ปรึกษา เรื่องคดีความพากผู้เยาว์และลักทรัพย์

ปรึกษา เรื่องคดีความพากผู้เยาว์และลักทรัพย์

       ดิฉันเรื่องปรึกษาเกี่ยวกับ คดีความจำนวนสองคดี ที่มีที่มาที่ไปคือเรื่องเดียวกัน  เรื่องนี้เป็นเรื่องของหลานชายที่ครอบครัวเรา ต่อสู้กันมาตลอดเกือบจะ 2 ปีแล้วค่ะ  ขอท้าวความไปในช่วงปี 2556 หลานชายได้หมั้นหมายกับเด็กมัฐยม ต้นคนหนึ่ง ซึ่งตอนแรก ทางแม่ฝ่ายหญิง ให้หมั้น โดยบอกให้ทางฝ่ายชายคือหลานชายดิฉัน หาสินสอดทองหมั้น เอาไว้ เมื่อถึงกำหนดวันหมั้นหมาย ทางฝ่ายหญิง กลับไม่ได้เตรียมการแค่เรื่องหมั้นหมายเท่านั้น แต่กลับมัดมือชกรวบรัดแต่งงาน ทำให้เกิดพิธีผูกข้อไม้ข้อมือกันขึ้นและหลังจากนั้นหลานชายก็ย้ายไปอยู่บ้านฝ่ายสาวโดยทันที
    หลังจากที่ย้ายไปอยู่บ้านฝ่ายสาวได้ไม่ถึงเดือน ฝ่ายผู้หญิงก็ย้ายตัวเองออกจากบ้านแม่โดยไปพักอาศัยอยู่บ้านน้า จึงทำให้รู้ว่า ฝ่ายหญิงถูกบังคับแต่งงานโดยแม่ของฝ่ายสาวเอง หรืออาจะหมดรักหลานชายของดิฉัน เกินเรื่องเล่ามากมาย ในหมูบ้านและต่างหมู่บ้าน จากโรงเรียนของฝ่ายหญิงเอง เนื่องจาก โรงเรียนมัฐยมที่ฝ่ายหญิงเรียนอยู่นั้น เป็นโรงเรียนมัฐยมแห่งเดียวในอำเภอ อีกทั้ง ฝ่ายหญิงยังเป็นเพื่อนกับหลานสาวดิฉัน ประกอบกับ เพื่อฝูงที่เรียนจบก็มาเป็นครูที่โรงเรียนมัฐยมแห่งนี้กันหลายคน ดิฉันมักจะทราบข่าวและเรื่องราวของอดีต หลานสะใภ้คนนี้ บ่อยมากในเรื่องผู้ชาย  จากลูกหลาน และเพื่อนๆที่เป็นครู เล่าว่าฝ่ายหญิงมีชู้ ทั้งๆที่แต่งงานอยู่กินกับหลานชายของดิฉัน ซึ่งตอนนั้น หลานชายน่าจะอายุ 19 ย่าง 20 ปี หลานชายทนอยู่สภาพนั้น ในบ้านของฝ่ายหญิงมาเป็นเวลาหลายปี ก็ย้ายกลับมาอยู่บ้าน และเลิกรากับฝ่ายหญิงไป โดยที่แม่ทางฝ่ายหญิง ในที่นี้ขอเรียกว่า แม่ยาย ไม่ยินยอม ยังตามรังควาญ ตามหลานชายไปทุกที่ ตามด่าทอ ใส่ร้ายป้ายสี คบผู้หญิงคนใหม่ก็ไม่ได้ จะตามไปด่า หนักสุดถึงขั้น สมัครปลอมเฟสบุค  รับแอดญาติพี่น้องเพื่อนฝูงใส่ร้ายป้ายสีผ่านเฟสบุค สร้างความเดือนร้อนและสร้างความรำคาญใจเป็นอย่างมาก และที่เลวร้ายไปกว่านั้น  ฝ่ายแม่ยาย ได้บังคับ ลักเอาโทรศัพท์ ไปจากมือหลานชาย หลังจากที่โทรไปขอนัดหลานชายให้มาตกลงกัน  หลังจากนั้น เงินในบัญชีหลานชาย ถูกโอนออกจากบัญชี เข้าบัญชีแม่ยาย ผ่านโทรศัพท์มือถือ โดยผ่านระบบ อีแบงค์กิ้ง ในเวลานั้น หลานชายได้รวบรวมหลักฐานทั้งหมด ไปแจ้งความที่ สภอ.อ.วังเหนือ แต่ร้อยเวรในขณะนั้น ไม่รับแจ้งความ โดยอ้างสารพัดไม่ยอมให้แจ้ง และสุดท้ายก็ยอมรับแจ้ง แต่ไม่ได้ตั้งข้อหา ทั้งๆที่มีหลักฐานการโอนเงินที่หลานชายไปร้องขอเอกสารการโอนเงิน จาก ธนาคารเจ้าของบัญชีเอง แต่ร้อยเวรในขณะนั้น ได้เรียกตัวหลานชายให้มาไกล่เกลี่ยกับฝ่ายแม่ยาย ที่ดิฉันขอเรียกว่าผู้ต้องหานะคะ บังคับ ริดรอนสิทธิดิฉันกับหลาน พูดภาษาชาวบ้านคือ พยายามช่วยฝ่ายผู้ต้องหา ซึ่งมีเงินมากกว่า ในวันที่ 11 เมษายน 2560 คือวันที่นัดไกล่เกลี่ยและอายุความจะหมดในวันที่ 12 เมษา คือวันสุดท้าย ที่เจ้าหน้าที่จะต้องส่งสำนวน ดิฉันและหลาน ยืนยัน ที่จะให้ดำเนินคดีฝ่ายโจรให้ถึงที่สุด แต่ฝ่ายร้อยเวรนายนั้นไม่ยอม จะให้คดีจบในสภอ.นั้น โดยให้เหตุผลว่า เป็นคดียุ่งยาก ไม่อยากส่งฟ้อง และบังคับให้พวกเรา ต้องหาหลักฐานมายืนยัน เพิ่มเติม ให้ขอ เลขอีมี้มือถือ ซืงยากมากที่จะหาหลักฐานเหล่า เพียงแค่วันเดียว ถ้าไม่มีหลักฐาน จะให้คดีหมดอายุความไป  ดังนั้น  ทางฝ่ายดิฉัน จึงร้องขอให้ทนาย ช่วยดำเนินการ แทนทั้งหมด โดยทนายที่เราจ้างมา เธอรู้จักกับสำนักหนังสือพิมพ์และ ค่อนข้างมีชื่อเสียงในเรื่องของการว่าความ ดั้งนั้น ในวันรุ่งขึ้น ทางเรา จึงขอให้หนังสือพิมพ์ประจำจังหวัดมาเกาะติดสถานะการณ์ให้กับเรา และให้ทนายดำเนินการในเรื่องคดีให้  ในวันนั้น เราจึงสามารถดำเนินการคดีต่อไปได้  หลังจากนั้นเพียงไม่นาน มีหมายศาลมาที่บ้าน  บอกว่า ฝ่ายหญิงฟ้องพากผู้เยาว์จากฝ่ายชาย  ซึ่งทางเรา ไม่สามารถยอมรับเรื่องในข้อนี้ได้ และตอนนี้ คดีความ อยู่ในชั้นศาลทั้งสอง คดี โดยที่ คดีลักทรัพย์  ศาลจังหวัดลำปางจะนัดตัดสิน ในวันที่ 11 เมษายน 2561 นี้ และคดีพากผู้เยาว์ ศาลนัดพิจารณาในวันนี้  คือววันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2561แต่ฝ่ายผู้หญิง ขอเลื่อนนัดเป็นครั้งที่ 2 ซึ่งทำให้หลานชายเสียเวลาในการเดินทาง โดยฝ่ายหญิงให้เหตุผลว่า ขอเลื่อนเพื่อรวบรวมหาหลักฐานเพิ่มเติม  
ดังนั้น ดิฉันจึงมีคำถามและขอคำชี้แนะ ดังนี้ค่ะ
1.    ในเรื่องคดีลักทรัพย์ ซึ่งเรามีหลักฐานที่สามารถเอาผิดผู้ลักได้ในชั้นศาล ถ้าในวันนั้น ศาลท่านพิพากษาให้ฝ่ายโจรผิด เราสามารถฟ้องกลับ และร้องขอค่าเสียเวลาจากฝ่ายโจร อย่างไรได้บ้างคะ
2.    ในคดีพากผู้เยาว์  จากเหตุการณ์ในวันนั้น ทางเรา ถูกหลอกให้ไปเข้าพิธีแต่งงานจากฝ่ายแม่ยาย ซึ่งตอนแรกบอกกับทางฝ่ายเราว่าจะหมั้นหมาย แต่พอเราไปถึงบ้านฝ่ายหญิง กลับจัดงานแต่งงานแบบมัดมือชก ซึ่งเรามีพยานบุคคล ยืนยันชัดเจน
3.    หลังจากที่แต่งงาน ฝ่ายหญิงย้ายออกไปจากบ้าน ที่หลานชายย้ายเข้าไปโดยให้เหตุผลว่า ไม่ได้รักชอบพอ แต่ถูกแม่บังคับให้แต่งงาน โดยทางเรา ก็มีพยาน รู้เห็นว่า ฝ่ายหญิง ได้มีแฟนใหม่ซึ่งเป็นวัยเดียวกันภายในโรงเรียนเดียวกัน  มีพยานบุคคลที่สามารถอ้างอิงเหตุการณ์ในขณะที่ฝ่ายหญิงเรียนอยู่ได้ ซึ่งเป็น ครู อาจารย์ เพื่อนในชั้นเรียน และบุคคลประชาชนทั่วไป หลักฐานพยานแบบนี้ จะสามารถหักล้างคดีพากผู้เยาว์ได้หรือไม่
4.    จากการที่ฝ่ายผู้ฟ้อง ขอเลื่อนการพิจารณาออกไปเรื่อยๆ ส่งผลทำให้ทางฝ่ายเราเสียเวลา เสียทรัพทย์ในการเดินทาง ต่างๆมากมาย เราจะสามารถบังคับให้ทางศาลพิจารณาบังคับคดีหรือเร่งรัดให้แล้วเสร็จได้หรือไม่อย่างไรคะ
5.    ถ้าศาลตัดสิ้นคดีพากผู้เยาว์ว่าหลานชายไม่ผิด เป็นการยินยอมพร้อมใจทั้งสองฝ่าย และยกฟ้อง ทางฝ่ายเรา จะสามารถดำเนินการเอาผิดทางฝ่ายหญิง อย่างไรได้บ้างคะ
6.    และสุดท้าย ทั้งสองคดีนี้ จะถูกตัดสิ้นไปในทิศทางใด ทางฝ่ายเราจะได้ประโยชน์หรือเสียผลประโยชน์จากสองคดีนี้อย่างไรคะ

และสุดท้ายค่ะ  ร้อยเวร คนที่ไม่ยอมรับเรื่องแจ้งความของหลานชายในวันนั้น  ถูกให้ออกจากราชการ
ตามเนื้อหาข่าวที่ดิฉันก๊อปมา ดังนี้ค่ะ
ร.ต.อ.เรียกสินบนบิดสำนวนคดี ยื่นประกันตัว ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ขอให้การในชั้นศาลเท่านั้น
วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2561 - 13:58 น.

กรณี เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ปปท.) เจ้าหน้าที่ตำรวจจังหวัดลำปาง ร่วมกันวางแผนจับกุม ร.ต.อ.กิตติกานต์ ยาลังกา รอง สว.(สอบสวน) สภ.วังเหนือ อ.วังเหนือ จ.ลำปาง หลังจากผู้เสียหายร้องเรียนไปยัง ปปป. ว่านายตำรวจคนดังกล่าวเรียกรับเงิน 20,000 บาท แลกกับการแก้ไขสำนวนคดีลักทรัพย์คดีหนึ่ง เมื่อครั้งที่ ร.ต.อ.กิตติกานต์ ทำคดีลักทรัพย์ในท้องที่ สภ.เขลางค์นคร อ.เมืองลำปาง โดยเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวได้พร้อมเงินสด 20,000 บาท ที่วางแผนนัดกันส่งมอบ เมื่อวันที่ 15 ก.พ.61 ที่ผ่านมา
ความคืบหน้าวันที่ 16 ก.พ. พ.ต.อ.กฤษดา พันธ์เกษม ผกก.สภ.เมืองลำปาง เปิดเผยว่า หลังจากเจ้าหน้าที่จาก ปปป.และปปท. ร่วมกันจับกุมตัว ร.ต.อ.กิตติกานต์ ยาลังกา ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินดคีในข้อหา เจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ เจ้าพนักงานเรียกรับผลประโยชน์โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เบื้องต้นได้สอบปากคำผู้เสียหายแล้ว และสอบปากคำผู้ต้องหา ซึ่งให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และขอให้การในชั้นศาลเท่านั้น พร้อมกับได้ยื่นเงินสด 300,000 บาท ประกันตัวออกไปแล้ว สำหรับขั้นตอนต่อไปนั้น ทางพนักงานสอบสวนก็จะได้รวบรวมพยานหลักฐานพยานแวดล้อมต่างๆ พยานหลักฐานก็ต้องให้คู่ความไปต่อสู้คดีกัน เราได้พยายามรวมรวบพยานหลักฐานจากผู้เสียหายที่ร้องเรียน รวมไปถึงผู้เสียหายคดีลักทรัพย์ด้วยว่ามีการมาแจ้งความที่ สภ.เขลางค์นครจริงหรือไม่ และส่งเรื่องให้กับทาง ปปท. ภายใน 30 วัน เพื่อทำการสอบสวนต่อ เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีพนักงานของรัฐกระทำความผิดในชั้นที่ต่ำกว่าระดับ 8
ผกก.สภ.เมืองลำปาง กล่าวว่า เดิมนายตำรวจนายนี้ สังกัดอยู่ที่ สภ.วังเหนือ ถูกส่งตัวมาช่วยราชการที่ สภ.เขลางค์นคร ได้ประมาณ 4 เดือน ซึ่งเจ้าตัวขอกลับไปประจำ สภ.วังเหนือ ตามเดิมตั้งแต่ช่วงเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา แต่ช่วงที่เกิดเหตุนั้นผู้เสียหายร้องเรียน เป็นช่วงที่ ร.ต.อ.กิตติกานต์ ปฏิบัติหน้าที่พนักงานสอบสวนอยู่ที่ สภ.เขลางค์นคร ดังนั้นหลังจากมีการจับกุมแจ้งข้อกล่าวหา ทาง สภ.เมืองลำปาง ได้รายงานให้ทาง สภ.ต้นสังกัด คือ สภ.วังเหนือ ให้ทราบ และรายงานให้ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดลำปางทราบแล้วว่าตำรวจนายนี้ได้ถูกดำเนินคดี ส่วนเรื่องการดำเนินการด้านการปกครอง ทางผู้บังคับการจะมีมาตรการต่อไป

เนื้อหาข่าว เอามาจากเว็บอีกทีค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่