเต็มหมดแล้ว แต่พวกผมได้ไปฝึกงานที่นั้นเพื่อเพิ่มประสบการณ์การทำงานใน ออฟฟิศ เฉยๆ ) หรือพอฝึกจบก็จะหางานในออฟฟิศทำก็ไม่เลว แต่ผมเชื่อว่างานหายากมากๆ แต่ก็พร้อมรับการให้คำแนะนำได้เสมอครับ
- ผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วยครับ -
นักธุรกิจ vs ชีวิตที่มั่นคง ( อนาคต )
ก่อนอื่นเลย ผมขอแนะนำตัวนิดนึง ผมเป็นเด็กนักศึกษา ป.ตรี คนนึง ตอนนี้ผมอายุ 21 ปีแล้ว ฐานะทางการเงินที่บ้านค่อนข้างปานกลาง ไม่ค่อยยากจน แต่ก็ไม่ได้รวยมากมาย และพ่อกับแม่มีหนี้ประมาณนึง แต่ไม่มากนัก ไม่เกิน 300,000 บาท ( อาจจะมากก็ได้ 55+ ) พ่อกับแม่ผมมีลูก 3 คน ผมคนที่ 2 มีน้องสาวและพี่ชาย พี่ชายจบ ป.ตรี แล้ว ส่วนน้องผมกำลังฝึกงาน เรียนอยู่ ปวส.2 พ่อแม่ผมขายของชำที่บ้านเป็นธุรกิจที่มีรายได้ไม่เยอะ แต่ก็พอเลี้ยงลูกทั้ง 3 คนได้ แต่ก็ต้องแลกกับหนี้อย่างที่เห็น 55+
อ่าวละ ! เข้าเรื่องเลยละกัน
อย่างแรกเลย อย่างที่ผมบอก ผมเรียนอยู่ ป.ตรี ตอนนี้ผมกำลังจะได้ฝึกงาน 1 ปี ที่มีค่ามาก เพราะจะตัดสินอนาคตของผมได้เลย ว่าตัวเองจะทำอะไรในอนาคต ซึ่งจะมี 2 แผนชีวิตที่ผมวางเอาไว้นั่นก็คือ
1.การเป็นนักธุรกิจ นักธุรกิจในที่นี้คือ ผมอยากเป็นโปรแกรมเมอร์ ความจริงสำหรับผมการเป็นโปรแกรมเมอร์นั้น ไม่ง่ายเลย เพราะสำหรับผม การฝึกงาน 1 ปี ผมจะต้องเก็บเงินให้ได้เดือนละ 10,000 บ. ต่อเดือน ซึ่งรายได้ที่ผมฝึกงานอยู่ที่ประมาณ 1,2000 - 1,5000 ต่อเดือน แต่สถานที่ฝึกงานนั้น ไม่ตรงสาขาที่ผมเรียน " ผมเรียน คอมพิวเตอร์ ธุรกิจ " เป็นงานบริการเกี่ยวกับร้านอาหาร แต่ถึงแม้ว่าจะไม่ตรงกับสาขาที่เรียน แต่การได้เงินจำนวนมากบวกกับการฝึกงาน 1 ปี ทำให้ผมสนใจเป็นอย่างมาก ทีนี้ผมจะเอาเงินจำนวนนั้นมาซื้อ โน๊ตบุ๊ค ( ราคาประมาณ 30,000 - 50,000 บ. แพงไปไหม) ที่พกพาสะดวกหน่อย มาทำงานในอนาคต และการที่ผมเก็บเดือนละ 10,000 บ. ต่อเดือน ทำให้หนึ่งปี ผมจะได้เงินประมาณ 120,000 บ. จากการที่ผมซื้อโน๊ตบุ๊ค ตัดออก 50,000 บ. เหลือ 70,000 บาท ผมจะเอาเงินตรงนี้ ไปเรียนพิเศษเกี่ยวกับภาษา โปรแกรมเมอร์ ใน กทม. ทุกวันหยุด ( อาทิตย์นึง หยุด 1 วัน ) ผมจะทำงานที่ไม่ตรงสาขาไปเรื่อยๆ และจะเก็บเงินไปเรื่อยๆ เรียนพิเศษไปเรื่อยๆ จนกว่าจะได้งานทำเกี่ยวกับโปรแกรมเมอร์ หรือ งานที่ตรงกับสาขาของตัวเอง ( เพราะผมเชื่อว่า งานค่อนข้างหายากถ้าไม่เก่งจริง ) แต่ลึกๆ ผมอยากเป็น นักโปรแกรมเมอร์มากกว่า เพราะผมชอบและสามารถนั่งอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ได้ 12 - 18 ชั่วโมง ต่อวันได้ ( เรื่องจริงเพราะปัจจุบัน ผมเป็นเด็กติดเกมส์ และค่อนข้างนอนดึกทุกวัน ) แต่เรื่องสุขภาพผมเองก็ต้องระวังด้วย และผมก็ไม่ชอบงานที่ไม่ได้เกี่ยวกับการคลิ๊ก หรือ กดคอมพิวเตอร์ด้วย ถึงจะมีคำที่บอกว่า " ไม่เลือกงานไม่ยากจนก็เถอะ " แต่งานที่เราไม่ชอบก็ไม่รู้จะทำไปเพื่ออะไร เพราะฉะนั้น ความสุขในการทำงานหรือทำในสิ่งที่ตัวเองรักหรือชอบก็เป็นสิ่งที่จำเป็น สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุดนี้ เมื่อผมได้งานเกี่ยวกับโปรแกรมเมอร์แล้ว ผมก็จะหยุดเรียนพิเศษ และจะเรียน พิเศษภาษาอังกฤษแทน บางคนอาจจะคิดว่า ผมมีเวลาว่างเหรอ ? หรือที่บ้านไม่มีภาระให้เลี้ยงดูเหรอ ? ถึงมีตังก์มาเรียนพิเศษได้เรื่อยๆ แต่ไม่ว่ายังไงก็ตามผมจะบริหารจัดการเงินให้ดีที่สุด และอนาคต ผมจะออกจากงานโปรแกรมเมื่อ เพื่อมาเป็นนายตัวเอง หรือ นักธุรกิจส่วนตัว ( อนาคตที่ว่านี่ ! ก็ตอนที่ถึงอายุ 45+ น่ะ ) 55+ แต่ถึงแม้ว่าผมจะใช้เงินกับค่าใช้จ่ายต่างๆมากมายก่ายกอง แต่ก็พยายามจะออมเงินไว้ด้วยสักก้อนนึงเผื่ออนาคต ฉุกเฉิน
สิ่งที่กลัวที่สุด
- กลัวความล้มเหลวในชีวิต กับสิ่งที่ตัวเองทุ่มเท
- กลัวไม่ได้เป็นนักโปรแกรมเมอร์
- กลัวมีอาชีพที่ไม่มั่นคง
2.ชีวิตที่มั่นคง อย่างที่บอก ผมมีการฝึกงาน 1 ปี แต่ 1 ปีของผมมีทางเลือกอีกแบบนึงเลย คือ ไปฝึกงานที่ตรงสาขาที่ผมเรียน แต่เงินเดือนค่อนข้างน้อย ประมาณ 5,000 - 7,000 บ. ต่อเดือน เนื่องจากจำนวนเงินต่อเดือนที่น้อย ทำให้ผมมีการใช้จ่ายที่จำกัด และการที่จะเรียนพิเศษค่อนข้างที่จะเป็นไปไม่ได้แล้ว เพราะฉนั้น ผมเลยเอาเวลาว่าง ( หยุด เสาร์ - อาทิตย์ ) มาอ่านหนังสือสอบงานราชการ เพราะอนาคตโดยเฉพาะตอนเกษียณอายุ ก็มีเงินบำเหน็จ บำนาญมาในตอนแก่ ตอนฝึกงาน เครียดๆ ก็ไปดูหนังทุกอาทิตย์ ใช้ชีวิตแบบ ชิวๆ เงินเดือนมาก็หมดในเดือนนั้นเลย 55+ พอว่างมากๆ ก็หาอ่านหนังสือสอบงานราชการ เพราะฝึกงานตั้ง 1 ปี ถึงจะเข้าสายงานราชการนี้ยากมากๆก็เถอะ แต่ก็ไม่ซีเรียส เพราะแบบที่ 2 จะเน้นเงินน้อย แต่เวลาว่างเยอะๆ ระหว่างที่สอบราชการไม่ได้ก็หางานทำที่ไม่หนักมาก พยายามทบทวนกับประสบการณต่างๆ ที่ผ่านมา ( สอบไม่ผ่าน ) แล้วมุ่งหน้าอ่านหนังสือต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเข้างานราชการได้ สรุปเลยก็คือ แบบที่ 2 เน้นเวลาว่าง ก็นั่งเล่นเกมส์ในบ้าน หรือ หาเวลาว่างๆมาเยี่ยมพ่อกับแม่ที่บ้านบ่อยๆ หาเวลาไปปิ๊กนิกกันกับเพื่อน โดยใช้จำนวนเงินที่ไม่มากนักในการเที่ยวแต่ละทริป หรือถ้าว่างจริงๆ ก็เอาเวลาไปหารายได้เสริม อาจจะได้วันละ 50 - 100 บ. ก็ว่ากันไป ถือว่าเป็นงานอดิเรก 55+
สิ่งที่กลัวที่สุด
- กลัวสอบงานราชการไม่ได้
- กลัวมีภาระทางด้านการเงินในอนาคต ( ถ้าสอบงานราชการไม่ได้ )
จบละ กับ 2 แบบของการใช้ชีวิตในอนาคต เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ชาวพันทิป อยากให้คำแนะนำแบบไหนก็ว่ามาได้ เพราะอนาคตเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอนและน่ากลัวมาก 55+ ไปละ ( ผมฝึกงานจบ ก็รอจบ ป.ตรีเลย ถึงจะมีงานให้ส่งนิดหน่อยก็เถอะ) ขอบคุณทุกคนที่มาอ่าน มาคอมเมนต์ครับ
ออ. ยังมีแบบที่ 3 หรือจะเพิ่มแบบที่ 3 ดีน่ะ
3.ใช้ชีวิตแบบไม่ต้องวางแผนอะไรให้ยุ่งยาก ไม่ต้องคิดถึงอะไรทั้งนั้น ใช้ชีวิตไปวันๆ ตามประสาคนธรรมดา
เพิ่มเติม : บางคนอาจจะคิดว่าได้ฝึกงานตรงสาขา แล้วทำไมไม่ทำงานที่นั้นเลย ขอตอบล่วงหน้าเลยว่ายากครับ 55+ ( พนักงานเขาเต็มหมดแล้ว แต่พวกผมได้ไปฝึกงานที่นั้นเพื่อเพิ่มประสบการณ์การทำงานใน ออฟฟิศ เฉยๆ ) หรือพอฝึกจบก็จะหางานในออฟฟิศทำก็ไม่เลว แต่ผมเชื่อว่างานหายากมากๆ แต่ก็พร้อมรับการให้คำแนะนำได้เสมอครับ
- ผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วยครับ -